กรกฏาคม 2553

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
31
 
เที่ยวแสวงบุญกับ มณีกุลทัวร์ ตอนถวายเทียนพรรษา 9 วัด (1)


มณีกุลทัวร์ โดย อ.มณีกุล นาคะวิทย์ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติติดต่อกันมาหลายปีแล้วคือ การไปถวายเทียน(จำนำ)พรรษา เทศกาลเข้าพรรษา ตามภาคต่างๆภาคละ 9 วัด อาทิ พ.ศ. 2551 ถวายเทียน(จำนำ)พรรษา จำนวน 9 วัดที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และเลย พ.ศ. 2552 ถวายเทียน(จำนำ)พรรษา จำนวน 9 วัดที่ภาคใต้ (นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี และพัทลุง)
สำหรับปีนี้กำหนดไปถวายเทียน(จำนำ)พรรษา จำนวน 9 วัด ที่ภาคอิสาน (กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และขอนแก่น)

เที่ยวแสวงบุญกับ มณีกุลทัวร์ ตอนถวายเทียนพรรษา 9 วัด ที่อิสาน



ประวัติความเป็นมาของเทียนพรรษาพราหมณ์-ฮินดู นับถือวัวเพราะถือว่า วัวเป็นพาหนะของพระอิศวร เมื่อวัวตาย จะเอาไขจากวัวมาทำเป็นน้ำมันเพื่อจุดบูชาพระผู้เป็นเจ้าที่ตนเคารพ
แต่ชาวพุทธซึ่งนับถือศาสนาพุทธจะทำเทียนเพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัย โดยการเอารังผึ้งร้าง มาต้มเอาขี้ผึ้ง แล้วฟั่นเป็นเทียนเล่มเล็ก ๆ มีความยาวตามต้องการ เช่น ยาวเป็นคืบ หรือเป็น ศอกแล้วใช้จุดบูชาพระ
เทียนพรรษา เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ชาวพุทธจะยึดถือเป็นประเพณีนำเทียนไป ถวายพระภิกษุในเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อปรารถนาให้ตนเองเป็นผู้เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ ประดุจ แสงสว่างของดวงเทียน



วิวัฒนาการของเทียนพรรษา
เทียนพรรษา คือ เทียนขนาดใหญ่และยาวเป็นพิเศษกว่าเทียนชนิดอื่น สำหรับจุดใน โบสถ์ตั้งแต่วันเข้าพรรษาจนถึงวันออกพรรษา (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525)
การทำเทียนพรรษา มีวิวัฒนาการมาเป็นลำดับ จากการนำรังผึ้งมาต้มเอาขี้ผึ้งไปฟั่น เป็นเทียนนำไปถวายพระภิกษุ เอาเทียนเล่มเล็ก ๆ หลาย ๆ เล่ม มามัดรวมกันเป็นลำต้นคล้ายกับ ต้นกล้วย หรือลำไม้ไผ่ แล้วนำไปติดกับฐาน ซึ่งการมัดรวมกันแบบนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่นิยมเรียกว่า ต้นเทียน หรือต้นเทียนพรรษา

สำหรับข้อเขียนชุดนี้ผมจะแบ่งออกเป็นสองภาคนะครับ ภาคแรกที่จะเขียนให้ท่านอ่านต่อไปนี้ เป็นภาคการเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ภาคถวายเทียนจะต่อจากภาคนี้ และคำว่า "ผมและคณะ" และ "คณะเรา" นั้น หมายถึงผมและบุคคลอื่นๆที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันจำนวน 40 คน ซึ่งท่านอาจจะพบอยู่ในข้อเขียนชิ้นนี้จนจบ

ภาคการเที่ยว 4 จังหวัด



วันเสาร์ที่ 24 กรกฏาคม วันออกเดินทางวันแรก

รถทัวร์ขนาดใหญ่ทันสมัย "แก้วนิมิตร" ของคุณเอกชัย อ่างแก้ว ซึ่งคุณเอกชัยจะขับเองโดยเฉพาะให้กับ "มณีกุลทัวร์" ออกจากที่จอดรวมพล หน้าพระอุโบสถวัดนางนอง ถนนวุฒากาศ ตลาดพลู เวลาประมาณ 07.45 น.

รถทัวร์พาคณะเราลัดเลาะจากถนนวุฒากาศมาเข้าถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าไปสระบุรี และเข้าสู่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นประสู่ภาคอิสาน

ก่อนจะเดินทางต่อคณะเราแวะลงชมศูนย์สารสนเทศ "ลิปตะพัลลภ" หรือที่ชาวบ้านแถวนี้เรียกกันว่า "สวนน้าชาติ" หรือ พล.ต.ชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถึงแก่อสัญญกรรมไปแล้ว




คณะเราชมทัศนียภาพอันสวยงามของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนลำตะคอง

ก่อนจะขึ้นรถก็ถ่ายภาพกันซะหน่อย


จากนี้คณะเราก็มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดขอนแก่น เพื่อรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน "ลูกบัว"

อาหารกลางวันมื้อแรกที่มาเยือนอิสาน


หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว คณะเราก็เดินทางเข้าสู่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อสักการะพระธาตุนาดูน อ.นาดูน ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "พุทธมณฑลอิสาน" โดยขุดพบหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงความรุ่งเรือง อีกทั้งเคยเป็นที่ตั้งของ "นครจำปาศรี" สมัยทวารดี





รอบๆฐานองค์พระธาตุมีการนำเอาพระเครื่องที่ขุดพบมาติดประดับไว้


บรรดานักท่องเที่ยวสักการะองค์พระธาตุ


รอบๆองค์พระธาตุเป็นลานกว้างสวยงาม


ทัศนียภาพอันสวยงามรอบบริเวณองค์พระธาตุ


หลังจากที่คณะเราเที่ยวชมบริเวณองค์พระธาตุพอสมควรแก่เวลาแล้ว ก็เดินทางต่อ ไปชมพระเจดีย์หินทราย ณ วัดป่ากง จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ค่าก่อสร้างจำนวน 100 ล้านบาท โดย พระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรีมหาวีโร) โดยสร้างจำลองจากเจดีย์บุโรพุทโธ เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย คราวเมื่อท่านไปจำพรรษาที่อินโดนีเซีย จึงอยากสร้างเจดีย์ที่ยิ่ใหญ่แบบนั้นบ้าง เพื่อแสดงถึงความถาวรมั่นคงของพระพุทธศานาในประเทศไทย พระเจดีย์หินทรายมีการแกะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ทั้งภายนอกภายใน เจดีย์หินทรายนี้มีสามชั้น เรือนยอดพระเจดีย์ทำเป็นเศวตฉัตรด้วยทองคำแท้หนัก 101 บาท





เมื่อชมพระเจดีย์หินทรายพอสมควรแก่เวลาแล้ว ขณะนี้เป็นเวลา 17.30 น. จึงเดินทางเข้าที่พัก รร.ร้อยเอ็ดซิตี้ ร้อยเอ็ด



เมื่อทุกคนเช็คอินเข้าห้องพักแล้ว ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย


วันที่สอง (วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฏาคม 2553)

คณะเรามีสูตรที่รู้กันว่า 678 คืออะไร (ไม่ใช่เลขท้ายล็อตเตอรี่) 6 หมายถึงเวลาตื่นนอน 6 โมงเช้า 7 คือเวลาลงมารับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารโรงแรม 8 คือเวลาเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ

สถานที่แรกที่คณะเราเดินทางไปชมคือ บึงพลาญชัย สถานที่พักผ่อนหย่อนใจกลางใจเมืองของชาวร้อยเอ็ด






โหวต ดนตรีพื้นเมืองของชาวอิสาน


ออกจากบึงพลาญชัย คณะเราก็เดินทางไปนมัสการ พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี เป็นพระพุทธรูปปางประทาพรที่สูงที่สุดในประเทศไทย ณ วัดบูรพาภิราม



บริเวณด้านหน้าของพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี ทางวัดได้จัดทำสวนหย่อม และมีรูปปั้นเกี่ยวกับพุทธประวัติที่สวยงาม







จากนี้คณะเราเดินทางสู่ อ.หนองพอก ชมวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธ์วนาราม ซึ่งมีเนื้อที่ถึง 2500 ไร่ โดย มีพระอาจารย์ศรีมหาวีโร ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภายในบริเวณวัดมีพระมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นพระเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตกแต่งงดงามตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์เล็กทั้ง 8 ทิศ ภายในพระเจดีย์มีทางขึ้น 6 ชั้น





ซุ้มประตูทางเดินประมาณ 300 เมตรขึ้นไปชมพระมหาเจดีย์



คณะเราเที่ยวชมบริเวณรอบพระมหาเจดีย์พอสมควรแก่เวลาแล้ว ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี จึงเดินทางไปที่ บ้านเคียงผา ซึ่งเป็นร้านอาหารและรีสอร์ทด้วย

เมื่ออิ่มอร่อยกับอาหารมื้อกลางวันเรียบร้อย ก็เดินทางสู่ อ.สหัสขันธ์ กาฬสินธุ์ เพื่อชมพิพิธภัณฑ์สิริธร ซึ่งจัดแสดงโครงกระดูกของไดโนเสา ซึ่งเป็นแหล่งขุดค้นฟอสซิลไดโนเสาที่ใหญ่ของประเทศไทย

ข้อมูลบางส่วนจากเอกสารคู่มือนำเที่ยวของ มณีกุลทัวร์
รูปประกอบถ่ายด้วยมือถือ LG KM 900





Create Date : 28 กรกฎาคม 2553
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2559 20:28:44 น.
Counter : 2024 Pageviews.

3 comments
  
ว้าว กล้องมือถือตัวนี้ ถ่ายภาพได้ชัดจังค่ะ
จะมาติดตามตอนต่อไปนะคะ

โดย: นัทธ์ วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:12:30 น.
  
ขอบคุณครับ คุณนัทธ์ อย่างนี้สิถึงจะเป็นแฟนคลับตัวจริง กรุณาเข้ามาอ่านและประเดิมคอมเมนต์เป็นคนแรกเลย
โดย: หนุ่มร้อยปี (หนุ่มร้อยปี ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:13:08 น.
  
รถทัวร์คันนั้น คนขับสุดยอด ไม่เคยมีปัญหา เพราะโตมากับรถบัส ไม่เชื่อถามคนขับ/เจ้าของดู(คุณเอกชัย)
โดย: กล้วย IP: 113.53.160.240 วันที่: 31 พฤษภาคม 2555 เวลา:10:53:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนุ่มร้อยปี
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



บล็อกนี้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดย ชายไทยวัยสูงอายุ มีวัตถุประสงค์ในการบันทึกและนำเสนอเรื่องราวต่างๆแบบครอบจักรวาล อาทิ ภาพยนตร์ ดนตรี รายการทีวี หนังสือน่าอ่าน อาหารน่ากิน ท่องเที่ยว สะสมสิ่งของ ตำนานชีวิตบุคคลน่าสนใจ รู้ไว้ใช่ว่า จิปาถะ
ฯลฯ เป็นต้น คำขวัญประจำบล็อก ประสบการณ์ชีวิตที่ดีในอดีต คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน คำขวัญประจำตัวเจ้าของบล็อก "อายุเป็นเพียงตัวเลข" บรรณาธิการบริหารบล็อกคือ หนุ่มร้อยปี บล็อกนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย ท่านใดเห็นว่าข้อเขียนหรือภาพประกอบในบล็อกนี้มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้ แต่โปรดอ้างอิงชื่อบล็อกนี้ด้วย จักขอบคุณยิ่ง