ความยึดมั่นถือมั่น คือ บ่อเกิดแห่งทุกข์
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
กาละ ตอนที่ 18

.-“กาละ เป็นเด็กที่น่าสงสารมาก ตั้งแต่เธอเกิดมาร่างกายก็ไม่แข็งแรงมาตลอด เดี๋ยวเป็นโน่น เป็นนี่ ตอนเรียนก็ขาดเรียนบ่อยๆเพราะ ป่วยบ่อยบางครั้งต้องหยุดเรียนหลายเดือน

หลังจากจบจากมัธยมปลายก็ไม่ค่อยมีอาการอะไร เธอดูแข็งแรงเป็นปกติดี จนมาถึงตอนจบมหาวิทยาลัยเธอสอบเข้าทำงาน ที่สายการบินแห่งหนึ่งได้ เธอดีใจมาก แต่แล้วนับจากนั้นไม่ถึง 1 เดือน เธอก็ต้องตัดใจลาออกเพราะ สุขภาพเริ่มแย่มาก เริ่มมาหาหมออีกครั้งทำการรักษาอย่างจริงจัง คิดว่าซักวันเธอจะหายสนิทจากโรคนี้ได้”


“แต่แล้ว คุณหมอเองก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ ทราบแต่ว่าต้องรักษาไปตามอาการ แต่ไม่นานมานี้ คุณหมอได้ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายที่ก้านสมอง และ เธอก็ปวดหัวบ่อยมากขึ้น

จนบางครั้งมีลิ่มเลือดออกมาทางจมูก จากการสรุปเท่าที่จะทำได้ของคุณหมอคาดว่า กาละ จะอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 เดือน อย่างช้า แต่นั่นคืออย่างช้าที่สุด แต่จริงๆ แล้วเธอสามารถไปจากแม่ได้ตลอดเวลา ตั้งแต่กาละเด็กๆเธอชอบถามแม่ว่า

จะมีผู้ชายซักคนไหมค่ะ ที่จะรักหนูได้เท่า กับคุณพ่อ เธออยากพบคุณพ่อของเธอมากเธออาภัพ มาตั้งแต่เกิด แม่พยายามเป็นทั้ง พ่อ และ แม่ในคนเดียวกัน แต่ เธอก็มักจะร้องไห้หาพ่อเธออยู่บ่อยๆ”


“กาละเคยเล่าให้แม่ฟังว่า เธอฝันเห็นพ่อเธอบ่อยๆ พ่อบอกเธอว่า พ่อจะมาหากาละเมื่อเวลานั้นมาถึง พ่อสัญญาว่าพ่อจะรักกาละคนเดียวไปตลอดชีวิต เธอชอบเอารูปพ่อเธอตอนที่ท่านยังเป็นหนุ่มๆมาดูตลอดเวลา และเธอก็มักวางรูปพ่อของเธอไว้บนหมอนนอนทุกคืน

ก็เลยฝังใจว่าพ่อต้องมาหาเธอซักวัน....เมื่อแม่เห็น นนท์ครั้งแรก แม่ก็ตกใจเหมือนกันว่าทำไม นนท์หน้าถึงได้คล้ายกับคุณพ่อของกาละ ได้ขนาดนี้นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่กาละ คิดว่า นนท์คือพ่อของเธอที่ กลับมาหาเธอ พ่อของกาละเสียไปได้ 27 ปีแล้ว ก่อนที่กาละจะเกิดเกือบครึ่งปี แต่โชคดีที่บ้านเราไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน เพราะพ่อของกาละทิ้งมรดกไว้มากมาย ใช้จ่ายไปได้ตลอดชีวิต แล้วตอนนี้นนท์ อายุเท่าไหร่แล้ว”


“ปีนี้ผมก็ 27 แล้วครับ...ครั้งแรกที่ผมเจอกาละ ผมรู้สึกถูกชะตากับเธอมากเหมือนว่าเคยได้พบเจอกันมานานแสนนาน แต่ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ ผมว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ครับ ผมว่าทุกอย่างที่มันเกิด เป็นเพราะความบังเอิญมากกว่าครับ”


“แม่ก็ไม่รู้จะอธิบายให้ นนท์ฟังยังไง แต่เชื่อแม่เถอะ นนท์อาจจะเกิดมาเพื่อรักษาสัญญาที่มีต่อ กาละ ก็ได้”


ผมชักเริ่ม สงสัย และ ลังเลใจตัวเองว่า เรื่องแบบนี้มันจะเป็นไปได้ยังไง เรื่องสัญญา การกลับชาติมาเกิด วิญญาณ มันเป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ


“คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ เอาเป็นว่าขอให้เรื่องนี้เรารู้กัน สองคนนะครับผมไม่อยากให้กาละรู้ว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”


“แม่ขอบคุณ นนท์มากนะที่ รักและเป็นห่วง น้องมากขนาดนี้”

“คุณแม่กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับผมจะเฝ้ากาละเองครับ...ถ้ามีอะไรผมจะโทรไปหาคุณแม่ครับ ตอนเช้าคุณแม่จะได้มาเปลี่ยนกับผมนะครับ”


“ถ้าอย่างนั้นแม่ฝากน้องด้วยนะ เดี๋ยวแม่กลับ แท็กซี่เองไม่ต้องไปส่งหรอก”

“ครับ กลับดีๆนะครับ ถึงบ้านแล้วคุณแม่โทรหาผมด้วยนะครับ”

“สวัสดีครับ...”

เวลาตอนนี้มันเหมือนว่าโลกทั้งโลกมีแค่ผมกับ ผู้หญิงคนที่ผมรักมากที่สุด แต่เธอยังไม่รู้สึกตัวเลย ผมมองหน้าเธอ แล้วอยู่ดีๆน้ำตามันก็ค่อยๆซึม ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมจะทำยังไงดีเมื่อเวลาที่เธอต้องจากผมไปจริงๆ ชีวิตผมคงจะหยุดเดินเหมือนกับคุณลุงของผมรึเปล่า


ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของลุงผมแล้วว่า ท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อคนที่ท่านรักมากที่สุดได้หายไปจากชีวิตท่าน และผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านถึงดีใจมากตอนที่ท่านกำลังจะสิ้นลม แต่ผมไม่รู้ว่าท่านจะได้พบกับ ผู้หญิงที่ท่านรอคอยมานานแสนนานรึเปล่า


ผมเอื้อมมือของผมไปจับมือของกาละทำไมมือเธอช่างเย็นเหลือเกิน ผมอยากจะกอดเธอไว้ที่ข้างกายผมเหลือเกิน แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่รู้สายยางอะไรทำไมมันถึงได้มากมาย มันเหมือนเป็นพันธนาการ ที่รัดตรึงร่างกายของเธอให้นอนอยู่ไม่ให้ไปไหน ไม่ไห้มีโอกาสได้สัมผัสกับโลกภายนอกอีกต่อไป...

เวลาผ่านไปซักพักใหญ่

คุณแม่โทรมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว ท่านถามว่าน้องเป็นไงบ้าง ผมเงียบไปพักหนึ่ง เสียงผมเริ่มสั่น น้ำตายังไหลเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันพูดไม่ออก เสียงที่อยากจะให้มันออกมามันไม่ทำตามคำสั่งของผมเอาซะเลย แล้วผมก็ตัดสายไป ผมคิดว่าท่านคงเข้าใจ


ผมร้องให้ แล้วก็ร้องให้ ผมไม่อยากมองหน้าเธอ ผมไม่อยากอยู่ในห้องนี้แล้ว ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มันเป็นสภาพเดียวกับตอนที่ผมพากาละไปดูหนังแล้วเธอร้องให้ไม่ยอมหยุด ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงร้องเอาเป็นเอาตายซะขนาดนั้น

แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่ามันเป็นยังไง...ผมนั่งมองหน้าเธอทั้งคืนโดย ไม่มีความรู้สึกง่วงนอน หรือ หิว หรืออะไรทั้งสิ้น...ใจนึกเพียงอย่างเดียวว่าเมื่อไหร่เธอจะฟื้นตื่นขึ้นมาคุยกับผม


ณ เวลา ตี 4 เศษๆ

หมอ และพยาบาลเข้ามา แล้วก็มาดูอาการ หมอสั่งพยาบาลว่า ตอนเช้าให้เอาพวกอุปกรณ์ และสายต่างๆออกได้แล้ว ผมไม่รู้มันคืออะไรบ้าง รู้แต่ว่าเริ่มจะมีความหวังที่ผมจะได้พูดคุยกับเธออีกครั้ง แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้ว หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ออกไปกันหมด

จนมาถึงเวลา 8 โมงเช้า ...

ผมตกใจตื่นขึ้นมา ผมหมอบหลับไปที่ข้างๆตัวเธอ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอหลับไปตอนไหน

เมื่อผมเหลือบตาขึ้นมา ภาพแรกที่ผมเห็น คือใบหน้าของเธอ รอยยิ้มของเธอ แล้วก็ร่องรอยน้ำตาบนหมอนของเธอ มันทำให้ผมอยากร้องให้ แต่ไม่ใช่เพราะเสียใจ มันกลับกันตรงข้ามมากว่า

“กาละเป็นไงบ้างครับ...”

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ นนท์อยู่กับกาละทั้งคืนเลยเหรอค่ะ”

“ครับ ผมเป็นห่วงกาละมากเลยครับ”

“นนท์ รู้เรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหมค่ะ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ...”

“คุณแม่ยังไม่ได้บอกนนท์เหรอค่ะ”

“เปล่าครับ ท่านไม่ได้พูดอะไรเลย กาละมีอะไรรึเปล่าครับ”

“กาละดีใจค่ะ ที่นนท์มีความรู้สึกดีๆ ให้กับกาละ กาละขอโทษนะค่ะที่ทำให้ตกใจ แล้วง่วงนอนรึเปล่าค่ะ หิวข้าวไหม ถ้าง่วงนอนก็นอนได้นะค่ะ กาละไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

“แค่ผมเห็น กาละไม่เป็นไรผมก็รู้สึกสบายใจมากแล้วครับ”

“กาละผมมีอะไรจะบอก คุณ...”

“อะไรเหรอค่ะ”

“คือว่าผมๆๆ...”

เสียงคุณแม่เดินเข้ามาพอดี ตื่นแล้วเหรอเจ้าหญิงของแม่ สบายดีแล้วยัง เดี๋ยววันแต่งงานก็ดูไม่สวยหรอก เมื่อกี้แม่คุยกับคุณหมอแล้ว หมอบอกว่าบ่ายๆ ก็กลับบ้านได้แล้วหละ แล้ว นนท์ทานอะไรยัง แม่ทำอาหารเช้ามาให้เพราะรู้ว่าต้องหิวแน่ๆ

“ขอบคุณครับ ผมกำลังหิวพอดีเลย ขอกินก่อนแล้วกันนะ”

และแล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมขับรถไปส่งกาละ กับคุณแม่ที่บ้าน...แล้วก็นั่งเล่นอยู่ที่บ้านกาละจนถึงดึก คุณแม่ชวนผมนอนค้างที่บ้าน ผมบอกไปว่าพรุ่งนี้ผมต้องทำงานครับ...
(แต่ใจก็อยากอยู่ใกล้ๆ กับกาละ)

ตอนที่ผมอยู่ที่บ้าน กาละ ผมได้ดูอัลบั้มรูปคุณพ่อของกาละ ผมถึงกับหน้าชาไปสักพัก แล้วก็เพ่งดูอยู่นาน ทำไมหน้าถึงได้เหมือนเราจริงๆ ไม่ว่าจะหน้าตา ผิวพรรณ รูปร่าง และที่สำคัญ วันที่ท่านเสียชีวิต คือวันที่ผมเกิดพอดี ทำไมอะไรมันถึงได้บังเอิญไปเสียทุกอย่าง

แล้วที่ผมยังติดตาอยู่ก็คือ ทำไมรูปตอน กาละเด็กๆ หน้าเธอคล้ายๆกับเด็กที่ผมเจอที่คอนโด วันนี้ผมไม่อยากกลับไปที่คอนโดเลย กลัวเจอเด็กคนนั้น กลัวสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่ามันมีจริงหรือเป็นไปได้ในโลกยุคสมัยนี้ ยิ่งถ้าผมไปเล่าเรื่องนี้ให้ที่ ออฟฟิตฟัง มันต้องขำกลิ้งแน่ๆแถมจะมองเราว่า บ้าอีกต่างหาก เรื่องแบบนี้จะไปคุยกับใครๆ เขาจะเชื่อเรา

ณ เวลา ห้าทุ่มเศษๆ

ผมเดินเข้าไปหากาละ แล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างของผม ค่อยๆกอดเธอไว้ในอ้อมกอดของผม แล้วบอกกับเธอว่า

“ผมจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับกาละ และเรา 2 คนจะไม่พรากจากกันอีกต่อไป”

เธอพูดเบาๆที่ข้างหูผมว่า

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นนท์อย่าเสียใจนะค่ะ ขอให้จำไว้ว่ากาละจะกลับมาหา นนท์”

ผมรู้สึกได้เลยว่า เธอคงมีเวลาอีกไม่นานเท่าไหร่แล้ว ส่วนผมถ้าเธอจากไปจริงๆ เวลาของผมมันคงหายไปพร้อมกับเธอ...ผมลาเธอและ คุณแม่ เพื่อที่จะกลับไปที่คอนโด ทั้งๆที่ใจมันไม่อยากไปไหนไกลจาก เธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว

ระหว่างขับรถกลับมาที่คอนโด ผมก็นึกถึงเรื่องของ การกลับชาติมาเกิด เรื่องของพันธะสัญญา เรื่องกาลเวลาที่มันไม่มีกฎแน่นอนตายตัวเหมือนที่ผมเคยรับรู้มาเลย และอีกเรื่องคือ ถ้าวันนี้ผมเจอเด็กคนนั้นอีก ผมจะวิ่ง หรือจะคุยดี กลัวก็กลัว อยากรู้ก็อยากรู้ ทำไงดีวะ...

ผมมาถึงที่ คอนโด ตอนเที่ยงคืนครึ่งโดยประมาณ

วันนี้โชคดีมีคนขึ้นลิฟท์ 3 คน แต่พอมาถึงชั้น 5 หายไปกันหมดแล้ว เออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ และแล้ว ลิฟท์ มันก็ไม่ยอมจอดชั้น 7 มันทำไมไป ชั้น 11 เลยวะ

อ้าวเราลืมกดชั้น 7 ได้ยังไงวะ เสียงลิฟท์เปิดออกมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา แล้วกดชั้น 7...ทำไมคนนี้ไม่เคยเห็นหน้าเลย แต่หน้าคุ้นๆนะ...

“น้องครับ...เพิ่งมาอยู่ใหม่เหรอครับ”

เธอไม่ยอมตอบ แต่หันหน้ามา...

“จ๊าก...ป้าหยิก มาทำอะไรบนนี้หละป้า แล้ว โอ้โห...อะไรเข้าสิงถึงไปทำผมซะวัยรุ่นเลยนะป้า ผมก็นึกว่ามีสาวมาอยู่ใหม่”

“ป้าไม่ได้ขายข้าววันนี้ นี่จะไปเก็บค่าหวยไอ้คนที่มันพักชั้นเดียวกับแก ติดมาหลายเดือนแล้วยังไม่ยอมจ่ายอีก แล้วผมทรงนี้สวยปะ สาวขึ้นทันตาเลยใช่มะ”

“สวยรึเปล่านี่ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ผมหัวใจแทบวาย ป้าก็ลองคิดเอาเองแล้วกันนะ”

เฮ้อ...เจอผีเด็กยังไม่น่ากลัวเท่ากับเจอผีโบราณเลยจริงๆ

ตี๊ดๆๆตี๊ดๆๆ... กาละโทรมา

“สวัสดีครับ กาละ ยังไม่นอนอีกเหรอ คิดถึงผมรึเปล่าครับ...เรื่องงานเหรอครับไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเลื่อนถ่ายไปอีก 2 วันก็แล้วกันครับไว้รอกาละแข็งแรงกว่านี้ เราค่อยถ่ายก็ได้ครับ...

ไม่ว่าหรอกครับ สบายใจได้ครับ เอ๋อ...คือผมอยากจะขออะไรอย่างได้ไหมครับ คือผมอยากจะให้จัดงานแต่งงานให้เร็วกว่านี้ครับ ผมอยากอยู่ใกล้ๆกาละมากกว่านี้ครับ แล้วก็จะได้มีลูกให้คุณแม่ เร็วๆด้วยไงไม่ดีเหรอ....”

หลังจากวันนั้นผมคุยโทรศัพท์กับเธอทุกคืน จนบางครั้งผมหลับคาโทรศัพท์ไปเลย ผมรู้เพียงแต่ว่าเวลาของเรา 2 คนมันช่างเหลือน้อยลงเข้ามาทุกที เวลาที่ผมอยู่ต่อหน้าเธอผมจะไม่แสดงความเศร้าให้เธอเห็นเลยแม้นแต่น้อย

ผมไม่อยากให้เธอ กังวลใจ หรือ เศร้าใจไปมากกว่านี้ ผมขอเก็บความเศร้าไว้กับตัวของผมเองดีกว่า วันและเวลามันช่างมีค่าซะเหลือเกิน เมื่อเรารู้ว่ามันกำลังเหลือน้อยลงทุกที

เช้าวันใหม่นี้ผมตื่นตั้งแต่ ตี 4 ผมนอนไม่ค่อยหลับเลยตั้งแต่วันที่ผมรู้เรื่องของ กาละ ผมกลัวจะไม่ได้พบหน้าเธออีก

บางครั้งผมคิดว่าผมไม่อยากไปไหนเลย ไม่อยากไปทำงาน อยากอยู่กับ กาละให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

บางครั้งคนเราต้องเลือก ระหว่าง งาน เงิน ชื่อเสียง กับ คนที่เรารักมากที่สุด ว่าจะให้ความสำคัญต่อสิ่งไหนมากที่สุด แต่ถ้าผมไม่ทำงาน

ผมก็ไม่มีเงินมาครองชีพตัวเอง แต่เวลาส่วนใหญ่ของผมก็ต้องหมดไปกับงาน ทั้งๆที่ผมมีเวลาทำงานอีกนาน แต่เวลาที่จะได้อยู่กับ คนที่ผมรักมันจะเหลืออีกซักเท่าไหร่กัน...

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผมก็ทำงานไปแบบวันๆ รอเพียงแค่เวลาที่เลิกงาน ผมก็จะรีบไปพบคนที่ผมรักมากที่สุด มันเหมือนผมโดน ผู้คุมขังจับตัวผมไปนั่งอยู่ในห้องแคบๆ หายใจไม่ค่อยออก อึดอัด และก็นั่งรออยู่แบบนั้น

พอถึงเวลาเขาก็จะมาปลดกุญแจให้ผมได้ออกไปเป็นตัวของตัวเอง เป็นอิสระจากห้องแคบๆ เพื่อไปหาสถานที่ๆ มีความสุข สดชื่น และ สบายใจ


วันเวลาช่างผ่านพ้นไปเร็วซะเหลือเกิน จนในที่สุดก็ใกล้จะถึงวันที่ผมกับกาละ จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปซะที เหลือเวลาอีก 5 วันจะเป็นวันแต่งงานของผมกับ กาละแล้ว ระยะหลังกาละดูมีความสุขมาก เธอไม่มีวี่แววของคนที่มีโรคร้ายเลย

และแล้ว วันที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้ มันเป็นวันที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีก จนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า เจ้าตัวโชคชะตามันช่างโหดร้ายได้เหลือคณานับ

ตอนนี้อัพยาวเลยครับ...แล้วรออ่านต่อนะครับ....




Create Date : 26 ธันวาคม 2552
Last Update : 29 ธันวาคม 2552 0:03:47 น. 3 comments
Counter : 348 Pageviews.

 
ที่คุณนุ่มถามว่า ผมทานเหล้ารึเปล่า

ผมไม่ทานเหล้าครับ ไม่สูบบุหรี่หรือ ยาเสพติดใดๆทั้งสิ้นครับ

และไม่สนใจว่าใครจะคบหาหรือไม่ ถ้าเป็นเพราะเรื่อง ผมไม่ทานเหล้า....

เพราะ...ผมเคยเจอลูกค้า บังคับให้ทานเหล้า พอผมไม่ทานเขาก็ บอกว่างั้นก็ไม่จ้างงานนะ เพราะเขาอยากหาเพื่อนทานเหล้า

ผมก็เลยบอกไปว่า ผมคงไม่สามารถทำงานให้ได้แล้ว ลานะครับ

ลูกค้าก็ทำท่าทางไม่พอใจครับ แต่นั่นคือเขาไม่พอใจเรา
แต่เราไม่ได้ไม่พอใจเขา แค่เขาไม่เข้าใจความหมายที่เรากระทำ

และเราไม่สามารถกระทำตามความหมายของเขาได้ เท่านั้นเองเนอะ

เฮ้อ....บ่นซะยาวเชียว แค่เรื่องทานเหล้า....

...........และที่สำคัญ....มันผิดศีลนะ............



โดย: ผัสสะ วันที่: 27 ธันวาคม 2552 เวลา:0:14:15 น.  

 
อ่านแล้วเศร้าจัง.....

น่าสงสาร.....คุณผัสสะใจร้ายยยย


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 27 ธันวาคม 2552 เวลา:13:26:43 น.  

 
ครับ ผมใจร้ายครับ...อิอิ.........


โดย: ผัสสะ วันที่: 27 ธันวาคม 2552 เวลา:14:10:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผัสสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สิ่งที่รู้ รู้อะไร รู้ในสิ่งจริง หรือ สิ่งลวง หรือ ลวงในสิ่งจริง

คิด คิด ...คิด แล้ว จะ รู้ หรือ รู้ เพราะ ไม่คิด

".. ผัสสะ
Friends' blogs
[Add ผัสสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.