ความยึดมั่นถือมั่น คือ บ่อเกิดแห่งทุกข์
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
24 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

กาละ ตอนที่ 15

ตอนนั้น กาละตกใจมากและ รู้สึกว่า กาละจะไม่เหลือใครอีกแล้ว คุณแม่กำลังจะไปอยู่กับ คุณพ่อ แล้วทิ้งให้กาละอยู่บนโลกเหงาๆ ใบนี้คนเดียว

ความคิดตอนนั้นบอกตัวเองว่า ไม่จริง ไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ ท่านยังแข็งแรงดูปรกติมาก คุณหมอต้องผิดพลาดอะไรแน่ๆ แต่คุณหมอก็ยืนยันว่า เคยบอกเรื่องนี้กับคุณแม่ไปแล้ว”

ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่กาละ เล่ามาให้ผมฟังมันเป็นจริงขนาดไหน แต่สีหน้าเธอดูเศร้ามากขึ้นกว่าเดิม เหมือนมีอะไรในใจที่มากกว่านี้ แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้

“กาละ บอกกับคุณหมอไปว่า อย่าบอกกับคุณแม่นะค่ะว่า กาละรู้เรื่องนี้แล้ว ขอให้ทุกอย่างเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ใจหนึ่งก็ไม่เชื่อหมอ แต่อีกใจก็รู้สึกเจ็บเข้าไปข้างใน มันหายใจไม่ออก รู้สึกชีวิตจะดับวูบ เหมือนมีใครมาพรากของรักไปจากเรา

อยากจะร้องให้แต่มันร้องไม่ออก วันที่กาละขับรถชนรถนนท์ ก็คือวันที่ นกกำลังจะขับไปรับคุณแม่กลับมาบ้าน ใจก็คิดแต่ว่าจะทำหน้ายังไงดีให้คุณแม่ไม่รู้สึกผิดสังเกต กาละไม่อยากให้แม่รู้ ไม่อยากให้ท่านกังวล หรือเศร้าใจ”

“จริงๆแล้ว กาละไม่ได้อยากได้เงินค่าซ่อมรถจากคุณนนท์หรอกนะ แค่เวลานั้น กาละไม่มีใครจริงๆ กาละเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน กาละเคยทะเลาะกับเพื่อนเรื่องแย่งผู้ชาย

คือ กาละไม่ได้ไปแย่งกับใครเขา แต่แฟนเพื่อนเขามาชอบกาละเอง และกาละก็พยายามหนีและไม่สนใจ แต่ทุกอย่างมันไม่เป็นอย่างที่คิด เพื่อนทุกคนคิดว่ากาละแย่งแฟนเพื่อน กาละก็เลยไม่ค่อยมีใครเข้ามาคุยเท่าไหร่”

“แล้ว กาละไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยเหรอครับ...”
ในใจ...สวยซะขนาดนี้ ไม่น่ารอดนะนี่

“เคยค่ะ แต่ไปกันไม่ถึงไหนค่ะ เพราะเขาเป็นคนเจ้าชู้มาก กาละต้องคอยตามเขาตลอดเวลา ไหนจะต้องคอยกันเขาจากผู้หญิงคนอื่น ไหนจะต้องควบคุมความประพฤติเขาที่ไม่ค่อยให้เกรียติผู้หญิง ยอมรับเลยค่ะว่าเหนื่อยมาก ทะเลาะกันทุกวัน จนในที่สุดกาละคิดว่ากาละไม่ไหวแล้วก็เลยขอเลิกกับเขา”

“แล้วไม่เสียใจเหรอครับ”

“ถ้าถามความรู้สึกตอนนั้น กาละเสียใจมากค่ะ แต่เขากับไม่รู้สึกอะไรเลยซะด้วยซ้ำไป หลังจากเลิกกัน กาละรู้สึกมีความสุขมากขึ้น และก็มีเวลาอยู่กับแม่มากขึ้นค่ะ ก็เลยไม่คิดจะมีใครอีก”

“แล้วตอนนี้เริ่มคิดจะมีใครบ้างไหมครับ...”

“ทำไมเหรอค่ะ...”

“อ๋อ...เปล่าครับผมก็ถามไปอย่างนั้นเองครับ ว่าแต่แล้วถ้า กาละไม่คิดจะได้ค่าซ่อมรถแล้วมาทวงเงินผมทำไมหละครับ”

“คุณแม่ ท่านเคยบอกกับกาละ บ่อยมากว่าอยากเห็นกาละ มีคู่ครองที่ดี รักกาละมากๆ แต่ตอนนั้นกาละก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมท่านพูดแต่เรื่องนี้ จนมาถึงตอนที่กาละรู้ว่าคุณแม่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ก็คิดว่าท่านคงเป็นห่วงอยากให้มีใครมารับช่วงคอยดูแลกาละ ต่อจากท่าน”

“กาละ ก็อยากจะให้นนท์ ช่วยแกล้งแสดงว่าเป็นคนที่รักกาละมากๆ เพื่อที่เมื่อถึงเวลาที่ท่านต้องจากไปจริงๆ ท่านจะได้ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง หรือกังวล กาละต้องขอความช่วยเหลือจาก คุณนนท์ คิดซะว่าช่วยคนที่กำลังจะจากโลกใบนี้ไป ให้ได้มีแต่ความสุข สบายใจครั้งสุดท้าย ด้วยนะค่ะ”
“ผมเข้าใจแล้วครับ...”

ในใจ...จริงๆแล้ว อยากจะบอกเธอว่า เราก็มีความรู้สึกอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่การแสดงเท่านั้น แต่ใจเธอจะคิดกับผม มากน้อยเท่าไหร่ไม่อาจจะรู้ได้

“กาละ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะช่วยทุกอย่างด้วยความเต็มใจครับ”
“ขอบคุณ นนท์มากนะค่ะที่เข้าใจ”

หลังจากทานอาหารค่ำไปได้ไม่ถึง 10 นาที ก็มีเสียงโทรศัพท์ ของกาละดังขึ้น เสียงแรกที่ผมได้ยินคือ กาละ พูดว่า

“พี่ชาย”

สีหน้าเธอแสดงออกถึงความดีใจอย่างมาก เธอยิ้มตลอดเวลา เธอเดินลุกออกจากที่นั่งทานอาหาร เพื่อเดินไปหามุมสงบในการคุยโทรศัพท์ และหายไปพักใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่าคนที่โทรมานั้นเป็นพี่ชายเธอ หรือเพื่อน และอาจจะเป็นไปได้ที่อาจจะเป็นแฟนเธอก็ได้

เธอเดินกลับมานั่งที่เดิม ท่าทางเธอดีใจและ อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่กล้าจะถามเธอว่าใครโทรมา เพราะผมกับเธอ จริงๆแล้วก็แค่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน มันอาจจะเป็นการไม่เหมาะสมในการที่จะไปวุ่นวายเรื่องส่วนตัว แต่ในใจมันก็รู้สึกกังวล และไม่สบายใจ ไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน

หลังจากรับประทานดินเนอร์ อันแสนหวานชื่น แต่ ขมขื่นเรื่องค่าอาหาร(นี่ขนาดร้านไม่แพงมากนะ 1,200 บาท มันลอยหายไปในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง...)

ผมรู้สึกสงสารทั้งคุณแม่ของกาละ และตัวกาละเอง ผมเคยคิดว่าถ้ามีเงินมากขนาดเธอ มีทุกอย่างเหมือนเธอชีวิตมันคงมีแต่ความสุขสบาย ไม่น่าจะมีเรื่องให้ทุกข์ใจ แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบที่ผมคิดเลย

แล้วผมก็ไปส่ง กาละที่บ้าน วันนี้ช่างมีความสุขซะเหลือเกิน ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบผู้หญิงที่สวยทั้งรูปร่าง หน้าตา และจิตใจ แถมยังมีฐานะที่ดีมาก เข้ามาในชีวิตผม

ในขณะที่เมื่อก่อน ชีวิตผมไม่เคยมีค่ามากเท่ากับตอนนี้เลย ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาสนใจผม

เพราะชีวิตในเมืองที่ผมอาศัยอยู่นั้น สิ่งที่ผมเห็นคือแต่ละคนจะคบหากัน หรือจะคบใครสักคนที่เป็นคนพิเศษ พวกเขาก็จะดูกันที่วัตถุภายนอกเป็นหลัก

เพราะมันสามารถตีคุณค่าของคนได้ในสายตาของพวกเขา ทุกคนคอยแต่แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น โดยไม่สนใจใคร หรือแม้แต่ชีวิตตัวเองก็ยังไม่เคยสนใจเลย ว่ามันต้องการอะไรกันแน่

สำหรับผม เงินก็แค่ใช้เพื่อดำรงชีพเท่านั้น ไม่เคยหวังร่ำรวยอะไรกับใครเขา แต่สิ่งที่ผมหวังไว้ที่สุดของชีวิตผม ก็คือใครสักคนที่เข้าใจผม และรักผมไปตลอดจนสิ้นลมหายใจ

หลังจากที่เรา 2 คนพูดคุยกันนานพอสมควรแล้ว ผมก็ไปส่งเธอที่บ้าน ระหว่างที่ผมขับรถอยู่นั้น ผมก็ได้มองที่ใบหน้าของเธอ เป็นระยะๆ สีหน้าเธอดูเศร้าหมองมาก

ผมไม่รู้ว่าเธอมีเรื่องที่หนักใจ กี่เรื่องกันแน่ ผมอยากจะช่วยแบ่งเบาเรื่องทุกข์ใจ มาจากเธอบ้างแต่ผมก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง คงต้องให้เวลาค่อยๆ รักษาแผลในใจของเธอไปทีละเล็ก ทีละน้อย...

หลังจากที่ผมส่งเธอที่บ้านแล้ว ผมก็ขับรถกลับมาที่คอนโด ในระหว่างทางผมก็ยังค้างคาใจเรื่องของคนที่โทรมาหาเธอ แต่เธอดูเศร้าซะขนาดนี้มันจะเหมาะแล้วหรือที่จะถามเธอ ผมจึงพยายามไม่คิดมาก เพราะคนเราก็ต้องมีเพื่อนบ้างเป็นธรรมดา

ณ เวลา 4 ทุ่ม เศษๆ

ผมก็มาถึงคอนโด ที่นับวันมันก็ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นทุกวัน แต่วันนี้ผมไม่รู้สึกกลัวผีเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะว่าผมมี กาละคอยอยู่เคียงข้างผมอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณมีใครซักคนที่คุณรู้สึกดีๆ กับเขา และเขารู้ก็สึกดีๆ กับคุณ ชีวิตคุณก็จะไม่เหงาอีกต่อไป

คืนนี้ ผมขึ้นลิฟท์ ได้อย่างสบายๆ โดยไม่คิดหรือ กลัวอะไรเลย ทั้งๆที่ เมื่อก่อนผมก็ขึ้นลิฟท์คนเดียวบ่อยๆไป จนมาถึงหน้าประตูห้อง ผมก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องอะไร เพราะมัวแต่คิดเรื่องของกาละอยู่ แล้วจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเด็กเรียก

“พ่อๆ....”

“อ้าว...หนูดึกป่านนี้แล้วมาทำไรบนตึก แล้วพ่อ แม่ หละ หนูชื่ออะไรครับ...”

“พ่อๆ หนูมาตามหาพ่อค่ะ”

“แล้ว พ่อหนูอยู่ที่ไหนหละ...”

“หนูๆๆ เดี๋ยวสิ จะวิ่งไปไหน...”

เฮ้อ...ทำไมวิ่งเร็วอย่างนี้วะ วิ่งตามซะเหนื่อยเลย ลูกใครวะ แล้วทำไม พ่อ แม่ มันไม่ดูลูกเลยวะ แล้วใครคือพ่อ ของเด็กวะ คิดแล้วปวดหัว

ไอ้คนเรานี่มันก็แปลก ตอนจะมีไม่คิด พอมีแล้วดันไม่เลี้ยง ปล่อยให้ลูกตัวเองเดินตามหาพ่อได้ไง คิดแล้วก็น่าสงสารเด็ก คนเรายิ่งโตยิ่งเห็นแก่ตัวจริงๆ

แต่....! เดี๋ยว...! เด็กคนตะกี้...! ทำไมหน้าคล้ายๆ กับที่เจอวันนั้นวะนี่…ไม่คิด ต้อง ไม่คิด ไม่ฟุ้งซ่าน อย่าๆ อย่าคิดเชียวนะ

เฮ้อ...วันนี้ว่าจะหลับให้สงบๆ ซะหน่อย ทำไมน้อชีวิตเราต้องมาเจออะไรแปลกๆ ด้วยวะ

คิดแล้วขนลุก + ล่วง

เมื่อผมเปิดประตูห้อง ผมเดินเข้าไปเปิดไฟ สิ่งที่ผมเห็นก็คือ เตียงนอนอันแสนจะอบอุ่น แต่คืนนี้จะนอนหลับได้อย่างไร ในเมื่อเรื่องของเด็กคนนั้นยังอยู่ในหัวของผมอยู่เลย

ผมไม่เคยเชื่อเรื่องวิญญาณ หรืออะไรที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าถ้าไม่เชื่อแล้วทำไมจะต้องกลัวด้วย

คืนนี้นอนไม่หลับจริงๆเลย ลองโทรไปหากาละน่าจะดี เผื่อเธอยังไม่หลับ...

“สวัสดีครับกาละ นะครับ นอนแล้วยังครับ...ผมโทรมารบกวนรึเปล่า”

“ไม่รบกวนหรอกค่ะ พอดีกาละนอนไม่ค่อยหลับค่ะ”

“มีเรื่องอะไรให้คิดมากเหรอครับ”

“ก็มีเรื่องแม่นั่นแหละค่ะ”

จริงๆ แล้วจุดประสงค์สำคัญของผมที่โทรมาหาเธอ ก็เพราะว่าผมอยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใครกันแน่ แต่ว่าผมจะเริ่มถามยังไงดีนะ

“กาละมีพี่น้องบ้างรึเปล่าครับ”

“ไม่มีค่ะ กาละเป็นลูกคนเดียว...นนท์ถามทำไมเหรอค่ะ...มีอะไรสงสัยรึเปล่าค่ะ”

“คือผมนึกว่ามีพี่ชาย เห็นกาละเรียกคนที่โทรมาหาว่า พี่ชาย”

เธอเงียบไปสักพัก เหมือนมีอะไรทำให้ลำบากใจในการตอบคำถามนี้ ผมก็เลยคิดว่าช่างมันเถอะ แค่นี้เธอก็มีเรื่องไม่สบายใจมากพอแล้วจึง บอกเธอไปว่า

“เอ๋อ...ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมไม่รบกวนเวลานอนแล้วดีกว่า...พอดีผมเริ่มง่วงแล้วครับ”

“ค่ะ”

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ นอนหลับฝันดีนะครับ แล้วอย่างคิดมากนะครับ ผมว่าปัญหาทุกอย่างมันจะต้องผ่านพ้นไปด้วยดีนะครับ”

ผมวางสายไปพร้อมกับความกังวลใจที่มีมากขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก ทำไมเวลาผมถามถึง คนๆนั้นเธอถึงรู้สึกอึดอัดใจในการตอบคำถาม แต่ถ้าคนๆนั้น

เขาเป็นแฟนกาละจริงๆทำไมถึงไม่แต่งงานกับเขา ทำไมมาแต่งกับเรา เรื่องนี้มันชักจะยังไง ในเวลาเดียวกันผมก็ได้ยินเสียงบางอย่าง ดังอยู่ในห้องน้ำ

“แซะ แซะ”

เสียงเหมือนมีคนเดินอยู่ในห้องน้ำ

มันทำให้ผมรู้สึกกลัวเข้าไปอีก

มันคืออะไรกันแน่ ผมลุกขึ้นไปเปิดไฟ แต่หลอดไฟเจ้ากรรมดันมาขาดซะตอนนี้ ผมเดินไปหาไฟฉาย

ในใจคิดว่าเป็นไงเป็นกันวันนี้จะต้องรู้ให้ได้ว่ามันมีอะไรกันแน่ ผมค่อยๆเดินไปในห้องน้ำ เสียงนั่นก็ยังดังอยู่ ผมค่อยๆส่องไฟไปในห้องน้ำ

เสียงนั่นดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ่งที่ผมเห็น ทำให้ผมตกใจมาก ทำไม......ต้องติดตามตอนต่อไปนะครับ



ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ............




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2552
4 comments
Last Update : 25 ธันวาคม 2552 14:10:07 น.
Counter : 276 Pageviews.

 

ใกล้ปีใหม่นี้ขอให้คนดี
มีร่างกายที่ล้นเปี่ยมพลังมากมาย
ไม่มีโรคร้ายใดใดกวน
ที่ผ่านมาถือว่าฟาดเคราะห์เสียงดังเปราะให้จงหาย
ต้อไปนี้ทรัพย์ที่มีจะเพิ้มขึ้นอีกมากมาย
ไม่มีภัยอันตรายมาเยี่ยมเยียน
ที่เคยรักจะพานพบกับคนแท้จริง
ให้ได้อิงเอียงแอบแนบชิดใจ

 

โดย: chabori 24 ธันวาคม 2552 16:19:05 น.  

 

ว่างๆ ต้องขอหลังไมค์ คุยกันหน่อย ผมติดตามอ่านมาทุกตอน ไม่รู้ว่าจะจบเหมือนที่ผมคาดเดาหรือเปล่า อย่างที่ทราบ ผัสสะ คือ คำที่มีความหมายลึกซึ้งมาก ๆ 84,000 หัวข้อธรรมมะ อธิบายคำว่า ผัสสะ คำเดียว

 

โดย: OxyMan 24 ธันวาคม 2552 17:38:47 น.  

 

คุยกันได้ครับ...มีอะไรจะแนะนำผมบ้างก็ดีนะครับ

ครับ...ผัสสะ นั้นสำคัญนักทุกวันนี้ผมก็ยัง ไม่สามารถต้านทาน ผัสสะ ได้เลยครับนับว่า ยากนะ

มันเหมือนคอขวดครับ ถ้ามันหลุดไปได้มันก็ ไม่อยากย้อนกลับแล้วครับ.....

................................

 

โดย: ผัสสะ 25 ธันวาคม 2552 0:41:07 น.  

 

สวัสดีวันคริสต์มาสค่ะ

เอาบุญมาฝากด้วยนะค่ะ เยอะด้วยรับดีๆน๊าเดี๋ยวหล่น อิอิ

อ่านตอนนี้จบละเดี๋ยวจะไปอ่านอีกตอน
แล้วค่อยติ ชมที่เดียวเลยเน้อ

 

โดย: นุ่มณอ่อนนุช 25 ธันวาคม 2552 11:19:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ผัสสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สิ่งที่รู้ รู้อะไร รู้ในสิ่งจริง หรือ สิ่งลวง หรือ ลวงในสิ่งจริง

คิด คิด ...คิด แล้ว จะ รู้ หรือ รู้ เพราะ ไม่คิด

".. ผัสสะ
Friends' blogs
[Add ผัสสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.