เหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยรายแล้ว ขณะที่ภาคตะวันตกของเนปาลก็ประสบภัยน้ำท่วมเช่นเดียวกัน...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีมานโมนฮาน ซิงห์ ของอินเดีย ส่งเฮลิคอปเตอร์และกองทัพเป็นผู้นำปฏิบัติการกู้ภัย ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม ในหลายรัฐทางภาคเหนือของประเทศ โดยช่วยเหลือผู้ตกค้างได้แล้วประมาณ 10,000 คน ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 138 ราย ส่วนที่เนปาลเกิดอุทกภัยขึ้นเช่นกัน มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบราย
เมื่อบ่ายวันพุธ นายกรัฐมนตรีเปิดนทางไปยังรัฐอุตตราขัณฑ์ ซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมากที่สุด โดยนายซิงห์เผยว่า สถานการณ์ในพื้นที่ยากลำบากอย่างมาก พบผู้เสียชีวิตแล้วถึง 102 ราย แต่เกรงว่าจำนวนผู้สูญเสียจริงๆอาจสูงกว่านี้มาก เขายังประกาศให้เงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวน 1 หมื่นล้านรูปี (ราว 5.2 พันล้านบาท) แก่รัฐอุตตราขัณฑ์ด้วย
ขณะเดียวกัน ทหารกว่า 5,500 นาย รวมถึงเจ้าหน้าที่กองสารวัตรทหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติอีกหลายร้อยคน กำลังพยายามให้ความช่วยเหลือและส่งมอบเสบียงฉุกเฉิน แก่นักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญมากกว่า 62,000 คน ที่ยังตกค้างอยู่ตามวัดและบ้านพักในเขตรุดดราประยัง, จามโมลี และอุตตราขจี ของรัฐอุตตราขัณฑ์ หลังจากถนนหลายสายถูกตัดขาดเนื่องจากดินถล่ม และสะพานอย่างน้อย 20 แห่งพังถล่ม
นอกจากนี้ มีรายงานพบผู้เสียชีวิต 18 รายในรัฐอุตตรประเทศ จากอุบัติเหตุและดินถล่ม ส่วนที่รัฐหิมาจัลประเทศ เกิดน้ำท่วมฉับพลันสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนอย่างน้อย 500 หลัง และมีผู้เสียชีวิต 10 รายจากเหตุดินถล่ม
อีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่าเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ห่างใกล้ของประเทศเนปาล จนเกิดน้ำท่วมและดินถล่มหลายครั้ง โดยโฆษกกระทรวงกิจการภายในเผยว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย และสูญหายอีก 18 คน บ้านเรือนกว่า 100 หลังซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันตก ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ เดือนมิ.ย.-ก.ย. เป็นช่วงฤดูมรสุม ซึ่งมักทำให้เกิดฝนตกและส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกในหลายประเทศ แต่ในปีนี้ฝนตกหนักเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ทำให้หลายพื้นที่ตั้งตัวไม่ทัน