กลุ่มคนชุดดำใช้มีดเป็นอาวุธก่อเหตุทำร้ายผู้คนไม่เลือกหน้า ที่สถานีรถไฟเมืองคุนหมิง ประเทศจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 33 ราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝึมือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในซินเจียง...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่า กลุ่มคนชุดดำถือมีดจำนวนไม่น้อยกว่า 10 คน ก่อเหตุไล่แทงผู้คนที่สถานีรถไฟในเมืองคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 130 คน ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นระบุว่า มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ อาจเป็นคนขององค์กรแบ่งแยกดินแดนจากเขตปกครองตนเอง 'ซินเจียงอุยกูร์' ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
เหตุเกิดขึ้นในช่วงคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยพยานผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า กลุ่มชายซึ่งส่วนใหญ่สวมชุดดำ เข้าโจมตีผู้คนไม่เลือกหน้า ขณะที่ นายหยาง ไห่เฟย ผู้รอดชีวิตแต่ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลังและศีรษะ เผยต่อสำนักข่าวซินหัวว่า เขากำลังซื้อตั๋วรถไฟอยู่ตอนที่กลุ่มคนถือมีดจะบุกเข้ามาในสถานี "ผมเห็นคนคนหนึ่งเดินตรงมาที่ผม ในมือถือมีดยาว ผมจึงวิ่งหนีพร้อมกับคนอื่นๆ" หยาง ไห่เฟย กล่าว และว่าใครที่หนีไม่ทันจะถูกทำร้ายทุกคน
ขณะเดียวกัน ในโลกสังคมออนไลน์มีการโพสต์ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมาย แต่ทั้งหมดถูกลบออกในเวลาไม่นาน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่าพวกเขาวิสามัญฆาตกรรมคนร้าย 4 ราย ยิงผู้ต้องสงสัยหญิง 1 รายได้รับบาดเจ็บ และกำลังออกตามล่าตัวผู้ก่อเหตุคนที่เหลือ
หลังเกิดเหตุ ซินหัวรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นของเมืองคุนหมิงนายหนึ่ง ระบุว่า หลักฐานในที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นว่า การก่อการร้ายครั้งนี้เป็นฝีมือของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนซินเจียง
อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ออกมาแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัวของพวกเขา ขณะที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับประกันความปลอดภัยในสถานที่สาธารณะ
ทั้งนี้ ซินเจียงเป็นที่อยู่อาศัยของชนกลุ่มน้อย 'อุยกูร์' นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ของจีนมาตั้งแต่อดีต โดยในช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุปะทะกันระหว่างชนท้องถิ่นของซินเจียง กับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงหลายครั้ง แต่น้อยครั้งมากที่จะเกิดเหตุโจมตีเช่นนี้ในพื้นที่อื่นๆ ของจีน
รัฐบาลจีนยืนยันมาตลอดว่า ปัญหาความไม่สงบในซินเจียงเกิดจากกลุ่มก่อการร้าย ที่ต้องการก่อตั้งรัฐอิสระ แต่กลุ่มเรียกร้องสิทธิชาวอุยกูร์ ปฏิเสธเรื่องดังกล่าว และตอบโต้ว่าชาวอุยกูร์เป็นผู้ถูกกระทำจากการกดขี่ทางศาสนาและการแบ่งแยกอย่างกว้างขวาง