ฤกษ์ยามในการปลูกบ้าน และการลงเสาเอก
ฤกษ์ยามในการปลูกบ้าน และการลงเสาเอก
ความเชื่อถือแต่โบราณ การปลูกเรือน สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยนั้น นอกจากความสำคัญของการสร้างเรือนแล้ว ก่อนปลูกสร้างนั้น คนไทยเรามักให้ความสำคัญกับฤกษ์ยามและความเชื่อต่างๆ ซึ่งความเชื่อถือและฤกษ์ยามในการปลูกบ้านนั้น มีมาตั้งแต่การปลูกบ้านทรงไทยในสมัยโบราณ สืบทอดกันมา แต่การปลูกสร้างบ้านในปัจจุบัน เปลี่ยนระบบวิธีการไปมาก บ้านส่วนใหญ่ที่สร้าง คือบ้านจัดสรร ทำให้เจ้าของบ้าน ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลย ไม่ต้องคำนึงถึง แต่จะไปจัดพิธี ทำบุญขึ้นบ้านใหม่แทน สำหรับคนที่จะปลูกบ้านเอง ผมคิดว่าน่าจะยังมีอยู่บ้าง ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะสมัยนี้เรื่องฤกษ์ยาม ความเชื่อ ดวงชะตา คนให้ความสำคัญกันมากเช่นกัน
คนในปัจจุบันการ มีอาชีพการงานและเวลารัดตัว ไม่มีเวลามากเหมือนแต่ก่อน ประเพณี พิธีกรรม หรือวิธีการต่างๆ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการประยุกต์ให้เข้ากับกาลสมัยและช่วงเวลาที่ บางคนก็มีการดัดแปลงไปบ้าง บางคนก็อาศัยฤกษ์สะดวกก็มี ก็ว่ากันไปตามความเหมาะสม ส่วนคนที่เชื่อถือหรือสนใจ ก็ลองมาศึกษาความเชื่อถือแต่โบราณและฤกษ์ยามในการปลูกบ้านทรงไทยกันพอสังเขป ดังนี้ ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนอ้าย ย่อมจักได้เป็นเศรษฐีทรัพย์สินเพิ่มพูนมี เพราะเดือนนี้ อุดมผล ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนยี่ ทรัพย์สิงคลีมามากผล เมื่อดิถีดูชอบกล ข้าศึกและแสนกล มามากล้นพ้นศัตรู ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสาม ภัยติดตามงามน่าดู คนใจร้ายมันสู้ เมื่อถึงฤดูจักเกิดอันตราย ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสี่ ลาภมากมีสุขสบาย ทุกข์โศกบรรเทาหาย ความสบายเพิ่มพูนมา ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนห้า ทุกข์เท่าฟ้ามาถึงตน ปลูกเดือนนี้ไม่มีผล ทุกข์ล้นพ้นภัยมีมา ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนหก ทาหยิบยกไว้เหลือหลายทรัพย์ศฤงคารบันดาลมามากมาย อยู่สุขสบายทรัพย์เนืองนอง ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนเจ็ด ทรัพย์ระเห็จสิ้นทั้งผองทรัพย์สินที่ตนครอง อัคคีภัยผยองมาเผาผลาญ ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนแปด จะร้อนแผดระทมหาญทรัพย์สินและบริวาร จะทรยศหมดไป ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนเก้า ใจไม่เศร้าเกิดบรรเลง ยศศักดิ์เกิดขึ้นเอง ทั้งทรัพย์สินเพิ่มพูนมา ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสิบ จักฉิบหายต้องขื่อคา โรคภัยร้ายก้าวหน้า อันตรายจะมาปะปน ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสิบเอ็ด อันความเท็จจักมาสู่ตน ปลูกเดือนนี้ไม่มีผล ต้องผจญกับทุกข์ภัย ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสิบสอง เงินแลทองจักเหลือหลาย สรรพสัตว์แลวัวควาย บริวารมากมายไหลเทมา
นี่เป็นตำราหนึ่ง ซึ่งเขียนเป็นกลอน กล่าวถึงฤกษ์ยาม การปลูกบ้านแบบสำเร็จรูป คือผมหมายถึง การทำนายดังกล่าว ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าใครจะเป็นผู้ปลูก ก็จะมีผลเหมือนกันหมด ซึ่งที่จริงมันน่าจะเป็นเรื่องเฉพาะตัว คือฤกษ์ยาม หรือดวง ควรขึ้นอยู่กับเจ้าของหรือผู้ปลูก น่าจะส่งผลแตกต่างมากกว่า ดังนั้นถ้าใครเชื่อถือ หรือเห็นความสำคัญก็ต้องหาพระ หาหมอ ดูฤกษ์ผานาทีกันเอา เฉพาะเจาะจงกันไปเลยดีกว่า ข้อแนะนำเพียงอย่าเดียวที่มีให้ในเรื่องนี้คือ การปลูกบ้านควรหลีกเลี่ยงฤดูฝน เพราะเป็นอุปสรรค ต่อการก่อสร้างอย่างยิ่ง ยิ่งมาตอกเข็มทำฐานราก กันตอนฝนตกแล้ว นึกสภาพดูก็แล้วกัน ถ้าจะสร้างคาบเกี่ยวตอนฤดูฝน การก่อสร้างโครงสร้างควรรีบมุงหลังคาให้เสร็จก่อนฝนมา ก็จะช่วยได้มาก แถมยังได้ทดสอบ ประสิทธิภาพของหลังคาไปเลย ว่ามุงดีหรือไม่
พิธียกเสาเอก เมื่อได้ฤกษ์พานาทีกันพร้อมแล้ว เมื่อกำหนดวันก่อสร้าง ในสมัยก่อนนั้น สิ่งที่จะละเลยเป็นมิได้เลยก็คือพิธีการยกเสาเอกของบ้าน ซึ่งเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนก็ยังคงนิยมใช้วิธีนี้เมื่อมีการก่อสร้างก่อสร้างอาคาร สำนักงานและอื่นๆอีกมากมาย เป็นอาคารใหญ่ๆเขาก็ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ส่วนบ้านก็ทำการยกเสาเอก การจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ ผมว่าเอาตามความสะดวกหรือเหมาะสมก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร ส่วนใครจะจัดใหญ่ เต็มพิธีก็ดี เป็นศิริมงคล
สำหรับวิธีง่ายๆ คือเมื่อให้พระหรือหมอ ดูฤกษ์ยามนั้น ท่านก็จะมีอุปกรณ์ที่สำคัญจัดให้เราได้เลย คือไม้มงคล 9 ชนิด ที่มีชื่อเป็นมงคลนาม ดังนี้ 1. ไม้ราชพฤกษ์ หมายถึง ความเป็นใหญ่และมีอำนาจวาสนา 2. ไม้ขนุน หมายถึง หนุนให้ดีขึ้นร่ำรวยขึ้น ทำอะไรจะมีผู้ให้การเกื้อหนุน 3. ไม้ชัยพฤกษ์ หมายถึง การมีโชคชัย ชัยชนะ 4. ไม้ทองหลาง หมายถึง การมีเงินมีทอง 5. ไม้ไผ่สีสุก หมายถึง มีความสุข 6. ไม้ทรงบาดาล หมายถึง ความมั่นคง หรือทำให้บ้านมั่นคงแข็งแรง 7. ไม้สัก หมายถึง ความมีศักดิ์ศรี ความมีเกียรติ 8. ไม้พะยูง หมายถึง การพยุงฐานะให้ดีขึ้น 9. ไม้กันเกรา หมายถึง ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ หรืออีกชื่อหนึ่งว่าตำเสา ซึ่งอาจหมายถึง ทำให้เสาเรือนมั่นคง
ไม้มงคลเหล่านี้จะลงอักขระที่เรียกว่า หัวใจพระอิติปิโส ได้แก่ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ ลงบนท่อนไม้ชนิดละอักขระ พร้อมทั้งปิดทองทั้ง 9 ท่อน โดยปักวนจากซ้ายไปขวา (ทักษิณาวรรต)
โบราณจะนิยมเอาไม้ท่อนหนุนในหลุมเลย คือแก่นขนุนและไม้สักทอง 2 ชนิด แต่ต่อมาก็เพิ่มไปเรื่อยๆ ไม้ที่ใช้ก็เลยมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆเช่นกัน จนกลายเป็นท่อนเล็กๆสั้นๆสักคืบเท่านั้น เพื่อตอกลงในหลุมของเสาเอก ซึ่งนิยมเลือกเอาต้นแรกของมุมบ้าน (แต่จะมุมใดนั้นขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)
ได้ไม้แล้ว เราก็เอามาทำเองเลยครับ เมื่อเอาไม้มาที่หลุมเสาแล้ว ก็ต้องว่าคาถาบวงสรวงสังเวยเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง ให้อำนวยอวยพรในการก่อสร้างให้สำเร็จราบรื่น ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง เพราะโบราณถือว่าใต้พิภพนี้ มีพระยานาคเป็นผู้รักษา บนพื้นแผ่นดินมีพระภูมิเจ้าที่เป็นผู้รักษา ก่อนจะทำอะไรลงไปในบริเวณที่จะปลูกบ้านนี้ จึงต้องจุดธูปบอกกล่าวเสียก่อน จะเกิดสิริมงคลและอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากทุกข์ทั้งปวง คาถาโบราณมีว่า
อิติสุขะโต อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ ปถวี คงคา พระภูมิ คมามิหัง นมามิ สิระสา เขปัถกะจะนาละปะ ธัมมาสะคะ สัปปะ ตีสะเมตตา
เมื่อบ้านเสร็จเรียบร้อยก็ขอให้สมาชิกในครอบครัวทั้งเจ้าของบ้าน และผู้อาศัย อยู่กันอย่างเป็นสุขไปตลอด ชั่วลูก ชั่วหลาน แล้วก็ตอกไม้มงคลลงไป เป็นอันเสร็จพิธี อย่างเรียบง่าย ทำกันแค่สมาชิกในครอบครัวแค่นี้ แขกเหรื่อไม่จำเป็นต้องเชิญ ส่วนถ้าเป็นพิธีใหญ่ ก็จะมีข้าวของเครื่องใช้มากมาย ต้องเตรียมการดังนี้
ของใช้ในพิธี 1. จัดโต๊ะหมู่บูชา ๑ ชุด พร้อมเครื่องสักการะ 2. จตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระ ๑ ชุด (กรณีนิมนต์พระมาประพรมน้ำมนต์ที่หลุม และเจริญชัยมงคลคาถา) 3. เครื่องบูชาฤกษ์หรือสังเวยเทวดา (จัดย่อส่วนก็ได้ ดูพิธีวางศิลาฤกษ์) 4. ใบทอง นาก เงิน อย่างละ ๓ ใบ 5. เหรียญทอง เงิน อย่างละ ๙ เหรียญ 6. ทรายเสก ๑ ขัน 7. น้ำมนต์ ๑ ขัน (พร้อมกำหญ้าคา ๑ กำ) 8. ด้ายสายสิญจน์ ๑ ม้วนเล็ก 9. ทองคำเปลว ๓ แผ่น 10. ผ้าแพรสีแดง ห่มเสา หรือผ้าขาวม้า ๑ ผืน 11. หน่อกล้วย อ้อย อย่างละ ๑ หน่อ 12. ไม้มงคล ๙ ชนิด 13. แผ่นทอง นาก เงิน อย่างละ ๑ แผ่น 14. ข้าวตอกดอกไม้ ๑ ขัน
ลำดับพิธี 1. วางสายสิญจน์ เริ่มจากโต๊ะบูชาไปโต๊ะสังเวย เวียนขวาบริเวณสถานที่ก่อสร้างเข้าสู่เสาเอก (ก่อนเวลาฤกษ์พอสมควร) เจ้าภาพ จุดเทียนธูปที่โต๊ะหมู่บูชา อธิษฐานเพื่อเกิดสิริมงคล กราบพระ 2. จุดเทียนธูปที่โต๊ะสังเวย บูชาเทวดาให้คุ้มครอง แล้ว พิธีกรกล่าวสังเวยเทวดา ด้วยดอกไม้มงคล ๙ ชนิด 3. วางแผ่นทอง นาก เงินในหลุมเสาเอก 4. นำใบทอง นาก เงิน และเหรียญทอง เงิน ลงก้นหลุมแล้วนิมนต์พระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์ โปรยทรายเสกที่หลุมเสา
หลุมเสา 1. เจิมและปิดทองเสาเอก 2. ผูกหน่อกล้วย อ้อย และผ้าสีแดงหรือผ้าขาวม้าที่เสาเอก 3. ถือด้ายสายสิญจน์ พร้อมทั้งญาติมิตรผู้ร่วมพิธี ช่างก็ช่วยกันยกเสาเอก จนตั้งเรียบร้อย ขณะยกเสานั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ส่วนเจ้าภาพก็โปรยข้าวตอกดอกไม้ลงหลุมเสาเอก พร้อมทั้งญาติมิตรผู้ร่วมพิธี เสร็จพิธี หมายเหตุ 1. ถ้ายกเสาเอกในเดือนอ้าย ยี่ สาม เสาเอก อยู่ทิศอีสาน 2. ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๔ - ๕ - ๖ เสาเอก อยู่ทิศอาคเนย์ 3. ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๗ - ๘ - ๙ เสาเอก อยู่ทิศหรดี 4. ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๑๐ - ๑๑ - ๑๒ เสาเอก อยู่ทิศพายัพ 5. เมื่อธูปที่โต๊ะสังเวยไหม้หมดดอก ให้ลาเครื่องสังเวยได้ว่า "เสสัง มังคะลัง ยาจามิ" 6. หน่อกล้วย อ้อย เมื่อช่างเอาลงจากเสาแล้ว ให้นำไปปลูกไว้ในที่ต้องการ เพื่อเสี่ยงทายว่าจะงอกงามเพียงใด 7. ถ้าจัดโต๊ะสังเวยไม่ได้ จะจัดเป็นสำรับบูชาพระภูมิเจ้าที่ธรรมดาก็ได้ และสิ่งประกอบอื่น ๆ ก็เลือกเอาเท่าที่จำเป็นและหาได้ง่าย
จะเห็นว่า พิธีการมันก็ยุ่งยากขึ้นอีกเยอะ นี่ถ้าเชิญแขกผู้ใหญ่มาด้วย ก็ต้องตั้งโต๊ะ เลี้ยงข้าว เลี้ยงเหล้ากันอีก กว่าจะเสร็จงาน ก็สลบกันพอดี
TraveLArounD
หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ เช่น website : Hometophit ขอให้ติดต่อขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร โดยด่วน ทาง Email : d_sign_place@yahoo.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์
ปล. ตอนนี้ผมเขียนบล็อกมาได้เกือบ 1500 เรื่องแล้ว ล้วนเป็นสาระน่ารู้ต่างๆ ท่านที่เข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : Blog Of All You Needs To Know เปิดทีเดียวเลือกดูเนื้อเรื่องได้ครบครับ จะได้ไม่เสียเวลาคลิกที่ group blog เข้าๆ-ออกๆ
ค้นคว้าจาก บ้านไทยภาคกลาง / ศาสตราจารย์ น.อ.สมภพ ภิรมย์ ร.น. บ้านทรงไทยดอทคอม //www.bansongthai.com/content/view/31/30/ //www.readygarden.biz/index.php?lay=show&ac=article&Id=47257
Create Date : 19 มีนาคม 2551 |
Last Update : 7 เมษายน 2556 11:19:53 น. |
|
29 comments
|
Counter : 8819 Pageviews. |
|
|