|
สวัสดีปีใหม่...ปีใหม่ของคุณ ของผม หรือของใคร?
๕...๔...๓...๒...๑...สวัสดีปีใหม่คร้าบบบบ...
พร้อมด้วยเสียงไชโยกึกก้องทั่วลานหน้าสถานีวิทยุชมชน วิทยุล้านนา ๙๗.๕ MHz. และคาดว่า หลาย ๆ ที่หลาย ๆ ทาง ก็คงจะมีลักษณะเดียวกัน คือสังสรรค์กันไป พร้อม ๆ กับเวลาของปีเก่าที่ถอยหลังไปเรื่อย ๆ และเวลาของปีใหม่ก็เดินหน้าเข้ามาประชิดทุกขณะ หากว่าใครได้เปิดวิทยุรับฟังทางคลื่นนี้ในวันนั้น คงจะได้ฟังบรรยากาศการถ่ายทอดการสังสรรค์ พร้อมกับการนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่ไปพร้อม ๆ กัน
ผมอยู่ร่วมส่งท้ายปี ๒๐๐๕ และต้อนรับปี ๒๐๐๖ กับเหล่านักจัดรายการวิทยุชมชน ๙๗.๕ MHz. และกลุ่มมิตรแก้วสหายคำคนฟัง ทั้งร่วมสนุกแลกของขวัญ ปาร์ตี้ และจัดรายการไปด้วย นับว่าไม่แปลกอะไรกับภาพลักษณาการแบบนี้ ที่เรามักจะได้พบได้เห็นกันในโอกาสสำคัญต่าง ๆ ทั้งวันสำคัญของไทย ของจีน ของฝรั่ง ไม่ว่างานไหน ๆ เราก็รับมาและปรับให้เข้ากับวิถีทางของเราได้เสมอ (แต่จะมีพลังแค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
และเป็นไปในแบบแผนเดียวกันทั้งหมด คือ สังสรรค์ กัน อันเป็นจุดสุดท้ายในแต่ละเทศกาลเสมอ ๆ ฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ร่วมสังสรรค์ได้เช่นกัน เพียงแต่ขณะนั้น ที่แห่งนั้นเราร่วมสังคมกับใครก็เท่านั้น
ทำให้หลาย ๆ คนมักจะถามผมว่า ปีใหม่นี้ไปแอ่วที่ไหน? หรือว่า ไม่กลับบ้านหรือ?
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากวันหยุดยาวติดต่อกันถึง ๔ วันเลยทีเดียวสำหรับเทศกาลปีใหม่ของปีนี้ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนเดินทางท่องเที่ยวกันตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ กันมากมาย ดังจะเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ที่ว่านักท่องเที่ยวมากางเต็นท์กันที่ดอยอินทนนท์กันแน่นขนัด หรือว่าเกิดรถติดกันอย่างมโหฬารที่ถนนห้วยแก้วขาขึ้นดอยสุเทพ ด้วยผู้คนแห่แย่งกันที่จะไปเที่ยวดอยสุเทพกัน และที่สำคัญป้ายทะเบียนรถส่วนใหญ่เป็น กรุงเทพมหานคร แทบทั้งนั้น
หยุดยาวนี้คงจะเอื้อให้คนกรุง ที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันกันทุกเศษเสี้ยววินาที ได้มีโอกาสที่จะแวะพักหายใจและเติมพลังกายพลังใจในการออกมาเที่ยวครั้งนี้ ....แต่แน่นอนก็ย่อมที่จะหลีกไม่พ้นการแก่งแย่งแข่งขันกันอีก คือการ แข่งกันกิน แย่งกันเที่ยว นั่นเอง .... ผมว่าเราพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ทำวันหยุดให้เป็นวันหยุดจริง ๆ จัง ๆ ไม่ได้เชียวหรือ ถึงแม้ว่าเราจะไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ก็คงไม่เห็นความสวยงามของธรรมชาติเท่าไรนัก ด้วยว่ามองไปทางไหนก็มีแต่ คน กับ คน ฉะนั้นจึงทำให้ผมไม่ออกไปเที่ยวตามอย่างที่หลาย ๆ คนทำกัน
หากไม่เที่ยวกันในช่วงนี้ หลายคนก็จะกลับบ้านกัน แต่สำหรับผมนั้นไม่ได้กลับ... ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นความสำคัญของทางบ้าน แต่ที่ผมไม่ค่อยเห็นความสำคัญนั่นคือ วันขึ้นปีใหม่ วันที่ ๑ มกราคม นี่ต่างหาก
ทำไมผมจึงกล่าวเช่นนั้น ก่อนอื่นของเท้าความถึงความเป็นมาของ วันขึ้นปีใหม่ กันเสียก่อน
ตอนแรกเริ่มเดิมทีนั้นไทยเราถือว่า วันแรม ๑ ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ซึ่งชื่อเดือนก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า เป็นเดือนที่หนึ่งตามการนับเดือนทางจันทรคติของไทยแต่เดิม การเริ่มปีใหม่ในเดือนอ้ายนี้ ปัจจุบันก็แทบจะห่างหายไปจากสำนึกของคนไทยส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่ประเพณีการเริ่มปีใหม่ในเดือนอ้ายนี้ถูกฟื้นฟูกันมาในกลุ่มไทยใหญ่ แต่ว่าการนับวันที่เริ่มปีใหม่จะต่างกันไป คือปีใหม่ของไทยใหญ่นั้นถือเอาวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือนเจ๋ง (หรือเดือนเจี๋ยง...ซึ่งก็คือเดือนอ้าย) นั่นเอง
ต่อมา วันขึ้นปีใหม่ของไทยก็เปลี่ยนอีกครั้ง คือเปลี่ยนมาเป็นวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ตามคติพราหมณ์ และต่อมาก็เลื่อนมาเป็นวันที่พระอาทิตย์ย้ายจากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษ หรือที่รู้จักกันดีคือวันตรุษสงกรานต์ อันเรารับมาจากอินเดียอีกต่อหนึ่งและถือเป็นวันเปลี่ยนศักราชในระบบ จุลศักราช ซึ่งเราได้ใช้กันมานาน ดังจะเห็นได้จากจารึก ตำนาน และพระราชพงศาวดารในอดีต ซึ่งอิทธิพลของวันสงกรานต์มีอยู่สูงมาก ทั้งคนไทย ล้านนา ลาว ตลอดไปถึงไทลื้อที่สิบสองปันนาด้วย ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไปข้างหน้า
ในปีพ.ศ. ๒๔๓๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่มาเป็นวันที่ ๑ เมษายน ซึ่งใช้กันมาถึง พ.ศ. ๒๔๘๔ เพราะมีการประกาศลงไว้ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ว่าหลังจากนี้ เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่มาเป็นวันที่ ๑ มกราคม ของทุกปี ให้เหมือนกันกับนานาประเทศ ในสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งใช้สืบเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน
และวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ ๑ มกราคม นี่เองที่ทำให้ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมันเท่าไรนัก เพราะผมถือว่า ไร้จิตวิญญาณ ในตัวของมันเอง
ด้วยเรารับวัฒนธรรมการขึ้นปีใหม่มาจากตะวันตกมาหกสิบกว่าปีมานี่เอง จึงซึมเข้าไปสู่กระแสธารแห่งวัฒนธรรมที่ไหลล่องมาแต่อดีตอันยาวนานยังไม่ได้ เพราะอาจยังไม่มีรูปแบบของพิธีกรรมที่เข้มข้นเหมือนตอนสงกรานต์ ถึงแม้ว่าปัจจุบัน จะพยายามที่จะสร้างพิธีกรรมในช่วงปีใหม่สากลนี้ขึ้นมา เช่นว่า การทำบุญตักบาตรในเช้าวันที่ ๑ มกราคม การไปไหว้พระ (๙ วัด) เพื่อเป็นสิริมงคล หรืออย่างที่ผ่านมาที่เชียงใหม่ ก็มีการจัดงาน ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ขึ้นปีใหม่วิถีพุทธ ขึ้นที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ หรือที่วัดพระสิงห์ก็ตาม แต่ก็ไม่ค่อยมีพลังทางวัฒนธรรมเท่าไรนัก เพราะผู้คนส่วนใหญ่เน้นอยู่ที่ การกิน และ การเที่ยว อยู่สองประการ
เมื่อมองกลับไปดูวันขึ้นปีใหม่ในวันสงกรานต์นั้น มันล้วนเต็มไปด้วยพิธีกรรม ซึ่งทางไทยสยามนั้นอาจมองไม่ชัดเท่าวัฒนธรรมทางล้านนา ถึงแม้ว่าจะรับเอาวัฒนธรรมอันมีแบบแผนมาจากทางพราหมณ์ก็ตามที ดังเช่นเรื่องราวตำนานวันสงกรานต์จากเรื่องของธรรมบาลกุมาร และนางสงกรานต์ทั้งเจ็ด และการทำนายทายทักต่าง ๆ จากหนังสือประกาศสงกรานต์
ส่วนทางวัฒนธรรมล้านนา ได้สร้างองค์ความรู้ขึ้นใหม่โดยไม่มีนางสงกรานต์ทั้งเจ็ด แต่มี ขุนสังกรานต์ (หรือ ขุนสังขานต์) พร้อมทั้งมีการทำนายทายทักไปตามลักษณะขุนสังขาน ว่าผีเสื้ออยู่ที่ไหน อะไรเป็นพระญาแก่อะไร ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต เช่นเอาไม้ที่ขวัญข้าวสถิตอยู่ไปทำไม้คันแรกข้าวในนา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมต่าง ๆ มากมายตั้งแต่วันสังขานต์ล่องหรือวันตรุษของไทยกลาง ที่จะต้องทำความสะอาดบ้านเรือนและตนเอง ซึ่งในหนังสือปีใหม่หรือหนังสือประกาศสงกรานต์บอกแม้กระทั่งว่า ให้สระผมหันหน้าไปทิศไหน ศรีอยู่ตำแหน่งไหน จัญไรอยู่ตำแหน่งไหนในร่างกาย จะได้เสริมและชำระได้ถูกเลยทีเดียว วันเน่าก็จะเป็นวันที่ระมัดระวังในเรื่องการกระทำ และวันพระญาวันหรือวันเถลิงศก อันถือว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุด พิธีต่าง ๆ จะทำกันในวันนี้ โดยไปวัดทำบุญ ถวายเจดีย์ทราย ทานทุง ทานไม้ค้ำโพธิ์ ฯลฯ ถัดนั้นก็จะเป็นวันปากปี ซึ่งก็มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ ทั้งคนในครอบครัว และหมู่บ้าน เป็นต้น ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในวันสงกรานต์ประกอบไปด้วยความเชื่อและพิธีกรรมมากมาย มีความหมายในฐานของตัวปัจเจกเองด้วย และมีความหมายในฐานของคนทั้งสังคมอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังทางวัฒนธรรมที่ได้สั่งสมกันมาจนถึงปัจจุบัน วันสงกรานต์หรือปีใหม่ไทยหรือปีใหม่เมือง ก็แล้วแต่ จึงเป็นวันที่สำคัญที่สุดในรอบปี
เมื่อมีความหมายถึงผู้คนในสังคมแล้ว ในวันสงกรานต์นี้จึงทำให้คนส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้าน ไปอยู่ร่วมกันกับพ่อแม่ ปู่ย่าตายายที่บ้าน เพราะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมข้าวของไปวัดไปวา การดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ ที่บางทีก็ไม่ได้หมายถึงเฉพาะเพียงญาติตนเองเท่านั้น แต่จะรวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ครูบาอาจารย์ ฉะนั้นจึงเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่อยู่ในสังคมทั้งหมดให้เข้มแข็งไปในตัว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่วันที่ ๑ มกราคมนั้นยังไม่สามารถที่จะเข้าไปถึงจุดนั้นได้เลย
ปีใหม่เมืองหรือสงกรานต์ จึงมีความหมายมากกว่าปีใหม่สากลอย่างที่เทียบกันไม่ติด และทำให้ปีใหม่ที่ผ่านมาจึงรู้สึกเพียงแค่ เป็นวันหยุดอีกวันหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากเสาร์ อาทิตย์ เท่านั้นเอง ส่งผลทำให้ผมจึงสนุกสนานกับการสังสรรค์ไปตามฐานอันควรแก่วันหยุดทั่ว ๆ ไป ไม่มีกิจกรรมอะไรที่เป็นพิเศษไปจากวันหยุดประจำสัปดาห์เลยแม้แต่น้อย
๑ มกราคมที่ผ่านมาสำหรับผม คือวันแรกที่จะต้องเปลี่ยนเลข พุทธศักราช และคริสต์ศักราช เป็น ๒๕๔๙ และ ๒๐๐๖ ในเอกสารต่าง ๆ ก็เท่านั้นเอง
แล้วคุณล่ะ เห็นว่าอย่างไรกับคำว่า ปีใหม่? ๚๛
Create Date : 20 มกราคม 2549 | | |
Last Update : 20 มกราคม 2549 1:38:22 น. |
Counter : 788 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หนังสือปีใหม่เมือง ประจำปีรวายเส็ด จุลศักราช ๑๓๖๘ ตัว
หนังสือปีใหม่เมือง ประจำปีรวายเส็ด จุลศักราช ๑๓๖๘ ตัว
หนังสือปีใหม่เมืองล้านนา ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ ๒๕๕๐ จุลศักราช ๑๓๖๘ ตัว ปีรวายเส็ด ฤๅว่าปีจอ อัฐศก ปีนี้ สังขานต์ล่อง เดือน ๗ เหนือ แรม ๑ ค่ำ พร่ำว่าได้วันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๔๙ วันไทก่าเร้า วันเน่า คือหากได้วันเสาร์ ๑๕ เมษายน วันไทวันกาบเส็ด วันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน วันไทดับไค้ เป็นวันพระญาวัน ในวันสังขานต์ล่องนั้น หื้อไปสู่สระน้ำใหญ่หนทางไคว่สี่เส้น ฤๅต้นไม้ใหญ่ กระทำการสระเกล้าดำหัวเป็นสิริมังคละ สระเกล้าดำหัวหื้อเบ่นหน้าเฉพาะหนวันออก แล้วหื้อนุ่งผ้าผืนใหม่ เหน็บดอกกาสะลองอันเป็นพระญาดอกประจำปี จักวุฒิจำเริญแล สังขานต์ไปวันศุกร์ ขุนสังขานต์ทรงเครื่องอันขาว เสด็จนั่งมาบนหลังควาย มีแก้ววิทูรย์เป็นเครื่องประดับ สุบกระโจม ต่างกระจอนหู มีมือสี่มือ มือขวาบนถือแว่น มือขวาลุ่มถือหมากนับ มือซ้ายบนถือผาลา มือซ้ายลุ่มพาดตักไว้ เสด็จลีลาจากหนอาคเนย์ไปสู่หนพายัพ นางเทวดาชื่อลิตา ถือดอกกาสะลองอันเป็นดอกไม้นามปี มานั่งอยู่ถ้ารับเอาขุนสังกรานต์
ปีนี้นาคหื้อน้ำ ๓ ตัว ฝนตก ๒๐๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๑๐๑ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๖๓ ห่า แลในปีนี้ หนูรักษาปี จามรีรักษาป่า มังกรรักษาน้ำ อาฬวกยักษ์รักษาอากาศ จัณฑาลเป็นใหญ่แก่คนทังหลาย นกเคล้าเป็นใหญ่แก่สัตว์สองตีน หนูเป็นใหญ่แก่สัตว์สี่ตีน ไม้ถบถาบเป็นใหญ่แก่ไม้จริง ไม้ซางเป็นใหญ่แก่ไม้กลวง แขมเป็นใหญ่แก่หญ้าทังหลาย ผีเสื้ออยู่ไม้กระเชาะ อย่าได้สับ ฟัน บั่น ตัด จักเป็นอุบาทว์ ขวัญเข้าอยู่ไม้บ่าทัน หื้อเอาไม้บ่าทันเป็นคันข้าวแรก ไม้เดื่อเกลี้ยงเป็นพระญาไม้ หื้อเอากิ่งแลใบเดื่อเกลี้ยงมาผูกมัดติดเสาเอก เสานาง เสาบ้าน เสาเรือน จักวุฒิจำเริญดี ปีนี้ข้าวปีปานกลาง ลูกไม้แลผักสมบูรณ์ดี คนทังหลายอยู่ดีมีสุข หาทุกข์บ่ได้ แลปีนี้กระทำการใดจักสัมฤทธิ์แล ศาสนาพระเจ้าล่วงไปแล้ว ๒๕๔๘ พระวัสสา อนาคตะยังอยู่แถม ๒๔๕๒ พระวัสสา จักบัวรมวล ปริโยสานสมัตตา
สนั่น ธรรมธิ พยากรณ์
Create Date : 11 มกราคม 2549 | | |
Last Update : 11 มกราคม 2549 23:40:26 น. |
Counter : 2057 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แหล่งพำนักสุดท้ายของผู้สร้างนครเชียงใหม่
เห็นหอมังราชเจ้า | สูงศักดิ์ | ยังบ่ลืมอารักษ์ | ราชไหว้ | อังเชิญช่วยพิทักษ์ | เทียมที่ คะนึงรา | ยามม่อนมัวแกมใกล้ | ร่วมเร้าไชยบาล |
หอมังราชเจ้าที่ปรากฏในโคลงนิราศหริภุญชัยนี้ เป็นสถานที่แห่งเดียวกับหอพระญามังราย ที่กลางเวียงเชียงใหม่ อันเป็นอนุสรณ์สถานแห่งองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครพิงค์เชียงใหม่ ในคราที่พระญามังราย ชมตลาด ณ กลางเวียงเชียงใหม่ และได้ต้องอสนีบาตสวรรคต และ ณ สถานที่แห่งนั้นเอง พระญาไชยสงคราม หรือ มังครามราชบุตร ได้สร้างหอ และ กู่เล็ก ๆ ไว้เป็นที่บูชา แต่กาลเวลาล่วงเลย มาได้ เกือบ ๗๐๐ ปี หอพระญามังราชผู้ยิ่งใหญ่ ณ บัดนี้ใม่มีแม้ที่ทางให้ผู้ไปกราบไหว้สักการะ ด้วยซุกซ่อนอยู่ในที่ของเอกชน หอดูหมองเหงา เงียบงัน แม้แต่คนเชียงใหม่เองก็ยังไม่ทราบว่า หอพระญามังรายมีอยู่ ส่วน กู่ ที่พระญาไชยสงครามได้สร้างไว้นั้น ถูกรื้อร้างถางหักไปนานแล้ว ไม่เหลือร่องรอย และเรา ในฐานะ ผู้ที่อาศัยเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่แห่งนี้ จักปล่อยไว้อย่างนี้กระนั้นหรือ?
Create Date : 03 สิงหาคม 2548 | | |
Last Update : 3 สิงหาคม 2548 19:02:56 น. |
Counter : 783 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ได้ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่แล้ว
กว่าจะเข้ามาได้เขียนได้ ทำเอาเหงื่อตกไปหลายแหมะ... ก็หาทางเข้ามาในแต่ละขั้นแต่ละตอนนี่แหละ โอยย....จะเปนลมเสียให้ได้
แต่ก็เข้ามาเขียนได้แล้วล่ะ วันนี้คงไม่มีอะไรมากมากนักที่จะมาเขียนสาธยายอะไรหลาย ๆ อย่าง (แต่ไม่ถึงกับ "แฉ" ไปตามกระแสหรอกนะ 555) เพราะช่วงนี้เหตุการณ์ไม่ค่อยเป็นปกติเท่าไรนัก เพราะอยู่ในช่วงขึ้นเขียง เอ๊ย เข้าสู่สนามประลองยุทธ ในเทศกาล (แอด)มิดเทอม นี้ไงล่ะครับผม
วันนี้ก็เพิ่งไปตบตีกันมา ก็แทบจะเป็นลมล้มคว่ำ
แต่เอานะ สู้ ๆ
เอากันให้ตายกันไปข้างหนึ่งละกัน
ไว้มีเวลาว่างๆ จะมาสังขยาอ่านนับ เล่าสู่กันฟังใหม่
Create Date : 31 กรกฎาคม 2548 | | |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2548 16:51:33 น. |
Counter : 647 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|