ชอบอ่านเรื่องในนี้มากค่ะ

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน จะตามอ่านนะคะ

น่าไปเที่ยวจังเลยครับ
แถวพม่านี่ คน ไท - ไต (Tai) ที่มีความสัมพันธ์กับคนไทยในรัฐชาติไทย อยู่กันเยอะ
เป็นที่ที่น่าไปดู ไปเรียนรู้มากทีเดียว

ขอขอบคุณผู้ที่นำเรื่องราวของ พี่นอ้งชาวเชียงตุงมาให้ดู
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก แบบนี้ต้องเรียกว่ารักเมืองเชียงตุงจริง
อาตมาเป็นคนเชียงตุงคนหนึ่ง ซึ่งได้มีโอกาสเข้ามาศึกษา
ในประเทศไทย เป็นเวลา 10 ก่วาปี พอได้เห็นภาพพระธาตุจอมคำก็รู้สึกคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนขึ้นมาทันที

ส่วนผู้ที่อยากไปเที่ยวจังหวัดเชียงตุง ขอบอกว่าถ้าท่านไปแล้ว จะหลงไหลไม่อยากกลับแนะนอน อาตมาพูดจริงๆ
จากพระมหาเชียงตุง ชั่วคราว มจร. กรุงเทพ

สรียินดีไหว้สาครับท่านมหาทิพย์

"เมิงเจงตุ๋ง มีหนองตุ๋งเป๋นใหย่ มีไว้อยู่ท่ำกล๋างเวง
มีตัง สามจ๋อม เจ็ดเจง สิบสองปะตู๋เวง กับหมู่ยางคำ..."

ส่วนหนึ่งจากเพลง "เมิงเจงตุ๋ง" ของจายหนุ่มไตย วีระวงส์

เอาลุกตางใดมาคับ ม่วนดีหนาคับ

ผม add blog ของ ศศิศ ไว้แล้วครับ
เพราะอ่านแล้วได้ความรู้ในสิ่งสนใจเหมือนคุณ
แต่ยังไม่มีโอกาสไปไหนเลย
เพราะตอนนี้เพิ่งมาเรียนต่อที่เชียงใหม่
(ผมเป็นชาวเมืองโอ่ง ที่ทำงานอยู่กรุงเก่าครับ)

ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆและได้เข้ามาเที่ยวเชียงตุง ถ้าไปเชียงตุงอยากแนะนำให้ไปเที่ยวตามบ้านนอกบ้างจะได้สัมผัสวิถีชีวิตคนเชียงตุงจริงๆๆ

จาก มหาใส่น้อย วัดสามัคคีสวนดอก กาดเต่ากางนา
ชั่วคราว มจร. กรุงเทพฯ

แหม...มีที่นึ่งที่ใคร่ไปขนาด นั่นก็คือ วัดบ้านแสน งามขนาดเลย ต้องไปหื้อได้สักเตื้อนึ่งหื้อได้เลย

สนุกนะ ที่กาดบุ้งนะ ไปนอนสักสัปดาห์ 1 ที่นั้นกินเหล้ากันทุกวัน มันส์สุดๆ บรรยากาศดี เหมาะกับการพักผ่อน

คนกาดบุ้งงงงง

สวีสดีครับผม เสาร์แจ้งกาดเต่า ได้มาพบเห็นเว็บของท่านยินดีด้วยที่ได้เห็นภาพสวยๆทำให้ผมรู้สึกคิดถึงทางบ้านมากๆๆๆ

หวัดดีครับพี่น้องชาวเชียงตุงทุกท่าน
จากบ้านเกิดเมืองนอนมานานรู้สึกคิดถึงบ้านมากๆ
สงกราณ์นี้ไปเล่นน้ำที่เชียงตุงกันดีไหมครับ

ใครอยากคุยกับผม ได้เลยครับ
0840658198
อยู่แถวพระราม 5 ครับ ยินดีพูดคุยกับทุกคนครับ

ฟังเพลงเชียงตุงแล้วอยากกลับบ้านจริงๆ
โดยเฉพาะข้าวฟืนอยากกินมากๆ
ที่กรุงเทพมีขายที่ไหนบ้างครับ
ใครรู้ช่วยบอกที ไม่ได้กินมานานแล้วครับ

ต้องขอบคุณท่านที่ไปถ่ายบรรยากาศของเมืองเชียงตุง
มาให้ดูมากๆ ถ้ามีอีกช่วยเอาลงให้หน่อยนะครับ
จะติดตามตลอดครับ
ทำได้ดีมาก
ขอยกมือให้

อยู่ที่ไหนก็ไม่สนุกเท่าเชียงตุงหนอ
สงการณ์ปีนี้จะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนเล่นน้ำให้สนุกก่อนครับ ใครอยากไปด้วยเชิญครับ
กลับคนเดียวรู้สึกว้าเหว่เดียวดาย
ตอนนี้อยู่ที่กรุงเทพครับ

หวัดดีพี่ๆเชียงตุงทุกคน
ดีใจมากที่ได้มีโอกาสเปิดเข้าดูเว็ฟที่เกี่ยวกับเชียงตุง
ตอนแรกนึกว่าคงไม่มีมั่ง พอเปิดเจอดีใจจริงๆ
เห็นใครต่อใครที่อยู่ทางเชียงตุง เขียนข้อความให้ได้อ่านดู
ก็เลยอยากเขียนดูบ้าง ได้รู้จักที่อยู่หมู่บ้านด้วย
ซึ่งเราก็อยู่ไม่ไกลกันสักเท่าไหร่หนอ
ไม่นานเกินรอก็จะกลับแล้วครับ

ดีใจจริงๆครับ ที่ได้รู้จักพูดคุยกับชาวเชียงตุงที่ไม่ลืมบ้านเกิดเมืองนอน ผมก็เหมือนกันครับ รักเชียงตุงมาก
เพราะมีเหตุจำเป็นจึงต้องจากมาชั่วคราว
ไม่นานคงกลับแน่นอน เก็บตางค์เยอะๆก่อนครับ

อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเดือนหกแล้วครับ ใครจะไปก็เก็บตางค์ตั้งแต่ตอนนี้ครับ

ดีใจจริงๆครับ ที่ได้รู้จักพูดคุยกับชาวเชียงตุงที่ไม่ลืมบ้านเกิดเมืองนอน ผมก็เหมือนกันครับ รักเชียงตุงมาก
เพราะมีเหตุจำเป็นจึงต้องจากมาชั่วคราว
ไม่นานคงกลับแน่นอน เก็บตางค์เยอะๆก่อนครับ

อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเดือนหกแล้วครับ ใครจะไปก็เก็บตางค์ตั้งแต่ตอนนี้ครับ

สรียินดีครับ กับจาวหมู่ปี้น้องเมิงเจงตุ๋ง... ที่ได้เข้ามาเอิ้นเอยกั๋น

อย่างใดก็มาอู้มาจ๋ากันได้เน้อครับผม

หวัดดีทุกๆคนครับ..ผมได้เข้ามาหันแล้วก็ดีใจ๋ครับที่ได้มาอู้จ๋ากันกับคนเจงตุ๋งตวยกั๋น..หันแล้วอยากกลับบ้านครับ แต่ก็ไม่นานก็จะได้ไปปิกตุ๊แล้วครับ ที่บ้านเจงต้างนั้นแหละครับหวังว่าคงจะได้ปะกับท่านมหาทั้งหลายนะครับบบ

หวัดดีเพื่อนๆพี่ๆน้องเชียงตุงทุกๆคน อีกไม่กี่เดือนก็จะถืงสงการณ์แล้วเราเองก็คิดถืงบ้านมากเหมือนกันเราจะกลับบ้านเดินกุมพานี้แล้วใครอยากฝากความคิดถืงไปให้คนที่เชียงตุงบ้างบอกมาได้น่ะหรือว่าใครอยากกลับไปพร้อมกับเราก็ได้ ถาหากวาเพื่อนๆอยากพุดคุยกับเราได้ที่ 0855075***ได้เลยค่ะ

เสาร์แจ้ง สบายดีมัย เราเองนวลกาดเต่า ไม่นึกเลยว่าจะมาพบเพื่อนคนนี้ ใว้เจอกันที่บ้านนะ อิยง

หวัดดีครับทุกๆคน ฟังเพลงแล้วคิดถึงบ้านจังเลยครับ ...แต่ก็จะได้กลับบ้านแล้วละครับ...

เฮ้อ...คนเจงตุ๋งหายไปไหนหมดเนาะ..ว่างๆก็เข้าอู้กั๋นพ่องเน้อ คิดถึงบ้านนนจัง....

ขออนุญาตเจ้าของบอร์ดคุณศศิศเน้อ..เนื่องจากว่ามีพระเณรและคนเชียงตุงมาเยี่ยมชมกันเป็นจำนวนมากเลยอยากจะขอใช้พื้นที่นี้ให้เป็นประโยชน์หน่อยนะคงไม่ว่ากันนะครับ............ขอเชิญ/นิมนต์พระภิกษุสามเณรและพี่น้องชาวเชียงตุง ท่าขี้เหล็ก เมืองยาง เมืองยอง เมืองม้า เมืองลา เมืองสิบสองปันนา ที่เป็นสมาชิกกลู่มอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมพื้นเมืองทุกๆรูปเข้าประชุมสัมมนาหาลือโดยพร้อมกัน ที่วัดอมรคีรี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ในวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2551 ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป

พระมหาใส่น้อย กาดเต่า 0832941016

สรียินดีครับท่านมหา เต็มที่เลยครับ ไว้ว่าง ๆ ถ้าได้ล่องไปเมืองกอกจักไปไหว้สาเน้อครับ

รับทราบแล้วครับท่านมหา ผมจะไปร่วมประชุมที่วัดอมรคีรี อย่างแน่นอน เพราะผมเป็นสมาชิกและทีมงาน
ที่คอยส่งเสริมและร่วมทำงาน มาตั้งแต่แรกเริ่มตั้งกลุ่มแล้วครับ
ไม่ทราบว่าสมาชิกท่านอื่น จะรู้กันหมดหรือเปล่าหนอ
ขอให้ท่านช่วยประสานงานติดต่อให้ไปกันเยอะๆนะครับ
เพราะจะได้รับทราบ ในนโยบายของเราและแบ่งหน้าที่กัน
รับผิดชอบต่อไป
ผมไปอบรมที่วัดสร้อยทองกลับมาวัดวันนี้เอง

ช่วงวันที่ 4-7 กุมภานี้ ขอดูหนังสือสอบก่อนนะครับ
เพราะปีนี้ผมเอาจริงครับ เป็นกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ
เพื่อคณะของเราและ ชาวเชียงตุงทั้งหมดครับ

วันสอบจริง วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2551 ครับ

ปีนี้เราส่งรายชื่อเข้าสอบ ในระดับชั้น ป.ธ. 6-7-8-9 หลาย
รูปครับ ช่วยส่งแรงใจให้ด้วยนะครับ

ขอยินดีต้อนรับคุณโยมศศิดทุกเวลาครับ

จากพระมหาเชียงตุง ในกรุงเทพ

หวัดดีครับ พี่นอ้งชาวเชียงตุงทุกท่าน
ผมเข้ามาทำงานที่ประเทศไทยเป็นเวลา 10 ปีแล้ว
ได้มีโอกาสเข้ามาชมเป็นครั้งแรก
รู้สึกคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนมาก ช่วงนี้ยังไม่มีกำหนดกลับครับ
ขอฝากความคิดถึงไปยังพี่น้องชาวเชียงตุงด้วย

สหวัดดี พี่น้องเชียงตุงทุกคน

คิดถึงเมืองเชียงตุงที่สุดเลย จากมา 3 ปีก่วาแล้ว
ใครจะกลับ ช่วยบอกด้วย เดือนกุมภานี้เราก็จะกลับไปเยี่ยมบ้านครับ

อยากกินข้าวฟืนมากๆ กับถั่วเน่าตำ

สวัสดีปี่น้องทุกๆคนจาวเจียงตุงเฮาตี่ได้เข้าทำการทำงานในเมืองไทยผมได้เข้ามาในเวปนี้แล้วได้หันหลายๆอย่างก็มีความยินดีตี่จาวเจียงตุงเฮายังบ่ลืมบ้านเกิดเมืองนอนสุดท้ายนี้ก็ขอหื้อทุกคนมีความสุขมากๆ

สวัสดีครับพี่น้องชาวไตทุกท่าน สบายดีไหม
ผมอยู่เชียงใหม่นะ อยู่นี่มานานแล้ว คิดถึงบ้านเรานะ
แต่อย่างไรผมก้อกลับบ้านทุกปีเลย
คิดว่าเรียนจบแล้วก้อจะกลับบ้าน
ไปทำหน้าที่ของชาวไตให้ครบถ้วน
ไปร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง
นี่เป็นเจตนารมณ์ของผมนะ ใครคิดแบบผมบ้างครับ
อ้อ..พี่น้องทุกท่าน อย่าอยู่เมืองไทยนานจนเพลินไม่อยากกลับบ้านนะ เดี๋ยวความจำจะเสื่อม คือลมประเทศชาติ ประเพณีวัฒนธรรมนะ อย่างลืมนะ
ขอให้ทุกท่านมุ่งมั่นเรียนให้จับแล้วกลับบ้านนะ
ที่นั่นมีงานให้ทำมากมายเลย เราจะไปร่วมกันสร้างบ้านเมืองเราให้ดีขึ้นกว่านี้นะ พี่น้องชาวไตทุกคน

จาก...คนศิวิไลย์

ทุกคนคิดเหมือนกันไหมว่า
บ้านเมืองเรายังต้องการคนที่เป็นยอดคน
เพื่อไปพัฒนาประเทศชาตินะ หรือไม่ถึงขนาดนั้น
ก้อได้แค่คนที่มีความมุ่งมั่น เอาใจใส่บ้านเมือง
ทั้งด้านศาสนา และภาษา การเมือง เศรษฐกิจสังคม
เราว่านะน่าจะดีมากเลย
หรือถ้าไม่ถึงขึ้นนั้น ก้อแค่เราทุกคนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ก้อจะมีพลังมากมากในการพัฒนาประเทศชาตินะ
เพื่อนๆทุกคนมีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้างละ
แสดงความคิดเห็นมาด้วยนะ
ปัจจุบันนี้ เรามีโอกาสมากกว่าในอดีตอย่างมากเลย

จาก...คนศิวิไลย์

เห็นด้วยเป็ยอย่างยิ่งครับ เพราะถ้าเราต่างคนต่างอยู่
ไม่ร่วมมือกันคงลำบากครับ ต้องรวมสมองกัน อย่าหันหลังให้แผ่นดินเกิดเป็นอันขาด ทุกวันนี้บ้านเมืองเราต้อง
การความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ใครอยู่ทั่ไหน
ก็อย่าอยู่เพื่อเอาตัวรอดคนเดียวครับ ให้กลับไปดูแลบ้าน
เกิดเมืองนอนบ้าง ทำอะไรได้ก็ขอให้ช่วยกันทำไปก่อน

แอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าวันหนึ่งเราต้องมีประเทศและเพลงชาติ
เป็นของเราแน่

ยินดีที่ได้รู้จักกับคนเชียงตุงทุกท่าน
ผมก็เป็นคนเชียงตุงเช่นกัน เข้ามาประเทศไทยหลายปีแล้วครับ ยังไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนเลยครับ
คิดว่าสงการณ์ปีนี้จะกลับไปเที่ยวบ้านสักหน่อย

ใครอยากไปกับผมก็เชิญครับ

ปีนี้ผมยังไม่กลับครับ รอปีหน้าก่อน เพราะผมพึ่งจะเข้ามาประเทศไทยยังไม่นาน ยังไมได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย

สงการณ์ปีหน้าค่อยไปเจอกันครับ

ผมจากบ้านเกิดเมืองนอนมา เป็นเวลา 3 ปีแล้ว
ยังไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเลย รู้สึกคิดถึงมาก
ปีหน้าคงกลับไปแนะนอน

ใครไปเที่ยวสงการณ์ที่เชียงตุงปีนี้ ช่วยเที่ยวเผื่อผมด้วย

สวัสดีพี่ๆน้องๆทุกๆคนไม่ได้มาเยี่ยมซะนานเลย เวลามีแต่ไม่ค่อยว่าง อิ อิ เป็นไงบ้างครับคงสบายดีกันทุกคนนะ ส่วนตัวผมสบายดีแต่ไม่มีตังค์ใช้55+พอดีเพิ่งกลับจากเชียงตุงมาได้ไม่นานกลี่นอายแห่งเชียงตุงยังไม่จางหายจากใจผมเลยขนาดนอนหลับยังฝันถึงแต่เชียงตุงๆอยู่ตลอดเลย แน่ๆคงมีใครคิดนอกลู่นอกทางกับผมแน่เลย ผมคิดถึงและฝันถึงบ้านเกิดเมืองนอนไม่ใช่สาวๆอันนี้ผมขอรับรอง อิ อิ(ออกตัวก่อน)
มาเถอะพี่น้องชาวไตยขืนไตยลื้อเรามาร่วมกันอนุรักษ์ภาษาแลวัฒนะธรรมให้อยู่คู่กับแผ่นดินของเรา อย่าอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถเลยเพราะว่าพวกท่านยังไม่ได้แสดงออก หนึ่งแรงใจหนึ่งแรงกายของท่านมันจะช่วยทำให้เรากล้าพูดได้ว่าเรามีภาษาและวัฒนะธรรมเป็นของตัวเองแม้ไม่มีแผ่นดินเป็นของตัวเอง

สวัสดีพี่ๆน้องๆทุกๆคนไม่ได้มาเยี่ยมซะนานเลย เวลามีแต่ไม่ค่อยว่าง อิ อิ เป็นไงบ้างครับคงสบายดีกันทุกคนนะ ส่วนตัวผมสบายดีแต่ไม่มีตังค์ใช้55+พอดีเพิ่งกลับจากเชียงตุงมาได้ไม่นานกลี่นอายแห่งเชียงตุงยังไม่จางหายจากใจผมเลยขนาดนอนหลับยังฝันถึงแต่เชียงตุงๆอยู่ตลอดเลย แน่ๆคงมีใครคิดนอกลู่นอกทางกับผมแน่เลย ผมคิดถึงและฝันถึงบ้านเกิดเมืองนอนไม่ใช่สาวๆอันนี้ผมขอรับรอง อิ อิ(ออกตัวก่อน) ผมก็ไม่ได้กลับบ้านมาสองสามปีแล้วพอกลับไปบรรยากาศก็ยังเหมือนเดิมแต่ที่แตกต่างจากเดิมก็คือความเจริญ ความเจริญมันกำลังเข้าสู่เชียงตุงมันจะทำให้ภาษาและวัฒนะธรรมอันดีงามของเชียงตุงเปลี่ยนไปและหายไปในที่สุด ผมมาคิดดูแล้วความเจริญก็เป็นสี่งที่ดีเพราะมันทำให้คนเราสะดวกสะบายได้เห็นวิวัฒนาการณ์ทางสังคมโลกอย่างกว้างขวาง แต่นั่นมันกำลังจะค่อยๆกลืนความเป็นตัวของตัวเองให้จางหายไปทีละนิดๆเพราะว่าคนเชียงตุงส่วนมากยังด้อยการอบรมฝึกฝนให้รักชาติภาษาวัฒนะธรรมอยู่มากพอความเจริญเข้ามาวัฒนะธรรมต่างชาติก็จะหลั่งไหลเข้ามามันก็จะทำให้คนเชียงตุงไหลไปตามกระแสแห่งความเจริญนั้นจนลืมว่าตัวเองนั้นมีภาษาพูดภาษาเขียนเป็นของตัวเองอยู่ ฯ

มาเถอะพี่น้องชาวไตยขืนไตยลื้อเรามาร่วมกันอนุรักษ์ภาษาแลวัฒนะธรรมให้อยู่คู่กับแผ่นดินของเรา อย่าอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถเลยเพราะว่าพวกท่านยังไม่ได้แสดงออก หนึ่งแรงใจหนึ่งแรงกายของท่านมันจะช่วยทำให้เรากล้าพูดได้ว่าเรามีภาษาและวัฒนะธรรมเป็นของตัวเองแม้ไม่มีแผ่นดินเป็นของตัวเอง

สวัสดีครับ คนเชียงตุงทุกคน และคนกาดบุ้ง ผมก็คนกาดบุ้งนะ ชื่อหนานหลวง บ้านลาบ ก็อยากรู้จักทุกนะครับยินดี
numdevil@hotmail.com

สวัสดีเจ้าปี้น้องจาวเจียงตุงทุกรูปทุกคน
เป็นคนเจียงใหม่ อยู่บ้านเมืองวะสนใจ๋เมืองเชียงตุงมาเมินแล้ว ฮู้จากคนเฒ่าคนแก่ว่าถูกต้อนมาจากเชียงตุงมากันเป็นหมู่บ้าน พอมาอยู่ก็ตั้งจื้อหมู่บ้านเหมือนในเชียงตุง ข้าเจ้าไค่ฮู้ว่าบ้านเมืองวะตี้เจียงตุงอยู่ตังได ไกล๋จากตัวเมืองนักก่อ ปิดเทอมหน้าว่าจะจวนพรรคพวกไปแอ่วผ่อบ้านผ่อเมือง เต้าตีหันในฮูปหันบ้านหันจองแล้วกึดเติงหาบ้านเฮาสมัยก่อน วันนี้อู้เต่าอี้ก่อนเน่อเจ้า

สวัสดีเจ้าปี้น้องจาวเจียงตุงทุกรูปทุกคน
เป็นคนเจียงใหม่ อยู่บ้านเมืองวะสนใจ๋เมืองเชียงตุงมาเมินแล้ว ฮู้จากคนเฒ่าคนแก่ว่าถูกต้อนมาจากเชียงตุงมากันเป็นหมู่บ้าน พอมาอยู่ก็ตั้งจื้อหมู่บ้านเหมือนในเชียงตุง ข้าเจ้าไค่ฮู้ว่าบ้านเมืองวะตี้เจียงตุงอยู่ตังได ไกล๋จากตัวเมืองนักก่อ ปิดเทอมหน้าว่าจะจวนพรรคพวกไปแอ่วผ่อบ้านผ่อเมือง เต้าตีหันในฮูปหันบ้านหันจองแล้วกึดเติงหาบ้านเฮาสมัยก่อน วันนี้อู้เต่าอี้ก่อนเน่อเจ้า

หวัดดีพี่น้องชาวเชียงตุงเชียงใหม่ทุกท่าน
ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยือนเสียนาน รู้สึกคิดถึงมาก พอดีปีนี้
ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนมาเมื่อวันที่ 21-31พฤษภา 51เป็นเวลา 10 วัน ใจนั้นอยากอยู่นานๆ แต่เป็นห่วงเรื่องการเรียน ซึ่งก็ใกล้จบแล้วครับ สิ่งที่ภูมิใจและดีใจที่สุดในการกลับไปเชียงตุงครั้งนี้คือ การได้ไปเห็นเด็กๆวัยรุ่นหนู่มๆสาวที่เชียงตุงยังสนใจรักในการเรียนภาษาพื้นเมืองกันอย่างคึกคัก ในช่วงปิดเทิม ไปเที่ยววัดไหนก็ได้เห็นเด็กนั่งเรียนหนังสือกันเต็มไปหมด แสดงว่าเด็กสนใจอยากเรียนจริงๆ แต่ที่ขาดก็คือครูผู้สอนครับ เพราะจำนวนเด็กเยอะมากต้องแบ่งหลายห้อง ก็อยากเชิญชวนเพื่อนๆที่อยากส่งเสริมการศึกษาของเด็กๆ ไปช่วยกันปีลธ หนึ่งเดือน ช่วงปิดเทิม ถ้าไม่สามารถไปได้ก็ช่วยเป็นอย่างอื่นก็ได้ คิดว่าปีหน้าจะขึ้นไปเช้าหน่อย และเมื่อจบการศึกษาแล้วก็จะกลับไปช่วยพัฒนาการศึกษาที่เชียงตุงครับ
ไม่นานเกินรอครับ

ใครสนใจอยากพูดคุยก็ยินดีครับ
จะแวะมาเยี่ยมเยือนทุกวันเลย ขอให้เข้ามาพูดคุยกันเยอะๆ จะได้ปรึกษาหารือและทำความรู้จักกันมากขึ้น

พูดคุยได้ทุกเรื่องสบายๆ เป็นกันเองไม่ต้องใช้ศัพท์ยาก
คนเชียงตุง 100% ครับ ไม่แน่บ้านเราอาจจะอยู่ใกล้กันก็ได้ใครจะไปรู้
อยู่ประเทศไทย 13 ปีแล้วครับ กลับไปเที่ยวเชียงตุงทุกปี ปีไหนมีเวลาเยอะก็ไปนานหน่อย ยิ่งอยู่นานยิ่งไม่อยากกลับมาเลยครับ เพราะอบอุ่นดี

หวัดดีครับ ไม่มีใครตอบเลย เงียบเชิยบมาก ว่างๆ
แวะมาเยี่ยมเยือนทักทายกันหน่อยครับ

อยากพูดคุยกับทุกคน รับปากว่าจะแวะมาบ่อยๆครับ

หวัดดีทุกคนครับ
อยากจะขอแจ้งให้พระภิกษุสามเณรเชียงตุง ที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศไทยได้ทราบว่า ขณะนี้ต้องการผู้ช่วยแปลหนังสือธรรมบท ภาษาไทย ภาค ๑-๘ เป็นภาษา
พืนเมืองเชียงตุงครับ เพื่อจะนำไปเป็นหลักสูตรพระภิกษุสามเณรที่เชียงตุงได้เรียนกันครับ ภาค๑-๔ เป็นของประโยค ๑-๒ ภาค๕-๘ เป็นหลักสูตร ประโยค ๓ ขณะนี้
กำลังแปลอยู่ ท่านใดสนใจอยากช่วยชาติและส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนาเมืองเชียงตุงก็เชิญครับ
ติดต่อมาที่ 08-4065-8198 ได้ทุกเวลา

หวัดดีอีครั้ง
ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมสมองหันหน้า
มาปรึกษาหารือกัน ช่วยวางแผนในระยะสั้นและรยะยาว
เพื่อเตรียมการรองรับสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในวันข้างหน้า เราจะช่วยกันรับมืออย่างไร
เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ถึงคุณค่าของภาษาและวัฒนธรรมที่กำลังจะถูกกลืนให้หายไปอยู่ทุกวัน มาช่วยกันวางแผนหน่อย ทำในสิ่งที่เราทำได้ก่อนครับ

วันนี้ พบกันเท่านี้ก่อนครับ

หวัดดีทุกคนครับ
กลับมาตามสัญญา ช่วงนี้พวกเราเงียบกันหมดเลยนะ
อย่าลืมเข้ามาคุยกันบ้าง ยังคอยว่าจะมีใครหนอที่จะเข้ามาทักทายกัน

พรุ่งนี้จะแวะมาใหม่

หวัดดีทุกคนครับ
กลับมาตามสัญญา ช่วงนี้พวกเราเงียบกันหมดเลยนะ
อย่าลืมเข้ามาคุยกันบ้าง ยังคอยว่าจะมีใครหนอที่จะเข้ามาทักทายกัน

พรุ่งนี้จะแวะมาใหม่

หวัดดีทุกคนครับ
กลับมาพบกันอีกเช่นเคย ยังไม่เจอพวกเราเลย
ใกล้วันเข้าพรรษาเต็มทีแล้ว ขอให้พวกเราจงชำระจิตใจให้สะอาด อธิษฐานงดเว้นสิ่งที่ไม่ดีตลอดช่วงพรรษา ๓
เดือนนี้ ก็จะเป็นสิริมงคลแก่ตนเองไม่น้อย
หรือถ้ามีเวลาอยากไปทำบุญแบบเชียงตุงก็ขอแนะนำให้พวกเราไปที่ครอง 13 โน้น
ทุกอย่างจะเป็นแบบเมืองเชียงตุงหมดเลย
ใครสนใจหรืออยู่ใกล้แถวๆโน้นก็อย่าลืมไปก็แล้วกัน

ส่วนในช่วงกลางพรรษา ที่วัดครอง 13 ก็จะมีการเทศ
มหาเวสสันดร แบบเชียงตุงด้วย ใครยังไม่เคยไปก็ขอเรียนเชิญ

เรื่องแปลธรรมบทอ่ะครับ ทำไงบ้างหรอครับ แล้วเรี่มแปลกันรึนังครับ พอดีพึ่งได้เข้ามาอ่ะครับ ขอทราบรายละเอียดหน่อยครับ

สหวัดดีครับ
ท่านมหาพี่สามนวล ยินดีที่ได้รู้จักครับ
เรื่องการแปลธรรมบท ทั้ง ๘ ภาค เป็นภาษาขืน โดย้
อรรถนั้นแปลเรียบร้อยและพิมพ์ออกมาแล้วครับ
เหลือแต่พยัญชนะครับ ทางคณะสงฆ์เชียงตุงก็เลยมองเห็นว่า ผู้ที่จะสามารถแปลได้ดีและทำออกมาได้ก็คงไม่มีใคร นอกจากท่านพระมหาทั้งหลายที่มาศึกษาบาลีโดยตรง ก็เลยจัดการประชุมขึ้นที่วัดท่ากระดาษเชียงใหม่ แล้ว รวบรวมรายชื่อพระมหาที่มาจากเมืองเราทั้งหมด ที่เห็นว่ามีความสามารถในด้านการแปลภาษา เป็อย่างดีแล้ว
แบ่งกันแปล ภาคละ 2 รูปครับ

รายชื่อผู้แปล ธรรมบททั้ง ๘ ภาค มีดังนี้ครับ
ภาค 1-2 โดยพระมหาขันคำ ป.ธ.๙ แปลเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
ภาค 3 โดยพระมหาแสงแดง พ.ม.จอม เชียงใหม่
ภาค 4 โดย พระมหาแก้วใฝ่ พ.ม.ทิพย์ เชียงใหม่
ภาค 5 โดย พระมหายี่นวล เชียงใหม่
ภาค 6 โดย พระมหาใส่น้ำ(ครอง 13)พ.ม.ดวงทิพย์ป.ธ ๘
ภาค 7 โดย พระมหาใส่น้อย พ.ม.ทิพย์(ร้องทอง) กรุงเทพ
ภาค 8 โดยพระมหาบุญทิพย์ วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพ

กรรมการที่ปรึกษา การแปลหลักสูตร
1.สมเด็จอาชญาธรรมพระเจ้า วัดหลวงเชียงยืน
2.พระครูบาสาม วัดหัวข่วง 3. พระครูบาทิพย์ วัดสายเมือง
4.พระครูบายี่นวล วัดจอมคำ5.พระสวาทิสามนวลเชียงใหม่
6.พระสวาทิชายน้อย อเมริกา 7.พระแสงศรี วัดหัวข่วง
8.พระมหาแก้ว หัวข่วง 9. พระสามแปง ป่าแดง
10. หลวงพี่ทิพย์ วัดเชียงแล 11. พระยี่ปวก วัดสายเมือง
12.หลวงพี่อิน วัดสายเมือง 13.พระมหาแสงหาญ วัดสายเมือง 14. คณะโคปก กรมการศาสนาเมืองเชียงตุง

กรรมการตรวจสอบ สำนวนการแปล
1.พระครูบาทิพย์ วัดพระธาตุสายเมือง 2.พระมหาจอม เชียงใหม่ 3. กรมการศาสนาเชียงตุง

กำหนดวัน ให้แปลเสร็จก่อนออกพรรษานี้ครับ
บางท่านยังไม่ลงมือแปล บางท่านก็แปลเสร็จไปแล้ว

ต้องขอขอบคุณท่านหลวงพี่มหาสามนวล เป็นอย่าสูงที่ท่านสนใจอยากทราบรายละเอียดในการแปลหลักสูตรในครั้งนี้ ทำให้ผมรู้สึกอยากรู้จักท่านมากขึ้นจริงๆครับ คุ้นๆครับ ไม่แน่เราอาจอยู่ใกล้กันก็เป็นได้ ใช่ไหมครับ
ถ้าพี่มหาอยากช่วยเหลือในการแปลภาคไหนก็ติดต่อได้ครับ ตั้งแต่ภาค 3-8 คิดว่ายังต้องการผู้ช่วยแบ่งเบาอยู่ครับ ฟ้อนภาษาขืนก็มีให้ครับ หรือจะเขียนด้วยลายมือก็ได้ เพราะจะมีผู้รับพิมพ์อีกทีหนึ่ง
ยึดฉบับของ สามเณรอุทิศครับ ภาค 1-4 ดร.อุทิศชำระใหม่แล้ว รู้สึกง่าย ภาค 5-8 รู้สึกยังเป็นสำนวนเก่าอยู่ ถ้ามีหนังสือไว้แล้วก็สบายครับ อยากจะแปล ภาคไหน ครึ่งหน้าหรือครึ่งหลังก็ได้ครับ ยินดีเป็นอย่างมาก เพราะอยากให้พวกเรามีส่วนร่วมและบรรทึกไว้ในประวัติศาสตร์ครับ

ขอแจ้งให้พระภิกษุสามเณรเชียงตุงได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2551 เวลา 14.00น. ทางคณะอนุรักษ์ภาษและวัฒนธรรมพื้นเมือง ได้นัดประชุม สรุปงาน ในการขึ้นไปปฏิบัติศาสนกิจ เปิดสอนภาคฤดูร้อน แก่นักเรียนนักศึกษา ทั่วทั้งเชียงตุง เป็นปีที่ 6 ซึ่งสิ้นสุดโครงการเมื่อเดือน พ.ค. 2551

ในที่ประชุม ได้ร่างโครงการหลักสูตรภาคร้อน 9 ชั้น
ซึ่งเป็นหลักสูตรระยะยาว เสนอที่ประชุม และได้ตกลงแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบไปในแต่ละชั้น ส่วนเนื้อหาหลักสูตรนั้นได้กำหนดหัวข้อไว้แล้ว ให้ไปค้นคว้ารวบรวมตาม
ห้องสมุดหรือแหล่งข้อมูลที่จะหาได้ ส่วนรายละเอียดต่างๆมีอะไรบ้างนั้น สามารถติดต่อได้คณะอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมพื้นเมืองได้
หลักสูตรนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้าเราไม่ช่วยกันทำ
จะให้ใครมาทำให้ครับ ฉะนั้น เราต้องช่วยกัน ต้องแสดงศักยภาพของแต่ละท่านให้เต็มที่ คิดว่าคงไม่เกินความสามารถของพวกเราแน่

ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ว่าผมไม่เคยแปลมาก่อนเลย สำนวนเป็นยังไงบ้าง ก็อยากขอคำแนะนำจากท่านมหาทุกๆท่านด้วยนะครับ อ้อ..ลืมแนะนำตัวผม มหาสามนวล บ้านยางขวาย เมืองลัง พึ่งกลับไปปิกตุ๊เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านเองครับ ปิกที่เชียงต้างแหละครับ ก็มีอะไรที่ผมพอจะช่วยเหลือได้ผมก็จะทำให้สุดความสามารถเท่าที่จะทำได้ครับ ตอนนี้อยู่กรุงเทพครับ แล้วยังไงผมจะติดหาท่านอีกทีนะครับ....

หวัดดีครับท่านพี่มหาสามนวล ผมพึ่งรู้ครับว่าท่านอยู่บ้านยางขวาย ยินดีมากที่ได้รู้จักท่านเพิ่มขึ้นอีกรูปหนึ่ง
ถ้าจะบอกว่าบ้านยางขวายก็คือบ้านของผม ก็คงจะไม่ผิดครับ เพราะผมมีพ่อออกแม่ออกอยู่ที่บ้านยางขวายเกือบ 20 คนเลยทีเดียว เมื่อผมเป็นเณรได้ไปเทศธรรมมัทรีปลายแล้วได้ แม่ออกสาว 12 คน ครับ ชื่อแม่ออกนั้นจำไม่ค่อยได้แล้ว เพราะผ่านมาเกือบ 12 ปีแล้ว แต่ผมจำบ้านแม่ออกได้ เพราะอยู่ไม่ใกลวัดเท่าไร แม่ออกเขาเคยไปที่บ้านเชียงต้างหลายครั้งด้วยกัน แม่ออกเขาน่าจะจำผมได้

พ่อออกหนานบุญก็ใช่ครับ ปีที่แล้วเขาไปเจอผมที่วัดเชียงต้างอยู่ ถ้ามีโอกาสกลับไปก็จะไปเที่ยววัดยางขวายอยู่ครับ คิดถึงเหมือนกัน
ผมได้ยินข่าวอยู่ครับเมื่อวันที่ท่านปิ๊กตุ๊ แต่ไม่ทราบว่าเป็นท่าน ก็รู้สึกดีใจครับ
ผมจะแวะเข้าอ่านมาเกือบทุกวันครับ มีข่าวอะไรก็จะมาแจ้งให้ได้รับรู้อยู่ตลอดครับ
บางท่านอาจจะไม่เคยเข้ามาดูหลอกครับ ตอนแรกผมก็เปิดหาข้อมูลเล่นๆ พอมาเจอก็เลยอ่านๆดู ก็เข้าท่าดี
คืนนี้ผมนอนดึกกว่าทุกคืนครับ เพราะต้องทำรายงานเยอะ พอนึกได้ก็เลยแวะเข้ามาดู
เรื่องที่อยากคุยยังมีเยอะครับ ไว้พูดคุยกันต่อฉบับหน้า
คืนนี้ขอนอนก่อนครับ..................

อดใจรอสักนิดนะครับท่านมหา เข้าพรรษาเรียบร้อยก่อน ผมจะส่ง Fonts ภาษาขืน และตัวอย่างสำนวนการแปลธรรมบทมาให้ เพื่อจะได้ช่วยกันแปลให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ใช้เวลาหน่อยไม่เป็นไร เพราะต่างก็มือใหม่หัดแปลเป็นครั้งแรกเหมือนกันทั้งนั้น
ค่อยเป็นค่อยไป ไม่แน่ อนาคตอาจเป็นนักเขียนระดับชาติก็เป็นได้ใครจะไปรู้

นี้คือ E-mail:ของผมครับ
somboon_mcu@hotmail.com

ให้ทุกคนพยายามหน่อยนะ
แต่ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
ให้มั่นคงแข็งแรง
เพื่อชาติ ศาสนา และประชาธิปไตย

หวัดดีทุกคนครับ พบกันอีกเช่นเคย
วันนี้เวลา 13.00น.พระภิกษุสามเณรคณะอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมพื้นเมืองเชียงตุง ที่อยู่ในกรุงเทพทั้งหมดได้พากันไปสมมาคารวะท่านเจ้าคุณพระครูบาวิสุทธิสุนทรเจ้าอาวาสวัดอมรคีรี ตามที่ได้ปฏิบัติกันมาเป็นประจำทุกปีหลังจากเข้าพรรษา ซึ่งถือว่าพระครูบาท่านเป็นผู้ที่มีพระคุณและได้ช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรเชียงตุงเป็นอย่างมาก รวมทั้งได้ขึ้นไปช่วยส่งเสริมการศึกษาและสร้างโรงเรียนให้แก่พระภิกษุสามเณรเชียงตุงหลายที่ด้วยกัน
ทุกครั้งที่มีโอกาสเข้าไปกราบท่าน ท่านจะพูดตลอดเวลา
ว่า อย่าลืมกลับไปช่วยกันพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตน และให้ช่วยกันทำหนังสือหลักสูตรออกมาให้เยอะๆ
ท่านเข้าใจและเป็นห่วงเป็นใยเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองเราเป็นอย่างดี
ท่านพระครูบายังได้ยกที่ดินคลอง 13 ให้สร้างเป็นศูนย์รวมของพี่น้องชาวเชียงตุงอีกด้วย
ปีนี้มีพระจำพรรษา 6 รูป ซึ่งกลางพรรษานี้ก็จะตั้งธรรมมหาเวสสันตรแบบเชียงตุงอีก ได้กำหนดเอาวันที่ 12-13 กันยา 51 ซึ่งตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ เป็นวันตั้งธรรม
พระภิกษุสามเณรท่านใดยังไม่เคยไปและอยากไปก็นิมนต์ครับ

อีกอย่างหนึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมรายชื่อพระภิกษุและสามเณรเชียงตุงที่ได้เข้ามาเรียนหนังสือในประเทศไทยทั้งหมด จะทำเป็นหนังสือทำเนียบไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมคลอง 13 เพื่อจะได้รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ กำลังศึกษาอะไรบ้าง เพื่อจะได้ช่วยส่งเสริมเกี่ยวกับทุนการศึกษาและสิทธิในด้านอื่นๆ
หลังจากสมมาพระครูบาและประชุมกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้ถ่ายรูป เก็บที่อยู่ วุฒิการศึกษา เบือร์โทรศัพย์ E:mail ไว้ ได้ประมาณ 30 รูป ที่ยังไม่มาก็ยังมีอีกเยอะ
ดังนั้น จึงแจ้งมายังเพื่อนสหธรรมมิกทุกรูป กรุณาส่งรูปและแจ้งที่อยู่ของท่านมาได้ที่
somboon_mcu@hotmail.com ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามได้ที่ 08-4065-8198 ได้ทุกเวลาครับ กำลังรวบรวมอยู่ จะให้เสร็จก่อนวันตั้งธรรมนี้ครับ
ถึงเวลาที่เราจะต้องรวมพลังกันแล้วครับ จะอยู่แบบเงียบๆต่อไปไม่ได้แล้วครับ
ทุกวันนี้โลกเราแคบลงมาก พรรคพวกและรุ่นพี่ของเราที่ปีกกล้าขาแข็งก็บินไปแถวอเมริกา ศรีลังกา อังกฤษ อินเดียก็มีเยอะครับ จึงเป็นโอกาสดีที่ท่านจะไปศึกษาต่อในวันข้างหน้า ซึ่งทางคณะเราได้ติดต่อประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา ท่านจะรู้จักสังคมที่กว้างขึ้นและมีโอกาสไปได้ไกลแน่ ถ้าท่านกล้าเปิดตัวมารวมพลังและมันสมองกัน

แจ้งให้เพื่อนสหธรรมมิกและญาติโยมทั้งหลายรับทราบอีกครั้งหนึ่งว่า วันที่ 13-14 กันยายน 2551 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ อาทิตย์ เป็นวันตั้งธรรมมหาชาติแบบเชียงตุง ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม คลอง 13 ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ขอเชิญชวนทุกท่านให้ไปกันเยอะๆนะครับ

ขอเชิญชวน เพื่อนสหธรรมิกทุกรูป ที่พอมีมีเวลาว่าง
อยากให้ไปดูงานนิทรรศการ ที่วัดมหาธาตุครับ เขาจัดได้ดีและสวยมากๆ มีสิ่งที่น่าชมน่าดูน่าไปเก็บรูปไว้จริงๆ ผมไปดูมาแล้ว อยู่ตรงด้นหลังพระอุโบสถ ถ้าอยู่ด้านสนามหลวงมองไปจะเห็นตึกสีแดงยาวๆนั้นแหละครับ เดินเข้าไปเลย อันที่จริงงานสิ้นสุดลงตั้งแต่หลังวันมาฆะที่ผ่านมาแล้ว แต่ได้เลื่อนวันออกไปอีก ถึงวันที่ 12 สิงหา วันแม่แห่งชาติ เพื่อให้เด็กๆนักเรียนไปชมกันเยอะๆ เพราะเขาใช้งบเยอะมาก
ไม่อยากให้พลาดโอกาสดีๆนี้ครับ เพื่อจะได้นำเอารูปแบบไปจัดที่บ้านเราครับ น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย

เธ‚เธญเธเธฃเธฒเธšเธ™เธฑเธšเธกเธชเธเธฒเธฃ เธ—เนˆเธฒเธ™เธžเธฃเธฐเธกเธซเธฒเธ—เธธเธเธฃเธนเธ›เธ„เธฃเธฑเธš เธเธฃเธฐเธœเธกเน€เธญเธ‡เธเน‡เน€เธžเธดเนˆเธ‡เธกเธฒเน€เธ›เธดเธ”เน€เธˆเธญเน€เธซเธกเธทเธญเธ™เธเธฑเธ™เนƒเธŠเน‰เธ„เธญเธกเธฏเธกเธฒเน€เธเธดเธš5เธ›เธตเน€เธžเธดเนˆเธ‡เธˆเธฐเธกเธฒเน€เธ‹เธดเธ”เธซเธฒ เธ„เธณเธชเนˆเธฒ "เธงเธฑเธ”เธชเธฒเธขเน€เธกเธทเธญเธ‡" เธ—เนˆเธฒเธ‚เธตเน‰เน€เธซเธฅเน‡เธเน€เธฅเธขเน„เธ”เน‰เน€เธ‚เน‰เธฒเธกเธฒเน€เธˆเธญเน€เธงเธšเธ™เธตเน‰เธญเธฐเธ„เธฃเธฑเธš *-* เธเน‡เธงเนˆเธฒเธˆเธฐเธ™เธญเธ™เนเธฅเน‰เธงเนเธ•เนˆเธžเธญเน€เธ›เธดเธ”เน€เธˆเธญเน€เธฅเธขเธ‚เนˆเธกเธ•เธฒเน„เธงเน‰เน€เธฅเธขเธฅเธฐเธ„เธฃเธฑเธš เธขเธดเธ™เธ”เธตเนเธฅเธฐเธ”เธตเนƒเธˆเน€เธ›เน‡เธ™เธญเธขเนˆเธฒเธ‡เธขเธดเนˆเธ‡เธ„เธฃเธฑเธš เธ—เธตเนˆเธกเธตเน€เธงเธšเธšเธญเธ”เธŠเธฒเธงเน„เธ—เธขเนƒเธซเธเนˆเน€เธฃเธฒ เธ•เธญเธ™เนเธฃเธเธเน‡เธ„เธดเธ”เธงเนˆเธฒเน„เธกเนˆเธกเธตเธกเธฑเน‰เธ‡ เธญเธขเธนเนˆเน€เธซเธกเธทเธญเธ™เธเธฑเธ™ เน€เธกเธทเนˆเธญเธเนˆเธญเธ™เธœเธกเธเน‡เน€เธ„เธขเธšเธงเธŠเธ„เธฃเธฑเธš เธšเธงเธŠเน€เธ“เธฃเน„เธ”เน‰12 เธ›เธต เน€เธ›เน‡เธ™เธžเธฃเธฐเน„เธ”เน‰3เธ›เธต เธ„เธฃเธฑเธšเน€เธฅเธขเธ•เน‰เธญเธ‡เธชเธถเธเน€เธžเธทเนˆเธญเน„เธ›เธเธถเธเธ‡เธฒเธ™ เน€เธฃเธตเธขเธ™เธ—เธตเนˆ เธชเธฃเธฐเธšเธธเธฃเธตเธ„เธฃเธฑเธš เธ•เธญเธ™เธ™เธตเน‰เธœเธกเธญเธขเธธเนˆเธชเธฃเธฐเธšเธธเธฃเธต เธ„เธฃเธฑเธš เน€เธฃเธตเธขเธฃเธ™เธŠเธฑเนˆเธ‡เธญเธดเน€เธฅเธเน‚เธ—เธฃเธ™เธดเธ„ /เธŠเนˆเธญเธกเธ›เธฃเธฐเธเธญเธš/เนเธฅเธ™ เน€เธ™เธ•เธฃเน€เธงเธดเธ„เธฃเนŒ
เธ„เธฃเธฑเธš เธ™เนˆเธฒเน€เธชเธตเธขเธ”เธฒเธขเธ—เธตเนˆ เธกเธตเน€เธงเธฅเธฒเธฃเธฑเธšเนƒเธŠเน‰เธžเธฃเธฐเธžเธธเธ—เธ˜เธจเธชเธฒเธ™เธฒ เธชเธฑเน‰เธ™เน€เธเธดเธ™เน„เธ›
เธเน‡เธ‚เธญเน€เธ›เน‡เธ™เนเธฃเธ‡เนเธฅเธฐเธเธณเธฅเธฑเธ‡เนƒเธˆเนƒเธซเน‰เธžเธฃเธฐเธกเธซเธฒเธ—เธธเธเธฃเธนเธ›เธ„เธฃเธฑเธš เธชเธนเน‰เธชเธนเน‰เน†

ฟ้อน ไทย ผมไม่มีครับครับไม่ทราบว่าใช้ฟ้อนอะไรกันหรอพิมแล้วกด ซับมิส อ่านไม่ออกเฉย

ออได้ละๆ

ขอกราบนับมสการ ท่านพระมหาทุกรูปครับ กระผมเองก็เพิ่งมาเปิดเจอเหมือนกันใช้คอมฯมาเกิบ5ปีเพิ่งจะมาเซิดหา คำส่า "วัดสายเมือง" ท่าขี้เหล็กเลยได้เข้ามาเจอเวบนี้อะครับ *-* ก็ว่าจะนอนแล้วแต่พอเปิดเจอเลยข่มตาไว้เลยละครับ ยินดีและดีใจเป็นอย่างยิ่งครับ ที่มีเวบบอดชาวไทยใหญ่เรา ตอนแรกก็คิดว่าไม่มีมั้ง อยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนผมก็เคยบวชครับ บวชเณรได้12 ปี เป็นพระได้3ปี ครับเลยต้องสึกเพื่อไปฝึกงาน เรียนที่ สระบุรีครับ ตอนนี้ผมอยุ่สระบุรี ครับ เรียรนชั่งอิเลกโทรนิค /ช่อมประกอบ/แลน เนตรเวิคร์
ครับ น่าเสียดายที่ มีเวลารับใช้พระพุทธศสานา สั้นเกินไป
ก็ขอเป็นแรงและกำลังใจให้พระมหาทุกรูปครับ สู้สู้ๆ

เรียนท่านพระมหาบุญทิพย์ ขออนุญาตสอบถามท่านนิดหนึ่งนะครับ ส่วนตัวกระผมเอง ที่เข้ามาในประเทศไทยก็ไม่ได้ทำหนังสือหรือเอกสารใดๆเข้ามา ที่เล่าเรียนได้ก็เพราะมีพระผู้ใหญ่ท่านช่วยเหลือ กระผมไม่ทราบว่าท่านพระมหาทั้งหลายที่ได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนท่านได้ทำเอาสารหรือหนังสือเดินทาง ที่ไหน ทำยังงัย และต้องใช้เอกสารในการทำ อะรบ้างครับ เพื่อจะได้เป็นแนวทางสึบต่อไป
เพราะผมเคยไปติดต่อที่ท่าขี้เหล็กแล้วไม่เป็นการสำเร็จ
ขอท่านมหาโปรชี้แนะให้เป็นแนวทางทีครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้

เธœเธก เธ‡เธ‡ เธ„เธฃเธฑเธš เธ„เธทเธญเน€เธกเธทเนˆเธญเธงเธฒเธ™เธ™เธตเน‰เธงเธฑเธ™เธ—เธตเนˆ 27 เธ.เธ„. 51 เธœเธกเธžเธดเธกเธžเนŒเธ•เธญเธšเธเธฃเธฐเธ—เธนเน‰เน„เธ›
เนเธ•เนˆเธžเธญเธกเธฒเธงเธฑเธ™เธ—เธตเนˆ28 เธเธฃเธฐเธ—เธนเน‰เธ—เธตเนˆเธœเธกเธ•เธญเธšเนเธฅเธฐเธžเธดเธกเธžเนŒเน„เธ›เธซเธฒเธขเธซเธกเธ”เน€เธฅเธขเธ„เธฃเธฑเธš เธ—เธณเน„เธกเน€เธ›เน‡เธ™เนเธšเธšเธ™เธตเน‰เธฅเธฐเธ„เธฃเธฑเธš เธ—เนˆเธฒเธ™เน€เธงเธšเธกเธฒเธชเน€เธ•เธญเธฃเนŒเน‚เธ›เธฃเธ”เธŠเธตเน‰เนเธˆเธ‡เธ—เธฐเนเธซเธฅเธ‡เน„เธ‚เธ—เธต

กำละ เป็นอีกแล้ว

ท่านพระมหายังไม่มาตอบให้เลยน่ะครับ
รอรอรอ

1

ท่านพระมหาครับ เมื่อไหร่จะตอบสักที่ครับ

มาแล้วครับ ขออภัยด้วยที่ตอบช้าไปนิดหนึ่ง
ก่อนอื่นก็ต้องขอเจริญพรและยินดีที่ได้รู้จักพี่ชายอ่อง เมืองท่าขี้เหล็กเป็นอย่างยิ่ง เราน่าจะรู้จักกันตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่สาย อย่าโทษตัวเองเลยครับ ถึงแม้จะอยู่ในฐานะไหนเราก็สามารถที่จะรับใช้พระพุทธศาสนาได้อยู่ ไม่โดยตรงก็โยอ้อม ไม่แน่วันข้างหน้าอาจจะได้เจอกันและเป็นกำลังสำคัญในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองเราก็เป็นได้ใครจะไปรู้ ใช่ไหมครับพี่จายอ่อง ขอให้สู้ต่อไปเป็นกำลังใจให้เสมอ

ขอตอบคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำเอกสารเพื่อเข้ามาศึกษาหรือทำงานดังต่อไปนี้ครับ
1.ถ้าเป็นพระภิกษุสามเณร อันดับแรกถ้ายังไม่มีใบสุทธิหรือ (มัดปุ่งติ่น) ถ้าจะทำต้องใส่ชื่อเส้นเข้าพรรษาอย่างน้อย 3 พรรษา ที่วัดที่เราอยู่ หรือ ไม่ได้อยู่ก็ตามถ้าเราพอรู้จักท่านเจ้าอาวาสวัดไหนก็แจ้งชื่อให้ท่านลงให้ก็ได้อันนี้หมายถึงท่านที่ไม่ได้อยู่ที่เมืองเราขอให้ทำแบบนี้ก็ได้พอเวลาเราไปทำ เขาจะเปิดดูชื่อเส้นเข้าพรรษาของเราย้อนหลัง 3 ปี ว่ามีชื่อจริงหรือเปล่า ถ้ามีเขาจึงจะทำให้ ซึ่งก็มีท่านมหาหลายรูปด้วยกันที่ไปทำที่ท่าขี้เหล็กแต่เขาไม่ทำให้ เพราะไม่มีเส้นเข้าพรรษา บางรูปลงไว้ 2พรรษา
ก็ไม่ได้ สร้างความลำบากให้แก่พวกเราเป็นอย่างมาก เพราะบางรูปต้องการนำมัดปุ่งติ่น ไปทำ Passport ที่ย่างกุ้ง เพื่อเดินทางเข้ามาศึกษาต่อในประเทศไทย หรือ ไปต่างประเทศ ต้องเสียเวลารอนาน แต่สำหรับท่านที่เข้ามาแล้วไม่มีอะไรเลย เรียนหนังสือไปเรื่อยพอสอบไล่ได้เปรียญธรรมตั้งแต่ 3 ประโยคขึ้นไป เกิดอยากเรียนต่อปริญญาตรีก็กลับไปทำ หนังสือเดินทางมาศึกษาได้ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้อย่างสบาย
ที่ควรรู้ไว้อีกอย่างคือ ชื่อ ฉายา ของเราในใบประกาศต้องให้ตรงกับใน มัดปุ่งติ่น และในหนังสือเดินทาง อย่าให้ผิดแม้แต่ตัวเดียว เคยมีตัวอย่างมาแล้ว บางรูปชื๋อฉายา ในใบประกาศไม่ตรงกับหนังสือเดินทาง เมื่อไปถึงศรีลังกาแล้วไปสมัครเรียน ก็มีปัญหาไม่สามารถเรียนต่อได้ ต้องบินกับไปทำมัดปุ่งติ่นใหม่ นี้คือข้อผิดพลาดที่ไม่มีใครแน่นำ

ปัจจุบันนี้มีพระภิกษุสามเณรบ้านเราเข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้งที่เชียงใหม่และกรุงเทพมีจำนวน 20 ก่วารูปแล้ว ที่จบปริญญาโทไปแล้วก็หลายรูป ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเราช่วยกันผลักช่วยกันดันให้เข้ามาเรียนเยอะๆ ใครมีคุณสมบัติครบก็จะส่งเสริมช่วยเหลือทันที ติดขัดตรงไหนก็จะหาทางช่วย พึ่งตื่นตัวกันมาประมาณ 4 ปีนี้เอง
ที่เราช้าไปก็เพราะไม่มีผู้ชี้นำต่างคนต่างอยู่ใครมีโอกาสดีหน่อยก็เอาตัวรอดไป พอเรามีกลุ่มขื้นมาก็เลยวางแผนในการพัฒนาบุคคลากรเป็นอันดับแรก เพราะเรารู้ว่าเราขาดตรงนี้เป็นอย่างมาก จึงได้รวมตัวกันทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็สนุกดีครับ เวลามีงานอะไรที่ให้พวกเราช่วยก็จะร่วมมือกันเต็มที่ครับ ทุกวันนี้เราเริ่มเห็นแสงสว่างนิดๆแล้วครับ
รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตายแน่

ดึกมากแล้ว ขอตัวจำวัตร (นอน)ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาตอบใหม่นะครับ ยังมีต่อ

ขอขอบพระคุณท่านมหาเป็นอย่างสุง ที่ได้แนะนำและวิธีการในการที่จะเข้าเมืองมาอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งก็จำเป็นต่อบุคคลหลายๆคนที่เรียนอยุ่ กทม.และกำลังจะมาเรียนต่อ และกราบเรียนถามท่านพระมหาต่อน่ะครับว่า
กรณีที่เป็นโยม (ไม่ใช่พระ) เช่นผมนี้ต้องทำเอกสารยังไงที่ไหนบ้างครับถึงจะเข้ามาในไทยได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องเอกสารก็เป็นอุสรรคในการเรียนอยู่มากครับ

ขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้

เสิมนิดครับ กรณีที่จะทำเอกสารเข้ามาในไทย
เป็นพระมา หรือเป็นโยมมา อันไหนจะง่ายกว่ากันครับ
และมีค่าใช้จ่ายโดยประมาณเท่าไหร่ครับ

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสุง.

มาตามคำสัญญาที่ให้ไว้ และขอเสริมต่อให้กระจ่างอีกนิด เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวไตยเราในวันข้างหน้า ที่ว่าเป็นพระมา หรือเป็นโยมมา อันไหนจะง่ายกว่ากัน ขอตอบตามตรงว่าพระน่าจะง่ายกว่าเยอะ และค่าใช้จ่ายก็ต่างกันมาก ทุกวันนี้ไม่ทราบว่าเขาเปลี่ยนแปลงขั้นตอนในการทำใหม่หรือยังไม่ค่อยแน่ใจ 3 ปีที่ผ่านมาทำง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องไปรอที่ย่างกุ้งเป็นเดือนๆให้เสียเวลา แค่เอามัดปุ่งติ่น รูปถ่าย และค่าใช้จ่ายสำหรับผู้รับทำ ค่าน้ำชานนิดหน่อย รวมแล้วอยู่ที่ 90000 จ๊าต ก็ประมาณ สองพันก่วาบาท นี้คือเมื่อสามปีที่แล้ว จากประสบการณตรงที่ไปทำมา ตอนนั้นยังอยู่ที่กรุงเทพอยู่ไม่มีอะไรเลย มีแต่หัวใจและใบประกาศแผ่นเดียวที่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็เลยนำหลักฐานที่มีอยู่ไปยื่นให้กองทะเบียน บอกเขาตามตรงว่ายังไม่ได้ทำหนังสือเดินทางมา ได้เข้ามาเรียนตั้งแต่เป็นเณรแล้ว ขอเรียนไปก่อนแล้วค่อยไปทำมาทีหลังได้ไหม ซึ่งเขาก็เข้าใจใจสถานการณ์บ้านเมืองเราดี จึงรับไว้ให้เรียนต่อไป เมื่อปี 1 ผ่านไป ถึงไปทำมา ขณะที่เรียนอยู่นั้น ก็ได้ดำเนินเรื่องไปด้วย คือ ได้ฝากผู้ที่รู้จักซึ่งจะเดินทางไปย่างกุ้งให้ นำหลักฐาน และค่าใช้จ่ายไปให้หลวงพี่ที่วัดเชียงตุงย่างกุ้งดำเนินการให้ ไม่นานเดือนเสร็จๆก็ได้แล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของเราว่า ว่างตอนไหนก็ขื้นเครื่องบินไปเลย ค่าใช้จ่ายการเดินทางไป และค่าวีซ่าค่าตั๋วเครื่องบินเข้าประเทศอีกต่างหากครับที่เราต้องจ่าย พอไปถึงย่างกุ้งแล้ว พักวันสองวันก็นำ Passport ของเราไปยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตไทยในย่างกุ้ง รอว่าเขาจะให้เราเดินทางวันไหน ค่าวีซ่าถ้าทำมาเรียนหนังสือ จ่าย 50 US ถ้าทำมาแบบนักท่องเที่ยว 25 US ข้อแตกต่างกันอีอย่างคือ ถ้าเราเป็นนิสิตและได้เข้าเรียนก่อนแล้ว เขาจะให้วีซ่า เป็น NoN-immigrant คือให้วีซ่า 3 เดือน ถ้ามาเที่ยวให้เดือนเดียว พอเข้ามาประเทศไทยแล้ว ครบ 3 เดือน ไปขอใบรับรองจากคณะที่เราเรียน เพื่อขอต่อวีซ่าที่ ตม. ให้ได้ 6
เดือน จาก 6 เดือนก็จะเป็นปีต่อปี ปีละ 1,900 บาท และทุก 3 เดือนไปรายงานตัวที่ตม.ไม่เสียตางค์แค่กรอกชื่อที่เราพำนักอยู่เท่านั้น กระทั่งเรียนจบ นี้คือที่ทำอยู่ตอนนี้ จะเหมือนกันหมดไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนปฏิบัติเหมือนกันหมด จะยากจะง่ายอยู่ที่เราวางแผนครับบางรูปบางคนไม่มีข้อมูลคิดอยาทำก็ไปทำมา ไม่รู้ขั้นตอนก็ลำบากเหมือนกันครับ เท่าที่เห็นมีเยอะเหมือนกัน
( นี้คือส่วนของพระเณรที่จะเข้ามาศึกษาในระดับมหาลัย
ครับ)
ส่วนของคฤหัสถ็ หรือคนบ้าน ลูกอ่อนชาย สาวๆนั้น
ให้อ่านฉบับต่อจากนี้ว่าจะทำอย่างไง ยากไหม ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ จะทำมาทำงานหรือ จะทำมาเรียน ทำดีหรือไม่ดีนั้น อ่านฉบับที่ 2 นี้ครับ

ถือว่าเป็นข้อมูลเล็กๆน้อยครับ เรารู้ไว้แล้วค่อยตัดสินใจย่อมได้เปรียบ ทีนี้ก็มาดูขั้นตอนในการทำหนังสือเดินทาง ระหว่างผู้ชายกับลูกอ่อนหญิงสาวว่าจะยากง่ายและเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ส่วนมากเท่าที่ไปเห็นกับตาและรู้มา ผู้หญิงนั้นจะถูกนายหน้าที่ไปวิ่งเต้นให้เอารัดเอาเปรียบมาก สาเหตุก็เพราะไม่รู้ภาษาเขา จึงไปอาศัยพวกที่หากินในเรื่องนี้ ยิ่งเราต้องการเร็วเท่าไร ยิ่งเข้าทางเขาเท่านั้น จะบอกว่าติดขัดตรงนั้นตรงนี้ ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ บางคนทั้งๆที่ทำเสร็จแล้วยังไม่ยอมให้เราก็มี บอกว่าถ้ายจ่ายอีกนิดได้เลย ก็จำเป็นต้องจ่ายให้เขาไป ผู้หญิงบางคนก่วาจะได้ก็เสียเงินไปเกือบ สองล้านจ๊าตทีเดียว เห็นแล้วเสียดายตางค์และน่าเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเราศึกษาสัก
นิด หาข้อมูลสักหน่อย แล้วค่อยไปทำจะดีมาก พอทำมาแล้ว ก็ยังถูกหลอกในการต่อวีซ่าอีก คือผู้หญิงบางคนไม่รู้ว่าจะต่อวีซ่ากันอย่างไง ไม่กล้าไปด้วยต้วเอง จ้างให้คนอื่นไปต่อให้ครั้งละเป็นหมื่อนสองหมื่อนต่อเดือนก็มี ทั้งๆที่เสียไม่กี่พันเอง บางรายก็รู้สึกว่ามันยุ่งยากไม่มีดีก่วาจึงตัดสินใจฉีกทิ้งก็มี นี้คือเรื่องจริงที่พบมาแล้วนำมาบอกเพื่อเป็นข้อมูล รู้ไว้ก็ไม่เสียหายครับ แต่ผู้หญิงทางบ้านเราบางคนฉลาดหน่อย พอมีโอกาสก็แต่งงานกับคนไทยไป ไม่นานก็ได้สัญชาติไทยตามกฎหมาย
ผู้ชายทางบ้านเราที่รู้จักก็มีหลายคนที่ทมาแล้วได้แต่งงานกับนางพยาบาลก็มี คือผู้หญิงเป็นผู้ออกให้หมดเลย ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายก็ไม่เหมือนกันอีก ถ้าผู้ชายทางบ้านเราจะแต่งงานกับผู้หญิงไทยแบบจดทะเบียนอย่างถูกต้องนั้น ผู้ชายต้องมีเงินในธนาคารอย่างน้อย เจ็ดแสนบาทไปยืนยันให้เขารู้ว่าเราสามารถจะเลี้ยงดูเขาได้ ถ้าฝ่ายหญิงออกให้ก็โชคดีไป ถ้าเป็นผู้หญิงทางบ้านเรามาแต่งงานทางนี้ไม่ต้องมีเงินก็สามารถแต่งได้ นี้ก็คือข้อมูลที่ควรรู้ไว้ ออ...เกือบลืมตอบว่าถ้าเป็นผู้ชายละ ทำยากไหม ก็ไม่ยาก ค่าใช้จ่ายก็ไม่มาก อยู่ที่ว่าจะทำมาเพื่อทำงาน หรือจะศึกษาต่อ ก็ทำได้เลยไม่ยาก เก็บตางค์ไว้เยอะเท่าไรก็ยิ่งดีครับ สำหรับผู้ชายรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ สามหมื่อนกว่าๆครับ หรืออาจจะไม่ถึงก็ได้ เผื่อไว้ก็ดี ลูกอ่อนชายที่เมืองเรา ที่เรียนจบปริญญาตรีแล้วทำเข้ามา ทำงานในบริษัทหลายแห่งด้วยกันที่เชียงใหม่ บางคนก็เข้ามาเลเซีย สิงคโปร์ก็มี ไม่มีปัญหา ขอให้เรามีเงินต่อค่าวีซ่าเท่านั้นเอง ทำกับไม่ทำอันไหนดี ขอบอกว่าทำน่าจะดีก่วา สะดวกหลายอย่างด้วย การเดินทางก็สะดวกขื้น พูดภาษาเราได้เต็มปากเต็มคำเลย และยังสามารถไปเที่ยวได้ทั่วโลกได้ด้วย คิดให้ดีก่อนตัดสินใจครับ ที่ตอบมาทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่รู้มาเท่านั้นเองครับ อาจจะมีอะไรที่ยังไม่กระจ่าง ก็ขอไปศึกษาแล้วจะนำมาบอกให้รับทราบโดยทั่วกัน ดีแล้วที่พี่จายอ่องถามมา หวังว่าคงจะเป็นเกร็ดความรู้หรือข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจอยากรู้อยู่ไม่มากก็น้อย

ตอบมาด้วยความยินดีครับ
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้อีกครับ ในส่วนที่ยังอยากรู้ จะยินดีตอบทุกคำถามครับ

ขอกราบนมัสการท่านมหา และขอบพระคุณเป็นอย่างสุงที่แนะนำวิธีต่างๆให้ทราบซึ่งกระผมก็ไม่เคยทราบมาก่อน ว่าต้องมีขั้นตอนยังงัยบ้าง แต่กระผมที่ใช้ชื่อสมัครเรียนนักธรรม ตอนเป็นพระ นั้นไม่ได้ใช้ชื่อทางบ้านเรา ซึ่งก็ไม่ตรงกับ มัดปุ่งติ่น พม่า (มัดปุ่งติ่น ของพระ กับ ของคนบ้านเหมือนกันไมครับ ) ผมมีแต่มัดปุ่งติ่นของคนบ้าน
เมื่อรู้แนวทางแบบนี้แล้วก็อยากจะบวชเรียนต่อจังซึ่งผมเอกก็พยามศึกษาเรียนรู้ ให้มากที่สุดแต่ก็ติดที่เอกสาร
ตอนนี้ได้สึกทำงานที่สระบุรี แล้วต้องใช้ใบประกาส ระดับไหนถึงเอามาเที่ยบ และเรียนต่อปริญญาตรีได้

มีใครเคยดูเวบไทยใหญ่เวบนี้หรือยัง
//taiyai.net/tailanguadge.html

เวบไทยใหญ่นี้ มีข้อมูลของคนไทยใหญ่เยอะและระเอียดมากครับลองเข้ามาดูกัน มีเวบบอด คุยกันด้วยนะครับ//taiyai.net/tailanguadge.html

*ไม่ให้ผิดหวังครับ พร้อมตอบทุกคำถาม และยินดีมากด้วยที่ได้นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาบอกเล่าสู่กันฟัง
*** เรื่องใบประกาศนี้ก็สำคัญเหมือนกันครับ ทางพระกับโยมก็ต่างกันอีก ถ้าของคนบ้านก็ระดับ ม.6 หรือ ตานสิบทางบ้านเรา ก็สามารถนำมาต่อปริญญาตรีได้ทุกมหาลัย
และเมื่อบางท่านไม่ได้เรียนถึงตานสิบมา ก็มีทางลัดแนะนำ จะดีหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ก็ขอบอกแนวทางไว้สักเล็กน้อย คือ ทุกวันนี้ สามารถซื้อใบประกาศในระดับที่ว่านี้ได้ ถ้ารู้จักแหล่งที่ทำ และมีค่าน้ำชากาแฟให้เขา เพราะระบบหรือเครื่องไม้เครื่องมือเขายังไม่ทันสมัยเท่าไร จึงตรวจสอบยาก และถ้าอยากมีพื้นฐานหน่อยก็เอาระดับตาน 8 ก็ได้ ส่วน ตาน 9-10 นั้นสามารถเข้าเรียนและสอบด้วยตัวเองได้ พอได้ใบประกาศมาก็พอมีพื้นฐานเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ นี้คือวิธีของผู้ที่อยากไปทางลัด ผู้ที่ทำแบบนี้มีไม่น้อยเลย ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาจนจบปริญญาโทก็มีเยอะ ถ้าในประเทศไทยก็ระดับ ม.6 หรือเรียนทางลัดแบบ ก.ศ.น 2 ปีก็จบ แต่ต้องมีหลักฐาน
บัติของคนพื้นที่สูง ที่มี รหัสประจำตัวประชาชนไปสมัค จะนำหน้าด้วยเลขอะไรก็ได้ ไม่มีปัญหาขอให้มี ครบ 13 หลักก็ถือว่าใช้ได้ ไม่มีสัญชาติก็ยังเรียนได้ พระเณรหรือคนบ้านเรียนได้เหมือนกันหมด ที่ใช้บัติพื้นที่สูงเรียนมีไม่น้อย แถวภาคเหนือยิ่งเยอะ บางคนมาเกิดในประเทศไทยแล้วไม่ได้สัญชาติไทยไม่มีบัติประชาชนของจริง 100% และเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยก็มาก ซึ่งออกข่าวทางโทรทัศน์อยู่ เรื่องของหญิงสาวไทยใหญ่เวียงแหงเชียงใหม่เป็นตัวอย่าง พอเรียนจบก็ได้สัญชาติไทยพอดี

***ส่วนทางพระเณรนั้น ระดับใบประกาศที่สามารถนำมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ ก็มีดังนี้
***ถ้าเป็นทางบ้านเรา ก็ระดับ อชีตาน หรือชั้น ธรรมจริยะ ก๊นำมาเทียบเรียนปริญญาตรีได้ ที่ใช้แบบนี้เข้าเรียนมีมากทีเดียว ทั้งในประเทศไทยและศรีลังกา ส่วนมากจะเป็นพระไทยใหญ่ทางฝ้งออกโครง เช่นรายคา แสนหวี นำคำ เยอะครับ ได้พบปะพูดคุยและสอบถามหลายรูปเช่นกัน ในมหาวิทยาลัยพระไทยใหญ่ที่ไม่ได้อยู่แถวท่าขี้เหล็ก เชียงตุง มีประมาณ 35 รูปครับ เข้ามาศึกษาปีละ 10 ก่วารูป ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่มีพี่น้องชาวไทยใหญ่มาศึกษากัน

***ถ้าเป็นใบประกาศของไทย ก็ระดับ ประโยค 3 หรือ ป.ธ. 3 ก็เรียนได้แล้ว เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ต้องใช้ ป.ธ. ๕ สมัค จึงจะเรียนได้ เมื่อลดลงเป็นประโยค 3 ก็ทำให้มีผู้เข้าเรียนกันเยอะขึ้น โดยเฉพาะพระเณรจากเชียงตุงและท่าขี้เหล็ก เมืองโภง เมืองม้า เมือง ยาง เพรียบเลย ในมหาลัย มีทุกคณะ ง่ายมากทุกวันนี้ จะเรียนสาขาไหนก็เลือกได้ตามใจชอบ จึงทำให้พระหนุ่มเณรน้อยทางบ้านเรา ตั้งใจเรียนเพื่อสอบประโยค 3 ให้ได้ เพื่อจะได้เรียนมหาลัยได้ การสอบบาลีก็ง่ายมากทุกวันนี้ สอบครั้งแรกไม่ผ่านก็ให้โอกาสสอบ ครั้งที่สองได้ ซึ่งไม่เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว สอบไม่ผ่านวิชาเดียวก็ตกเลย ต้องเรียนใหม่อีกปีหนึ่ง ทำให้เสียเวลามาก และท้อแท้ไปก็มี
***ยิ่งบางรูปสอบได้ ป.ธ. ๙ ยิ่งสบายใหญ่ ไม่ต้องเรียนปริญญาตรี ต่อปริญญาโทได้เลย ท่าขี้เหล็กที่สอบได้ ป.ธ. ๙ ก็มีหลายรูปเช่นกัน

***เมื่อจบตรีแล้วจะไปต่อโท ที่ประเทศไหนก็สามารถไปได้ เรามีเครือข่ายอยู่หลายประเทศด้วยกัน ที่สามารถติดต่อได้ทุกเวลา

*** นี้คือแนวทางแห่งการศึกษา สำหรับท่านที่สนใจ
การเรียนนั้น ไม่มีใครแก่เกินที่จะเรียน ขอให้มีความตั้งใจจริงเท่านั้น สามารถเรียนจบได้ทุกคน***

อีกนิดหนึ่ง เรื่องชื่อไม่ตรงกันนั้น ถ้าเป็นพระก็มีทางแก้ให้ เพราะพระจะมีชื่อ ฉายา ทุกรูป ส่วนคำนำหน้าจะมีชื่อไทยว่าอะไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ขอให้ฉายา ตรงกับในมัดปุ่งติ่น และ ใน Passport ถือว่าใช้ได้ เพราะเขายึดชือ ฉายา พระเป็ใหญ่ครับ

***และถ้าชื่อฉายา บาลี ในใบประกาศไม่ตรงกับมัดปุ่งติ่น ขอแนะนำให้ไปแก้ที้ที่มัดปุ่งติ่น ทำใหม่เลยครับ
***แต่ ข้อควรระวัง คือ เมื่อไปทำใหม่ อย่านำใบมัดปุ่งติ่นของเก่าไปให้เขาดูเป็นอันขาด เพราะจะนำความลำบากมาให้โดยไม่จำเป็น ดีไม่ดีจะโดนข้อหาหนักครับ
ให้บอกว่ายังไม่ได้ทำ จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าบอกว่าหาย อาจจะขอดูย้อนหลังได้ นี้คือวิธีที่จะไปขอเปลี่ยน ชื่อฉายาใหม่ แต่การที่จะทำได้ก็จะต้องลงชื่อเส้นเข้าพรรษา 3 ปี อย่างที่บอกไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ
ต้องวางแผนตั้งแต่ตอนนี้เลย ถ้ามีปัญหาในลักษณะนี้
**ออ*ลืมไป บางครั้งเขาก็เอาใบสำมโนครัว หรือใบเส้นหอเรือนฉบับจริงของพ่อแม่เราด้วย เตรียมใว้ก็ดีเขาไม่ถามก็ไม่ต้องให้ดู****


*** ส่วนโยมนั้น ส่วนมากชื่อเราจะถูกบรรทึกไว้ในใบเส้นหอเรือนแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนใหม่จะมีปัญหาหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบข้อเท็จจริง และยังไม่มีข้อมูลที่จะฟันธงครับ
ถ้าแก้ตรงนี้ไม่ได้ ก็หาทางอื่นครับ ไปทำทุกอย่างทางเราให้ตรงกัน กับใบประกาศ ทางบ้านเราน่าจะไม่มีปัญหา

**ข้อมูลที่ที่บอกมาทั้งหมด จะถูกผิดอย่างไง ขอให้ใช้พิจารณญาณ ไตร่ตรอง อีกทีครับ อย่าพึ่งเชื่อโดยที่ยังไม่ได้พิจารณณา***

ขอขอบพระคุณท่านมหาเป็นอย่างสุง
เมื่อได้เห็นช่องทางในการที่จะนำไปสู้การเรียนรู้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่ก็คงไม่แก่เกินเรียน*-* กระผมก็จะลองพิจรณาดูอีกทีก่อนครับว่าจะเอายังงัยดี ถ้าจะเรียนต่อตามที่ได้ใฝ่ฝันไว้ก็คงต้องบวชเป็นพระต่อไปชึ่งจะทำอะไรๆในด้านเอกสารได้ง่ายขึ้น ยังงัยก็ขอขอบพระคุณพระมหาเป็นอย่างสูง

การวางแผนของผมคือ
1. บวชเรียนโดยใช้ชื่อและสายาทางบ้านเราในการสมัคร์เรียน และลงเส้นจำพรรษา คิดไป3ปี
2. จบป.ธ.3 แล้ว เอาใบประกาศและเส้นเข้าพรรษาไปขอมัดปุ่งติ่น
3. เอามัดปุ่งติ่งพร้อมกับเส้นเข้าพรรษาไปทำพัดสปอต์
และวีซ่าหนังสือเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อสมัครเรียนต่อ ป.ร. ตรี
แบบนี้ถูกไมครับ ( หรือว่าสมัครไว้ก่อนแล้วค่อยไปขอวีซ่า)

หรือว่ามีขั้นตอนยังงัยขอความชี้แนะด้วยครับ

ไม่ทราบว่าท่านมหาจำพรรษาอยู่วัดไหนหรือครับ
เผิ่อได้ไปนมัสการ

//shanmusic.tht.in/index%202.html
นี่ก็เวบไตยใหญ่ครับลองเข้ามาชมดู

ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีเจ้าของเว็ปบอตคุณโยมศศิศนะครับ

และสวัสดีเพื่อนๆพี่ทุกๆคน/รูปกระผมไม่ได้เข้ามาเยี่ยมซะนานเลยเป็นยังไงกันบ้างครับสบายดีกันหรือเปล่าช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างเลยมัวแต่ทำรายงานวันนี้ก็เช่นกันเข้ามาหาข้อมูลเลยแวะเข้ามาทักทายกันไปละสวัสดี....

หวัดดีท่านมหา ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาได้พบกันจริงๆ
คงเป็นเพระเวลา ชั่วโมงเรียนไม่ตรงกัน เลยไม่ได้คุยกัน การเรียนสำคัญครับ ต้องให้เวลาเต็มที่ และเรียนอย่างสนุก อย่าหักโหมเกินไป ไม่กี่ปีก็จะจบแล้ว ****และขอฝากความคิดถึงไปยังท่านยี่สุขด้วยว่า คิดถึงจริงๆ เพราะไม่ได้เจอกันปีก่วาแล้วครับ ว่างๆจะเข้าไปเยี่ยม
วันนี้เท่านี้ก่อน.............

*--*

สหวัดดีเพื่อนๆ และพี่น้องชาวไตยทุกท่าน ที่อยู่ในประเทศไทยและทั่วโลก ขอให้ตื่นตัวและประสานความสามัคคีกันไว้ ไม่ว่าเราจะไปอยู่ประเทศไหน ในโลกใบนี้ เราก็เป็นพี่น้องกัน ไม่ควรลืมเชื้อชาติ และวัฒนธรรม
ของตัวเอง แม้นว่าเราจะสิ้นชาติ แต่เราไม่สิ้นวัฒนธรรม
สัญชาติเปลี่ยนได้ แต่เชื้อชาตินั้น ไม่มีวันเปลี่ยน ****
ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราจะต้องสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันในทุกๆด้าน ไม่ควรแบ่งพรรคแบ่งพวก ต่างคนต่างทำไป
แต่สุดท้ายแล้ว***เป้าหมายก็เพื่อชาติ ศาสนาเดียวกัน
ถึงแม้คำพูดและภาษาจะแตกต่าง แต่เราไม่แตกแยกกัน

***เนื่องจากไม่ได้เข้ามาเยี่ยมนาน**มัวแต่เรียน ค้นค้วา ทำรายงาน เพราะอีกเทริมก่วาก็จะจบการศึกษาแล้วครับ** วันหน้าจะแว้มาทักทายใหม่ วันนี้เท่านี้ก่อน.......

หวัดดีเพื่อน ๆ ทุกคนครับ ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าจะมีเว็ปบอต เกี่ยวกับเมืองเชียงตุงอย่างนี้ ถ้ารู้คงเข้ามาทักทายตั้งนานแล้วครับ ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวเองสักเล็กน้อย ** ผมเองก็เป็นชาวเชียงตุงเหมือนกัน ได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ ในประเทศไทยก็เป็นเวลานาน เช่นกัน
ได้เรียนทั้งทางโลกทางธรรม ควบคู่กันไป ตอนนี้กำลังศึกษา ป.ตรี อยู่ที่เชียงใหม่ครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาลงไปเยี่ยมเพื่อนๆที่กรุงเทพ **เอาเป็นว่า ถ้าไม่ติดขัดอะไร จะไปร่วมงานตั้งธรรมมหาชาติ ที่คลอง 13 นะครับ อีกเดือนกว่าค่อยเจอกัน..........

สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ผมไม่มีอะไรจะกล่าวนอกจากคำว่าสวัสดีครับบบบบ

สหวัดดีพี่ๆเพื่อนๆ ทุกท่านครับ ผมพึ่งเข้ามาอ่านเจอเป็นครั้งแรก และได้รู้ว่ามีเว็ปนี้ก็รู้สึกดีครับ ตอนแรกผมอยากรู้เรื่องประวัติเชียงตุงว่ามีหรือไม่ พอเปิดไปเปิดมาก็เจอเว็ปนี้พอดี จึงได้รู้ว่ามีคนทางเชียงตุงเราเข้ามาเยอะเหมือนกัน พอได้เปิดเพลงเมืองเชียงตุงดูแล้วยิ่งรู้สึกสึกรักบ้านเกิดเมืองนอนมากขึ้นจริงๆครับ ถ้าเป็นไปได้เอาเพลงอื่นๆมาลงอีกเยอะๆก็จะดีมากครับ จะติดตามต่อไปวันนี้ขอกล่าวคำว่าสหวัดดีก่อน

นี่ครับเวบใตยใหญ่ครับลองเข้ามาฃมดูน่ะครับ
//shanmusic.tht.in/index%202.html
//taiyai.net/tailanguadge.html

คนหายไปไหนกันหมดหว่า-----

ᦩᨷᩎᨦᦿᦁ᧔ᦼᦛᦿᥭᦖᧅ᧔ᦅᦈᨴᦅᦒᧂᦅᦔᨡ᧔ᦰᩉᦼᨴᧇᦘᨯᦈᦻᦰᧁᦝ᧗ᧅᦅᦁ᧔ᦼᦡᧃ᧗ᦏᦿᦀᦾᨯᦰᨷᦼᨯᧇᦰᨳᧁᦢᦀ᧔ᨯᦔᧂᦀᦃᧄᨯᦡᧃ᧗ᦁ᧔ᦼᦳ᧔ᦼ

11111111111111111111111

กำ

ไอ้หรังบ้า

หรั่ง

หรั่ง

หรั่ง

11111111112222

ปัจจูบรรค์

ปัจจูบรรค์

444444444

ได้ยังๆๆๆๆๆๆๆๆๆหรั่งได้ยัง

เชิญมาๆๆๆๆ หมู่เฮา เชิญมา ปรับความคิดใหม่ ทุกน้อยใหญ่ขอชวนกันมา เสสละคนละนิด เพื่อชีวิตจะได้
มีความหมาย จงอย่าละอุดมการณ์แล้วเสพสุขสบาย โดยละทิ้งส่วนรวม มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตัว น่าเสียดาย....

ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ในมุมโลกนี้ เราถือว่าเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันหมด ต่างคนต่างมาทำหน้าที่ เมื่อเสร็จภาระกิจแล้วก็ต้องอำลากันไป ส่วนใครจะได้กำไรหรือขาดทุนในการใช้ชีวิตนี้หรือไม่ก็อยู่ที่เราวางแผน
ถ้าวางแผนดี ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข ถ้าตรงกันข้ามก็น่าเสียดาย มีเวลาเยอะแต่ใช้ไปกับสิ่งที่เป็นความสุขเปลือกนอก ที่หลงคิดว่านี้คือความสุขที่ทุกคนปราถนา ชีวิตนี้ก็จะหาสาระไม่ได้................

สุดยอดครับผม เราอาจจะเป็นหนึ่งคนที่ไม่ค่อยมีการศึกษามากหนักแต่ก็เป็นหนึ่งคนที่รักชาติรักแผ่นดินเกิดแม้ถิ่นนี้จะไม่สุกข์สบายไร้ซึ่งประชาธิประตรัยแต่ถึงอย่างไร้ที่นี่ก็คือบ้านเกิดเรา โดยตามลำพังคนเดียวอาจจะไม่สามารถทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้นได้แต่ถ้ามีคนคิดแบบนี้หลายๆคนแล้วมารวมตัวช่วยกันลุยผ่าอุปสรรคต่างก็จะบรรลุผลได้
ไม่ยาก

ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรมาก หากแต่อยากจะให้บ้านเมืองมีความสงบสุข

ได้แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเอ่ก

ก๊นเมิงเจ๊งตุ๋งมี๊หลายแต้ๆๆๆๆๆๆนอ สาวๆๆเมิ๊งไต๊มี๊ไผผ่องตี่แลน net ได้มาอู่กันกะได้หนั่งหือตี๊อำได้เหงา ผมคิดถึงเชียงตุงจังเลย ผมเคยอยู่เชียงตุงมาเกือบ 10 ปี บ้านนอกในเมืองผมอยู่มาหมดแล้วครับ ชื่อขืนผมชื่อจ๊ายยี ผมช่อบปัญยากาศเมืองเชียงตุงมากเลยครับ เอกถ้านายเจอแล้วอ่านตอนนี้นายกลังคิดหาทางเดินมุ่งไปสู่ความฝันว่าจะเดินทางใหนดีข้าเองก็เห็นด้วย ว่าแต่เองล่าทบทวนและไตรตรองให้ร่อบค่อบ รึ ยัง หากวันใดวัน 1 เองประสบความสำเร็ดเมื่อไร่ ก็อย่าลืมความเป็นเพื่อนกันข้าขอให้เองโชคดีน่ะเพื่อน

ก๊นเมิงเจ๊งตุ๋งมี๊หลายแต้ๆๆๆๆๆๆนอ สาวๆๆเมิ๊งไต๊มี๊ไผผ่องตี่แลน net ได้มาอู่กันกะได้หนั่งหือตี๊อำได้เหงา ผมคิดถึงเชียงตุงจังเลย ผมเคยอยู่เชียงตุงมาเกือบ 10 ปี บ้านนอกในเมืองผมอยู่มาหมดแล้วครับ ชื่อขืนผมชื่อจ๊ายยี ผมช่อบปัญยากาศเมืองเชียงตุงมากเลยครับ เอกถ้านายเจอแล้วอ่านตอนนี้นายกลังคิดหาทางเดินมุ่งไปสู่ความฝันว่าจะเดินทางใหนดีข้าเองก็เห็นด้วย ว่าแต่เองล่าทบทวนและไตรตรองให้ร่อบค่อบ รึ ยัง หากวันใดวัน 1 เองประสบความสำเร็ดเมื่อไร่ ก็อย่าลืมความเป็นเพื่อนกันข้าขอให้เองโชคดีน่ะเพื่อน

ข้าขอแน่นำเองอีกอย่าง 1 มิว่าเองจะเลื่อกทางไดทาง 1 ก็ตามเองต้องมุ่งมั่นมิว่าจะลำบากยากเย็นแค่ใหนข้าขอให้เองอดทน

สหดัดดี ครับ คุณ ศศิศ เมิ๊งเจ๊งตุ๋งครับ ผมได้เปิดเว็ฟนี้แล้ว มันทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากเลยครับ ผมคิดว่าอีกไม่ช้าคงจะมีการพัฌนามากขื้นเรื่อยๆ ช่วงเนี้ยผมชอบเล่น net บ่อย ผมนึกในใจว่าต่อจากนี้ไป ต้องมีเพลง MP3 MUSIC ของเพลงไตยขืน ขื้นมาโดยเว็ฟเพลง รึ ไม่ก็สร้างมันขื้นมาเป็นเว็ฟ MP3 รึ MUSIC VDO เพลงของไตย ลื้อ ไตยขืนและเพลงของคนที่เป็นนักร้องอย่างเช่น จ๊ายเสือหนุ่ม จ๊ายอ่องคำ จ๊ายโล๊งติบ เจิ๊อไน่ มิทราบว่าจะมี รึ เปล่าครับ เพงไต๊ขืนตี่ค๊อนยั๊งล๊อแฮ๊ดอ่อกมาหลายอลบ้ำอยู่ โด่ยอลบ้ำตี่มีจื่อเพงหว่า ซีลิ่ก 35 นั้นอู๊เกี่อกฟั๊งแต้ๆๆๆๆๆๆๆ

เวลาเปิดเล่น net จะได้ฟังเพลงไปด้วยไงครับ

ไอเอกเห็นมั้ย

ทำไมกระดาษมันมึ่ดจังเลย

เพลงก็มีอยู่ด้านบนแล้วงัยละ
ว่าแต่เองเถอะเมื่อไหร่จะเป็นเถ้าแก่ใหญ่สักทีริบๆตัดสินใจละเดี๋ยวจะแก่เกิน ยิ่งเรื่องความรักแล้วยิ่งต้องริบ น้องต๋อมของเองไปถึงไหนแล้วอย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเกิน
เดี๋ยวจะสายเกินแก้.

ชีวิตในเมืองกรุง แม้จะไม่ได้ร่ำรวย อะไรมากมายแต่ก็ไม่ถึงกับอดอยาก พอเอาตัวรอดได้ อาจจะมีบ้างในบางคราที่เน็ตเหนื่ยอ่อนแรง ไม่มีกำลังใจต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีอุปสรรคด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร การเดินทางของชีวิตก็เหมือนกับเรือน้อยที่
ล่องลอยอยู่ในมหาสมุดอันกว้างใหญ่ย่อมเจอคลื่นน้อยใหญ่ กว่าจะไปถึงฝั่งได้ก็ต้องประคับประครองให้ไปถึงเป้าหมายของชีวิต.

หวัดดีทุกคนครับ เมื่อถึงวันแม่แห่งชาติทีไร รู้สึกคิดถึงแม่จริงๆ จโทรศัพท์ไปบอกรักแม่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะคลื่นโทรศัพท์ยังไปไม่ถึง จังหวัดที่ 77
คือ เมืองเชียงตุง ในใจลึกๆแล้ว อยากไปกราบเท้าแม่สักครั้ง เพราะในชีวิตนี้ยังไม่เคยเลย แต่สัญญาว่าจะตั้งใจทำงาน เก็บตางค์ไว้เยอะๆ แล้วค่อยไปตั้งเนื้อตั้งกระดุกที่บ้านเกิดเมืองนอนต่อไป

***เมืองเชียงตุง มีหนองตุงกว้างใหญ่ อยู่ไว้ในต่ำกลางเวียง มีทั้ง 3 จอ๋ม 7 เจียง 9 หนอง 12 ประตูเวียง มีทั้งหมู่ยางคำ วัดพระเจ้าหลวงตนคำ จำหอคำ เมืองไตยปดออกโครง ๆ .................

กะลังอยู่ระสับสน

กะลังอยู่ระสับสน

*--*เห็นเมืองเชียงตุงแล้วอยากไปเที่ยวจังยังไม่เคยไปเลย คงจะมีโอกาสไปน่ะ

//www.youtube.com/watch?v=crct7eny1LI เพลงลื้อครับดูเอาเองน๊า

ขอบคุณงับบบบบ

เพราะมากเลยค่ะฟังไม่ค่อนออกแต่ก็เพราะ*-*

คนที่ไหนเอ่ยแสดงตัวด่วน อิอิ ลื้อล้านนาไทย เชียงคำป่าว

ทำได้ดีมาก แล้วเพลงก็เพราะด้วย ต้องปเป็นอย่างงี้สิ แต่ว่าตัวหนังสือดูแล้วมิค่อยเห็นชัด ผมได้เห็นเพลงไทยลื้อที่มีภาพ music ทันสมัยอยู่ใน net แบบเนี้ย ผมขอชื่นชมดีมากแล้วผมจะเช้ามาติดตามอีก หากมีอะไรที่สนุกๆให้ลงเยอะๆๆนะครับ

หวัดดีใส่น้อยครับ ขอบคุณที่ให้เว็ฟเพลงไทยลื้อมาและให้คนอืนได้โหลดฟัง ผมได้เลยว่าเป็นยอมรับจากผู้ฟังแน่นอน ขอบคุณ ถ้ามีเว็ฟอะไรก็บอกกันมั่งนะ

อยากฟังเพลงไตยขืนจังเลย

ขูนพลเอก คือจายอ่องใช่มั้ยครับ

ใช่แล้วละครับ คนเดียวกัน เปลี่ยนแค่ชื่อน่ะหน้าตาไม่เปลี่ยนเอิ๊กกๆๆๆๆ

น่าขำมีหลายชื่อซะเหลือเกิน

ค่างบนที่เป็น music เพลงเดียวนั่นเหลอ

น่าขำตรงไหน เออหรั่งไอ้โก้มันไปไหนวะโทรไปก็ไม่ติด
ล่สุดเห็นมันบอกจะไปหาเมียเก่ามันที่มีลูกหัวโตๆอะ

ไอโก้มันกะลังอกหักอยู่แถวๆกรุงนั่นแหล่จับปลาได้แล้วคงทำหลุดมั้ง รึไม่ก็กะลังงมหาปาช่อนอยู่มันถึงไวลาชาดแบดโทรสัพของมัน 555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

ไอโก้มันกะลังอกหักอยู่แถวๆกรุงนั่นแหล่จับปลาได้แล้วคงทำหลุดมือมั้ง รึไม่ก็กะลังงมหาปาช้อนของมันอยู่ถึงไม่มีเวลาชาดแบดโทรสัพของมัน 55555555555

ก็ว่าอย่างนั้นแหละเห็นมันบอกอิแสงจะไปทำพาดสบอดแล้วไปเมืองนอก แล้ววันนี้ไม่ทำงานหรอ เล่นเนตรแต่เช้วเลยน่ะ ถ้ามีโอกาสก็ไปเที่ยววัดไตยดูบ้างดี สาธุปดิษอะไรนี้แหละ อยากไปเหมือนกันแต่อยู่ไกลเกิน*--*

เรางานเต็มเลยต้องพิมพ์รายชื่อเด็กอีกทำบันชีส่งให้ อบต.อีกช่วยนี้งานเยอะแต่ก็เข้ามาตอบกระทู้ได้เรื่อยๆ

แต่เวลาของข้ามีเป็นบางช่วงถ้างานเมื่อไร่คงต้องหยุดเล่นเป็ 15 วัน รึ 30 วัน ไม่เป็นไรยังไงใจขาก็อยู่กับเน็ดทุกวัน ถ้าไอโก้เล่นเน็ดเป็นเหมือนเราคงสนุกมิเบาเลยหนอ

แต่เวลาของข้ามีเป็นบางช่วงถ้างานเร่งเมื่อไร่คงต้องหยุดเล่นเป็น 15 วัน รึ 30 วัน ไม่เป็นไรยังไงใจข้าก็อยู่กับเน็ดทุกวัน ถ้าไอโก้เล่นเน็ดเป็นเหมือนเราคงสนุกมิเบาเลยหนอ
หากิ๊กในเวฟเนี้ยยากยิ่กว่างมเข็มในทเลซะอีก


โดย: หรั่ง IP: 118.173.75.67 วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:13:58:07 น.

ข้าชอบพลาดอยู่เรื่อย

ข้าชอบพลาดอยู่เรื่อย

หากิ๊กในเนตรอะมันง่าย แต่อยู่ที่เขาจะจริงใจหรือว่าหลอกแค่นั้นแหละลองหาในกูเกิ้ลดูดิ พิมพ์ว่า หาเพื่อน หรือหากิ๊กอะเดี๋ยวก็โชว์ขึ้นมาหมดแหละเว็บที่เกี่ยวกับหาเพื่อนหาก๊ก

เดี๋ยวก๊อบข้อความที่ พระมหาบุญทิพย์ แนะนำไว้ก่อน
ก่อนที่ข้อความจะถูกลบทิ้ง เพื่ออนาคต

***เมาเหล้าดีก่วาเมารัก เมาเหล้านัก เช้าแลงสว่างหาย เมารักนี้เมาฮิมตาย เมาค่ำเช้าแรงงาย หลายปียังเมา ***ส่วนหนึ่งของเพลงชายยี่กางเชียงตุงร้องไว้ครับ

***ใจฮักแท้ก็ตืนเบ่าแพ้เงินคำ ใค่ได้น้องซ้อน ซ้ำสินสอดเบ่ามี เฮาฮักกันไว้หลายปี เขาอู้กันวันเดียว คนมีเงินเชียว เขาเผี้ยวไปกิน ****
** เพลงรักแท้ แพ้เงิน ของชายยี่กางเชียงตุง**

แหม...บทเพลงชั่งกินใจจังเลย ..แต่เห็นสาวๆแล้วก็อดใจไม่ได้จริงๆ5555

สวัสดครับพี่น้องทุกๆท่านเมืองเชียงตุงก็มีดีเยอะแหะอยากไปเที่ยวมั่งจังเลย หมองตุง

**จากบ้านเกิดเมืองนอนมาก็หลายปีแล้ว แต่ก็ไม่สามารถลืมได้ ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำและใจเรียกร้องให้กลับไปอยู่ตลอดเวลา **
ไม่มีที่ไหนอบอุ่นใจเท่ากับเมืองเราอีกแล้ว ใช่ไหมครับ **

ใช่แล้วครับไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าบ้านเรา นี่ก็ได้จากบ้านเมืองมาศึกษาเล่าเรียนก็นานแล้วมีโอการก็ว่าจะกลับไปเยี่ยมเยียน
//www.youtube.com/watch?v=dlQAKvRfM8c&feature=related

ขอบคุณมากครับที่นำเอาประวัติบ้านเกิดผมมาแสดงให้คนใด้รู้จักครับผมมาอยู่ประเทศใทยตั้งแต่อายุสิบสองแล้วครับตอนนี้ผมอายุยี่สิบสามอยากกลับไปเที่ยวจังเลยครับ

ถ้ามีโอกาสก็ไปเที่ยวสักครั้ง1เพื่อระลึกความหลังครับแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปอยู่เลยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนเลยน่ะครับ..อีกอย่างที่นั่นยังมีความทรงจำดีๆที่ยังติดตรึงใจเราไปตลอดวัฒนธรรมและประเพณีที่ไม่มีชาติไหนเหมือน เดียวผมจะพยามหาเว็บลิ้นของใตยเรามารวมๆไว้ที่นี่น่ะครับเพื่อจะได้ระลึกถึงความทรงจำเก่าๆครับ

นี่ครับลิ้นของประเพณีไทยใหญ่และ VDO เพลงต่างๆถ้าอินเตอเน็ตแร็วก็ลองไปชมกันดูน่ะครับ

//www.maisoongkha.com/mskvideo10.html
//www.maisoongkha.com/mskvideo12.html
//www.maisoongkha.com/mskvideo11.html
//www.maisoongkha.com/mskmusicvdo1.html
//www.maisoongkha.com/mskmusicvdo2.html
//www.maisoongkha.com/mskmusicvdo3.html
//www.maisoongkha.com/mskmusicvdo4.html
//www.maisoongkha.com/mskcult3.html
//www.maisoongkha.com/mskcult5.html
//www.maisoongkha.com/mskmusicvdo6.html
//www.maisoongkha.com/mskcult2.html
//www.maisoongkha.com/shangallery4.htm

นี้คือดินแดน ดอยไตยแลง

//www.maisoongkha.com/msknews2.html
//www.maisoongkha.com/msknews1.html
//www.maisoongkha.com/mskvideo21.html

เยอะจริงๆๆเลยขอบใจ

ปีหนึ่ง ๆ ผ่านไปเร้วเหลือเกิน ยังไม่ทันไรก็สิ้นเดือนอีกแล้ว เวลามีค่ามากจริง ๆ ถ้าไม่เริ่มวางแผนหรือตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองเห็นทีจะเสียเวลาเปล่าแน่ ที่ผ่าน ๆ มารู้สึกเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไร้สาระไปเยอะเหมือนกัน อย่างไรก็ตามคิดว่ายังไม่สายเกินไปสำหรับที่จะเริ่มต้นทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองและส่วนรวม

***เรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่า ๆ กัน อยู่ที่ว่าใครจะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่ากันเท่านั้นเอง
** อโมฆํ ทิวสํ กยิรา อปฺเปว นาม พหุเกน วา**

*เวลาแต่ละวันอย่าให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์*จะน้อยหรือมากก็ขอให้ได้อะไรบ้าง**

**วานนี้ก็ผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ถึง จงทำวันนี้ ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด**

***ขอแจ้งให้ทราบอีครั้งหนึ่งว่า วันที่ 13-14 กันยายนที่จะถึงนี้ ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมคลอง 13 ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา ปทุมธานี จะจัดให้มีการเทศมหาเวสสันตระ หรือ เทศมหาชาติแบบพื้นเมืองเชียงตุง เป็นปีที่ 3 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ อาทิตย์ จึงอยากจะเชิญชวนพี่น้องชาวไตยที่อยู่ในกรุงเทพไปร่วมกันเยอะ ๆ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และเผยแผ่วัฒนธรรมของเราให้เป็นที่รู้จักและร่วมรำลึกบรรยากาสเก่า ๆ ที่เราจากบ้านเกิดเมืองนอนมาใช้ชีวิตในต่างแดน หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้วครับ นอกจากคลอง 13 ท่านที่เคยไปแล้วก็ขอเชิญชวนไปอีก ปีละครั้ง วันที่ 13-14 กันยา 2551 พระภิกษุสามเณรคณะอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมพื้นเมือง ที่อยู่ในประเทศไทยทั้งหมดก็จะไปช่วยกันเทศและทำให้งานครั้งนี้สำเร็จลุล่วงอีกคั้งหนึ่ง **

***ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบอีกที***

ขอขอบพระคุณสำหัรบคำแนะนำดีๆครับ

แต่เอ๊ทำไมหน้าจอสีกลายเป็นสีขาวหมดละหรือเครื่องคอมฯผมเพี้ยน!!

ฟรั่งตอนนี้ยังทำงานอยู่ที่ภาคใต้อยู่หรือเป่าวันนี้ โก้โทรมาด้วยมันยังอยู่ที่ห้องนายอยู่ทำงานที่เดิมแหละ

สวัสดีครับทุกๆท่าน...ขอแจ้งข่าวถึงพระภิกษุสามเณรชาว เชียงตุง เมืองม้า เมืองลา ท่าขี้เหล็ก เมืองหลวย เมืองยาง เมืองยอง ที่สามารถอ่านหนังสือตัวเมืองเราได้และเทศน์ธรรมมหาเวสสันตระได้ ไม่ว่าท่านอยู่ที่ใด
กระผมอยากจะขอนิมนต์
มาร่วมกันเทศน์เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของเรา
ถ้าพวกเราไม่ร่วมกันช่วยรักษาสืบสานแล้วใครที่ไหนเขาจะมารักษาสืบสาน
วัฒนธรรมประเพณีของเรา ฉะนั้นกระผมไคร่ขอนิมนต์ทุกท่านเลยนะครับ
รายการวันงาน เสาร์ที่ 13 นำครัวตานขื้นวัด เทศน์ บารมี-มาลัย-คาถา อาทิตย์ที่ 14 เทศน์มหาเวสสันตระทั้งวัน
สถานที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมคลอง13 ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ประทุมธานี
อยากรู้รายละเอียดโปรดติดต่อ...084-089-6837 หรือ
-พระครูวินัยธร(มนัส) 086-6064990
-พระมหาใส่น้อย จนฺทโชโต 083-2941016

**รับทราบครับท่านมหา ผมไปแน่ ไม่วันที่ 13 ก็ 14 ครับ จะสัตตาหไปค้างที่คลอง 13 ได้หรือไม่นั้นดูอีกทีก่อน ใจจริงอยากไปช่วยเทศให้เต็มที่เลยครับ เพราะอยากไปสัมผัสบรรยากาสเก่า ๆ อีกครั้งหนึ่งครับ
แล้วค่อยเจอกันที่คลอง 13 นะครับ

คงจะได้มีโอกาสไปเที่ยวน่ะเพราะยังไม่แน่ว่าจะลางานได้หรือป่าว อิอิเมื่อก่อนเป็นเณรผมก็เคยเทศธรรมวิสัน มหาราช ตอนนี้ก็ยังอ่านออกอยู่น่ะครับยังไม่ลืมภาษา

สวัสดีจาวเจียงตุงทุกท่านทุกคนด้วยนะครับ นอกจากว่าเรามารู้จักกันก็ยินดีแล้วนะครับ ถ้าเราได้เจอะเจอกันก็อย่าลืมทักทายกันด้วยนะ ปล.
จาก. หองใผ่ กาดเต่าสามัคคี

น้ำขืนไหลแหล่ ล่องไปและบ่ปอกคืนมา หัวไหวหวั่นมองไป้คืนวัน ใจถึงวันนั้น

***วันเสาร์ ที่ 13 กันยายน 2551 นี้ เป็นวันตั้งธรรมมหาเวสสันตร เวลา 10 โมง นำครัวตานขึ้นวัด เวลาเที่ยงตรง เริ่มเทศมหาชาติ เย็น ๆ เทศคาถาพัน จิบอกไฟดอกไม้ คาดว่าจะมีญาติโยมไปร่วมงานในคืน ที่ 13 ไม่ต่ำก่วา 600 คน เหมือนปีที่ผ่านมา หรืออาจจะมากก่วานั้น จึงอยากเชิญชวนพี่น้องไตยทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยทั้งหมด ไปร่วมกันที่คลอง 13 ต.บึงคอไห อ. ลำลูกกา จ. ปทุมธานี
***งานจะมีถึงคืน วันอาทิตย์ที่ 14 กันยา ปืนผนห่าแก้ว แล้วหยาดน้ำเอาบพร้อมกัน **

การเดินทางก็ไม่ยาก ท่านสามารถไปขึ้นรถตู้ที่ อนุสาวรีชัย คอยบริการอยู่ พอไปถึง คลอง 13 ให้ลงตรงหน้าวัดวิชิตซ้ายมื เดินไปนิดหนึ่ง ท่านจะเห็นศาลาวินมอไชย์ฝั่งตรงข้ามถนน ค่อย ๆ เดินข้ามถนนไปนั่งมอไชย์เข้าไป บอกว่าไปศูนย์ปฏิบัติธรรม เขาก็รู้แล้ว***

*** นอกจากท่านจะได้เห็น ได้สัมผัสกับบรรยากาสแบบบ้าเราแล้ว ท่านอาจจะรู้จักเพื่อนฝูงลูกอ่อนหญิงสาวพระภิกษุสามเณรที่ไปร่วมงานนี้อย่างมากมายแน่ รองไปดู ไม่มีที่ไหนแล้วนอกจากคลอง 13 **

***งานตั้งธรรมมหาเวสสันตรเมื่อวันที่ 13-14 กันยาที่ผ่านมาก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย มีพี่น้องชาวไตยจากทุก ๆ ที่ไปร่วมงานกันอย่างคึกคัก บรรยากาสเหมือนได้กลับไปบ้านเราอย่างไงอย่างงั้น ทุกคนไปช่วยงานกันอย่างไม่เห็นแก่ความเหนดเหนื่อย เห็นแล้วชื่นใจในความสามัคคีของพี่น้องชาวไตยเราเป็นอย่างยิ่ง เห็นญาติโยมบางคนที่ไปนั่งฟังธรรมเกิดความตื้นตันใจจนน้ำตาไหล เพราะว่าบางคนได้หยากจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเกือบ 20 ปี ยังไม่เคยเห็นงานเทศมหาเวสสันตร แบบเชียงตุง ที่ไหนมาก่อนเลย จึงทำให้คิดถึงความหลังเมื่อครั้งยังไม่ได้จากบ้านเกิดเมืองนอนมา เป็นเรื่องธรรมดาครับ เรื่องเชื่อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม ที่มีอยู่ในสายเลือด จึงยากที่จะลืมได้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้ เราก็ยังเป็นเราอยู่วันยังค่ำ ***

***งานตั้งธรรมมหาเวสสันตรเมื่อวันที่ 13-14 กันยาที่ผ่านมาก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย มีพี่น้องชาวไตยจากทุก ๆ ที่ไปร่วมงานกันอย่างคึกคัก บรรยากาสเหมือนได้กลับไปบ้านเราอย่างไงอย่างงั้น ทุกคนไปช่วยงานกันอย่างไม่เห็นแก่ความเหนดเหนื่อย เห็นแล้วชื่นใจในความสามัคคีของพี่น้องชาวไตยเราเป็นอย่างยิ่ง เห็นญาติโยมบางคนที่ไปนั่งฟังธรรมเกิดความตื้นตันใจจนน้ำตาไหล เพราะว่าบางคนได้หยากจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเกือบ 20 ปี ยังไม่เคยเห็นงานเทศมหาเวสสันตร แบบเชียงตุง ที่ไหนมาก่อนเลย จึงทำให้คิดถึงความหลังเมื่อครั้งยังไม่ได้จากบ้านเกิดเมืองนอนมา เป็นเรื่องธรรมดาครับ เรื่องเชื่อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม ที่มีอยู่ในสายเลือด จึงยากที่จะลืมได้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้ เราก็ยังเป็นเราอยู่วันยังค่ำ ***

***งานตั้งธรรมมหาเวสสันตรเมื่อวันที่ 13-14 กันยาที่ผ่านมาก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย มีพี่น้องชาวไตยจากทุก ๆ ที่ไปร่วมงานกันอย่างคึกคัก บรรยากาสเหมือนได้กลับไปบ้านเราอย่างไงอย่างงั้น ทุกคนไปช่วยงานกันอย่างไม่เห็นแก่ความเหนดเหนื่อย เห็นแล้วชื่นใจในความสามัคคีของพี่น้องชาวไตยเราเป็นอย่างยิ่ง เห็นญาติโยมบางคนที่ไปนั่งฟังธรรมเกิดความตื้นตันใจจนน้ำตาไหล เพราะว่าบางคนได้หยากจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเกือบ 20 ปี ยังไม่เคยเห็นงานเทศมหาเวสสันตร แบบเชียงตุง ที่ไหนมาก่อนเลย จึงทำให้คิดถึงความหลังเมื่อครั้งยังไม่ได้จากบ้านเกิดเมืองนอนมา เป็นเรื่องธรรมดาครับ เรื่องเชื่อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม ที่มีอยู่ในสายเลือด จึงยากที่จะลืมได้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้ เราก็ยังเป็นเราอยู่วันยังค่ำ ***

*** งานเทศมหาชาติในครั้งที่ 3 นี้ ได้รับความร่วมมือจากพระภิกษุสามเณรที่อยู่ในทุกภาคส่วนของประเทศไทยเป็นอย่างดียิ่ง บางรูปอยู่เชียงใหม่ ภูเก็ต สิบสองพันนาก็ยังมาร่วม ทั้งหมดประมาณ 40 กว่ารูป ซึ่งเยอะกว่าทุก ๆ ปี เป็นเพราะว่าเราได้เตรียมงานไว้เป็นอย่างดี
*** ปีนี้มีญาติโยมนำบอกไฟดอกไม้กุ่มไฟไปจุด บูชาธรรมมากเป็นพิเศษ เสียงกองเสียงมองไตยตีดังไม่ขาดสาย ก้าโต ฟ้อนลายไต สนุกสนานกันเต็มที่ ***

สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยไป ปีหน้ายังมีอีก ไม่ต้องคิดเสียดาย งานนี้พลาด อีกไม่นานปอยปีใหม่ไตยยังรออยู่

***วันอาทิตย์ที่ 14 กันยา 2551ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเข้าร่วมสังเกตการณ์ งานประชุมอธิการบดีนานาชาติ 120 มหาลัยทั่วโลก ครั้งที่ ๑ ที่มหาวิทยาลัยใหม่วังน้อย
ได้เห็นได้ฟัง นักปราชญ์นักวิชาการที่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในครั้งนี้คุ้มจริง ๆ เพราะหาโอกาสแบบนี้ยากมาก มีกิจกรรมให้เลือกฟังเลือกชม เยอะมาก มหาวิทยาลัยนี้ใหญ่จริง ๆ คิดว่าน่าจะใหญ่ที่สุดที่สุดในโลกก็ว่าได้ มีผู้เข้ามาศึกษาจากทั่วโลก
เวลาเที่ยง นัดถ่ายรูปหมู่กันที่หน้ามหาลัย ชว่งบ่ายเข้าร่วมฟังการสัมมนาต่อถึง 4 โมงเย็น เหมารถจากวังน้อยไปร่วมงานที่คลอง 13 ต่อ พาพระที่มาจาก สิบสองพันนาไปด้วย 5 รูป เสร็จงาน 5 ทุ่มครึ่ง เที่ยงคืน อาศัยติดรถโยม ปางโหลง ที่ไปร่วมงาน ไปลงที่ดุสิต ต่อแทร็กซี่ กลับถึงวัด ตีหนึ่งครึ่ง ตีสองนอน**********

ม.จุฬาฯ วังน้อยอยู่ไม่ไกลที่ผมอยู่ครับ
ก็หน้าเสียดายอยู่ที่ไม่สามารถไปร่วมงานเทศธรรมได้ เนื่องจากหลายๆประการ อยู่เมืองไทยนานๆก็คิดถึงบ้าน
อยู่ทางนี้สดวกสบายแล้วทำให้ คิดถึงทางบ้านที่ยังลำบากกันอยู่.

หรั่งกลับมาทำงาน กทม.แล้วก็อย่างลืมมาแวะดู Hi5 เราบ้างน่ะตามลิ้งนี่เลย //sakon18841.hi5.com

ขอเชิญชวนทุกท่านเที่ยวงานสลากต๋านกว๋ยครั้งที่ 45
ในวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลา 2551 เวลา 08.00-17.00 ที่วัดเบญจมบพิตร มีดนตรีพื้นเมือง และมีสินค้า oTop จำหน่ายด้วย อย่าลืมเน้อ

วัดเบญจมบพิตร อยู่แถวไหนหรอครับ

วัดเบญจมบพิตร อยู่ที่พระราม 5 อยู่ใกล้สวนอัมพร สวนสัตว์ดุสิต สนามม้านางเลิ้ง ลานพระรูป หรืออยู่ติดกับทำเนียบรัฐบาลเลยครับ ถ้าบอกแค่นี้คนขับรถแทร็กซี่จะรู้หมดครับ เชิญชวนมาแต่เช้าเลยนะครับ เพราะจะมีการแห่ขบวนสลากจากถนนราชดำเนินเข้าสู่วัดเบญครับ
ภาคเหนือทุกจังหวัดจะมารวมตัวกันแสดงวัฒนธรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งทันครับ มีของให้เลือกซ้อเยอะแยะไม่ผิดหวังแน่ อย่าลืมนะครับ ปีหนึ่งมีครั้งเดียวไม่ควรพลาด

ปีนี้ผมจะไปอีกครับ ปีที่แล้วผมก็ไป ผมไปร่วมในฐานะสมาคมชาวเครือไตยครับ ได้ไปออกซุ้มสลากต๋านกว๋ยที่กลางสนามหญ้าวัดเบญจมบพิตร และได้ไปฟ้อนลายไตยตีกองตีมอง และนำโตขึ้นไปก้าบนเวธีด้วย สนุกสนานมาก ๆ ได้ประกาศให้คนอื่นได้ดูได้ชมวัฒนธรรมของพี่น้องชาวไทยใหญ่ด้วย คิดว่าปีนี้จะได้ไปเจอกันที่ซุ้มของพี่น้องชาเครือไตอีก อย่าลืมพยายามทำตัวให้ว่างสักวันครับ สาว ๆ ภาคเหนือมากันทุกจังหวัดครับ พลาดครั้งนี้ต้องรอไปปีหน้าครับ

ขอกราบนิมนต์พระภิกษุสามเณรสหธรรมิกเชียงราย เชียงใหม่ ลำปูน ลำปาง พเยา น่าน แพ่ ทุกจังหวัดของภาคเหนือที่อยู่ในกรุงเทพทุกรูปไปร่วมในงานนี้โดยพร้อมเพียงกันนะครับ

ครับผม..แล้วจะทำตัวให้ว่างไว้เตรียมกล่องไปถ่ายด้วย

ใก้ลจะออกพรรษาแล้วครับ รู้สึกคิดถึงบรรยากาศในวันออกพรรษาที่บ้านเราจริง ๆ โดยเฉพาะการได้ไปถวายเทียนเหียงตามวัดต่าง ๆ กับสาว ๆ มันช่างสนุกสนานเสียเหลือเกิน คงไม่มีโอกาสกลับไปทำกิจกรรมแบบนั้นในปีนี้อย่างแนะนอน รอกลับไปช่วงสงการณ์ปีหน้าดีกว่า จะไปเที่ยวที่อยากไปให้หนำใจไปเลย

ปีนี้ขอไปรำลึกถึงความหลังตีกองตีมองไตยที่วัดเบญจกับพี่น้องไตยให้หายคิดถึงไปพลาง ๆ ก่อน อยู่ที่ไหนก็ยังภาคภูมิใจในความเป็นไตยอยู่เสมอ ไม่เคยลืมกำพืชของตัวเอง

หวัดดีครับทุกๆท่านไม่ได้มาเยี่ยมเยือนกันซะนานเลย

โทษทีครับไม่ได้ไปเลย เสียวตำรวจสอยไป ยังไม่มีเอกสารเลย...

หวัดดีทุกท่านเช่นกันครับ ที่หายไปหลายวัน เพราะเตรียมตัวดูหนังสือสอบกลางภาคครับ เริ่มสอบวันแรก วันที่ 25 กันยายน 2551 ไปถึง วันที่ 6 ตุลาคม ก็เลยทุ่มเวลาดูหนังสือเป็นส่วนใหญ่ รู้สึกคิดถึงเลยแวะเข้ามาบ่อย ๆ

อยากไปเที่ยวเชียงตุงมากๆ แบบไปกันเองไม่ผ่นบริษัททัวร์น่ะค่ะ รบกวนช่วยบอกรายละเอียดให้ทราบด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
นุ่ม

การเดินทางไปเที่ยวเชียงตุงทุกวันนี้ง่ายมาก ถนนหนทางก็ดีก่วาแต่ก่อนเยอะ ใช้เวลาเดินทางจากแม่สายไปเพียงสามชั่วโมงก็ถึงตัวเมืองเชียงตุงแล้วครับ ถ้าขับเร็วหน่อยก็สองชั่วโมงก่วานิด ๆ
แค่ไปทำเรื่องผ่านแดนที่ด่านแม่สายท่าขี้เหล็กแล้วก็เดินทางสู่จังหวัดเชียงตุงได้เลยครับ ถ้านำรถส่วนตัวไปยิ่งสดวกครับ
เห็นพี่น้องชาวไทยขึนไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก มีทั้งข้ามไปนั่งรถทัวร์ฝั่งท่าขี้เหล็กและไปเป็นครอบครัว
ยิ่งน่าหนาวยิ่งน่าไปเที่ยวครับ ขอบอกเลยว่า หนาวสุดๆ หนาวถึงหัวใจเลยทีเดียว เชียงใหม่เชียงรายที่ว่าหนาวแล้ว พอไปถึงเชียงตุงจะรู้ว่าความหนาวที่เชียงตุงเป็นอย่างไร อีกอย่างหนึ่ง ถ้าไปตอนนี้วิวสองข้างทางตั้งแต่ออกจากท่าขี้เหล็กไปจะเห็นทุ่งนาสีเขียวสดสวยงามถึงเชียงตุงเลยละ ระหว่างทางยังสามารถจอดรถเก็บภาพภูเขาที่สวยงามเป็นระยะ ๆ จะได้เห็นอะไรที่แปลกตาเพลิดเพลินใจตลอดการเดินทางอย่างแน่นอน***
***บรรยายมาเสียยาวยึด คงอยากไปแล้วใช่ไหมครับ
เขาบอกว่าสิบปากว่า ก็ไม่เท่าตาเห็น เป็ความจริงครับ***
** หลักฐานที่ต้องเตรียมไป มีดังนี้**
บัตรประชาชน รูปถ่าย 3 ใบ นำไปยื่นให้ที่ช่องทำเรื่อง เขาจะถ่ายเอกสารให้ 3 ชุด ไม่ต้องกรอกอะไรเลย ไม่เกิน 5 นาทีก็เสร็จแล้ว เสียค่ายื่นคำร้อง 10 บาท ทราบมาว่าบางทีเขาจะเก็บบัติประตัวไว้ที่ด่านจะส่งคืนตอนกลับ
ค่าธรรมเนียมบัตรผ่านแดน 30 บาท ใช้ได้ถึง 7 วัน 6 คืน
ถ้านำรถส่วนตัวไปจะต้องจ่ายค่ารับประกันดว้ยหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบจริง ๆ ขอให้ไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่นั้นได้
พอข้ามด่านท่าขี้เหล็กแล้ว จะแลกเงินจ๊าตขึ้นไปเลยก็ได้จะมีที่แลกจากด่านไปนิดเดียว เพราะเงินไทยใช้ได้ที่ท่าขี้เหล็กไปถึงเมืองพยากเท่านนั้นครับ พอเลยไปก็จะใช้แต่เงินจ๊าตอย่างเดียว ติดตัวไว้บ้างก็ดี พอถึงเชียงตุงจะได้ไม่ลำบาก เรื่องอาหารการกินที่โน้นจะถูกมาก ๆ โรงแรมก็มีหลายระดับ ที่รับคนไทยโดยเฉพาะก็มีไม่แพงครับ เจ้าของเป็นชาวไทยใหญ่ เรื่องภาษาไม่ต้องหว่ง พูดภาษาไทยรู้เรื่องเลย เพราะชาวเชียงตุงส่วนใหญ่เป็นชาวไทยขืน และชาวไทยใหญ่ ชาวไทยขืนมากอันดับหนึ่ง รองลงมาก็ไทยใหญ่ พม่ามีส่วนน้อย
***พอถึงเชียงตุงแล้ว ค่อยวางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนบ้าง ที่ท่องเที่ยวก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกัน ถ้าอยากจะสัมผัสบรรยากาศ ชมความหลากหลายของผู้คนเผ่าต่าง ๆ ทั้งเลือกซื้อของที่ระลึกอาหารการกินก็ต้องไปเข้ากาดหลวง หรือตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเชียงตุง แต่ต้องไปช่วงเช้าประมาณ 8 โมง-เที่ยงเท่านั้น เพราะไม่ได้เปิดตลอดทั้งวัน จากนั้นก็เที่ยวชมวัดวาอาราม ต่าง ๆ ในตัวเมืองมี ถืง ร้อยวัด อยู่ติดกันเป็นทิวแถว ส่วนมากเป็นวัดของชาวไทยขืนทั้งหมด วัดไทยไหญ่และพม่าก็มีบ้าง
ถ้ามีเวลาก็ไปกราบนมัสการสมเด็จพระสังฆราช ของเชียงตุง วัดหลวงเชียงยืน ท่านพูดภาษาไทยได้เป็นอย่างดี และ อีกวัดหนึ่ง คือ เจ้าคณะจังหวัดเชียงตุง วัดราชฐานหลวงหัวข่วง เป็นวัดพระอารามหลวง เป็นศูนย์กลางการศึกษาของพระภิกษุสามเณรในจังหวัดเชียงตุง **ยังมีอีกหลาย ๆ วัด ที่น่าไปเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ค่อย ๆ แบ่งเวลาเที่ยวให้คุ้มไปเลยครับ พอชมวัดวา จนอิ่มบุญอิ่มใจแล้ว
ที่ไม่ควรพลาดอีกที่หนึ่ง คือ หนองตุง ซึ่งเป็นหนองที่ใหญ่ที่สุด อยู่กลางใจเมืองเชียงตุงเลย เป็นหนองที่มีความเกี่ยวพันธ์กับเมืองเชียงตุงตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน ควรแก่การถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่หนึ่ง พอเที่ยวในตัวเมืองทั่วหมดแล้วก็ ถ้าอยากเห็นวิถีชีวิตอันมีเสน่ห์ที่ยังคงความเป็นเมืองเชียงตุงตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไว้ได้เกือบ 100%ก็ต้องออกตัวเมืองไปประมาณ 2 กิโล ก็จะเห็นบรรยากาศอันแสนอบอุ่นและเป็นมิตรของพี่น้องชาวเชียงตุงเป็นอย่างดี ในชนบทส่วนมากเป็นพี่น้องชาวไทยขืน พูดภาษาไทยรู้เรื่องกันเลยไม่จำเป็นต้องใช้ล่ามแปลให้เสียเวลา ยิ่งพวกเด็กแล้วจะพูดภาษาไทยได้ทุกคน เพราะเขาดูโทรทัศน์ไทยและยังมีพระภิกษาสามเณรเชียงตุงที่มาศึกษาในประเทศไทยกลับไปสอนภาษาไทยให้กับพวกเด็ก ๆ อีกทางหนึ่งด้วย อย่าแปลกใจว่าทำไมพูด ฟังภาษาไทยได้ ***
**ถ้ามีเวลาก็เลยไปเที่ยวถึงเมืองลาก็ยิ่งดี จากเชียงตุงไปก็ 2 ชั่วโมง น่าไปเที่ยวจริง ๆ ไหน ๆ ก็ถึงเชียงตุงแล้ว เลยไปอีกนิดจะเป็นไรไปใช่ไหมครับ ***

**ชาวเชียงตุงยินดีต้อนรับพี่น้องชาวไทยทุกท่านครับ**

***เมืองเชียงตุง เป็นเมือง 3 จ๋อม 9 หนอง 12 ประตูเมือง ถ้าอยากรู้รายละเอียดและเห็นกับตา อย่าพลาด ควรหาโอกาสไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต ***

**ถ้าศึกษาข้อมูล ประวัติเกี่ยวกับเชียงตุงให้ดีแล้วจะเห็นถึงความผูกพันธ์ทั้งวัฒนธรรม ภาษา ระหว่างเชียงใหม่ เชียงราย เชียงตุง ว่ามีความลึกซึ้งในความเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันแค่ไหน จึงไม่แปลกที่เห็นพี่น้องชาวไทยไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก บางท่านไปเห็นแล้วกั้นน้ำตาไว้ไม่ได้เลยทีเดียว ในอดีดเชียงตุงก็เคยเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยมาแล้ว แต่ก็ต้องพรากจากกัน น่าเศร้าใจมากที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ถึงทุกวันนี้ ซึ่งในอดีตนั้น เมืองเชียงตุงเคยเจริญรุ่งเรืองสุด ๆ ในยุคที่มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินปกครองมาอย่างยามนาน พระราชวังที่ประทับของเจ้าฟ้าเชียงตุง ในอดีดถูกทหารพม่ารื้อทิ้ง เมื่อ 10 ก่าวปีนี้เอง ปัจจุบันสถานที่ดังกล่างเป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองสร้างเป็นโรงแรมของรัฐบาลไปแล้ว น่าเศร้าใจมาก เคยได้ยินได้ฟังมาจากพี่น้องชาวไทยหลายท่านที่ไปเห็นแล้วไม่ขอเข้าพัก เพราะยังให้ความเคารพและถือในเรื่องนี้อยู่พอสมควร จึงขอไปใช้บริการโรงแรมเอกชนแทน ราคาก็ถูก นอนก็สบายใจก่วากัน ว่าอย่างงั้น ก็เป็นความคิดที่ได้รู้มา จะเห็นว่าพี่น้องชาวไทยมีความผูกพันธ์กับเชียงตุงจริง ๆ บางท่านไปแล้วไปอีก เพราะประทับใจในความเป็นมิตรของพี่น้องชาวเชียงตุงนั้นเอง

เขมรัฐนครเชียงตุง


**นครเชียงตุงเป็นเมืองหนึ่งของรัฐฉาน สูงจากระดับน้ำทะเล 2,700 ฟุต มีพื้นที่ประมาณ 72 ตารางไมล์ มีประชากรประมาณ 247,000 คน ภูมิประเทศเป็นแอ่งก้นกระทะอยู่ระหว่างแม่น้ำสาละวินตะวันตก และแม่น้ำโขงตะวันออก

อาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับสิงสองปันนา ในมณฑลยูนาน ทางใต้ติดต่อกับล้านนา โดยวัฒนธรรมความเป็นอยู่ นิสัยของชาวไทยเขินซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของเชียงตุงมีความคล้ายคลึงกัน

เชียงตุงได้รับสมญานามว่า เมืองแห่ง 3 จอม 9 หนอง 12 ประตู มีรายละเอียดดังนี้
เมืองแห่ง 3 จอม จอม หมายถึง เนินเขา ได้แก่
1. จอมทอง (จอมคำ) ที่ตั้งของวัดพระธาตุจอมคำ
2. จอมมน ที่ตั้งของวัดพระธาตุจอมมน
3. จอมสัก ที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอีก้อ
เมืองแห่ง 9 หนอง คือ หนองน้ำ ได้แก่
1. หนองตุง 2. หนองโตง 3. หนองเย
4. หนองแล้ง 5. หนองยาง 6. หนองโปง
7. หนองเข้ 8. หนองใต้ 9. หนองตาช้าง

** แต่ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงหนองเดียวเท่านั้นครับ คือ หนองตุง
เมืองแห่ง 12 ประตู คือ ประตูเมืองในเชียงตุง ได้แก่

1. ประตูป่าแดง 2. ประตูเชียงลาน 3. ประตูง่ามฟ้า
4. ประตูหนองผา 5. ประตูแจ่งเมือง 6. ประตูยางคำ
7. ประตูหนองเหล็ก 8. ประตูน้ำบ่ออ้อย 9. ประตูยาง
10. ประตูไก่ให้ม่าน 11. ประตูผายั้ง 12. ประตูป่าม่าน
** แต่ในปัจจุบันเหลือเพียง 2 ประตูครับคือ ประตูป่าแดง และประตูหนองผา
ตราประจำเมือง
เมืองเชียงตุงเริ่มใช้ตราประจำเมืองรูปสิงหราช ในสมัยเจ้าเจ็ดพันตูสิงหราช เป็นสัญลักษณ์แทนเจ้าเจ็ดพันตูซึ่งทรงปกครองและพัฒนาเมืองเชียงตุงจนเจริญรุ่งเรือง
**ประชากร**
เมืองเชียงตุงมีประชากรหลากกลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ ไทเขิน ไทใหญ่ ไทเหนือ ไทลื้อ ชาวจีน ชาวปะหล่อง ชาวแอ่น อาข่า อีก้อ ลาฮู ลีซอ ลัวะ ยาง ชาวว้า ฯลฯ มีไทเขินเป็นคนพื้นเมืองมากอันดับหนึ่ง ไทใหญ่เป็นอันดับสอง
เชียงตุงยุคตำนาน

ตำนานเชียงตุงกล่าวว่า ชายเลี้ยงวัวผู้หนึ่งอยู่ที่เมืองพาราณสี ได้แบ่งอาหารแก่ฝูงกาเสมอด้วยความเมตตา ฝูงกาหนึ่งพันตัวได้ตอบแทนบุญคุณโดยการหามตะกร้าซึ่งมีชายเลี้ยงวัวอยู่ข้างในไปยังเมืองประจันตคามที่เจ้าเมืองสวรรคตไปแล้ว เสนาอำมาตย์จึงแต่งตั้งให้ชายเลี้ยงวัวเป็นเจ้าเมือง เรียกขานพระนามว่า พระยากาหาม

ภายหลังได้ละเลยการให้อาหารฝูงกาตามที่เคยสัญญาไว้ คือจะให้ควายเป็นอาหารปีละ 1 ตัว ทำให้ฝูงกาโกรธแค้น จึงหลอกพระยากาหามไปปล่อยบนเกาะแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นเมืองประจันตคามก็ถูกน้ำท่วม จนกลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ส่วนชายเลี้ยงวัวได้เกิดเป็นพระยาปูคำในหนองน้ำแห่งนั้น

ต่อมาตุงคฤาษีหรือจันทรสิบกขตุง บุตรพญาว้อง (จีน) ได้ใช้ไม้เท้าหรือไม้ขักข่ายขีดพื้นดินให้เป็นลำน้ำ เพื่อระบายน้ำออกจากเมืองให้ไหลย้อนกลับขึ้นไปทางทิศเหนือแล้วไหลลงสู่ทางใต้กลายเป็นแม่น้ำเขิน (เท่าที่ฟังจากไกด์ เขาว่าชาวบ้านจะเรียกกันว่าแม่น้ำขึน หรือแม่น้ำขืน เพราะการไหลจากใต้ขึ้นเหนือของลำน้ำค่ะ) แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอให้เกิดเป็นบ้านเมืองขึ้น
ชาวแข่ฮ่อ (ชาวจีน) ซึ่งติดตามตุงคฤาษี ได้อาศัยบริเวณนี้แล้วเรียกชื่อเมืองว่าเชียงตุง แต่อยู่ได้ไม่นานก็สู้โรคภัยไม่ได้จึงกลับถิ่นฐานเดิม โดยทิ้งน้ำเต้าไว้ น้ำเต้าเหล่านี้ก็แตกออกมาเป็นชาวลัวะและอาศัยเมืองนี้สืบต่อมา

เชียงตุงมีการปกครองด้วยระบบเจ้าฟ้าผู้มีอำนาจสูงสุด และธรรมเนียมขัติราช จำนวน 41 พระองค์ ถึงสมัยเจ้าฟ้าพรหมลือ และสิ้นสุดในสมัยเจ้าฟ้าชายหลวง ก่อนที่จะรวมเป็นจังหวัดสหรัฐไทยเดิมของประเทศไทยในสมัย พลตรีผิน ชุณหะวัณ ส่วนการปกครองระดับรองลงมาแบ่งเป็นเงหัวสิบ บ้านบริเวณรอบนอกเมืองแบ่งเอิ่งหรือหัวร้อย (หลายหมู่บ้านรวมกัน)
เชียงตุงยุคพระยามังราย
พงศาวดารเมืองเชียงตุงกล่าวว่า พระยามังรายประพาสป่าและไล่กวางทองมาจนถึงเมืองเชียงตุง ทรงพอพระทัยจึงได้ส่งขุนคงและขุนลังมาชิงเมืองจากชาวลัวะ แต่ไม่สำเร็จจึงได้ส่งมังคุมและมังเคียน ซึ่งเป็นชาวลัวะมารบจึงชนะ และได้ส่งเจ้าน้ำท่วมไปปกครองเมืองเชียงตุงเมื่อ พ.ศ. 1786 ในฐานะบ้านพี่เมืองน้องกับเชียงใหม่
ครั้งเมื่อ พ.ศ. 1893 ท้าวผายู กษัตริย์เชียงใหม่ส่งโอรสคือเจ้าเจ็ดพันตูมาปกครองเมืองและพัฒนาเมืองเชียงตุงจนเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านอาณาจักรและพุทธจักร

เชียงตุงกลับมาเป็นเมืองขึ้นของเชียงใหม่อีกครั้งในสมัยพระเจ้าติโลกราช พ.ศ.1984 รวม 46 ปี ตรงกับสมัยพระยาศรีสัทธรรมราชาจุฬามณีของเชียงตุง
ปลายอาณาจักรล้านนา พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่ายึดครองเชียงใหม่ พ.ศ.2101 สมัยพระมงกุฏ อำนาจที่เชียงใหม่มีเหนือเชียงตุงก็หมดสิ้นไป พ.ศ.2102 เจ้าท้าวคำฟูของเชียงตุงได้เจริญสัมพันธไมตรีกับพม่า โดยส่งทูตไปเมืองหงสาวดี ทางพม่ามีความพอใจจึงได้มอบคัมภีร์พระไตรปิฎกมาไว้ที่เชียงตุง

เชียงตุงยุคเป็นประเทศราชของพม่า

พ.ศ.2107 เชียงตุงแสดงการยอมรับอำนาจพม่าอย่างเป็นทางการในสมัย พระยาแก้วภูมินทร์ แต่เชียงตุงก็มีอำนาจปกครองตนเองอย่างเต็มที่ เชียงตุงเป็นเมืองขึ้นพม่ายาวนานถึง 200 ปี

ต่อมาพระยาการวิละกอบกู้เมืองเชียงใหม่จากพม่าได้ก็ยกทัพไปตีเมืองต่างๆ ริมฝั่งแม่น้ำสาละวินรวมถึงเมืองเชียงตุง แล้วกวาดต้อนชาวไทเขินมาตั้งถิ่นฐานตามแหล่งต่างๆ ในเชียงใหม่ เช่น บ้านสันทรายมูล ถนนวัวสาย อ.สันกำแพง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่

พ.ศ.2354 เจ้ามหาขนาน ซึ่งตั้งตัวอิสระอยู่ที่เมืองยางไม่สามารถต้านทัพพม่าได้ จึงรับข้อเสนอของพม่าที่จะให้พระองค์เป็นเจ้าฟ้าครองเมืองเชียงตุงในฐานะประเทศราชของพม่าในปี พ.ศ.2356

เชียงตุง เมืองลา ภายใต้การปกครองของรัฐบาลไทย

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยลงนามสนธิสัญญาพันธมิตร ทำให้ต้องประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐอเมริกา กองทัพไทยภายใต้การนำของพลตรีผิน ชุณหะวัณ รับหน้าที่ตีเมืองเชียงตุง และสามารถตีเมืองเชียงตุงได้เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2485 โดยให้เชียงตุงเป็นจังหวัดสหรัฐไทยเดิม แล้วได้ทูลเชิญเจ้าเมืองเหล็กพรหมลือ โอรสเจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลงกับเจ้าแม่ปทุมาเทวีขึ้นมาปกครองเชียงตุง แล้วให้พลตรีผิณ ชุณหะวัณ เป็นข้าหลวงใหญ่สหรัฐไทยเดิม เพื่อดูแลความสงบตั้งแต่ปี พ.ศ.2486 - 2488 รวม 3 ปี มีการตั้งโรงเรียนสอนภาษาไทยและสถานกงศุลไทยอยู่ในเมืองเชียงตุง

เชียงตุงยุคปัจจุบัน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด ไทยต้องคืนเชียงตุงให้แก่สหประชาชาติ และอังกฤษเข้าไปมีบทบาทต่อพม่าและเชียงตุง พ.ศ.2505 นายพลเนวิน ผู้นำของพม่าได้ทำการรัฐประหารยกเลิกระบบเจ้าฟ้า แล้วจับกุมเจ้าฟ้าหลวงกษัตริย์เมืองเชียงตุง และเจ้าฟ้าองค์อื่นๆ มาคุมขัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสถาบันเจ้าฟ้าไทในรัฐฉานสิ้นสุดลงอย่างสิ้นเชิง

หอหลวงหรือหอคำซึ่งเปรียบเหมือนพระราชวังของเจ้าฟ้าต่างๆ ที่มีศิลปะเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติไท และ

หอคำของเจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลงผู้ครองเมืองเชียงตุงสร้างตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมของอังกฤษเมื่อ 100
กว่าปีก็ถูกทุบทิ้งด้วย ซึ่งขณะนั้นหอคำฯ มีอายุ 97 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการใช้สถานที่สร้างโรงแรมเพื่อพัฒนาเมืองเชียงตุงให้ประชาชนมีรายได้และมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แล้วใช้ระบบสังคมนิยมปกครองเมืองเชียงตุง

ต่อมาเชียงตุงก็ถูกสั่งปิดประเทศในปี พ.ศ.2506

เมืองเชียงตุงเป็นเมืองพุทธศาสนา ได้รับสมญานามว่าเมืองร้อยวัด เฉพาะในตัวเมืองมีอยู่ 44 วัด (วัดไทยเขิน 33 วัด) วัดม่าน 1 วัด (วัดพม่า) วัดไท 10 วัด (วัดไทใหญ่ผสมพม่า) ซึ่งมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่งดงามจากการผสมผสานศิลปะล้านนา ไทรัฐฉาน และพม่าไว้ด้วยกัน เช่น วัดพระธาตุจอมคำ, วัดพระแก้ว, วัดมหาเมี๊ยะมุณี, วัดหัวข่วง, วัดป่าแดง, วัดเชียงยืน ฯลฯ

อาชีพของชาวเชียงตุงยังคงยึดการทำนา ปั้นหม้อ ทำมีด เครื่องเงิน เครื่องเขิน การทอผ้า และอาชีพรับราชการยังเป็นที่ปรารถนาเป็นอันแรกเพราะถือว่ามีเกียรติแม้ว่าจะได้เงินเดือนน้อยก็ตาม

ส่วนวัฒนธรรมประเพณีนั้น ชาวเชียงตุงมีความเชื่อว่า การร่วมศาสนกิจในแบบพิธีกรรมต่างๆ จะนำมาซึ่งสวัสดิมงคลทั้งส่วนตัวและครอบครัว ความเชื่อนี้นำไปสู่การร่วมพิธีกรรมทางศาสนาอย่างพร้อมเพรียงกัน

**พระภิกษุสามเณรน้อยที่เข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมีเป็นจำนวนมาก เมื่อจบแล้วก็จะนำความรู้ที่ได้ศึกษาไปพัฒนาบ้านเกิดของแต่ละรูป ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป บางรูปก็พาเจ้าอาวาสที่ท่านมาขออาศัยศึกษาไปร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสร้างวัดให้ก็มีเยอะ เพราะพระภิกษุสามเณรเชียงตุงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมีความซื่อสัตย์เอาใจใส่ดูแลเจ้าอาวาสเก่ง จึงได้รับความเอ็นดูเมตตาจากท่าน**
**สามเณรตัวน้อย ๆ ที่เชียงตุงมีเยอะมาก เพราะมีธรรมเนียมว่า เมื่ออายุครบ 10 ปี เด็กผู้ชายจะต้องบวชเป็นสามเณรทุกคน อีกอย่างหนึ่งเพราะได้รับการศึกษาที่ดีก่วา ส่วนมากจะบวชนานอย่างน้อยก็10 ปี 20 ปี บางรูปก็บวชเรียนตลอดชีวิตเลย เพราะจะทำให้พ่อแม่ได้บุญมาก **
***การศึกษาทางโลกตอนนี้เชียงตุงมีถึงระดับอุดมศึกษาแล้วไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนต่อถึงย่างกุ้งมัณฑเลเหมือนแต่ก่อนแล้ว

**จะพยายามนำข้อมูลเกี่ยวกับเชียงตุงมาฝากครับ**

**เมืองเชียงตุงมีหนองตุงกว้างใหญ่ อยู่ไว้ในท่ามกลางเวียง มีทั้ง 3 จ๋อม 7 เชียง 9หนอง 12 ประตูเวียง **
ส่วนหนึ่งของเพลง เมืองเชียงตุงที่อยู่ใน คาราโอเกะข้างบนครับ ลอง เปิดฟังเลยดู เพราะจริง ๆ

ได้ยินมานานแล้วเหมือนกัน คำว่า เชียงตุง ตอนแรกเข้าใจว่าอยู่แถว 12 พันนาประเทศจีนโน้น พอได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับเชียงตุงจึงทำให้อยากไปยิ่งขึ้น เพราะไม่ใก้ลไม่ใกลจากแม่สายไป 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง คิดว่าออกพรรษาจะขึ้นไปเที่ยวให้ได้ครับ

ไม่ทราบว่าจะติดต่อท่านมหาทิพย์ได้ที่วัดไหนครับ

อยากไปเที่ยวเชียงตุงมาก ๆ ประเทศลาว เขมรก็ไปมาหมดแล้ว เมื่อปีที่แล้ว ใจจริงแล้วอยากไปถึงสิบสองพันนาโน้นเลย ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไป 12 พันนาเลย ไม่ทราบว่าไปทางเชียงตุงได้หรือเปล่าครับ หรือว่าต้องไปทางเครื่องบินอย่างเดียว ขอทราบข้อมูลหน่อยครับ

การเดินทางไปเมืองเชียงรุ่งสิบสองพันนาเดินทางไปได้สองทาง คือทางเรือจีนทวนแม่น้ำโขงออกจากท่าเรืออำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เรือออกทุกสัปดาห์ ค่าเรือโดยสารคนละ 800 หยวน และทางเครื่องบินโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ สำนักงานเชียงใหม่ โทรฯ053-281519 สำนักงานกรุงเทพฯ 02-22934562. การเข้าประเทศจีนต้องทำวีซ่าเข้าเมืองติดต่อกงศุลจีนกรุงเทพฯโทรฯ 02-2457032-3 และเชียงใหม่ โทรฯ053276125,272197 ค่าวีซ่าคนละ 1,000 บาท(รอรับ 3 วัน อยู่ได้ 60 วัน

**ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไตยทุกท่าน ไปเที่ยวงานสลากต๋านกว๋ย ครั้งที่ 45 ที่วัดเบญจมบพิตร ถ.พระราม 5 เขต ดุสิต ในวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ด้วยความพร้อมเพียงกันนะครับ ใครอยู่ใก้ลแถวนั้น อย่าลืม
ไปตีกองตีมอง ก้าโต โชว์การฟ้อนนางนก ของสาวไต
เดินชมดนตรีพื้นเมือง สินค่า OTOP และอื่น ๆ อีกมากมาย

**วันอาทิตย์ที่ 12 ไปเจอกันที่งานสลากนะครับ

* ช่วยบอกต่อ ๆ กันด้วย ไปกันเยอะ ๆ ไม่ต้องกลัวอดข้าว ไปรับประทานที่เต็นสมาคมชาวเครือไตยได้ ทุกคน

*--* สวัสดีพี่น้องทุกๆท่านแวะมาทักทายครับ..

ไม่ทราบว่าไปเมืองเชียงตุงจะนำรถไปด้วยต้องทำอย่างไงบ้างครับ และไปพักที่ไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ (กรณีที่นำรถตู้เข้าไปครับ) ผู้รู้ช่วยตอบด่วนจ้า

**ขอแจ้งให้สหธรรมิกทุกท่านได้ทราบโดยทั่วกัน
งานสลากต๋านกว๋ยวันที่ 12 ตุลาคมนี้ยังไม่แน่นอน อาจจะเลื่อนไปวันไหนนั้น ยังไม่เป็นทางการ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบในวันพรุ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง จัดนี้จัดแน่

**เรื่องสถานที่เตรียมไว้แล้วบางส่วน รอความชัดเจนเท่านั้นเอง โปรดติดตามข่าวอย่างใก้ลชิด นาทีต่อนาที**

***งานสลากต๋านกว๋ยวัดเบญจเลื่อนไปวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมแน่นอนแล้วครับ เพื่อให้งานเป็นไปอย่างเรียบร้อย
จึงต้องเลื่อนออกไป จึงแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ**

**งานสลากตานก๋วย เลื่อนไปวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2551 ที่เก่าเวลาเดิม

**ยังไม่ทันรู้ตัวเลย ก็ออกพรรษาแล้ว วันเวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ คิดว่าจะถือโอกาสช่วงปิดเรียนนี้ไปเที่ยวพักผ่อนที่ใดสักแห่ง 4-5 วัน เพื่อเป็นการพักสมองผ่อนคลาย แล้วค่อยกลับมาฟิตต่อ เพื่อน ๆ ทั้งหลายไม่คิดไป
เที่ยวที่ไหนกันเหรอครับ*

* ขอแจ้งให้พระภิกษุสามเณร สมาชิกคณะอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมพื้นเมืองทุกรูป ได้รับทราบโดยทั่วกัน
หลังจากออกพรรษาแล้ว จะมีการการนัดประชุมกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อปรึกษาหารือกัน เกี่ยวกับการร่างหลักสูตร
ภาคฤดูร้อน และการแปลหนังสือธรรมบท ๘ ภาค ตามที่ได้รับมอบหมายไปแล้วนั้น ว่าดำเนินไปถึงใหนแล้ว ติดขัดตรงไหน จะได้ช่วยกัน ให้เสร็จตามกำหนดเวลาที่วางไว้ **

** เริ่มเปิดเรียนแล้ว ท่านสมาชิกรูปใดที่ยังไม่ได้ไปลงทะเบียนก็รีบ ๆ หน่อยนะครับ วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม เป็นวันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทัน ผมพึ่งไปลงทะเบียนเมื่อวันที่ 17 นี้เอง เขาเปลี่ยนวิธีการชำระค่าเทิมค่าหน่วยกิจ
ใหม่แล้ว ให้ไปลงชื่อรับใบแจ้งการชำระเงิน ที่กองทะเบียน แล้วไปชำระเงินที่ธนาคารทหารไทย หน้ามหาลัยธรรมศาตร์ครับ **

**มีเรื่องที่เกี่ยวกับประเพณี 12 เดือน ของ เมืองเชียงตุงมาฝาก.......

**ประเพณี 12 เดือน ของพี่น้องชาวไทยขืน เชียงตุง**

-เดือนหก(เมษายน)ประเพณีแขวนกลองและขอน้ำฝน
-เด็อนเจ็ด (พฤษภาคม) ประเพณีไหว้พระธาตุ จุดบั้ง ไฟ จรวด และอ่านมาด (กลอนยาว)
-เดือนแปด (มิถุนายน) ประเพณีทำบุญเจดีย์ทราย 108 องค์ และประเพณีสืบชะตาเมือง
-เดือนเก้า (กรกฏาคม) ประเพณีเข้าพรรษาและส่งพระเคราะห์เมือง
-เดือนสิบ (สิงหาคม) ประเพณีชุมนุมอุโบสถครั้งใหญ่
-เดือนสิบเอ็ด (กันยายน) ประเพณีตั้งธรรมหาป๋างหรือฟังเทศน์พระธรรมมหาเวสสันดรชาดก
-เดือนสิบสอง (ตุลาคม) ประเพณีออกพรรษาทำบุญต้นแปก(ต้นเกี๊ยะ)และจุดบั้งไฟดอกไม้
-เดือนเกี๋ยง (พฤศจิกายน) ประเพณีถวายผ้ากฐินและทำบุญบูชาพระเจ้าหลวงระแข่ง
-เดือนยี่ (ธันวาคม) ประเพณีเข้าปริวาสกรรมและทำบุญทวายน้ำอ้อย
-เดือนสาม(มกราคม) ประเพณีบูชาเทวดาหนองตุง
-เดือนสี (กุมภาพันธ์)ประเพณีอุปสมบทพระภิกษุบรรพชาสามเณร
- เดือนห้า (มีนาคม) ประเพณีไหว้พระธาตุเจดีย์หนองผา และเดือนแรมเลี้ยงเทวดาอารักษ์ตลาดเก่า

*เมื่อวันเทศการณ์ประเพณีสำคัญ ๆ มาถึง พี่น้องชาวไทยขืน ทั่วทั้งจังหวัด จะพร้อมเพียงกัน ทำบุญ สนุกสนานกันทั่วหน้า

**ศิลปการแสดงที่นิยมเล่นกันตามงานต่าง ๆ ของชาวไทยขืน เชียงตุง มีดังนี้**
1.ฟ้อนรำหางนกยุง
2.ฟ้อนฆ้องเซิง
3.ฟ้อนรำนก
4.ฟ้อนรำโต
5.ฟ้อนรำดาบ
6.การอ่านมาด
7.การขับเสินขับซอ
8.ฟ้อนแปดนางพี่น้อง
9.ฟ้อนนางนาค
10.ลำโวง
11.เสือน เป็นต้น

*ประวัติความเป็นมาของศิลป การแสดงแต่งละอย่าง
จะพยายามนำเสนอ ขอให้ติดตามในตอนต่อไป*

* การฟ้อนนางนก หรือ ฟ้อนรำนก หรือฟ้อนกินรีกินรา *

**การฟ้อนนางนก หรือการฟ้อนกินรีกินราเป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยใหญ่และไทยขึน (ไทเขิน) ตามตำนานของพี่น้องชาวไทยใหญ่ได้กล่าวถึงสัตว์นี้ว่า เป็นสัตว์ป่าหิมพานต์จำพวกหนึ่ง ที่มีลักษณะแปลกคือมีลักษณะครึ่งคน ครึ่งสัตว์ปีก ตามตำนานกล่าวไว้ว่า กินรีกินราเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ได้ไปฟ้อนเป็นพุทธบูชาเพื่อรับเสด็จสมเด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากไปโปรดพระมารดาอยู่นั้นเป็นเวลา3เดือน
*กินรีกินราเป็นสัตว์ป่าหิมพานต์ที่มีความรัก ความซื่อสัตว์ต่อซึ่งกันและกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ตายลงไป อีกฝ่ายหนึ่งก้จะตรอมใจตายตามกันไป ก็เพราะด้วยความรักและความอาบัยที่มีต่อกันดั่งกินรีกินรานี้ ชาวไทยใหญ่จึงนับถือเป็นเครื่องหมายและสัญลักษณ์ของความรัก และความซื่อสัตย์นั่นเอง

**ฟ้อนมองเซิ้ง**

* ฟ้อนมองเซิ้ง คำว่า "มองเซิ้ง" ในภาษาไทเขิน แปลว่า "ฆ้องชุด" เวลามีงานบุญมีฉลอง สมโภช และขบวนแห่ต่างๆ จะใช้ "มองเซิ้ง"ตลอด เพราะเวลาตี"มองเซิ้ง"เสียงจะดังก้องกังวาล ถึงชั้นฟ้า สวรรค์วิมานของเทวบุตรเทวดาที่อาศัยอยู่บนชั้นสวรรค์ เมื่อเทวดาได้ยินเสียงก็จะลง มาให้ศีลให้พรแก่งานบุญนั้นๆไป ก็เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของพี่น้องไทเขิน เมื่อมีงานบุญและ ฉลองสมโภชต่างๆ ก็นิยมให้มีขบวน"มองเซิ้ง"สืบกันมา การฟ้อน"มองเซิ้ง"จะใช้ผู้หญิงแต่งกาย ตามท้องถิ่นนั้นๆไป พี่น้องไทเขินนิยมแต่งกาย คือ ใส่เสื้อรัดรูปเอวลอยแขนสามส่วน มีสายหน้า ป้ายข้างผ้าโพกศีรษะ นุ่งผ้าซิ่นตามแบบไทเขิน

*อยากเห็นของจริงต้องไปดูที่เชียงตุงครับ*

*ฟ้อนนางนาค*

***การแสดงชุดฟ้อนนางนาคนี้ เพื่อให้ความเคารพและบูชาองค์พญานาคเพื่อให้ องค์พญานาคปกป้องรักษาไม่ให้เกิดภัยอันตรายแก่ชาวบ้านชาวเมืองการแสดง ฟ้อน นางนาคนี้เป็นศิลปเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของพี่น้องไทเขิน บวกกับช่วงท่ารำฟ้อนที่อ่อน ช้อย และมีเพลงบรรเลงดนตรีที่ไพเราะเป็นแบบฉบับโดยเฉพาะ เมื่อสมัยก่อนจะใช้ชุด ฟ้อนนางนาคนี้ไว้สำหรับฟ้อนต้อนรับเจ้าเมือง เมื่อมีพิธีกรรมต่างๆและแขกต่างเมือง

*ฟ้อนแปดนางพี่น้อง*

***การฟ้อน"แปดนางพี่น้อง" นี้เป็นวัฒธรรมของชาวไทเขิน ซึ่งถิ่นเดิมอาศัยอยู่ทางเชียงตุง รัฐฉาน การฟ้อน"แปดนางพี่น้อง" ในสมัยก่อนบ้านเมืองเกิดกลียุคทางเจ้าเมืองมีนิมิตรให้สะเดาะ เคราะห์ ทั้งแปด จึงได้นำเอาพี่น้องแปดนางมาฟ้อนรำเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์บ้านเมือง
*การแต่งกายของการฟ้อนมีเอกลักษณ์ของชาวไทเขิน เสียงเพลงที่ใช้ประกอบนี้ จะมีลักษณะ คล้ายกับการแสดงเพลงซอที่ชื่อสุจวัณณะบัวหลวงของทางเชียงใหม่
* การฟ้อน"แปดนางพี่น้อง"จะมีอีกอย่างหนึ่งคือ การฟ้อน"นางบัวคำ"เป็นที่รู้จักของพี่น้องไทเขิน

**มีนิทานของพี่น้องชาวไทยขืน มาฝากครับ**

* เพื่อเป็นการประดับสติปัญญา และทบทวนความรู้เก่า ซึ่งบางท่านคงจะได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว บางท่านก็อาจจะยังไม่ทราบ จะได้นำเสนอเป็นเรื่องเป็นตอนต่อไป

**ควายสามเขา ( นิทานของชาวไทเขิน)

*** มีเศรษฐี อยู่เมืองหนึ่งมีลูกชาย ๗ คน ต่อมาเศรษฐีนั้นใช้ลูกชายทั้ง ๗ ไปหาปลา ชายทั้ง ๗ คนนั้น จึงไปหาปลาตามคำสั่ง พอไปถึงริมฝั่งแม่น้ำ พี่ชายทั้ง ๖ ให้น้องหุงข้าวทำอาหารรอไว้ แล้วพี่ทั้ง ๖ จึง ไปหาปลา ต่อมามีฤาษีองค์หนึ่งซึ่งเทวดาแปลงกายมาได้มาบิณฑบาตในที่นั้น ฝ่ายน้องชายคนสุดท้องจึงแบ่ง ข้าวออกเป็น ๗ ห่อแล้วเอาไปทำบุญหมด ฤาษีจึงบอกว่าถ้าพี่ชายทั้ง ๖ กลับมาและถ้าเดือดร้อนให้เอามีด ผ่าไหนึ่งข้าวเป็น ๗ ชิ้น แล้วให้แก่พี่ชายคนละชิ้น ให้บอกว่าเป็นของวิเศษ แล้วฤาษีจึงให้พรและก็จากไป

**ต่อมาพี่ชายทั้ง ๖ กลับมาจึงจะกินข้าว น้องชายบอกว่าได้เอาข้าวทำบุญไปหมดแล้ว พี่ชายจึงโมโหและไม่เชื่อเขาและได้ทุบตีเขา เขาจึงบอกว่าฤาษีสั่งให้ผ่าไหข้าวเป็น ๗ ชิ้นแล้วให้แบ่งกันคนละชิ้น แล้วพี่ชายทั้ง ๖ คนก็แบ่งไหข้าวออกเป็น ๗ ชิ้น เอาไปคนละชิ้น น้องชายคนสุดท้องก็ได้แยกทางกับพี่ชายทั้ง ๖ คน เดินทางไปคนเดียว ไปจนถึงเมืองจัมปานคร มีเศรษฐีเฒ่าคนหนึ่ง ได้รับเอาเขามาเลี้ยงและให้เลี้ยงควายซึ่งมีทั้งหมด ๑๐๑ ตัว และบอกว่า ถ้าหากมีลูกมาจะให้ปีละตัว ต่อมาเลี้ยงวัวมาถึง ๓ ปี เศรษฐีก็ไม่ให้ เศรษฐีจึงพูดว่า ถ้าควายแม่เฒ่าตัวนี้มีลูกสามเขาก็จะให้ ต่อมาควายแม่เฒ่า นั้นก็มีลูกมีเขาสามเขาจริง เขาจึงได้เลี้ยงควาย ๓ เขานั้นต่อมา ควาย ๓ เขานั้นมีเขาเป็นเพชรเป็น พลอย ส่งแสงสว่างไปทั้งบ้าน

**ต่อมาเจ้าเมืองรู้ข่าวจึงอยากได้จึงมาขอซื้อเขา เขาก็ไม่ขาย เอาช้างเอาม้ามาให้ก็ไม่ขาย เอา เมืองและลูกสาวมาแลกก็ไม่รับ เจ้าเมืองจึงบอกว่ามีไก่ตัวหนึ่งเป็นไก่วิเศษเรืองแสงมีตัวเป็นแก้ววิเศษ จึงจะขอแลกกับควายของเขา เขาจึงได้ถามว่าไก่นั้นวิเศษอย่างไร เจ้าเมืองก็บอกว่าไก่นั้นถ้าอธิษฐาน อย่างไรนั้น หากให้มันขันสามครั้งก็จะได้ทุกสิ่งตามต้องการ เขาจึงแกล้งแลกควายกับเจ้าเมือง แล้วจึง ได้ไก่มาแล้วจึงเดินทางเข้าป่าไปเรื่อย ๆ จนไปพบฤาษีองค์หนึ่ง ฤาษีถามว่ามาจากไหน เขาเล่าว่าตน มาจากต่างเมืองจากพ่อแม่มาและไปอยู่กับเศรษฐีคนหนึ่งและได้ควาย ๓ เขามาเลี้ยงและได้แลกควายกับ ไก่ของเจ้าเมืองมา อันไก่ตัวนี้ถ้าต้องการอะไร ก็ให้มันขัน ๓ ครั้ง พระฤาษีจึงว่าจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ จึง อยากให้ขันเพื่อสร้างเมือง เขาจึงเอาไก่นั้นมาขัน ๓ ครั้งก็เป็นบ้านเมืองขึ้นมา เขาจึงได้ครองเมืองนั้น
**ฝ่ายพี่ชายทั้ง ๖ ได้แบ่งปลากันแล้วพากันกลับบ้าน ต่อมาเศรษฐีผู้เป็นพ่อก็ตาย ทั้ง ๖ คนจึงแบ่ง สมบัติกัน ต่อมาคนทั้งหมดก็เอาแต่กินเหล้ากินยาและต่อมาก็ได้ขายวัวควายช้างม้า อันเป็นสมบัติไปจนหมด ทำให้ทุกคนกลายเป็นคนยากจน แล้วได้มาปรึกษากันว่า เดี๋ยวนี้เราก็ยากจนแล้ว จะไปค้าขายก็ไม่มีเงิน พี่คนโตจึงพูดขึ้นว่าเรามาทำขลุ่ย ทำซึง ทำเครื่องดนตรีแล้วมาหัดร้องเพลงต่าง ๆ แล้วต่อมา คนทั้ง ๖ จึงได้เดินทางไปเรื่อย ๆ จนไปถึงเมืองของน้องชายคนสุดท้องก็ได้มาร้องเพลงที่ใกล้เมืองนั้น จึงมีเด็ก เลี้ยงควายมาพบเข้าแล้วก็ไปบอกกับเจ้าเมือง เจ้าเมืองผู้เป็นน้องชายจึงให้ไปเรียกคนทั้ง ๖ คนมาพบ พอคนทั้ง ๖ คนมาพบที่วัง ก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่ชาย เจ้าเมืองจึงให้คนทั้ง ๖ คนมาเล่นดนตรี พอเล่นเสร็จน้อง ชายก็รู้ว่าเป็นพี่ชายของตนทั้ง ๖ คนแต่พี่ชายทั้ง ๖ คนนั้นไม่ทราบความจริงนั้น น้องชายก็ถามพี่ว่ามาจาก ที่ไหน มีพี่น้องกี่คน พี่ทั้ง ๖ ก็เล่าว่ามาจากเมืองพาราณสี มีพี่น้อง ๗ คน และได้เล่าเรื่องตอนไปหาปลา จนมาถึงตอนแยกทางกับน้องคนสุดท้องจนมาถึงที่นี่ น้องชายจึงขอดูไหข้าว พี่ทั้ง ๖ คนก็ไม่เอาทิ้ง จึงล้วง มาให้ดูน้องชายจึงเอามาให้ดูทั้งหมดจึงรู้ว่าเป็นพี่น้องกัน น้องชายคนสุดท้องจึงเอาไก่วิเศษมาขัน ๓ ครั้ง ให้เป็นปราสาท ๖ หลังและมีหญิง ๖ คนให้พี่ชายทั้ง ๖ อยู่สุขสบาย แล้วทั้ง ๗ คน จึงทำบุญกรวดน้ำ ไปให้พ่อของตนที่ตายไป

* นิทานเรื่องควายสามเขา ก็มีด้วยประการฉะนี *

*โปรดติตามเรื่องต่อไป

*ประเพณีการสืบชาตา*

***การสืบชาตานี้หมายถึง การต่ออายุ ให้ยืดยาวยืนนานออกไป และเพื่อเป็นสิ่งสิริมงคลมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ปราศจากโรคาพยาธิเภทภัยทั้งหลายให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป การสืบชะตานี้จะไม่ใช่แก่นแท้ในทางพระพุทธศาสนาก็ตาม ว่ากันว่าเป็นลัทธิพราหมณ์อยู่บ้างแต่ก็ได้สาระประโยชน์ในด้านจิตใจอย่างไม่น่าเชื่อ ดังปรากกอยู่ตำนานคัมภีร์สืบชะตาได้กล่าวว่าสมัยพุทธกาลมีสามเณรน้อยองค์หนึ่งซึ่งชื่อติสสะ อายุ 7 ปี บวชและปฏิบัติธรรมอยู่ในสำนักพระสารีบุตรเถระ อยู่มาวันหนึ่งพระสารีบุตรเถระได้สังเกตเห็นสามเณรน้อยติสสะมีผิวพรรณวรรณและสีหน้าหม่นหมองหงอยเหงาโศกเศร้า ดังนั้นพระสาลีบุตรเถระจึงได้เข้าญาณสมาบัติเลยก็รู้ว่าสามเณรน้อยติสสะผู้นี้จะมีอายุได้เพียง 7 วันเท่านั้นก็จะถึงแก่มรณภาพ

**ดังนั้นพระสารีบุตรเถระจึงได้บอกให้สามเณรติสสะได้รับทราบเมื่อสามเณรติสสะได้รับทราบว่าตนเองจะถึงแก่มรณภาพใน 7 วัน สามเณรก็มีความทุกข์ใจมีใบหน้าหม่นหมอง และเต็มไปด้วยน้ำตา สามเณรจึงกราบลาพระสารีบุตรเถระเพื่อจะไปบอกกล่าวและลาพ่อแม่ของตนก่อนที่จะมรณภาพ เมื่อสามเณรน้อยติสสะได้ลาพระสาลีบุตรแล้วก็ออกเดินทางมุ่งหน้ากลับบ้านทันที ในขณะที่เดินทางไปนั้นมองเห็นด้วย หนอง คลอง บึง น้ำ กำลังแห้งขอด ตื้นเขิน ปลาน้อยใหญ่ที่อยู่อาศัยในน้ำนั้นก็ต่างพากันกระเสือกกระสนหาน้ำเพื่อหนีจากความตาย

**ในขณะนั้นสามเณรน้อยติสสะได้เห็นดังนั่นก็ได้รำพึงในใจว่า อันตัวเรานี้ก็จะมรณภาพภายใน 7 วัน เช่นเดียวกับปลาทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าไม่มีน้ำฉะนั้นก่อนที่เราจะมรณภาพเราขอได้โปรดสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ได้รอดพ้นจากความตายดีกว่า เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วก็ได้เอาปลาน้อยใหญ่ทั้งหลายใส่ในบาตรของตนแล้วนำไปปล่อยที่แม่น้ำใหญ่ให้พ้นจากความตายให้มีอายุยืนยาวนานต่อไป
**เมื่อสามเณรน้อยติสสะเดินทางมาถึงบ้านแล้วก็ได้เล่าเรื่องที่ตนจะถึงแก่มรณภาพอีก 7 วันให้พ่อแม่และญาติพี่น้อง ในเมื่อเขาเหล่านั้นได้ทราบเรื่องราวแล้ว ต่างคนก็มีความเศร้าโศกเสียใจ ต่างก็สงสารสามเณรน้อยผู้นั้นเป็นยิ่งนัก แล้วเขาทุกคนก็รอคอยวันที่สามเณรน้อยติสสะจะมรณภาพโดยความโศกเศร้าเสียใจ และเมื่อถึงวันเวลากำหนดมาถึงสามเณรน้อยติสสะก็ยังไม่เป็นอะไรคือยังไม่มรณะภาพเลย
*แล้วสามเณรน้อยติสสะกลับมีผิวพรรณผุดผ่องใสงามยิ่งกว่าเก่า และสามเณรติสสะก็ได้เดินทางกลับไปหาพระสารีบุตรแล้วได้เล่าเรื่องต่าง ๆ กราบนมัสการที่ตนได้ไปปล่อยปลาทั้งหลายนั้นให้พระสารีบุตรฟังจนทุกประการ พระสารีบุตรจึงกล่าวว่าการกระทำของสามเณรน้อยติสสะนี้ หากเป็นกุศลกรรมที่ยังให้เห็นเป็นพลังให้พ้นจากหายนะ คือความเสื่อมความตายและยังมีชีวิตยิ่งยืนนานอีกต่อไป ดังนี้จากตำนานเรื่องนี้เองจึงทำให้ศรัทธาสาธุชนเมืองเหนือเราเกิดความเชื่อถือได้ มีการกระทำพิธีสืบชะตาเป็นประเพณีสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้

**การสืบชะตานี้นั้นทำให้คนเรามีขวัญและดำลังใจดีขึ้นและการสืบชะตานี้เราจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ด้วยกันคือ
1. การสืบชะตาบ้านจะทำได้ก็ปีละครั้งหรือว่า ถ้ามีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นก็ทำได้
2. การสืบชะตาเมืองจะทำก็ต่อเมื่อได้ครบรอบสร้างเมืองหรือในเมื่อที่กำหนดให้วันมงคลของบ้านเมือง
3. สืบชะตาคนทำได้ตลอดทุกโอกาส
การสืบชะตาคนนั้นเป็นประเพณีอันเป็นมงคลที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งที่นิยมกันสืบต่อกันมาเท่าทุกวันนี้ เช่นเนื่องในวันครบรอบอายุ หรือวันคล้ายวันเกิดขึ้นบ้านใหม่ ได้เลื่อนยศบรรดาศักดิ์ ได้รับโชคลาภหรือย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่บางครั้งก็ถูกทำนายทายทัก ชะตาขาดทำอะไรไม่ค่อยเจริญมีอันเป็นไปต่าง ๆ นา ๆ สืบชะตาแล้วจะดีขึ้นบางทีเจ็บออด ๆ แอด ๆ 3 วันดี 4 วันไข้ กินยาอะไรก็ไม่หายก็นิยมสืบชะตาต่ออายุจะทำให้อยู่สุขสบายขึ้น ตามแห่งโบราณลานนาเราเคยทำเป็นตัวอย่างกันมานานแล้ว (เป็นแล้ว)

*แมงสี่หูห้าตา* (แมง ก็คือ แมลง นั่นเอง)

***นิทานเรื่อง " แมงสี่หูห้าตา" เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่แพร่หลายมาก เป็นที่รู้จักกันดี ชาวบ้านที่เล่ามักบอกว่าเป็นเรื่องที่แสดงเหตุที่มาว่าทำไมผู้ชายจึงรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง

***คำว่า " แมง" นอกจากจะใช้เป็นคำนำหน้าสัตว์เล็ก ๆ แล้ว ยังใช้เป็นคำนำหน้าสัตว์ใหญ่ ๆ ในเชิงตลกขบขันได้อีกด้วย " แมงสี่หูห้าตา" เป็นสัตว์ใหญ่คล้ายหมี มี หู ๔ หู มีตา ๕ ตา ในความเป็นจริงไม่ปรากฎสัตว์ประเภทนี้ในโลก แต่มีเรื่องเล่าในล้านนามาแต่โบราณกาล และมีการบันทึกในรูปแบบของวรรณกรรมลายลักษณ์ในเอกสารประเภทใบลาน ซึ่งมีปรากฎให้พบเห็นตามวัดโดยทั่วไป ตัวอย่างของเรื่องนี้ได้เนื้อความจากคัมภีร์ใบลานชื่อ " ธัมม์สี่หูห้าตา" ของวัดแช่ช้าง ตำบลแช่ช้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจารด้วยอักษรธรรมล้านนา จำนวน ๑ ผูก ( ๖๑ หน้าลาน) ผู้จารคือ " พิมมสารภิกขุ" เมื่อจุลศักราช ๑๒๗๖ ( พ. ศ. ๒๔๕๗) ความในคัมภีร์ดังกล่าว กล่าวถึงเรื่องแมงสี่หูห้าตา โดยสังเขปดังนี้
***มีเมือง ๆ หนึ่ง ชี่อเมือง ๆ หนึ่งชื่อเมือง " พันธุมติ" กษัตริย์ผู้ครองเมืองชื่อ " ท้าวพันธุมติ" ซึ่งมีมเหสีอยู่ ๗ องค์ ทิศเหนือของเมืองนี้มีครอบครัวหนึ่งมีสามพ่อแม่ลูกอาศัยอยู่ สองสามีภรรยาเป็นยาจกมีบุตรชายคนเดียว เมื่อบุตรมีอายุ ๗ ขอบ มารดาสิ้นชีวิตลง ต่อมาเมื่ออายุ ๑๑ ขวบ บิดาก็สิ้นชีวิต ก่อนสิ้นใจได้สั่งเสียว่าให้เอาศพฝังไว้ใกล้ ๆ กระท่อม นานเข้าศีรษะของบิดาก็จะหลุด ให้นำเอาศีรษะไปสักการะบูชาทุกค่ำเช้าถ้าอายุครบ ๑๖ ปี ให้ผู้ศีรษะนั้นลากไปสู่นครพันธุมติ ซึ่งมีภูเขาอยู่ หากศีรษะไปติดข้องที่ใดให้ทำแร้วเป็นกับดักสัตว์ที่นั้น

***เมื่อบิดาสิ้นชีวิตบุตรชายได้ฝังศพไว้ใกล้กระท่อมแล้วไปขออาศัยอยู่กับลุงซึ่งเป็นนายจ่าบ้าน โดยอาศัยเลี้ยงวัวหาฟืนให้เป็นสิ่งตอบแทน จนอายุได้ ๑๖ ปี จึงได้ทำตามที่บิดาสั่งไว้โดยลากศีรษะบิดาไปสู่นครพันธุมติจนไปถึงภูเขา เมื่อลากศีรษะขึ้นภูเขาไปจนถึงถ้ำแห่งหนึ่งศีรษะไปติดข้องอยู่ปากค้ำ จึงทำแร้วดักสัตว์ใหญ่ ณ ที่นั้นแล้วกลับบ้าน

**รุ่งเช้าเขาไปดูแร้วที่ดังไว้ ปรากฎว่ามีสัตว์ใหญ่ติดอยู่ สัตว์นั้นรูปร่างคล้ายหมีมีหูสี่หู มีดวงตาห้าดวง เขาได้ตัดเอาเถาวัลย์ผูกสัตว์นั้นนำกลับมาบ้าน แล้วหาสิ่งกำบังอย่างมิดชิด จากนั้นไปหาหญ้าและใบไม้มาให้กิน สัตว์สี่หูห้าตาไม่ยอมกินเอาแต่นอนหลับ ตกกลางคืนเขาก่อไฟผิง บังเอิญสะเก็ดถ่ายไฟกระเด็นออกนอกกองไฟ แมงสี่หูห้าตาก็กินถ่ายไฟเป็นอาหาร เมื่อเขาเห็นดังนั้นจึงหาฟืนมาเผาแล้วเอาถ่ายไฟให้กินเป็นจำนวนมาก รุ่งเช้าแมงสี่หูห้าตาถ่ายมูลออกมาเป็นทองคำ เมื่อรู้ว่าแมงสี่หูห้าตากินถ่ายไฟแล้วถ่ายเป็นทอง เขาจึงหาถ่านไฟให้กินเรื่อย ๆ แมงสี่หูห้าตาก็ถ่ายออกเป็นทองคำจำนวนมากเขานำทองที่ได้ไปฝังไว้ทุกวัน

**กล่าวถึงท้าวพันธุมติผู้ครองนครมีราชธิดาองค์หนึ่งชื่อ " สิมมา" อายุได้ ๑๖ ปี มีรูปโฉมงดงามเป็นที่หมายปองของบรรดากษัตริย์หัวเมืองต่าง ๆ และมีหลายเมืองต่างส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายเพื่อขอราชธิดาไปเป็นมเหสี ท้าวพันธุมติรู้สึกลำบากใจ จึงหาทางออกโดยกำหนดเงื่อนไขไว้ว่าหากเจ้าเมืองใดสามารถสร้างลำคำ ( รางน้ำทองคำ) ตั้งแต่เมืองของตนมาถึงวังของราชธิดาได้ ก็จะยกราชธิดาให้เจ้าเมืองนั้น เงื่อนไขนี้ไม่มีเจ้าเมืองใดสามารถทำได้

***ฝ่ายชายกำพร้าผู้ยากไร้ได้ทราบข่าว จึงไปขอให้ลุงไปทูลราชธิดาของท้าวพันธุมติ ส่วนลุงก็ได้แต่เวทนา วันหนึ่งมีพ่อค้าชาวจีนฮ่อกลุ่มหนึ่งมาพักแรมที่บ้านชายนั้น เขาจึงว่าจ้างให้พ่อค้าเหล่านั้นสร้างลินคำตั้งแต่บ้านจนไปถึงวังของราชธิดาสิมมาจนสำเร็จภายในคืนเดียว

**รุ่งเช้าท้าวพันธุมติเห็นลินคำเป็นอัศจรรย์ ก็ให้เสนาอำมาตย์ติดตามไปดู เมื่อพบว่าเจ้าของเป็นใครจึงจัดขบวนแห่ไปรับเอาชายเข็ญใจไปเป็นราชบุตรเขย เมื่ออภิเษกให้เป็นคู่ครองราชธิดาสิมมาแล้ว จึงไต่ถามว่าได้ทองคำมาอย่างไร เขาจึงเล่าเรื่องแมงสี่หูห้าตาให้ฟัง ท้าวพันธุมติจึงให้เสนาไปขุดทองในสวนมาไว้ในพระคลังให้หมดและให้ราชบุตรเขยไปนำแมงสี่หูห้าตามา เขาก็ไปจูงเอามาแต่เมื่อจูงมาชาวเมืองต่างมามุงดู แมงสี่หูห้าตาก็ตกใจวิ่งหนีกลับไปอยู่ถ้ำตามเดิม ท้าวพันธุมติก็ให้ตามเอามาอีก คราวนี้ชาวเมืองต่างมามุงดูเป็นจำนวนมากขึ้น แม่สี่หูห้าตาก็ยิ่งตกใจวิ่งหนีไปอีก ท้าวพันธุมติเห็นดังนั้น จึงวิ่งไล่ตามจับจนเลยเข้าไปในถ้ำ ครั้งนี้หินถล่มลงปิดปากถ้ำไว้ โดยที่เสนาวิ่งตามไม่ทันทำให้ท้าวพันธุมติถูกขังอยุ่ในถ้ำกับแมงสี่หูห้าตา
ท้าวพันธุมติถูกขังอยู่ในถ้ำเป็นเวลาหลายวันเพราะไม่มีทางออก มีเพียงรูเล็ก ๆ โดยใช้ตาข้างเดียวแนบส่องดูภายนอกได้เท่านั้น ท้าวพันธุมติคิดในใจว่าตนคงต้องตายในถ้ำนี้แน่นอน คงไม่มีโอกาสอยู่กับมเหสีอีก จึงสั่งเสนาไปตามมเหสีทั้งเจ็ดมา เมื่อมเหสีมาแล้วพระองค์จึงขอให้เปิดผ้าถุงให้ดูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย มเหสีตั้งแต่ลำดับที่ ๑ ถึง ๖ ไม่ยอมเปิดผ้าถุงเพราะความอาย แต่มเหสีองค์ที่เจ็ดรู้สึกเห็นใจ จึงยอมเปิดผ้าถุงให้ดู ทันใดนั้นถ้ำอดหัวเราะไม่ได้ก็ระเบิดหัวเราะออกมา ปากถ้ำจึงเปิด พระยาพันธุมติได้โอกาสจึงวิ่งหนีออกมาได้

**เมื่อกลับถึงเมือง ท้าวพันธุมติได้อภิเษกให้บุตรเขยเป็นกษัตริย์ครองเมืองแทน จนถึงอายุขัยพระองค์ก็ถึงแก่พิราลัย บุตรเขยผู้เป็นกษัตริย์ได้ครองเมืองโดยธรรม และได้สร้างโรงทานถึง ๖ หลัง เพื่อให้ทานแก่ยาจกคนยากไร้ จากนั้นได้เทศนาสั่งสอนเสนาอำมาตย์และชาวเมืองให้ตั้งอยู่ในธรรม ชาวเมืองพันธุมติก็ดำรงชีพตามวิสัยอย่างสงบสุข

***เรื่องราวที่มเหสีองค์เล็กเปิดผ้าถุงให้ท้าวพันธุมติดูเป็นเหตุให้สามีทั้งหลายรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง และถ้ำดังกล่าวได้ชื่อว่า " ถ้ำยุบ" ตั้งแต่นั้นมา ความตอนนี้ในคัมภีร์กล่าวว่า " ส่วนถ้ำอันนั้น ก็ได้ชื่อว่าถ้ำยุบว่าอั้น ตราบต่อเท้าเถิงกาละบัดนี้แล
***ส่วนท้าวพระยาทังหลายก็รักเมียปลายเหลือกว่าเมียเค้าตราบต่อเท้าถึงกาละบัดนี้แล

ไม่ทราบว่างานตานก๋วยสลาก มีวันไหนกันแน่คับ เริ่มกี่งานกี่โมงคับ ท่านมหาบุญทิพย์

***งานสลากตานก๋วย เลื่อนไปวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย ครับ
เลื่อนจากวันที่ 12 ต.ค ไปเป็น วันที่ 26 ต.ค จาก 26 ต.ค
เป็นวันที่ 2 ต้นเดือนหน้า ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองไม่วุ่นวายคงมีงานสลากตานก๋วยแน่ ใก้ลวันงานจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ

***ขอแจ้งให้พระภิกษุสามเณร สมาชิกคณะอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมพื้นเมืองที่ไม่ได้ไปเข้าร่วมประชุมที่วัดอมรคีรี เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2551 มีดังนี้

***เวลา 14.00 น. เปิดประชุม รายงานความคึบหน้าเกี่ยวกับการทำหลักสูตร แปลธรรมบท ๘ภาค และหลักสูตร ภาคฤดูร้อน ที่ได้รับมอบหมายไปตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษา ให้ที่ประชุมได้รับทราบ

***ในที่ประชุมมีมติว่า จะทำหนังสือวารสารออกเผยแผ่
2 เดือน ต่อเล่ม ให้ทุกรูปได้มีส่วนร่วม เขียนข้อความ ลงในวารสาร เนื้อหาสาระทั่วไป ทั้งสั้นและยาว รูปละไม่เกิน 2 หน้า ท่านสามารถค้นหาจาก Internet แล้วรวบรวมส่งไปที่ เลขา หรือผู้ช่วยเลขาได้

**ฉบับแรก ให้เสร็จก่อนปีใหม่นี้

**เสร็จการประชุมแล้ว ร่วมกันสมมาคารวะ ท่านเจ้าคุณพระครูบาวิสุทธิสุนทร เจ้าอาวาสวัดอมรคีรี ตามที่ได้ปฎิบัติกันมาประจำทุกปี หลังวันออกพรรษา

*** ท่านพระครูบาก็ได้ให้โอวาทให้กำลังใจ ให้สมานสามัคคีกัน ช่วยกันทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา ให้นำความรู้ความสามารถกลับไปช่วยกันพัฒนาถิ่นมาตุภูมิบิตุ
ภูมิ อย่าได้ละทิ้ง .....................

อยากไค่ไปแอ่วเจียงตุงขนาดเลย บ่ฮู้ว่าจะม่วนดังเปิ้นว่า
ก่จะไดจะพยามเก็บเงินไปแอ่วซักครั้ง มีแต่ท่านมหาฯนัก
ขนาดเลยเมืองเชียงตุง บ่มีหนุ่มๆพ่องก๋า สาวๆก่ได้อยากฮุ้จักเป็นเพื่อน

หนุ่ม ๆ เจียงตุงยินดีต้อนฮับทุกเวลา ขอบอกว่าหนุ่มเจียงตุงมีนักขนาด จะฮู้สึกดีใจและยินดีเป๋นที่สุด ที่มีสาว ๆ อยากฮู้จัก ถ้าวันใด จะขึ้นไปแอ่วเจียงตุง อย่าลืมชวนเนื้อ

**ท่านมหาบุญทิพย์ครับ ผมจะเดินทางไปทอดผ้าป่าที่เชียงตุงคณะใหญ่กับญาติโยมในต้นเดือนธันวาคมนี้ ไม่ทราบว่าท่านได้แต่งหนังสือสวดมนต์ฉบับภาษาเขินบ้างหรือเปล่า? หาซื้อได้ที่ไหนครับ? กะว่าจะนำไปถวายตามวัดต่างๆที่นั่นด้วยครับ ไปประมาณอาทิตย์หนึ่งครับ แล้วญาติโยมควรจะพักที่โรงแรมไหนดีในเชียงตุง? ท่านรบกวนตอบผมด้วยครับ ขอคุณมากครับ.....

**ขออนุเมาทนาสาธุเอาบุญด้วย หนังสือสวดมนต์ฉบับภาษาขืน ผมย้งไม่ได้เขียน คิดว่าจะทำอยู่เหมือนกัน
ถ้าท่านสนใจ อยากนำไปถวายก็พอจะหาซื้อได้อยู่ เท่าที่เห็นก็มีหลายฉบับเหมือนกัน ขอให้ไปติดต่อสอบถามที่วัดพระธาตุสายเมือง ท่าขี้เหล็กดูก็ได้ คิดว่า น่าจะมี อีกที่หนึ่งคือ ที่วัดหัวข่วง เชียงตุง *นอกจากหนังสือสวดมนต์แล้วยังมีหนังสือ นักธรรมตรี โท เอก หนังสือพจนานุกรม
จ่ำหน่ายด้วย ส่งมาพิมพ์ที่เชียงใหม่พึ่งเสร็จเมื่อเดือนที่ผ่านมานี้เอง ลองไปสอบถามดูนะครับ

**ส่วนญาติโยมจะพักโรงแรมไหนดีนั้น ก็มีให้เลือกหลายที่ครับ ที่ไม่ใช่ของรัฐบาล เท่าที่เห็นและคนไทยนิยมไปพักมากที่สุดก็คือ โรงแรมแสงทิพย์ อยู่ที่บ้านใหม่กลางนา ต้อนรับคนไทยโดยเฉพาะ อีกที่หนึ่งก็ โรงแรมสามยอด อยู่ใก้ลฝั่งหนองคำ ไม่หลูหลาแต่ก็พอพักได้
ค่าพักต่อคืนก็ไม่แพง ประมาณ 300 บาท เท่านั้นเอง

*** นอกจากโรงแรมก็ยังมี guest house ให้เลือกพักได้อีก ถ้าไปเป็นคณะใหญ่ พักโรงแรมดีที่สุดครับ อาหารการกิน ก็สะดวกกว่า เมื่อไปถึงเชียงตุงแล้วลองสอบถามดูอีกครั้งหนึ่งนะครับ เพื่อความแนะนอน

***ขออวยพรล่วงหน้า ให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ และเที่ยวเชียงตุงให้ทั่วเลยนะครับ

ท่านมหาบุญทิพย์ครับ ไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่วัดไหนของเมืองเชียงตุงครับ เผื่อว่าจะแว่ะไปเห็นวัดท่านบ้าง.....

สวัสดีทุกคน มาเยี่ยมๆๆ

ไม่ได้มาทักนานละ บายๆๆ

**ยินดีต้อนรับทุกท่าน ด้วยความยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง
ที่ถามถึงและอยากไปเยี่ยม บ้านเกิด เมืองนอน ถิ่นมาตุภูมิ บิตุภูมิ ของผม

**ชื่อวัดที่เชียงตุง คือ วัดเชียงต้าง อ. กาดฟ้า จ. เชียงตุง ถ. เมืองลา ออกจากตัวเมืองไป ๓ กิโล ก็ถึงแล้ว วัดอยู่ซ้ายมือ ถ. ลาดยางผ่านหน้าวัดพอดี เมือเห็นพระธาตุสีขาว และวิหารหลังใหม่ ก็เชิญแวะเข้าไปได้เลย

**เมื่อแวะเข้าไปแล้ว ไม่เห็นพระเห็นเณรสักรูปเลย ก็อย่าพึ่งแปลกใจนะครับ เพราะสถานที่แห่งนี้ เป็นว่าที่วัดหลังใหม่ ของวัดเชียงต้างในอนาคตอันใก้ล เอาไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนปริยัติประจำ อำเภอกาดฟ้า ให้พระภิกษุสามเณรน้อยในชนบท ได้มาศึกษานักธรรมบาลีกัน อีกไม่นานความฝันที่ผมตั้งไว้คงจะเป็นจริง

**เมือเยี่ยมชมสักการะบูชาพระธาตุเวียงแก้วแล้ว อยากเห็นหมู่บ้านเชียงต้าง และวัดเชียงต้างหลังเก่า ก็ขอนิมนต์และเรียนเชิญ เดินลงไปที่หมู่บ้าน อีก 5 นาทีก็ถึงแล้ว วัดจะอยู่ท้ายสุด มีพระภิกษุและสามเณร 10 ก่วารูป วัดหลังเก่าจะไม่รื้อ จะอนุรักษ์ไว้ เพราะวัดที่เก่า ๆ ในเชียงตุงหาดูยากเต็มทีแล้วในเชียงตุง ปัจจุบัน

*ถ้าอยากเห็นและอยากไปเยี่ยมที่บ้านเรือน ของผมก็ยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจครับ อยู่ติดกับวัดเลย

*จริงไม่จริงก็ไม่รู้ครับ ได้ยินมาว่า ถ้าไปถึงเชียงตุงแล้วไม่ได้ไปเดินชม หนองตุง และเชียงต้าง ยังไม่ถือว่าถึงเชียงตุง ???

เพิ่งได้เข้ามาอ่านในเวปนี้ ดีใจหล่ายๆ คับ ผมบ่ใจ่คนเจียงตุงแต่ฮักเจียงตุง บ๊ะแน่อาจจะฮักเชียงต้างด้วยอี้เหลาะ(แอบไปลักเมาสาวเจียงต้างไปตวย) บ๊ะแน่ใจ๋ว่าจะเกยฮู้จักท่านมหาทิพย์ก่อ เพราะผมเกยเป็นนักบวช และเข้าออกเจียงตุงมาเป็นสิบปีแล้ว ที่เจียงต้าง ตอนนี้หันกะลังแป๋งวิหารใหม่ น่าจะเป็นฝีมือปี้มหาน่อ
เรื่องการพิมพ์หนังสือเรียนนักธรรมไทเขินผมก่อได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดพิมพ์เคยทำงานให้มูลนิธิลุ่มน้ำโขง มจร.เชียงใหม่ แต่ตอนนี้ออกมาทำบริษัททัวร์เที่ยวเจียงตุงคับ
ตี่มีคนถามว่าจะไปเจียงตุงทำบุญนั้น อยากได้หนังสือไปถวาย ให้ไปติดต่อที่มจร.เชียงใหม่วัดสวนดอก ให้โรงพิมพ์ให้ด่วนได้เลยคับ อนุโมทนาตวย ส่วนผมจะเข้าไปทำบุญปอยเจดีย์เฟยฮุง ในวันที่ 18-20 พย.51 นี้คับ
แฮมหน่อยหนึ่ง ตี้ปี้มหาว่าโรงแรมแสงทิพย์อยู่ตี้บ้านใหม่กลางนานั้น ผมบ่แน่ใจว่า ถูกก่อ เพราะทุกครั้งผมพักโรงแรมนี้เห็นว่าติดกับหนองคำป่าตูม่านคับ

ถามอ้ายเจ้าของเวปตวยถ้าผมจะโพสรูปวิหารเก่าวัดเจียงต้างทำได้อย่างได

**อย่างนี้ต้องยกนิ้วใหเเลย นอกจากจะฮักเจียงตุงแล้ว
รู้สึกจะอู้ภาษาขืนได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว แบบนี้จะบ่ฮื้อสาว ๆ เชียงต้างหลงฮักได้อย่างไร

** ด้วยแรงศรัทธา ของญาติโยม หลาย ๆ ที่ และด้วยบารมี ของหลวงพี่สามบุญ วัดพระธาตุจ๋อมหง เมืองโภง และท่านพระมหาแสง สุมโน วัดพระธาตุสายเมือง ท่าขี้เหล็ก และผมรวมกันทั้งสามพี่น้อง ช่วย ๆ กันครับ ก่วาจะสำเร็จเป็นวัดอย่างสมบูรณ์ คงอีกหลายปีอยู่

**สงสัยคงจะฮู้จักหรือเคยพบเห็นที่ใดที่หนึ่งแน่ ๆ แต่ ผมได้ยิยชื่อของพี่มหาเทืองมานานแล้ว เพราะเคยไปที่วัดเกาะกลางบ่อย วิ่งเข้าวิ่งออกโรงพิมพ์ธนบรรณอยู่หลายครั้ง เกียวกับหนังสือ นักธรรม นั้นเอง เพราะพระคูบาบุญหลวง ให้เป็นผู้ประสานกับโรงพิมพ์ธนบรรณเลือกแบกระดาษที่จะพิมพ์ คัดเลือกหน้าปก ตรวจต้นฉบับ ช่วยพิมพ์คำนำ ภาษาขืนภาษาไทย เสร็จจึงได้กลับ
วัด เสียดายตอนที่นำขึ้นไปถวายที่วัดหัวข่วงไม่ได้ไปด้วย
**รอบที่สอง เมื่อเดือนพฤษภาที่ผ่านมา ตอนกลับไปบ้าน ได้ไปเป็นพิธีกรจัดรายการ และนิมนต์สามเณรน้อยจำนวน 200 รูป ให้คณะญาติโยมประเทศสิงคโปร์ เจ้าภาพถวายหนังสือที่วัดหัวข่วง ตอนนั้นหนังสือยังไม่เสร็จเอาแต่ตัวอย่างไปเท่านั้นเอง ได้ทราบมาว่าจะนำขึ้นไปถวายอีกในเดินนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นวันที่เท่าไหร่

**บ่แน่ อนาคตอาจจะร่วมทัวร์ไปเที่ยวเชียงต้างก็เป็นได้

**สงสัยที่ตั้งของโรงแรมแสงทิพย์ จะอยู่ที่หนองคำ ประตูป่าม่านจริงแล้วละ คงบอกผิดไปแล้วจริง ๆ ต้องขอขอบคุณพี่มหาเทืองเป็นอย่างสูงที่ช่วยให้ข้อมูล เพราะไปพักเป็นประจำ คงยืนยันได้ 100% ขนาดผมอยู่เจียงตุงแท้ ๆ ยังบอกบ่ถูกเลย ผมเชื่อแล้วละว่าฮักเจียงตุงจริง

** ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ และแอ่วปอยเจดีย์เฟยฮุงเผื่อผมด้วยคนเน้อ

อ้อ..ขนาดนั้นเล๊ย ถ้าจะฮู้จักชื่อผมผ่านคำนำในหนังสือครูบาบุญหลวงเหียละก้าคับ ปี้มหาคับช่วง พ.ย.-กพ. นี้เจียงตุงจะมีประเพณีอะหยังพ่อง จะได้จวนคนไปผ่อหื้อฮู้จักประเพณีเจียงตุง หรือใครมีความฮู้แบ่งกันตวยนะครับ

**ในช่วง เดือนเจี๋ยง (พฤศจิกายน) นี้ ประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของเจียงตุง ก็จะมีการถวายผ้ากฐินตามวัดต่าง ๆ และทำบุญบูชาพระเจ้าหลวงระแข่ง หรือวัดพระเจ้าหลวง ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของเชียงตุง ช่วงนี้อากาศที่เจียงตุงกำลังหนาวเต็มที่

-เดือนยี่ (ธันวาคม) ก็จะมีประเพณีเข้าปริวาสกรรมและทำบุญถวายน้ำอ้อย และงานแข่งขันปล่อยโคมไฟ ชิงรางวัลกันอย่างยิ่งใหญ่ ที่สนามข่วงควายชน หลังจากนั้น
ก็จะมีงานปอย ปีใหม่ไตย จัดกันที่สนามข่วงควายชนเช่นกัน พี่น้องชาวเจียงตุงหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็จะไปรวมกันที่นั้น
เป็นจำนวนมาก ใส่ชุดประจำชาติไตยกันอย่างสวยงาม
เป็นวันที่ชาวเจียงตุงแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของประเทศได้อย่างอิสระและจะมีความสุขที่สุด ที่ทุกคนรอคอยในรอบหนึ่งปี งานนี้พระหนุ่มเณรน้อยเข้าได้หมด เพราะเคยไปสัมผัสบรรยากาศมาแล้วในปี 49 รู้สึกคิดถึงอยู่เหมือนกัน
**ในเดือน ธ.ค นี้ ที่คลอง 13 ก็จะจัดปอยปีใหม่ไต
ยเหมือนที่ เจียงตุง เจียงใหม่ เหมือนกัน

-เดือนสาม(มกราคม) ประเพณีบูชาเทวดาหนองตุง และงานแข่งเรือกัน ที่หนองตุง ก็สนุกสนานไปอีกแบบหนึ่ง

-เดือนสี (กุมภาพันธ์)ประเพณีอุปสมบทพระภิกษุบรรพชาสามเณร (งานบวช ภ ปิ๊กตุ๊) มีไปถึงเดืนมีนาโน้น

**แถมนิดหนึ่ง ในเดือน เจี๋ยง -ธ.ค นี้ ที่วัดพระธาตุสายเมือง ท่าขี้เหล็ก ที่วัดพระครูบาแสงหล้า จะมีงานถวายสมณสัค (ปิ๊กสิทิ ครูบา แบบเจียงตุง) ซึ่งไม่เคยจัดมาก่อนที่ท่าขี้เหล็ก ทราบมาว่าผู้ที่จะได้เป็นสิทิ ครูบา มีจำนวน 10 ก่าวรูป ในจำนวนนั้น มีพระสงฆ์ทางภาคเหนือ
หลายรูปเช่นกัน ที่จะได้รับสมณสัค แต่ตั้งเป็นครูบาของเจียงตุง งานนี้ได้ยินมาว่ายิ่งใหญ่แน่ คิดว่าจะไปอยู่เหมือนกัน เพราะหนึ่งในนั้นมีตุ๊ปี้สามบุญ วัดเจียงต้าง ซึ่งเป็นหลวงพี่ของผม ที่มาสอนกรรมฐานอยู่ที่วัดพระธาตุจอ๋มหง เมืองโภง รวมอยู่ดว้ย ส่วนวันที่แน่นอนวันไหนนั้น จะสอบถามดู แล้วจะแจ้งให้ผู้ที่สนใจอยากไปร่วม
งานทราบอีกครั้ง

***อีกงานหนึ่ง ที่ยิ่งใหญ่ก่วาที่วัดพระธาตุสายเมืองก็คือ
ในช่วงเดือน 7 หลังสงการณ์ ที่เจียงตุงจะมีงาน ยกยอ พระสิทิ พระสวามี พระครูบา ทั่วทั้งเจียงตุง เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกที่จัดมาแล้ว เมื่องานแต่งตั้งสมเด็จอาชญาธรรม (สมเด็จพระสังฆราช ) เจียงตุง งานนี้ขอรับรองว่า
ยิ่งใหญ่ก่วาครั้งแรกแน่นอน เพราะท่านที่ได้ขึ้นเป็นพระสวามี และพระครูบา มีจำนวนมาก มีทั้งพระสงฆ์ภาคกลางและภาคเหนือของประเทศไทย หลายรูป ได้รับสมณสัค เป็นพระครูบาของเจียงตุง งานแบบนี้หาดูยากมาก ๆ นาน ๆ จะมีสัครั้ง ผู้ที่พลาดร่วมงานครั้งแรก ก็ควรหาโอกาสไปให้ได้ในเดือน เจ็ด นี้

**แจ้งล่วงหน้าไว้ก่อน ใก้ลวันงานเมื่อไหร่ จะนำรายละเอียดเกี่ยวกับงานนี้ มาให้ทุกท่านได้รับทราบอีกครั้ง...

วันอาทิตย์ที่ 2 ต.ค วันนี้ เชิญชวนเที่ยวงานตานก๋วยสลากที่วัดเบญจมบพิตรทุกท่าน นะครับ งานเริ่มตั้งแต่ ๘ โมงเช้าแล้ว มีของขายเยอะแยะ มีไปถึง 5 โมงเย็น

ขอบคุณคร๊าบบบบบบ...
ตักบาตรพระเจ้าหลางระแข่งนี่ตรงกับวันลอยกระทงเชียงใหม่ใช่ไหมคับ บ่ฮู้ว่าทางเจียงตุงมีลอยกระทงเหมือนกันก่อ กะลังว่าจะจวนคนหลบเสียงบะท๊บ ไปแอ่วเจียงตุงอยู่ กะไปช่วง 11-13 พย.51 นี้ มีไผคะไปผ่องคับบบบ....

ทางเจียงตุ๋งเขาบ่ามีลอยกระทงครับแต่จะมีลอยอุปคุตแทน(ลอยอุปคุตก็คือการลอยเครื่องอัฎฐบริขารเพื่อบูชาพระอุปคุตเถร)จะมีช่วงเดือนเจ๋งแปงของเจียงตุ๋งหลังจากออกพรรษาแล้วหนึ่งเดือนเพราะเจียงตุ๋งจะออกพรรษาเดือนสีบสองแต่ก็พร้อมกันกับไทยนี้แหละเพียงนับเดือนไม่ตรงกันเฉยๆ..การลอยอุปคุตนี้บางปีก็ไม่มีเพราะหาเจ้าภาพยากไม่มีเจ้าภาพ..ถ้ามีเขาจะจัดงานกันที่ฝั่งแม่น้ำขึนทั้งคืนพอถึงเวลาประมาณตี4-5ก็จะทำพิธีลอยอุปคุตกันจ้าลายละเอียดอยู่ที่เจียงตุ๋งคร๊าบบบอิอิไหว้สาๆๆ

แวะทาทักทายครับ

วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ นี้ จะมีงานบุญทอดกฐินที่เมืองลาครับ ถ้าท่านใดประสงค์จะไปร่วมงานบุญด้วยก็ขอกราบนิมนต์/เรียนเชิญครับ ผมอนุโมทนาด้วยนะครับ

เมืองลา เป็นเมืองที่ผมอยากจะไปนานแล้ว จะต้องหาโอกาสไปให้ได้ รวมทั้ง 12 พันนาด้วย

ขอแจมตวยคน
เมืองลา บรรยากาศดีคับ วิถีชาวบ้านน่ารัก
อีกสองสามวันนี้ผมก็จะไป
ผีเสื้อน่ารักอิอิ...ว่าไป

เมืองเชียงตุง ขณะนี้ เข้าสู่บรรยากาศหนาวเหน็บสุด ๆ
ช่วงเช้า ๆ ในระยะ 10 เมต มองหน้ากันไม่ชัดเลยครับ
เหมาะแก่การไปเที่ยวมากช่วงเดือนธันวา

ดูคาราโอเกะเชียงตุงแล้ว อยากไปเที่ยวมาก ๆ ภาษา
ที่ร้องคล้ายกับภาษาไทยมาก ขนาดไม่เคยไป ยังฟังออกเลย วิถีชีวิตของผู้คนดูมีความสุขและอบอุ่นดี อยากไปมาก สงการณ์จะขึ้นไปให้ได้

28 - 30 พย. นี้ไปแอ่วเจงตุ๋งกั๋นบ่อครับ

//www.cm77.org/tour2.html

กับทางเว็บ cm77 ครับ

การสร้างพระเจดีย์หรือพระธาตุที่เมืองลา

เรียนทุกท่าน
วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๑ คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจะร่วมกันทำบุญอันยิ่งใหญ่โดยการสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ที่เมืองลาครับ ถ้าท่านใดประสงค์จะไปร่วมงานบุญก็เรียนเชิญครับผม เพราะการสร้างพระเจดีย์ถวายไว้สืบต่อพระพุทธศาสนานี้ได้อานิสงส์ใหญ่นัก สาธุ

นิมนต์/เรียนเชิญแขกวีไอพีสองท่านคือ
ขอกราบนิมนต์ท่านมหาเทืองด้วยนะครับ
อีกทั้งเรียนเชิญท่านชาย เชียงตุงด้วยนะครับ

จากหนุ่มใหญ่ เมืองลา
ปล. งานบุญครั้งนี้ผมก็จะไปด้วยครับ

ขอบคุงคับอ้ายหนุ่มใหญ่เมืองลาที่เจินมา แต่ผมเพิ่งกลับจากเจียงตุงมามะคืนวันตี้30นี้ กะว่าจะไปแฮมวันตึ้8-11ธ.ค.51 นี้ ทริปนี้ลักไปแอ่วส่วนตั๋วๆส่วนตัว ...แต่ถ้าจะบ๊ะได้ขึ้นไปเมิงลา ลักหมายตาซุ้มสาวเจียงต้างไว้ ...งานนี้เมาแน่ๆ..อิอิ.. อ้อ..แล้วถ้าผมจะฮอมบุญตวย ฝากได้ตึ้ไหนก้าคับ....เผื่อจ๊าตนี้...เขยเมิงเจียงตุงบ่ะผาดแน่...ว่าอั้น....

แวะมาเยี่ยมคะ ดีใจแต้ ๆ ที่มีคนเจียงตุง เยอะแยะเลย
พึ่งเข้ามาเป็นครั้งแรก ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองเจียงตุง รวมทั้งมีรูปภาพต่าง ๆ มาให้ชมเยอะขนาดนี้ บางที่บางแห่ง ยังบ่เคยเห็นและเคยไปเลย เป็นคนเจียงตุงแท้ ๆ วันหลังจะเข้ามาเยี่ยมใหม่คะ

ขอแจมด้วยคนนะคร๊าบ ได้อ่านแล้วหนุกดีอะ

อย่างไรๆ ก็คนไทยด้วนกันนะครับ พี่น้องเชียงตุง เคยเห็นเรื่องเกี่ยวกับเมืองเชียงตุง น่าสนใจ เชิยท่านที่สนใจอ่านใน //widetalks.multiply.com ครับ

หวัดดีชาวโลกทั้งหลายและชาวเชียงทุกคนที่ได้อ่านแล้วส่งตอบกลับด้วยครับเข้าที่
//www.mnit2525@hot.mail.com.
จากกันเอง

วันที่ 5 มกฎาคมนี้ ขอเชิญชวนไปเที่ยวงานวันเกิดพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร ที่เชียงแสน เชียงรายกันนะครับ
งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เป็นต้นไป งานนี้จะมีพี่น้องชาวไทยขืนขไทยใหญ่ จากที่ต่างมาร่วมงานไม่ต่ำก่วา2หมื่นคน เพราะครูบาท่านเป็นผู้ที่มากไปด้วยบารมี

สหวัดดีปีไหม่ครับขอไห้คนไทยไหญ่จงมีแต่ความสุขไนปี2009นี้แล้วก็ขอไห้ทุกๆคนทำความดีเพื่อพวกเราชาวไทไหญ่นะครับ

ผมไปมาแล้วละครับงานวันเกิดท่านครูบาบุญชุ่มอ่ะ

คนโคตรเยอะเลยมีคนพลัดหลงกันระนาว

ประกาศตามหา ผัวหายเมียหายลูกหลานหายกันทั้งวัน555

แล้วก็แวะไปสามเจ่งคำ(สามเหลี่ยมทองคำ)นั่งเรือข้ามไปฝั่งลาว

โอ้วววแม่จ้าววายผลไม่ขวดบะเริ่มราคาแค่80บาทเหล้ายี่ห้อดีๆ

สามขวด100(ยังไม่ได้ต่อราคานะ)น่าซื้อมาดื่มให้เมาปรี้นจัง555+

แต่ขอโทษ..ไอ้กิ๋นแต่เหล้าขาวเหล้าแดงกิ๋นบ่เป๋นเลยบ่ซื้อมา5555+

จบข่าวเรื่องเล่าสู่กันฟัง..กิ๊วๆๆ

เสียดายมากๆ ปีนี้ที่ไม่มีโอกาสได้ไป
คนแถวบ้านเราคงจะมากันเยอะหนอ เราอยู่ในไทยยังไปไม่ได้เลย คนอื่นเขามาไกลก่วาเราอีก ปีหน้าจะไปให้ได้ครับ

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ชาวเมืองเชิยงตุง ขอให้รักกันให้มากๆ นะครับ ( คนบ้านเราต้องเข้าใจกันใช่มัยครับพี่น้องป)

ใช่แล้วครับพี่น้อง เราต้องสามัคคีรักกันให้มาก ๆ

เราไม่รักกัน ไม่ช่วยกัน ใครเขาจะมาช่วย ใช่ไหมครับพี่น้อง

ช่วงเดือนกุมภา จะมีการฉลองสอบธรรมช่วงวันที่เต๊าได ไผฮู้ผ่องคับ

เห็นแต่พวกเราทั้งนั้นเลย เพิ่งเข้ามาครับ เห็นหลายคนเอ่ยชื่อผมด้วย ว่าแต่เว็บนี้ของใตรเอ่ย หากไม่ใช่ของกลุ่มเราโดยตรง ก็ไม่ควรนำเรื่องในคณะมากล่าวบนเว็บ กรณีมหาบุญทิพย์เชียงต้าง นั่นถือว่าเป็นเรื่องภายใน หากต้องการแจ้งผมว่าคุณแจ้งในอีเมลกลางที่เร้าได้ทำไว้แล้ว ของคลองสิบสามครับ

หายไปนานมาก ที่ไม่ได้เข้ามาทักทาย เนื่องจากกำติวเข้มก่อนจะเข้าสนามสอบ ในวันที่ 27-28 ม.ค อีกไม่กี่วันนี้แล้ว

***ต้องขอขอบคุณท่านอาโนเนะด้วยที่กรุณาเตือนด้วยความหวังดี ก่อนเขียนพวกเรายังไม่มีเมลอย่างเป็นทางการครับ จึงต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้

ต้องขอขอบคุณพี่ศศิศเจ้าของเว็บเป็นอย่างสูง ที่กรุณาสร้างเว๊บเกี่ยวกับเมืองเชียงตุง และยังได้นำเพลงที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพี่น้องชาวเชียงตุงมาให้ชม

ครับ ผมเข้ามาเป็นครั้งที่สองแล้ว รู้สิกจะอาโนเน๊ะกรุงเทพแล้วนะเนี่ย

อยากไปเที่ยงเชียงตุงมาก แต่ยังไม่มีข้อมูลการเดินทาง ว่าจะไปอย่างไง ต้องทำอะไรบ้างใครรู้ช่วยตอบหน่อยครับ

ภาคกลางยังหนาวขนาดนี้ ภาคเหนือคงจะหนาวน่าดู
อยากไปสัมผัสความหนาวที่ดอยอินเตอร์นนท์มาก เห็นว่ามีหมอกหนาและหนาวสุดๆ

อากาศหนาวๆอย่างนี้ รู้สึกว่า ช่วยให้อะไรต่อมิอะไร ลดความร้อนแรงลงไปได้เยอะเหมือนกัน

ขอให้รักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีด้วยนะครับ

เพิ่งไปเจียงตุงกลับมาวันนี้(21มค.)อากาศหนาวมาก แต่เราอุ่นๆ อิอิมะบอกว่าอุ่นอาราย โชคดีกู่คนค๊าบ

สงสัยคงจะได้รับไออุ่นที่พิเศษแน่ๆ ถึงทำให้อากาศหนาว ๆ อุ่นลงได้
ใช่ไหมครับพี่หนาน........

คุณอ้อย นนทบุรี
การไปเชียงตุงไปได้โดยรถโดยสารซื้อตั๋วที่ ตม.หัวสะพานท่าขึ้เหล็ก ราคาประมาณห้าร้อย(ไม่แน่ใจ)พร้อมทำเอกสารข้ามแดนที่ตม.เลย หรือไปกะทัวร์ก็ได้ ไปกะวันทาทัวร์ก็ได้(อิอิ..ถือโอกาสโมษณาเลยเน้ออ้ายเวป)2คืน3วันราคา 5500บาทรวมทุกอย่างเริ่มที่เชียงใหม่
กพ.นี้มีงานฉลองสอบธรรมด้วยช่วง20-22นี้มีการแสดงวัฒนธรรมมากมายเด้อ

เมืองเจงตุ๋ง นี้เป๋นเมิงดีอยู่...

ดีอยู่แต๊ๆเลยครับผม

หากว่าเฮียนจบ ก็ใคร่ไปเปกข์อยู่เมิงเจงตุ๋งสักหว่าง

ปีนี้จะไปเที่ยวสงการณ์ที่เชียงตุงครับ ไม่ได้ขึ้นไปเล่นน้ำที่เชียงตุงหลายปีแล้วครับ

ขอเชิยชวนพี่น้องชาวไตยทุกท่าน เที่ยวงานปีใหม่ไตยคลอง 13 วันที่ 7-8กุมภาพันธ์ 2552 เปิดงาน 6 โมงเย็นวันนี้ อย่าลืมไปเที่นวนะครับ ปีหนึ่งมีครั้งเดียว

หน้าอิดฉารูปเอ่กจังเลย

ฉันมาถึงภูเก็ตเมื่อวันที่ 8 แล้วนะ

เจอข้อความแล้วอย่าเงื้ยบไปฃ๊าหล่าHi5 ของนายฉันเบิดดูแล้วน่ะ

ตอนนี้ฉันทำงานอยู่ที่เขาหลักพังงา อ.ตะกั่วโอโหเสาอาทิตย์ฝรั่งเทื่ยวเย่อแล้วที่นายทำงานตอนนั้นมันอยู่ตรงใหน

ไผฮู้จักคนเจียงตุง ทางกาดถ้าย กาดบุ้ง หัวแต้ บ้านจ่าง คะยาง หื้อเมลมาอิดหนึ่งเน้อ ใค่หู้จักกันไว้

ไปถึงภูเกดแล้วเพิ่งโทรมาบอกหรอ555ตอนโทรมานึกว่าอยู่ กทม. ยังงัยก็ขอให้โชคดีน่ะเพื่อน ว่างๆจะโทรหา

7-10มี.ค.52 เชิญร่วมเดินทางไปงานปอยหยาดน้ำวิหารวัดกาดถ้ายนะคับ มีการแสดงวัฒนธรรมฟ้อนรำต่างๆหนำๆ
ติดต่อการเดินทางได้ครับ

วอเปเปอร์สวยมากครับ

อ่านแล้ว ผมคิดว่าเชียงตุงน่าจะมาอยู่ในอมกอดไทยีกครั้งหนึ่งรู้สึกว่าพี่น้องไตเหมือนคนไทยจริง

พระสงฆ์และผู้มีจิตศรัทธาชาวลำพูกลุ่มหนึ่งได้ไปร่วมสร้างวิหาร วัดกาดฟ้า เมืองเชียงตุง บัดนี้การก่อสร้างเสร็จสิ้นลงแล้วเราจะเดินทางไปทำบุญหยาดนำ้ถวายวิหารหลังใหม่ในระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน2552 ขอบอกบุญมาถึงทุกท่านให้ได้ร่วมอนุโมทนาเราเดินทางไปกันทั้งพระและโยมร่วม 40 รูป/คน โดยให้บริษัททัวร์จัดการทั้งเรื่องรถที่พัก(โรงแรมชั้นหนึ่ง)การผ่านแดนรวมทั้งอาหาร 8 มื้อคนละ4500บาท กลับมาแล้วจะมาเล่าความประทับใจให้ฟังนะครับ

หวัดดีหนุ่มสาวจาวเจียงตุงกุคนเน้อจ้าว

ขอฮื้อมีความสุขมากๆเน้อ

ยังไม่เคยไปเลยอยากไปเจียงตุงเหมือนกัน

อยากฮู้ว่ามีอะหยั้งน่าเที่ยว

ถ้ามีโอกาสก็จะไปเที่ยวที่โน้นน่ะ

บ๊าย บาย

ขอหื้อปี่น้องจาวใต้ตั้งหลยอยู่ดีกิ๋นดีเน๊อกุกคน

สวัสดีครับ --เฮอ---อ่านแล้วก็เสียดายน้อ

ดีใจ๋ตี้ได้มีส่วนร่วม ฮื้อเปิ้ลได้หันว่า ตอนนั้นบ้านเปิ้ลเป๋นจะไดละ ท่าจำบ่ผิด ฮูปในวิดีโอ มอกปี๋ 49 ก่ว่า 50 น่ะครับ

อยากไปเที่ยวเชียงตุงจังเลย และอยากมีเพื่อนเป็นคนเชียงตุง ถ้ามีโอกาสจะไปเที่ยวแน่นอน สำหรับชาวเชียงตุงที่มาเรียนในเมืองไทย เราขอเป็นกำลังใจให้เรียนจบไว ๆ นะ และอยากทราบข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองเชียงตุงใครจะกรุณาเล่าให้ฟังบ้างนะ อยากทราบ จริง ๆ

หวัดดี

เสียดายจัง ต่อไปคงไปเที่ยวเชียงตุงยากแล้วละ

เพราะตรวจเข้มกันเหลือเกิน ถ้าการตรวจไม่เข้มงวด

เราคงจะไปเที่ยวทุกปีแหละ ต่อไปคงไม่ค่อยได้ไปแล้ว

ถ้าใครคิดถึงเชียงตุง เข้าไปดูคลิปในเวปนี้ได้เลย
//www.youtube.com/user/kampman2553#p/u/6/mG0IvWpLX2k

whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him

ได้มาอ่านบทความนี้คิดถึงบ้านจัง

ปีนี้ไม่ได้ไปช่วยสอนหนังสือ ติดธุระหนิดหน่อย

เพราะต้องเตรียมตัวรอรับปริญญาบัตร กลัวจะกลับมาไม่ทันการ

ชึ่งทางมหาวิทยาัลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จะมอบปริญญาบัตร วันที่ 9/04/10

ดีครับ

ยินดีมากเลยครับที่มีแบบนี้
ดูแล้วเหมือนได้กลับบ้านเลยครับ
เบอผมครับ0892182169
โทรมาคูยกันได้นะครับ
ผมอยู่ห้วยขวางครับ
ยังไม่มีแฟนนะครับอิอิ
โทรได้ตลอดครับ

//www.youtube.com/user/snsd2010able

ถ้าใครคิดถึงเชียงตุง ก็เข้าไปดูคลิปนี้นะ

ได้อารมณ์มาก ๆ 555

พี่ตัวเจ 92 F.M. เจ้าของสถนีวิทยุ HOT SATATION RADIO ครอบครัวสันติ 92 FM. อ.แม่สาย จ.เขียงราย ตอนนี้ได้ทำอัลบั้ม เพลง ไตลื้อ-ไตยใหญ์ ชุดรวมดวา 92
ตอนนี้ เพลงฮิตติดชร์ตเพลงทุกสถนี้ ผมอยากส่งไลงในเวไซด์ แต่ไม่รู้จะส่งอย่างไร เพลงน่าฟังทั้ง 11 เพลง และดังมกจริง หากสนใจติดต่อ พี่ ตัว เจ 92 F.M.และเพลงของพี่จาย คำจันทร์ ก็แรงมกคลื่นนี้ อยกติดต่อสัมภาณษ์ แต่ไม่รู้ติดต่อที่ไหน พอติดต่อให้ได้หรือเล่าครับ เพลงของคำจันทร์ติดชาร์ตตลอด สนใจโทร.084-9414270

ตัวเจ 92 F.M. เจ้าของสถนีวิทยุ HOT SATATION RADIO ครอบครัวสันติ 92 FM. อ.แม่สาย จ.เขียงราย ตอนนี้ได้ทำอัลบั้ม เพลง ไตลื้อ-ไตยใหญ์ ชุดรวมดวา 92
ตอนนี้ เพลงฮิตติดชร์ตเพลงทุกสถนี้ ผมอยากส่งไลงในเวไซด์ แต่ไม่รู้จะส่งอย่างไร เพลงน่าฟังทั้ง 11 เพลง และดังมกจริง หากสนใจติดต่อ พี่ ตัว เจ 92 F.M.และเพลงของพี่จาย คำจันทร์ ก็แรงมกคลื่นนี้ อยกติดต่อสัมภาณษ์ แต่ไม่รู้ติดต่อที่ไหน พอติดต่อให้ได้หรือเล่าครับ เพลงของคำจันทร์ติดชาร์ตตลอด สนใจโทร.084-9414270
www.fm9200.com
โดย: พี่ตัวเจ 92 F.M. IP: 117.47.122.142 วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:8:26:19 น.

เพิ่งมารู้เองมีเว็บเชียงตุงยินดีที่ได้รู้จักครับ

ผมก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้มาเรียน ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ ป.ธ.๕ เองกะว่าปีหน้าจะไปเรียน มจร.อยู่ครับไม่รู้ว่าจะสอบผ่านหรือปล่าวพักเรียนมาทั้งสามปี ใ้ห้กำลังใจกัานด้วย ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ดีมากครับ

ดีมากเลยที่มีส่วนร่วมเอาวัฒนธรรมไตยขืนมาเผยแพร่ให้ชาวโลกรู้จักกัน

สวัสดี

สวัสดีชาวเชียงตุงและ พี่น้องทั่วทั้งรัฐฉานไม่ทราบว่าเพื่อนๆสหายธรรมิกและพี่น้องยังอยู่หรือเปล่า กรุณาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น คุยกันเล่นๆก็ดีครับ

น่านสนใจมากอ่านแล้วคิดถึงบ้านมาเลยบ้านเกิดอยุ๋บ้านเหม้าอยากกลับบ้านจริงๆแต่ยังไม่มีโอกาศ

ยินดีต้อนรับทุกท่านเที่เข้ามายี่ยมเยือนเชียงตุงบ้านเรา

พี่ตัวเจ 92 F.M. เจ้าของสถนีวิทยุ HOT SATATION RADIO ครอบครัวสันติ 92 FM. อ.แม่สาย จ.เขียงราย ตอนนี้ได้ทำอัลบั้ม เพลง ไตลื้อ-ไตยใหญ์ ชุดรวมดวา 92
ตอนนี้ เพลงฮิตติดชร์ตเพลงทุกสถนี้ ผมอยากส่งไลงในเวไซด์ แต่ไม่รู้จะส่งอย่างไร เพลงน่าฟังทั้ง 11 เพลง และดังมกจริง หากสนใจติดต่อ พี่ ตัว เจ 92 F.M.และเพลงของพี่จาย คำจันทร์ ก็แรงมกคลื่นนี้ อยกติดต่อสัมภาณษ์ แต่ไม่รู้ติดต่อที่ไหน พอติดต่อให้ได้หรือเล่าครับ เพลงของคำจันทร์ติดชาร์ตตลอด สนใจโทร.084-9414270
พี่ตัวเจ 92 F.M. เจ้าของสถนีวิทยุ HOT SATATION RADIO ครอบครัวสันติ 92 FM. อ.แม่สาย จ.เขียงราย ตอนนี้ได้ทำอัลบั้ม เพลง ไตลื้อ-ไตยใหญ์ ชุดรวมดวา 92
ตอนนี้ เพลงฮิตติดชร์ตเพลงทุกสถนี้ ผมอยากส่งไลงในเวไซด์ แต่ไม่รู้จะส่งอย่างไร เพลงน่าฟังทั้ง 11 เพลง และดังมกจริง หากสนใจติดต่อ พี่ ตัว เจ 92 F.M.และเพลงของพี่จาย คำจันทร์ ก็แรงมกคลื่นนี้ อยกติดต่อสัมภาณษ์ แต่ไม่รู้ติดต่อที่ไหน พอติดต่อให้ได้หรือเล่าครับ เพลงของคำจันทร์ติดชาร์ตตลอด สนใจโทร.084-9414270