ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

.+*+. ขอเพียงแค่ 1 นาที .+*+.

.+*+. ขอเพียงแค่ 1 นาที .+*+.

มีชายหนุ่มไฟแรง ที่มุมานะทำงานอย่างมุ่งมั่น
เขามีความฝันจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับแฟนสาว
เธอจะมารอ..ที่หน้าประตูบ้าน..ของเขา หลังจากที่เขาเลิกงาน
เขาพบเธอ..ก็ยิ้มแย้ม ..ยินดีต้อนรับ.. สนทนากัน..แล้วเธอก็กลับไป
วันนี้เขากลับถึงบ้าน ช้ากว่าปกติมาก
แต่แปลกที่ยังเห็นเธอยืนรอที่หน้าบ้านเขา.. เช่นทุกวัน

“โทษทีนะที่รัก วันนี้มีงานด่วน เลยกลับมาช้าไปหน่อย”
เธอยังยิ้มให้เขา “คุณทำงานจนมีรถ มีบ้านอย่างที่ตั้งใจแล้ว
ทำไมยังทำงานหนักอีกล่ะ?”
“ผมอยากมีบ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้ มีรถที่ดูโอ่อ่ามากกว่านี้
..เพื่อคุณนะจ๊ะ”

เวลาผ่านไป 1 ปี
หญิงสาวมาหาเขาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจกับเรื่องอย่างนี้
วันหนึ่งเธอเอ่ยถามเขา

“คุณมีเงินมากพอจะซื้อบ้านหลังใหญ่รึยัง?”
“ขอเวลาอีกสักหน่อย ผมอยากซื้อแหวนวงใหม่ มาเปลี่ยนให้คุณด้วย”
เขาจุมพิตมือที่สวมแหวนทองวงเล็กเบาๆ
“ฉันบอกหรือว่า ฉันอยากได้แหวนวงใหม่?”
“ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ...ที่รัก”

3 เดือนแล้ว..ที่เขาไม่เห็นเธอที่หน้าประตูบ้าน วันนี้เขามีบ้านหลังใหญ่
เขาจึงตัดสินใจลางาน 1 วัน เพื่อไปหาเธอ เขาขับรถคันหรู ผ่านเส้นทางที่ขรุขระ
อย่างยากลำบาก
‘เธอต้องใช้ทางเส้นนี้มาหาเราทุกวันเหรอเนี่ย?’ เขารำพึง

เมื่อมาถึง แม่ของเธอออกมาต้อนรับและมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้เขา
และบอกเส้นทางที่เป็นสถานที่ ที่เธออยู่ ที่ซึ่งเขาจะพบเธอได้

เนินเขาเล็ก ๆ รายล้อมไปด้วยดอกไม้ มีแท่นหินสลักชื่อหญิงสาว
ตั้งอยู่กลางเนิน
น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินออกมา มือสั่นเทาของเขา เปิดกล่องไม้อย่างช้า ๆ
ข้างในกล่องอัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็ก ๆ
เขาเริ่มอ่านข้อความ..ทีละใบ...ทีละใบ....

“วันนี้ ..คุณกลับมาช้า ..ฉันรอ 2 ชั่วโมง ..ไม่เป็นไร ..ฉันรักคุณ”

“วันนี้ฝนตก ..ฉันยังรอ ..แต่ไม่เจอคุณ.. ไม่เป็นไร ..แต่ฉันยังรักคุณ”

“ฉันเริ่มป่วย.. จนไปหาคุณไม่ได้ ..คุณคงไม่ทันได้สังเกต.. ไม่เป็นไร..
แต่ฉันยังรักคุณ”

“วันนี้ ..คุณบอกจะเปลี่ยนแหวนวงใหม่..
คุณคงลืมว่า..ฉันตอบตกลง..จะแต่งงานกับคุณ ..เพราะแหวนวงนี้
แต่ไม่เป็นไร..ฉันยังรักคุณ”

ชายหนุ่มได้เรียนรู้แล้วว่า บางทีสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาตลอดชีวิต
อาจเทียบไม่ได้กับสิ่งเล็กน้อย ที่เขาเคยได้รับ จนเป็นเรื่องปกติของทุกวัน
รถคันหรูแล่นไกลออกไป เหลือไว้เพียงกล่องแหวนเพชร ราคาแพง หน้าหลุมศพ
ที่ดูไม่เหลือค่าอะไร ..สำหรับเขา..อีกต่อไป

“ผมมีบ้านหลังใหญ่..แต่คงกว้างไป สำหรับการที่จะต้องอยู่คนเดียว
ผมมีรถราคาแพง
แต่ไม่รู้จะขับไปรับใคร ให้มานั่งเคียงคู่ ..เพื่อไปที่ไหน ๆด้วยกัน
ผมมีเวลาอยู่กับงานครึ่งชีวิต แต่ไม่เคยมีเวลา ที่จะได้อยู่กับคนที่..ผมรัก
ตอนนี้ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่อาจซื้อเวลาเพียง 1 นาที ที่จะบอกว่า ‘รักเธอ’..

ผมมีทุกอย่างเพียบพร้อมตามที่ผมฝัน แต่ขาดส่วนที่สำคัญที่สุด ..
ที่อยากให้ย้อนกลับมา..จะได้ไหม?”


ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 18:24:05 น.   
Counter : 282 Pageviews.  

ปาฏิหาริย์ ราคา 1 ดอลลาร์ 11 เซนต์

ปาฏิหาริย์ ราคา 1 ดอลลาร์ 11 เซนต์


เมื่อได้ยินคุณพ่อคุณแม่คุยกันเรื่องแอนดรูว์น้องชาย เทสส์ในวัย 8 ขวบที่ดูฉลาดเกินอายุ
ก็รับรู้ว่าแอนดรูว์กำลังป่วยมาก และทั้งพ่อแม่ก็
ไม่มีเงินเหลือติดตัวเลย แถมเดือนหน้ายังจะต ้องโดนย้ายไปอยู่ อพาร์ทเม้นท์
เพราะพ่อหมดปัญญาที่จะหาเงินมาจ่ายค่าหมอและค่าเช่าบ้านนี้
หนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตแอนดรูว์ได้ก็คือ
การผ่าตัดซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก
และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครจะม าหยิบ ยื่นอะไรให้แก่ครอบครัวนี้เลย
แต่เทสส์ก็แอบได้ยินพ่อกระซิบกับแม่ที่มีน้ำตานองว่า
"ในตอนนี้...คงมีเพียง ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะช่วยแอนดรูว์ได้"
เทสส์จึงตรงไปยังห้องนอนของเธอ
และหยิบขวดโหลเจลลี่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้
แล้วแม่หนูก็เทเศษสตางค์ทั้งหมดลง
บนพื้นห้อง ค่อยๆนับ...ถึง 3 ครั้ง
ก็ได้จำนวนเท่าเดิม
แล้วบรรจงเก็บใส่
ขวดโหลและปิดฝาตามเดิม
เธอผลุบผลันวิ่งไปไกลถึง 6บล็อกเพื่อไปยังร้าน ขายยาที่มีสัญลักษณ์
รูปหัวหน้าอินเดียนแดงติดอยู่บนประตูทางเข้า
เทสส์นั่งรอเภสัชกรอย่างอดทนแต่เขาช่างดูยุ่งเสียเหลือเกิน
เธอจึงขยี้เท้าไปมาแต่เสียงนั้นก็ไม่ช่วยอะไร
เธอเลย ลองกระแอมดูแต่ก็ไร้ผลเ ช่นเคย
ในที่สุดเธอก็เอาเหรียญ 25 เซนต์
ออกมาจากขวดโหลแล้วเคาะกับเคาน์เตอร์กระจก...
ได้การล่ะ..เภสัชกรหันมาถามด้วยเสียงรำคาญๆ ว่า
"หนูจะเอาอะไรเหรอ ฉันกำลังคุยกับน้องชายที่เพิ่งมาจากชิคาโก เราไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว"
เขาพูดต่อโดยมิทันที่จะรอคำตอบจากหนูน้อย
"ค่ะ..หนูอยากจะคุยเรื่องน้องชายของหนู" เทสส์ตอบด้วยเสียงเนือยพอกัน
"เขาป่วยหนักมาก หนูเลยอยากจะมาขอซื้อปาฏิหาริย์"
"อะไรนะ" เภสัชกรถามขึ้น
"เขาชื่อแอนดรูว์ค่ะ หนูรู้แต่ว่าเขามีอะไรก็ไม่รู้อยู่ในหัวใจ ได้ยินพ่อพูดว่ามีเพียงปฏิหาริย์เท่านั้นที่จะช่วยชีวิตเขาได้ เจ้าปาฏิหาริย์นี้ราคาเท่าไรค่ะ"
"หนู...เราไม่ได้ขายปาฏิหาริย์หรอก ขอโทษนะ ฉันช่วยเธอไม่ได้ หรอก" เภสัชกรคนเดิมตอบเสียงนุ่มขึ้น
"แต่หนูมีเงินจ่ายนะคะ ถึงมันจะไม่พอ แต่หนูจะเอาที่เหลือมาให้อีก เพียงแต่ช่วยบอกหนูหน่อยเถอะว่าราคาเท่าไร"
น้องชายของเภสัชกรผู้แต่งตัวภูมิฐานที่นั่งฟังมาโดยตลอดก้มลงถามแม่หนูว่า
"น้องชายของหนูอยากได้ปาฏิหาริย์แบบไหนเหรอ"
"หนูไม่ทราบค่ะ" ถึงตอนนี้น้ำตาเธอเริ่มเอ่อแล้ว
"หนูรู้แต่ว่า เขาป่วยหนักมาก แม่บอกว่าเขาต้องได้รับการผ่าตัด แต่พ่อไม่มีเงินจ่ายค่าหมอ หนูก็เลย อยากใช้เงินของหนูเองค่ะ"
"แล้วหนูมีอยู่เท่าไรล่ะ"
ชายจากชิคาโกถามต่อ
"1 ดอลลาร์ กับ 11 เซนต์ค่ะ"
เทสส์ตอบอย่างไม่เต็มเสียง
"มันเป็น เงิน เก็บทั้งหมดที่หนูมีอยู่..แต่หนูจะหามาอีกถ้าเกิดจะต้องใช้มากกว่านั้น"
"อืมม.. ช่างบังเอิญแท้ๆ" ชายผู้นั้นยิ้ม
"1 ดอลลาร์ 11 เซนต์ ช่างพอเหมาะ พอเจาะกับราคาของปาฏิหาริย์เสียจริง "
เขากำเงินจำนวนนั้นในมือหนึ่ง อีก
มือหนึ่งฉวยถุงมือของแม่หนูพร้อมกับบอกว่า
"เอาละ พาฉันไปที่บ้านหน่อย ฉันอยากพบพ่อแม่ของหนูเราจะมาดูกันว่า ฉันจะมีปาฏิหาริย์อย่างที่หนู ต้องการห รือเปล่า"
ที่แท้ชายภูมิฐานผู้นั้นคือ คุณหมอคาร์ลตัน อาร์มสตรอง ศัลยประสาทแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การผ่าตัดเสร็จสมบูรณ์โดยไม่ได้ใช้เงินเลย สักแดง
แอนดรูว์สามารถกลับบ้านได้ภายในเวลาไม่นานนักทั้งยั งมีสุขภาพแข็งแรงดี
พ่อกับแม่ดูมีความสุขมากที่ได้คุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
"การผ่าตัดนี้..เป็นเหมือนดังปาฏิหาริย์ ฉันสงสัยจังว่ามันน่าจะต้องใช้เงิน สักเท่าไรนะ"
แม่พูดกับตัวเอง เทสส์ยิ้ม เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า
ปาฏิหาริย์นี้มีมูลค่าเท่าไร.. 1 ดอลลาร์ 11 เซนต์.. บวกกับความศรัทธาของเด็ก น้อยคนหนึ่ง
ปาฏิหาริย์มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้กฎธรรมชาติ หากอยู่เหนือกฎธรรมชาติ



ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 18:18:49 น.   
Counter : 253 Pageviews.  

.+*+. นาฬิกาแห่งชีวิต / The clock of life .+*+.

"
การเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ง่ายเลย
มันไม่คุ้นไม่เคย ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ
ไม่มีเวลาเหลือ ไว้ฟังไว้คิดถึงใคร
โตแล้ว ต้องทำอย่างไร ...
"

... บางที ...
... นาฬิกาแห่งชีวิตก็หมุนเร็วกว่าใจ เหมือนอย่างในเพลงจริงๆ ...
... รู้สึกตัวอีกที ก็ต้องปิดหนังสือการ์ตูน วางจอยเกม ปิดหน้าต่าง MSN ...
... แล้วเอางบการเงินมากาง วางแผนชีวิต ...
...
... ชีวิตที่เรียกว่า " ผู้ใหญ่ " ...
...
... ชีวิตที่พรุ่งนี้มีอะไรให้คิด ให้ตัดสินใจ ...
... มากกว่าแค่จะเล่นเกมอะไร จะพายเรือในท้องร่องหรือปีนไปนอนบนต้นมะม่วงดี ...

...

... พรุ่งนี้ ...
... จะเป็นลูกจ้าง หรือ เป็นนายตัวเอง ? ...
... จะทำงานที่ชอบ หรือ ชอบงานที่ทำ ? ...
...
... ในวันนี้ ...
... คำถามที่ตอบยากที่สุดในชีวิต ก็ยังคงเป็นคำถามแรกที่เคยถูกถาม ...
... " โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร ? " ...
...
... เพราะมีปัจจัยหลายอย่างให้ต้องคิด ...
... ความสุขที่ได้ทำ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย ...
... ความมั่นคงของรายได้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคิดเผื่อคนข้างกาย ที่จะใช้ชีวิตด้วยกันในอนาคต ...

...

... แต่ในขณะที่เรากำลังบ่น ...
... ว่าการเลือกทางเดินของชีวิตนั้น ยากเหลือเกิน ...
...
... ยังคงมีอีกหลายชีวิต ...
... ที่ไม่มีสิทธิแม้แต่จะเลือก ...
...
... ชีวิตที่เหลือเพียงแต่เสียง ที่จะนำทางให้ชีวิตเดินต่อไปข้างหน้าได้ แทนดวงตา ...
... ชีวิตที่เหลือเพียงแค่สองขาทำหน้าที่แทนมือ บรรจงหนีบพู่กันแต้มสีลงบนผ้า ...
... ชีวิตที่ไม่มีพื้นที่เหลือพอสำหรับยา แค่เพียงอิ่มท้องผ่านไปได้ในแต่ละวัน ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ...
...
... เค้ายังอยู่ได้ ...

...

... หรือเศรษฐกิจพอเพียงที่พ่อสอน ...
... จริงๆแล้วก็คือ " การรู้จักพอ " ...

...

... เพราะถ้าถามว่า ...
... มีแค่ไหน ? ...
... ถึงจะเรียกว่ารวย ว่ามั่นคง ...
...
... แก่นของคำถามจริงๆ น่าจะเป็นคำถามที่ว่า ...
... พอแค่ไหน ? มากกว่า ...
...
... อยากได้ 10 แต่มี 100 ก็รวยแล้ว ...
... หากมีแสน แต่อยากได้ล้าน แบบนี้ก็คงยังไม่รวย ...

...

...

... หรือแค่เปิดร้านหนังสือเล็กๆริมทะเล ...
... นอนเปลใต้ต้นมะพร้าวเขียนหนังสือขายปีละปก ...
... ถ่ายรูป ทำเว็บเป็นงานอดิเรกเสริม ...
... สอนดำน้ำเป็นครั้งคราว ...
...
... อยู่กับสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ก่อให้เกิดความสุข ความสงบ ...
... พอเพียง อย่างพอตัว อย่างที่พ่อสอน ...
... จะเป็นความสงบสุขที่แท้จริงของชีวิต ...

...

... แท้จริงแล้ว ...
... ความสุขที่เราออกไปไขว่คว้า ไปค้นหา ไปแก่งแย่งจากโลกข้างนอกอันกว้างใหญ่ ...
... อาจจะซ่อนอยู่ลึกๆ อย่างเงียบๆ ในใจเรานี่เอง ...

...

...


... เข้าวัดกันเถอะ ...
... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...
...
... เอิ๊ก ...





... ป.ล. ยังไม่ได้ปลงกับชีวิต แต่แค่ฉุกคิดขึ้นมาว่า เรากำลังวิ่งตามอะไรกันแน่ ...
... เงินตรา ความมั่งคั่ง ? ...
... หรือ ความสงบสุขของชีวิต ? ...



ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 18:14:31 น.   
Counter : 275 Pageviews.  

~ สถานีต่อไป... ความรัก ~

~ สถานีต่อไป... ความรัก ~

ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงคืนแล้วคับ อีก 15 นาทีจะเที่ยงคืน
ผมคงต้องเลือลงสถานีใดสถานีหนึ่ง
ก่อนที่"..การรถไฟแห่งชีวิต.."จะปิดทำการ
ผมจับรถไฟเที่ยวแรกในเช้าวันนี้อย่างรีบร้อน
เพียงเพื่อจะมาพบปะเพื่อนๆที่ได้เคยพบเจอกันบนรถไฟ
ผมพบเพื่อนหลายคนยิ้มแห้งๆ บอกกับผมอย่างเศร้าๆว่า
"..เมื่อวานนี้เกือบจะไปถึงสถานนีความรักแล้วเชียว แต่เราไม่กล้าพอที่จะลง.."
ผมได้แต่มองเพื่อนอย่างสงสารจับใจ
เธอคนนี้ขึ้นรถไฟบ่อยกว่าผมเสียอีก
และหลายครั้งก็เกือบจะได้ลงที่สถานนีความรักแล้วด้วย
เพื่อนผมคนนี้มักจะขึ้นรถไฟที่สถานนีความเหงาทุกๆวัน
ต่างกับผมที่ว่าผมขึ้นที่"..สถานนีการค้นหา.." ผมจึงไม่รีบร้อนไปสู่สถานนี ความรักมากนัก
เพราะมีอีกหลายสถานนีที่ผมยังไม่ได้แวะลง
หรือบางสถานนีนั้นก็เผลอเรอลง เข้าใจผิดคิดว่าถึงสถานนีความรัก
แต่วันนี้ผมตั้งใจแล้วว่า..จะต้องไปให้ถึงสถานนีความรักให้ได้..

เพื่อนผมอีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่ม
คนนี้ยิ้มเผล่ มาจากสถานนีความหลง
เมื่อหลายวันก่อนเขารีบร้อนลงที่สถานนีความใคร่ โดยที่ลืมเอาหัวใจไปด้วย
มีผู้หญิงคนหนึ่งเก็บไว้ให้ตั้งแต่วันนั้น เธอถามผมว่า
"..จะบอกเพื่อนคุณดีมั้ยค่ะ ว่าดิฉันก็เป็นห่วงและอยากคืนใจให้กับเขา.."
ผมได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบอะไร และเมียงมองความสัมพันธ์ของทั้งสองที่สวนทางกัน
แต่ผมเชื่อว่าเพื่อนชายของผมคงได้เลือกสถานนีที่ได้ลงกับเธออีกไม่นานนี้

ตลอดทั้งวันมานี้ ผมอ่านลำนำ บทชวนเชื่อของสถานนีต่างๆ
รับฟังคำเล่าขานของผู้คนที่ได้สลักไว้บนฝาผนังรถไฟ บนเบาะ
เกี่ยวกับสถานนีต่างๆที่พวกเขาได้แวะลง
มีคนหนึ่งเล่าว่า เขาขึ้นรถไฟที่สถานนีความหลงและลงที่สถานนีความตาย
และอีกหลายคนก็บอกว่า เลิกที่จะหวังว่าชีวิตนี้จะไปถึงสถานนีความรักแล้ว
จึงตัดสินใจที่จะลงตามเบี้ยบ้ายรายทาง สถานนีความเหงาบ้าง "..สถานนีความเดียวดาย.."บ้าง
ผมก็เคยลงสถานนีแบบนี้มาบ้าง แต่ไม่นานก็ต้องจับรถไฟไป"..สถานนีความสุข.."ทุกที

ผมพูดคุย พบปะ แลกเปลี่ยนรอยยิ้มกับคนรอบข้างมากมาย
หลายๆคนคือคนที่ผมเคยเห็นตั้งแต่ครั้งก่อนที่มานั่งรอ แต่นั้นก็นานมาแล้ว
บางคนก็เขามาทักทาย ถามว่าผมจะลงสถานนีใด
พอผมบอกว่า "..ลงสถานนีความรักคับ.." เท่านั้น ก็ถึงกับส่ายหัวและสบถ
"..ชาตินี้จะมีวันไปถึงเหรอ ไกลก็ไกล รอไม่ไหวหรอก.."
แล้วเขาก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมครุ่นคิดว่า จะลงกลางทางเสียดีมั้ย

อีก 15 นาทีจะเที่ยงคืน
ดึกมากแล้ว ดาวบนฟ้าส่องประกายระยับจับใจคนบนรถไฟที่เหม่อมองขึ้นไป
ลมหนาวพักพรูขึ้นมา...นั่น คนขี้หนาวขอลงที่สถานนีหน้าเสียแล้ว
ผมได้แต่กอดตัวเองไว้มั่น มันแน่นหนาพอที่จะทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองทีเดียว
ผมเหงา ท้อ และเริ่มอ่อนเพลียจากการเดินทางมาทั้งวัน
สถานีข้างหน้าเป็นสถานนีของคนอ่อนล้า
หลายคนเดินลงไปเพราะเห็นว่า อย่างไรก็คงไปไม่ถึง
แต่หลายๆคนอย่างผมคนหนึ่ง ก็ยังอดทนที่จะรอไปให้ถึงสถานนีความรัก

รถไฟเคลื่อนขบวนผ่านสถานนีความเข้าใจ ความเดียวดาย ความท้อถอย
น้ำตาผมไหลอย่างไม่รู้ตัว ผมคงจะทนไม่ได้แล้วหล่ะ
เกือบจะสนองความรู้สึกนั้นในทันที มีมือบางยื่นมาแตะบ่า ละมุน
"..อดทนหน่อยค่ะ คุณอุตส่าห์อดทนมาหลายสถานนีแล้ว
ฉันมองคุณอยู่นะ แอบเห็นคุณขำ คุณหัวเราะ และยิ้ม อยู่บ่อยๆ
วันนี้ก็ยิ้มหน่อยสิค่ะ.."
เจ้าของมือบางๆผ้าเช็ดหน้าสีฟ้ามาให้ผม ผมจึงส่งรอยยิ้มกลับไป
"..ขอบคุณคับ เรารู้จักกันรึเปล่านี่.." ผมมองหน้าเธออย่างพยามยามนึก
"..ฉันเป็นใครเหรอ ก็คงเป็นหลายๆคนที่คุณเดินผ่าน และเราอาจจะได้ลงสถานนีก็เป็นได้ ใครจะรู้หล่ะจริง
มั้ย.."
เธอยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีแล้วเดินไปตู้ข้างหน้า ทิ้งผมไว้กับผ้าเช็ดหน้าและความทรงจำดีๆ

ผมตัดสินใจเดินตามเขาไป จนทันเห็นแผ่นหลังนั้น
"..คุณลงสถานนีข้างหน้ามั้ยคับ ผมว่า เราควรลงแล้ว.."
เธอหันมายิ้มรับ แล้วถามผมอย่างสุภาพว่า
"..แน่ใจหรือค่ะ ว่า เรา ควรลงได้แล้ว.." เธอยิ้มขันๆอีกตามเคย
"..มั้ง ไม่รู้สิ ผมว่าลงเถอะ ผ่านมาหลายสถานนีแล้วนี่.." ผมตอบอย่างงอนๆ ประสาเด็ก
"..เอาหล่ะ ลงก็ลง ฉันว่าเราถึงแล้วหล่ะ ใช่มั้ยค่ะคุณ.."
เธอฉวยข้อมือผมก้าวไปที่บันไดรถไฟ พร้อมกันนั้น เสียงประกาศดังก้องไปทั่วทั้งรถไฟดังขึ้นว่า

"..สถานนีความรัก ยินดีต้อนรับค่ะ.."



ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 13 พฤษภาคม 2551 17:40:08 น.   
Counter : 304 Pageviews.  

.+*+. ปราการแห่งความรัก .+*+.

.+*+. ปราการแห่งความรัก .+*+.


เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เวียดนาม

เป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่บันทึกไว้ในข้อเขียนเรื่อง "เมตตาภาวนา :
คำ สอนว่าด้วยรัก" ของท่าน "ติช นัท ฮันท์ อ่านจบหลายครั้งก็ยังประทับใจ จึงอยากนำมาเล่าต่อ

ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน ฝ่ายชายก็ถูกเกณฑ์ไปราชการสงคราม หญิงสาวไปส่งสามีจนสุดสายตา เขาหายไปในสงครามเป็นเวลากว่า 3 ปีจึงส่งข่าวคราวกลับมา
เธอดีใจมากจูงมืออ้ายตัวเล็กไปรับผู้เป็นพ่อแต่เช้าตรู่
ทันทีที่พบกันทั้งสองโผเข้าหา กัน สัมผัสไออุ่นจากกันและกัน นิ่ง นาน
จนเกือบลืมไปว่ามีลูกชายตัวเล็กยืนจ้องตาแป๋วอยู่

ผู้เป็นพ่อดีใจมาก ยื่นมือไปหมายกอดลูกชายแต่เจ้าหนูถอยกรูด
แม่ปลอบว่า "อย่าตกใจ
เจ้าหนูไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อนก็เป็นเช่นนี้แหละ"
ทั้งสามเดินกลับมาตามทางจนถึงตลาด
หญิงสาวขอตัวเข้าไปซื้อข้าวของสำหรับทำกับข้าวมื้อพิเศษ
ชายหนุ่มมีโอกาสอยู่กับลูกชาย
จึงขออุ้มเจ้าตัวน้อยอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ เท่านั้นยังไม่กระไร
พอเจ้าลูกชายเริ่มพูดบางสิ่งบางอย่างเขาจึงรู้สึกได้ถึงที่มาแห่งปฏิกิริยาอันผิดปกติ
"น้าไม่ใช่พ่อ ของหนู พ่อหนูมาหาแม่ทุกคืน พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง พอแม่ยืน พ่อก็ยืน..."

เพียงไม่กี่คำเท่านี้เอง
หัวใจของชายหนุ่มผู้เหนื่อยหนักมาจากสงครามอันแสนหฤโ หด
ยาวนานก็พลันกระด้างยังกับแผ่นศิลา
สักพักหนึ่งพอหญิงสาวเดินกลับมาจากตลาด เธอก็พบว่าทุก
อย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
หากหน้าเธอเข้าก็ไม่ปราย ตามองอีกต่อไป เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เย็นวันนั้น
อาหารที่เธอบรรจงทำอย่างสุดฝีมือเพื่อต้อนรับการกลับมาของเขาจืดสนิท
ทั้งคู่เข้านอนแต่หัวค่ำ ต่างนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด
เธอถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นขณะ ที่เธอแวะไปซื้อของ
เขาถามว่าเธอยังเป็นผู้หญิงคนที่เขาสุดรักอย่างจับใจคนเดิมอยู่หรือเปล่า
ต่างคนต่างถามกันและกันในความมืด ทว่าเป็นการถามที่เงียบงำจนวังเวง
เขาเย็นชากับเธอจากวันแรกจนถึงวันที่สาม ไม่มีการถามไถ่
ไม่มีการโอบกอดอัน อบอุ่น ไม่มีการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย
ไม่มีแม้แต่การปรายตามองกันและกัน อย่างเต็มสองตาฉันสามีหนุ่มภรรยาสาว
การณ์เป็นไปดังนั้นอยู่จนถึงเย็นวันที่สาม แล้วความอดทน
ของเธอก็สิ้นสุดลง เธอตัดสินใจลาจากความระทมทุกข์ที่แม่น้ำสายหนึ่ง
ทิ้งปมปัญหาทุกอย่างไว้ ข้างหลังอย่างไม่ไยดีธอ
เย็นวันนั้นเขารู้ข่าวการจากไปของเธอด้วยน้ำตานองทั้งสองแก้ม
เขาไปรับศพ เธอมาบำเพ็ญกุศลอย่างเงียบๆในบ้านของตัวเอง
มีเพียงเจ้าหนูเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขาจนดึกดื่น

และคืนนี้ความลึกลับทั้งปวงก็ได้รับการคลี่คลาย

ตะเกียงน้ำมันก๊าดที่จุดไว้บนโลงค่อยๆหรี่ลงจวนเจียนจะดับ
เขาเติมน้ำมันแล้วจุด ใหม่ เปลวไฟโชนแสงวูบวาบ เขาลุกเดินกลับไปกลับมา
ขณะนั้นเองเงาของเขาทาบทอไป ปรากฏยังฝาเรือน
เจ้าหนูชี้ไปที่เงาพลางตะโกนลั่น "นั่นไง พ่อหนูมาแล้ว
พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง แม่ยืนพ่อก็ยืน คนนั้นแหละพ่อของหนู"

ชายหนุ่มมองตามเจ้าหนู เห็นเงาของตัวเองทาบทออยู่ที่ฝา
จึงเข้าใจขึ้นมาใน นาทีนั้นเองว่า "พ่อ" ที่เจ้าหนูเอ่ยถึงก็คือ "เงา"
ที่เห็นอยู่นี่เอง ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว

เธอ...คงรักเขามากสินะ ถึงขนาดสมมุติให้เงาตัวเองเป็นเขา แล้วบอกเจ้า
หนูว่าเงาก็คือตัวเขา คือ "พ่อ"ที่หายไปในสงคราม โอ...ไม่น่าเลย

ความจริงนี้เจ็บปวดเกินไป เจ็บเกินกว่าหัวใจของคนธรรมดาจะรับไหว
รุ่งขึ้นะ อีกวัน เขาชดใช้ความผิดพลาดอย่างมหันต์ของตัวเอง
ด้วยการให้แม่น้ำเป็นตุลาการผู้พิพากษาชีวิต
เขาอีกชีวิตหนึ่ง...เรื่องราวของเขาและเธอเป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่เล่าขานกันมาอีกนาน
นับนาน

วันนั้น หลังจากเจ้าหนูพูดถึง "พ่อ" ของตัวเองให้เขาฟังที่กลางตลาด
หากเขา ไม่หุนหันพลันแล่น มีสติสักนิดหนึ่ง ถามไถ่จากเธอว่า "พ่อ"
คนที่เจ้าหนูพูดถึงคือใคร และหลัง จากที่เขาเย็นชา ปิดปากเงียบสนิท
หากเธอจะอาจหาญถามเขากลับไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอก็คงไม่ต้องเจ็บจนเกินเยียวยา
และเขาเองก็คงไม่ต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนั้น

ไม่ใช่เธอไม่รักเขา และไม่ใช่เขาก็ไม่รักเธอ หากทั้งเธอและเขาต่างรัก
ต่างภักดีต่อกันอย่างสุดซึ้ง ความรักของคนทั้งสอง บริสุทธิ์ งดงาม
หมดจด จนกลายเป็นตำนานเล่าขานดังเรื่องราวของวีรบุรุษวีรสตรีผู้พิชิต
ความผิดพลาดหากจะพึงมีบนเส้นทางแห่งรักแท้จนกลายมาเป็นโศกนาฏกรรมของคนทั้งคู่เกิดจากเส้น

บางๆของปราการแห่ง "ทิฐิ" โดยแท้

หากทั้งเธอและเขา ยอมวาง "ทิฐิ" ลง แล้วหันหน้าเข้าหากันอย่างถ้อยทีถ้อยอ าศัย
ถามไถ่จากกันและกันอย่างให้เกียรติกันทั้งสองฝ่าย
ไหนเลยจะต้องมาจำพรากทั้งที่ยังรักล้นใจเช่น นั้น


รักเอย รักนั้นงดงาม...........
บริสุทธิ์ อ่อนหวาน ไม่ใช่ความผิดของความรักหรอกจะบอกให้

ผิดที่ใจอันมากด้วย "ทิฐิ" ของทั้งคู่นั่นต่างหาก



ปรารถนารักที่ยั่งยืนหมื่นปี อย่าให้มี "ปราการแห่งทิฐิ"
มากางกั้นแค่นั้นพอ ........


ปล. บทความนี้ขอฝากให้คุณ Jane_ka_Nanny




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 11 พฤษภาคม 2551 18:56:30 น.   
Counter : 289 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]