ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

+*+. กล่องข้าวที่หายไป...+*+

+*+. กล่องข้าวที่หายไป...+*+




ผมนำ “กล่องข้าว” ไปกินที่โรงเรียนครั้งแรกตอน ม.1 เหตุผลสำคัญจริงๆ ก็คือทำตามเพื่อน

ในชั้นเรียนนั้นมีเพื่อนนำอาหารมากินตอนพักเที่ยงกันกว่าครึ่งห้อง ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีทั้งที่ใส่ปิ่นโต ใส่กล่อง และบางคนใส่ห่อมาก็มี
เมื่อถึงเวลาพักก็เอามาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันกิน ถามเพื่อนว่าทำไมเอาข้าวมากิน ส่วนใหญ่บอกว่าซื้อกินเองแพง ไม่มีเงินพอ
บางคนบอกว่าอาหารที่โรงอาหารไม่อร่อย กินของแม่อร่อยกว่า เลยนำอาหารที่บ้านมาเอง และบางคนเห็นเพื่อนกินข้าวกล่องกันเยอะๆ
ดูแล้วสนุกดี แถมบางคนก็เป็นเพื่อนสนิท ไม่อยากจะแยกกัน ก็เลยเอามากินเป็นเพื่อนด้วย

ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มหลังนี้
ที่บ้านมีปิ่นโตอยู่แล้ว แต่ผมไม่สะดวกกับการหิ้วปิ่นโต เพราะบ้านอยู่ต่างอำเภอ
ขณะที่โรงเรียนอยู่ในตัวจังหวัด ถ้าต้องหิ้วปิ่นโต และโหนรถสองแถวด้วยคงลำบาก
แม่จึงซื้อกล่องข้าวอันใหม่ให้จำได้ว่าเป็นกล่องสีฟ้า ข้างในนอกจากมีพื้นที่ใส่ข้าวแล้วยังแบ่งเป็นช่องเล็กๆ ใส่อาหารได้ถึง 3 ช่อง
สำหรับบางคน การห่อข้าวเป็นความสะดวกและเรียบง่าย

แต่กับผมไม่ใช่เพราะที่บ้านปกติ จะซื้ออาหารสำเร็จมาทาน

เนื่องจากแม่ผมไม่ค่อยแข็งแรง ไม่สบายด้วยโรคมากมายรุมเร้า ทั้งโรคหัวใจ โรคความดัน โรคอ้วน
และไขมันในเส้นเลือดสูง
แต่ผมไม่อยากจะซื้อแกงถุงสำเร็จรูปเพราะธรรมเนียมของการกินข้าวกล่องที่โรงเรียน
คือต้องเป็นอาหารที่ทำมาจากบ้าน มีการชื่นชมและอวดฝีมือของแม่ๆกัน ถ้าซื้อแกงไปก็เสียฟอร์ม

เมื่อผมบอกแม่ว่าอยากได้อาหารที่แม่ทำเองไปอวดให้เพื่อนเห็นฝีมือบ้าง ท่านก็ยิ้มรับคำ
จากนั้นทุกเช้าแม่จะต้องฝืนสังขารลุกขึ้นมาหุงข้าวเตรียมอาหารให้

ปัญหาต่อมาคือ ตอนเด็กๆ ผมไม่กินผัก และไม่กินพวกไข่ต้ม ไข่เจียว แม่จึงต้องทอดไก่ ทอดเนื้อ
หรือทำแกงต่างๆ ให้ ซื่งต้องใช้เวลาและขั้นตอนต่างๆ นานพอสมควร แต่กระนั้น

ทุกเช้า “กล่องข้าวสีฟ้า” ของผม ก็ถูกเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยเสมอ

แต่แล้วกินข้าวกล่องอยู่ได้ไม่นานนักผลก็ล้มเลิกโครงการนี้
เพราะรู้สึกอึดอัดกับคำถามและสายตาของคนรอบข้างเพราะเริ่มเป็นวัยรุ่น จึงอายที่จะถูกมองว่าเป็นเด็กที่ห่อข้าวมากินเพราะความยากจน

เมื่อกลับมาบอกยอกเลิกที่บ้าน โดยบอกเหตุผลว่าอายเพื่อนนั้น แทนที่แม่จะโล่งใจเพราะไม่ต้องเหนี่อยอีก ท่านกลับอึ้งไปครู่หนึ่ง
แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา และจากวันนั้นมา ผมก็ไม่สนใจอีกว่าแม่จะเก็บกล่องข้าวสีฟ้าไว้ที่ไหน

...แม่ตายตอนผมเรียน ม.6 ไม่ทันอยู่จนเห็นผมเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยทำงาน
และมีครอบครัว ตามที่ท่านอยากจะเห็น เราย้ายบ้านอีกหลายครั้ง ทั้งข้าวของและคนในครอบครัวเริ่มกระจัดกระจายพลัดพรากกันไป

ไม่ใช่แต่เพียงกล่องข้าวใบนั้นหรอกที่หายไป ความทรงจำหลายอย่างก็สลายสูญ ขณะที่ชีวิตของผมก็ต้องดำเนินต่อไป

...สองสามเดือนมานี้ ผมเริ่มทดลองที่นำอาหารจากบ้านใส่กล่องไปทานทำงานตอนพักเที่ยง
แล้วก็ได้พบว่า นอกจากจะได้ทานอาหารแนวสุขภาพที่เราควบคุมได้เต็มที่เพราะทำเองแล้ว
ยังสามารถช่วยประหยัดเงินได้มาก ซึ่งภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ค่อนข้างมีความจำเป็น

น่าแปลกที่การนำข้าวกล่องมากินครั้งนี้ผมไม่อายสายตาคนรอบข้างอีก หลังผ่านวันเวลาของชีวิต ผมเรียนรู้ว่า ถ้ากระทำในสิ่งที่มีเหตุผมพอ
ก็ไม่ต้องเกรงว่าใครจะหมิ่นหยาม

ความหวั่นไหวมักจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราเริ่มดูถูกตัวเองต่างหาก
เช้าวันนี้ ผมมองดูภรรยาจัดเตรียมอาหารใส่กล่อง แค่ผัดผักบุ้งไฟแดงและปลาทูนึ่งสองตัวก็คงพออิ่มสำหรับมื้อเที่ยง
ร่างเล็กๆนั้นเคลื่อนไหวไปทั่วทั้งบริเวณครัวอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งๆที่เธอเองก็เพิ่งฟื้นไข้มาไม่นานนัก

ผมพลันหวนนึกถึงแม่ วูบขึ้นมา
เห็นภาพหญิงอ้วนวัยกลางคน ซ้อนทับอยู่กับภาพหญิงสาวร่างเล็กเบื้องหน้า แล้วน้ำใสในดวงตาผมก็ท้นเอ่อออกมา...
มองกล่องข้าวสีขาวเบื้องหน้า ผมพลันรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่า “กล่องข้าวสีฟ้า” ที่เคยคิดว่ามันหายไปแล้วนั้น แท้จริงมันไม่ได้หายไหนเลย
เพียงแต่ผมค้นหามันพบช้าไปหน่อยเท่านั้นเอง....


ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 20 พฤษภาคม 2551 15:07:51 น.   
Counter : 385 Pageviews.  

.+*+. สองคน .+*+.

.+*+. สองคน .+*+.



... โลกนี้มีคนเป็นล้านคน ...
... การที่สองคนมาเจอกันได้ จึงถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ...
... เชื่อว่าการพบกัน คือพรหมลิขิตนะ ...
... แต่หน้าที่ของพรหมลิขิตน่าจะจบลงแค่การทำให้สองคนได้พบกันเท่านั้น ...
... การที่สองคนรักกัน น่าจะเป็นเรื่องที่สองคนลิขิตเอง ...

...

... ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า ...
... สองคน ควรใช้เวลาในการรู้จักกันเท่าไร ...
... สองคน ควรใช้เวลาดูใจกันนานแค่ไหน ...
... สองคน ถึงจะตกลงคบหาเป็นคนรักกันได้ ...
...
... บางสองคนใช้เวลา 2 ปี ...
... แต่บางสองคนกลับใช้เวลาไม่ถึงนาที ...

...

... เพราะความรักไร้รูปแบบ ...
... บางคนพร้อมที่จะวิ่งตามอีกคนตลอดเวลา โดยไม่ต้องมีกำลังใจ ...
... บางคนต้องอาศัยกำลังใจ เพื่อจะมีแรงวิ่งตาม ...
... แต่บางคนเลือกที่จะรอกำลังใจมาก่อน แล้วถึงจะออกวิ่ง ...
...
... เพราะความรักไม่มีทฤษฎี ...
... บางคนบอกว่า ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก ...
... บางคนบอกว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ...
... แต่บางคนก็บอกว่า Jigsaw ชิ่นที่ไม่ใช่ ไม่ว่านานแค่ไหนมันก็จะยังคงเป็น Jigsaw ชิ้นเดิม ...

...

... ความรัก ...
... เป็นเรื่องของสองคน ...
... ความรัก ...
... จึงต้องมีทั้ง สองคน ...




ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 18 พฤษภาคม 2551 7:54:01 น.   
Counter : 268 Pageviews.  

.+*+. แววตาที่คุ้นเคย .+*+.

.+*+. แววตาที่คุ้นเคย .+*+.


เช้าวันใหม่ที่แสนเร่งรีบ ออกจากบ้านพร้อมกับอาการสลึมสลือ
เป็นผลมาจากการนอนไม่เต็มอิ่มเมื่อคืนนี้
ที่ป้ายรถเมลล์ ก้าวขึ้นบนรถสายเดิม เพื่อไปในที่ๆ เดิม
เส้นทางที่ผ่านก็เป็นภาพเดิมที่เคยเห็นจนชินตา

อนุสาวรีย์ชัยฯ จุดหมายของใครหลายๆ คน
แหล่งรวมผู้คนมากหน้าหลายตา หลากอาชีพ

แต่ในมุมหนึ่งของที่นี่ คือที่รวมของความหวัง
และความปรารถนาลึกๆ ในใจ ของใครบางคน

บนสะพานลอย หญิงชราคนหนึ่ง กำลังทำสิ่งที่ใครๆ เรียกมันว่า 'อาชีพ'
ขันเก่าๆในมือของเธอ บ่งบอกถึงอะไรหลายๆ อย่างได้เป็นอย่างดี
ผู้คนมากมายเดินผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
หลายคนหยิบยื่นน้ำใจที่มีเพียงน้อยนิดในสังคมปัจจุบันให้กับเธอ
เศษเงินบาทแล้วบาทเล่าถูกหย่อนใส่ขันใบเก่าใบนั้น
แต่ใครจะรู้บ้างว่า
หลังดวงตาที่อ้างว้างคู่นั้นมีอะไรซ่อนอยู่
ด้วยวัยและสภาพร่างกายที่แก่ชรา
ทำไมเธอถึงต้องลำบากด้วย?
จะดีกว่านี้ไหม ถ้าเปลี่ยนจากสะพานลอยเป็นบ้านเล็กๆ สักหลัง
เปลี่ยนผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นลูกหลานที่คอยดูแลเอาใจใส่
ใครกันหนอ..ที่ปล่อยให้แม่ของตัวเองต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้
เห็นทุกวันก็คิดทุกวัน
ว่าไม่มีทางที่จะทำให้แม่ตัวเองเป็นแบบนี้เด็ดขาด
...ไม่มีทาง...

แล้วคุณล่ะ? ดูแลแม่ของตัวเองดีแล้วหรือยัง
ข้าวของ เงินทองที่คุณมีให้ท่าน
ไม่ได้หมายความว่าจะนำความสุขมาให้ท่านได้เสมอ
ลองหันกลับไปมองแม่ของคุณอีกทีสิ อาจจะพบแววตาแปลกๆ
เหมือนแววตาของหญิงชราบนสะพานลอยที่ฉันเคยเห็นก็ได้..


ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 18 พฤษภาคม 2551 7:53:48 น.   
Counter : 259 Pageviews.  

~S a d S t o y A l w a y s M a k e M e C r y ~

~S a d S t o y A l w a y s M a k e M e C r y ~

เกรด 10
ผมนั่งเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ผมนั่งมองหญิงสาวข้างๆผม
เธอคือคนที่ผมเรียกว่า "เพื่อนรัก"
ผมจ้องมองไปที่ผมยาวราวกับเส้นไหมของเธอและอยากให้เธอเป็นของผม
แต่เธอไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น

ผมรู้....หลังเลิกเรียนเธอเดินเข้ามาหาผมเพื่อจะขอยืมโน๊ตที่เธอจดไม่ทันในวันนี้
ผมยื่นโน๊ตให้ไป เธอตอบกลับมาว่า "ขอบใจ"
และจูบลงที่แก้มของผม
ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นแค่
เพื่อน"
ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก
และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
เกรด 11

โทรศัพท์ดังขึ้น ปลายทางของคนที่โทรมาก็คือ "เธอ"
นั่นเอง
เธอกำลังร้องไห้และพร่ำบ่นไม่ยอมหยุดว่าคนรักของเธอหักอกเธอเช่นไร
เธอขอให้ผมไปหาเพราะเธอไม่อยากอยู่คนเดียวและผมก็ไป
ผมนั่งอยู่ข้างๆเธอ
ที่โซฟา
จ้องมองไปยังดวงตาที่อ่อนโยนของเธอและอยากให้เธอเป็นของผม
2ชั่วโมง กับการนั่งดูหนังที่ Drew Barrymoreเล่น
กับมันฝรั่งอีก3ถุง
เธอก็ตัดสินใจเข้านอน
เธอมองมาที่ผมและพูดว่า "ขอบใจนะ"
และจูบลงที่แก้มของผม
ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นแค่
"เพื่อน"
ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก
และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น


ปีสุดท้าย

ก่อนวันของงานพรอม(Prom)เธอเดินมาหาผมที่ล็อกเกอร์
"คู่เดทของฉันมันห่วย" เธอพูดขึ้น

เขาจะไม่ยอมไปงานพรอมกับเธอ
และผมก็ยังไม่มีคู่เดท ตอนสมัยอยู่เกรด
7
เราเคยสัญญากันว่าถ้าคนใดคนหนึ่งยังไม่มีคู่เดท
เราจะไปงานพรอมด้วยกันในฐานะ "เพื่อนรัก"
และเราก็ตกลงเป็นคู่เดทในงานพรอมด้วยกัน

คืนวันงานหลังจากเลิกงานแล้ว
ผมยืนอยู่ที่บันไดหน้าบ้านของเธอ
ผมจ้องมองเธอ เช่นเดียวกับเธอ

ที่ยิ้มให้ผมและจ้องมองกลับมาที่ผมด้วยดวงตาสดใสของเธอ
ผมอยากให้เธอเป็นของผม แต่เธอไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น
ผมรู้...ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นแค่
"เพื่อน"
ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก
และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

วันจบการศึกษา ...

วันเวลาผ่านไป จากวันเป็นสัปดาห์
จากสัปดาห์เป็นเดือน
ก่อนที่ผมจะทันกระพริบตามันก็เป็นวันจบการศึกษาแล้ว

ผมมองดูเรือนร่างอันสมส่วนของเธอลอยขึ้นไปบนเวทีราวกับนางฟ้าเพื่อรับประกาศนียบัตร
ผมอยากให้เธอเป็นของผม
แต่เธอไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น
ผมรู้...ก่อนที่ทุกคนจะกลับบ้าน

เธอเดินเข้ามาหาผมในชุดครุยและหมวก
และเธอร้องไห้เมื่อผมกอดเธอ
จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นจากไหล่ของผมและพูดว่า
"เธอเป็นเพื่อนรักของฉัน ขอบใจและจูบลงที่แก้มของผม
ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นแค่
"เพื่อน"

ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก
และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

2-3ปีต่อมา
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวในโบสถ์
เธอคนนั้นกำลังจะแต่งงาน
ผมนั่งมองเธอพูด "ฉันรับค่ะ"
และไปสู่ชีวิตใหม่ของเธอ
เธอแต่งงานกับชายคนอื่นไปแล้ว
ผมอยากให้เธอเป็นของผม

แต่เธอไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น
ผมรู้..ก่อนเธอจะนั่งรถออกไปเธอเดินมาหาผมและพูดว่า
"เธอมางานของฉัน!"

และพูดว่า "ขอบใจนะ"
และจูบลงที่แก้มของผม
ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นเพื่อน"
ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก
และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
งานศพ

หลายปีผ่านไป
ผมก้มหน้ามองโลงศพของผู้หญิงที่เคยเป็น
เพื่อนรัก"ของผม
ในงานศพพวกเขาได้อ่านสมุดบันทึกของเธอทั้งหมดที่เธอเคยเขียนไว้สมัยเรียนไฮสคูล
และในสมุดบันทึกเขียนไว้ดังนี้ :
ฉันจ้องมองเขาและปรารถนาให้เขาเป็นของฉัน
แต่เขาไม่ได้คิดกับฉันแบบนั้น

ฉันรู้..ฉันอยากจะบอกเขาให้รู้ว่าฉันไม่ต้องการเป็นแค่
เพื่อน"

ฉันรักเขาแต่ฉันก็อายเกินไปที่จะบอก
และฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
ฉันปรารถนาให้เขาบอกว่า
เขารักฉัน
และฉันก็ปรารถนาอยากจะบอกเขาเหมือนกัน
ฉันคิดกับตัวเองและร้องไห้
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
รักใครก็บอกเขาไปซะก่อนที่เขาจะไม่ได้อยู่ฟังคำนั้นจากเราอีกต่อไป
หรือบอกเขาก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้บอกอีกต่อไป
ใครจะรู้คนที่คุณคิดว่า เขาไม่ได้รักคุณเลย

ใจจริงแล้วเขาเองอาจรู้สึกแบบเดียวกับคุณก็ได้
ไม่บอกรักแล้วจะรู้ใจกันได้อย่างไร?

ส่งเมลฉบับนี้ต่อไปให้กับคนที่คุณรัก

เพื่อจะบอกเขาว่าคุณรักและคิดถึงเขา



ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 16:20:06 น.   
Counter : 366 Pageviews.  

.+*+. ที่ใดมีรัก..ที่นั้นมีทุกข์..จริงหรือ? .+*+.

.+*+. ที่ใดมีรัก..ที่นั้นมีทุกข์..จริงหรือ? .+*+.


ที่ใดมีรัก...ที่นั้นมีทุกข์ ได้ยินประโยคนี้ทีไรทำให้รู้สึกว่า มันยอมไม่ได้จริงๆ ที่จะมาโทษความรักว่าเป็นต้นเหตุของความทุกข์

ที่ใดมีรัก...ที่นั้นมีทุกข์ ช่วยอ่านกันใหม่อีกครั้ง แล้วพิจารณาด้วยใจ ว่าจริงๆแล้วเราทุกข์เพราะอะไร .... ใบ้ให้ก็ได้จากตัวเรานี่แหละ

เคยได้ยินประโยคของเพลงนี้หรือเปล่า.......“ดั่งในใจความบอกในกวี ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง”

ความหวังนี่เองที่ทำให้เราทุกข์ได้มากมายขนาดนี้...งง ล่ะสิ

“ที่ใดมีรัก...ที่นั้นมีความหวัง...ที่ใดมีความหวังที่นั้นมีทุกข์” นี่คือนิยามความรักของแอ้มเอง

“ความหวัง”ทำให้คนเรารู้สึกเป็นทุกข์....หวังทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ....หวังลมๆแล้งๆ เหมือนการคอยฝนในหน้าแล้ง

อย่าบอกเชียวนะ ว่าคุณมีความรักที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน หากคุณรักคนๆหนึ่ง คุณก็หวังที่จะให้เขารักตอบ

“สักนิด” “สักครั้ง ก็ยังดี” “ขอเพียงแค่นั้น” คุ้นๆหูคุ้นๆตาใช่ไหม เหล่านี้เป็นกำแพงที่เราสร้างขึ้น เพื่อยับยั้งความต้องการของเราเอง การยับยั้งความต้องการมันทรมานนะ คุณไม่รู้สึกเหรอ

มันเป็นความทรมานจากการห้ามความรู้สึกตัวเอง หลอกตัวเองว่าอย่ารักมากไปกว่านี้เลย ทั้งๆที่ความจริงก้อรักไปแล้วหมดหัวใจ

รักและคิดถึง เมื่อรักแล้วก้อต้องคิดถึง เวลาที่คิดถึงคุณมีความสุขหรือเปล่า ความคิดถึงกับความโหยหา ต่างกันตรงไหน? เวลาที่เราคิดถึงใคร

เราแอบคิดเสมอว่าเค้าจะคิดถึงเราอยู่บ้างไหม หรือคุณไม่เคยคิด

รู้สึกยังไงล่ะ.... ทรมานใช่ไหม ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้ ว่าหวังแล้วจะมีผลอย่างไร เราก็จะทุกข์ตั้งแต่เราเริ่มหวังแล้ว เพราะความหวังมันจะมาพร้อมกับความกังวล และความไม่มั่นใจในสิ่งนั้น

หวังมาก ทุกข์มาก หวังน้อยทุกข์น้อย

ความหวังทำให้ชีวิตมีพลังใจ...ความหวังในความรัก... ทำให้เราตั้งใจเรียนผิดปกติ(ทุกข์นะเนี่ย ปวดหัวจะแย่)

ความหวังทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีวันสมหวัง....ทำให้เราทรมานแทบขาดใจ

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม....ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการที่ทำให้เรามีความทุกข์ ......

แล้วไอ้คำว่า ที่ใดมีรัก..ที่นั้นมีทุกข์นั้นจริงหรือ??? คำตอบทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ใจคุณแล้วล่ะ



ปล . เครดิต คุณ Neyriney หรือ คุณแอ้ม




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 16:19:55 น.   
Counter : 259 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]