.+*+. นิ ท า น ข อ ง พ่ อ .+*+.
.+*+. นิ ท า น ข อ ง พ่ อ .+*+.กาลหนึ่งนานมาแล้ว นานเท่าไหร่ไม่รู้ พ่อมักจะเริ่มต้นเรื่องอย่างนี้ทุกครั้งมีเจ้าหญิงอยู่องค์หนึ่ง เจ้าหญิงคนนี้เป็นคนขยัน ทำอาหารเก่ง ชอบทำงานบ้านเสมอ ๆเจ้าหญิงของพ่อมักจะเป็นคนที่ขยันเสมอ ๆ ...เจ้าหญิงได้พบกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในสวนดอกไม้ข้าง ๆ ปราสาทในขณะที่เจ้าหญิงกำลังเก็บดอกไม้ผมพิมพ์มาถึงตรงนี้ ก็ต้องกด Delete ลบข้อความนั้นทิ้งเสียหมดหลังจากที่ผมนั่งจ้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วมั้งแต่งานเขียนของผมก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีอะไรขยับเขยื้อนไปสักอย่างทั้ง ๆ ที่ผมจะต้องส่งต้นฉบับในวันพรุ่งนี้แล้วแย่จริง ๆ สมาธิหายไปไหนหมดนะบรรยากาศ ภาพความหลังในวัยเด็กหายไปไหนหมดนะ- - นี่ผมคิดผิดหรือเปล่าหนอ? - -ที่รับงานเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับพ่อมาก็เพราะคำว่า พ่อ นี่แหละที่ทำให้ผมเขียนไม่ออกไม่รู้จะเขียนอะไร เพราะพ่อไม่เคยอยู่ในความทรงจำของพ่อหรือเป็นฮีโร่เยี่ยงอย่างพ่อคนอื่น ๆ จนบางครั้งผมมีความรู้สึกราวกับว่าพ่อกับผมเป็นคนแปลกหน้าที่ต่างวัยและบังเอิญมาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันพ่อยังเป็นคนทำลายครอบครัว ทำลายความรักที่แม่มีต่อพ่ออย่างหมดสิ้นจนแม่ทนไม่ไหวต้องหย่าร้างกันไปในที่สุด และพ่อยังจะทำลายความฝันของผมอีกผมอยากเรียนหนังสือ ผมชอบงานเขียนหนังสือผมบอกกับพ่อในวันที่พ่อบอกให้ผมเลิกเรียนหนังสือและออกมาช่วยกันทำงานที่โรงกลึงของตนเอง..แกจะเรียนไปทำไมนักหนา กิจการของพ่อก็มีแล้วนายความฝันบ้า ๆ บอ ๆ ของแกอีกผมทิ้งมันไม่ได้ ผมทิ้งความฝันของผมไม่ได้หรอกพ่อ ผมเถียงแต่แกต้องทิ้งมัน แกต้องมาช่วยฉันทำงาน พ่อขึ้นเสียงตอบกลับมาพ่อ มันหมดสมัยที่พ่อจะบังคับลูกแล้วนะ“แต่ฉันจะบังคับแก” พ่อยืนคำขาดพรุ่งนี้แกต้องไปลาออกผมเกลียดพ่อ ผมเกลียดความคิดโง่ ๆ ของพ่อเกลียดการกระทำของพ่อที่วัน ๆ มัวแต่นั่งทำงานงก ๆ พ่อไม่เคยสนใจผมพ่อไม่เคยถามผมสักคำว่าผมต้องการอะไร เอ๊ะอะอะไรพ่อก็บังคับผม ผมเกลียดพ่อฝ่ามืออันหนักอึ่งของพ่อกระทบลงบนใบหน้าแก้มข้างขวาของผมอย่างจังแกออกไปแกออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้นะ แกไม่ใช่ลูกฉันดูแลตัวเองดี ๆ นะ ผมหันมาบอกน้องชายที่ยืนอยู่ห่าง ๆก่อนที่ผมจะก้าวเดินออกจากบ้านหลังนั้นมาด้วยความเครียดแค้นที่สุมรุมอยู่ในหัวนับจากวันนั้นมา ผมเลือกใช้ชีวิตอยู่ในห้องเช่าหลังหนึ่งตามลำพังยังดีที่มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีเกือบหมื่น ซึ่งมันก็พอจะเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้บ้างแต่ผมก็ยังเฝ้าหางานทำอยู่หลายที่แต่มาตกอยู่กับการเป็นนักแสดงสมทบหรือที่ใคร ๆ เรียกกันติดปากว่า “ตัวประกอบ” เพื่อแลกกับเงินเพียงไม่กี่ร้อยแต่ผมก็ยังไม่ละทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนหรอกผมเฝ้าฝึกฝีมืองานเขียนจนคิดว่าดีพอถึงได้ลองส่งไปลงยังนิตยสารฉบับหนึ่งจนในที่สุดก็ได้รับการตีพิมพ์ผมเริ่มมีความสุขกับการเขียนหนังสือมากขึ้นเมื่อความฝันของผมเป็นจริงหนังสือเล่มแรกในชีวิตของผมพิมพ์เสร็จเป็นรูปเล่มเรียบร้อยแล้วผมรับหนังสือจากพี่ใหม่มา เปิดออกดูทีละหน้า ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมีโอกาสแบบนี้จริง ๆนี่มันสุดยอดความฝันของผมเลยครับพี่ ขอบคุณมากครับเอ้า!นี่หนังสือของนัทเก้าเล่ม พี่ให้นัทเอาไว้แจกเพื่อน ๆถ้าไม่พอยังไงก็เข้ามาเอาใหม่ล่ะกัน พี่ใหม่หยิบห่อกระดาษยื่นให้ผม และนี่เช็คเงินสดค่าเรื่องขอบคุณมากครับ พี่ใหม่ผมรับเช็คค่าความคิด ค่าน้ำหมึกของผมมาถือไว้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกแต่ที่แน่ ๆ มันเต็มเปี่ยมจนล้นไปด้วยความภาคภูมิมาถึงตอนนี้ผมมั่นใจได้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝันผมอยากให้พ่อรู้เหลือเกินว่าในที่สุดผมก็ทำความฝันของผมได้สำเร็จผมละภาพความหลังเก่า ๆละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยการไปเดินเล่นที่ท่าน้ำสายน้ำแห่งเจ้าพระยายังคงไหลเวียนไม่ขาดสายประกายแสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำระยิบระยับเรือลำน้อย เรือลำใหญ่แล่นว่ายอย่างเช่นเคยที่ตรงนี้ล่ะที่ทำให้ผมมีความสุข รู้สึกสบายอกสบายใจทุกครั้งและมักจะได้คำตอบหรือแนวพล็อตเรื่องอยู่เสมอ ๆวันนี้ผมก็หวังไว้เช่นนั้นเหมือนกันเสียงเรียกเครื่องเพจเจอร์ทำลายความเงียบนั้นลงพ่อถูกรถชน พี่รีบมาด่วนนะ ผมกดข้อความจากน้องชายอ่านซ้ำไปมาใจหนึ่งลังเลจะไปดีหรือไม่ดี แต่ขาน่ะสิรีบก้าวออกไปก่อนโดยไม่รอคำตอบทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ ผมถามน้องชายเมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็พ่อน่ะสิ ทำหนังสือหล่นกลางถนน เลยหยุดเก็บ ก็เลยน้องชายพูดเสียงสั่นเครือแค่หนังสือเนี๊ยนะ เอามาแลกกับชีวิต พ่อนี่บ้าหรือเปล่าผมยังวายหยุดว่าพ่อถ้าไม่ใช่หนังสือของพี่ พ่อก็คงไม่เก็บหรอกคำพูดของน้องชายทำเอาผมอึ้งไปพูดไม่ออกหนังสือของผมเพราะหนังสือของผมเหรอพอพ่อรู้ว่า หนังสือของพี่วางแผง พ่อก็รีบไปซื้อทันทีพ่อบอกว่า…ไม่ซื้อไม่ได้… นี่ผลงานของลูก นี่ความฝันของลูกและพ่อยังบอกอีกว่าพ่อจะซื้อหนังสือของพี่ทุกเล่มมาถึงตรงนี้หยาดน้ำตาก็เริ่มไหลเอ่อรื้นอยู่เต็มขอบตาพี่รู้ไหมพ่อคิดถึงพี่มากแค่ไหน พ่อคิดถึงพี่เสมอนะพ่ออยากให้พี่กลับมาอยู่ด้วยพ่อยังบอกอีกว่า พ่อจะไม่บังคับอะไรลูก ๆ อีกแล้วชีวิตเป็นลูกพ่ออยากให้ลูกเลือกเดินเองแต่พ่อจะคอยอยู่ข้างหลังคอยเป็นกำลังใจให้ในยามที่ลูกเหนื่อยลูกท้อพ่อยังบอกอีกว่าพ่อเชื่อว่าลูกสามารถทำความฝันของตนเองเป็นจริงขึ้นได้อย่างมั่นคงคำพูดของน้องชายทำเอาน้ำตาที่เต็มไหลอาบแก้มเมื่อครู่ไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้ตัวผมไม่เคยรู้สึกดีกับพ่อมาก่อนอย่างนี้ผมไม่เคยรู้สึกรักพ่อมาก่อนเท่าครั้งนี้ถึงเวลานี้ผมได้แต่นั่งรอเวลาที่ผมจะโผเข้าสวมกอดร่างของพ่ออีกครั้งจะนานแค่ไหนไม่รู้จะนานกี่ชั่วโมงไม่รู้กว่าที่ประตูห้องฉุกเฉินนั่นจะเปิดออกแล้วผมจะกลับเข้าบ้านหลังนั้นอีกครั้ง กลับเข้าไปสู่อ้อมแขนของพ่ออีกครั้งและครั้งนี้มันคงทำให้ผมเขียนเรื่องสั้นได้ทันส่งต้นฉบับวันพรุ่งนี้แน่นอนผมตั้งชื่อเรื่องรอไว้ก่อนแล้วว่า ‘นิทานของพ่อ’พ่อคนเดียวที่สอนให้ผมรู้จักตัวเอง ให้ผมเข้มแข็งให้ยืนหยัดได้ด้วยความฝัน สองแขนสองขาของตัวเองผมอยากบอกว่า ผมรัก รักมาก อย่างที่ไม่เคยรักมาก่อนและผมก็รักพ่อไม่น้อยกว่าที่รักแม่หรอกปล . เครดิต คุณ Neyriney
+*+. เรื่องเศร้าๆของคู่รักคู่หนึ่ง .+*+.
+*+. เรื่องเศร้าๆของคู่รักคู่หนึ่ง .+*+.เรื่องเศร้าๆของคู่รักคู่หนึ่งเมื่อ 8 ปีก่อน . . .ผมตื่นเช้ามา อย่างเดียวดาย บนเตียงเล็กๆ เก่าๆ นั้นผมทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่าง อย่างที่เคย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงผมออกจากบ้านไปยังออฟฟิศ ตอนเก้าโมงเช้า พร้อมกับกระเป๋าเอกสารใบเล็กๆเมื่อผมไปถึงที่ทำงาน ผมได้พบกับเธอ เช่นทุกวันเธอเป็นเพื่อนร่วมงานของผม โต๊ะทำงานของผมติดกับเธอทุกเช้าที่ผมเข้ามาที่ทำงาน ผมจะเจอเธอเป็นคนที่สอง รองจากพีอาร์หน้าออฟฟิศพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และเสียงอันแจ่มใสของเธอที่ทักทายผมทุกครั้งที่ผมก้าวเข้ามาเธอไม่ใช่คนสวยเลย เธอดูแย่กว่าสาวๆ หลายคนในออฟฟิศผมด้วยซ้ำไปแต่ทุกๆ คนในออฟฟิศชอบและเอ็นดูเธอ ด้วยความที่เธอเป็นคนอัธยาศัยดีพูดจาไพเราะ มีมารยาท อีกทั้งยังเป็นคนมองโลกในแง่ดีเอามากๆ ด้วยจนบางครั้ง มันทำให้เธอ ตามโลกของคนอื่นไม่ค่อยจะทันเท่าไหร่นักน่าแปลก ที่ผมจะรู้สึกเขินๆ ทุกครั้งที่ผมจ้องหน้าเธอนานๆผมรู้สึกว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่น่ารักอย่างบอกไม่ถูกเธอไม่ใช่คนช่างพูด แต่เธอไม่เคยเงียบเวลาอยู่กับผมเธอไม่ใช่คนยิ้มเก่ง แต่เรามักจะยิ้มเวลาที่อยู่ด้วยกันเธอไม่ใช่คนมีเสน่ห์นัก แต่ผมกลับอยากอยู่ใกล้เธออย่างไม่มีเหตุผลเธอไม่ใช่คนคุยโทรศัพท์เก่ง แต่เธอไม่เคยเป็นฝ่ายบอกผมว่า \"แค่นี้นะ\" ก่อนเลยและที่สำคัญ . . . เธอไม่ใช่คนสวย แต่ผมรักเธอวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เพื่อนที่ทำงานของผมก็เริ่มแต่งงานไปทีละคู่ๆผมได้ไปงานแต่งงานบ่อยครั้งมาก โดยจะมีเธอไปกับผมในทุกๆ ครั้งจนทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เราเป็นแฟนกันทั้งๆ ที่เรายังไม่เคยพูดเลยสักครั้ง ว่าเราเป็นแฟนกันเจ้าสาวของเพื่อนผม สวยๆ กันทั้งนั้น หน้าตาบางคนเทียบได้กับนางแบบหรือดาราทีเดียวเธอมักจะพูดทุกครั้งว่า อิจฉาเจ้าสาวเหล่านั้นเหลือเกินถ้าเธอใส่ชุดเจ้าสาว เธอจะสวยเช่นเจ้าสาวเหล่านี้บ้างมั้ยเธอพูดพร้อมกับทิ้งรอยยิ้มเพ้อฝันไว้ ให้ผมเก็บมานึกถึงทุกครั้ง หลังงานเลี้ยงจบลงรอยยิ้มของเธอ ดูชุ่มชื่นกว่าทุกครั้ง ที่เธอยิ้มให้ผม ดูสดใส เพ้อฝัน อย่างบรรยายไม่ถูกผ่านไปนับร้อยกว่างานแต่งงาน จนผมคิดว่า มันถึงเวลาเสียที ที่ผมจะ เป็นเจ้าบ่าวบ้างผมเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ผมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ผมจึงลุกขึ้นมาเตรียมตัวผมวาดภาพจินตนาการว่าผมเจอเธอ ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ . . .เสื้อผ้าชุดเก่ง ดูเรียบร้อย และเหมาะกับรูปร่างอย่างผม . . . ให้เธอได้เอ่ยชมเสื้อของผมน้ำหอมขวดใหม่ ที่ผมไม่ค่อยจะใช้นัก . . . ให้เธอประหลาดใจ และถามว่า\"วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า\"มือผมที่ทาโลชั่นอย่างดี . . . ให้มันนุ่มและคู่ควรพอที่จะกุมมือเล็กๆ ของเธอไว้คำพูดสั้นๆ รวบรัด ที่ผมพร้อมจะบอกกับเธอ . . . ให้เธอยิ้ม และน้ำตาเอ่อเล็กๆดอกไม้สีขาวช่อเล็กๆ กลิ่นหอม . . . พร้อมกับ . . .*แหวนแต่งงาน* สำหรับเธอผมไปหาเธอตามที่นัด ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ผมรอเธออยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่1 ชั่วโมงผ่านไป . . . เธอไม่มา ผมยังรอ2 ชั่วโมงผ่านไป . . . เธอไม่มา ผมก็ยังรอ4 ชั่วโมง 12 นาทีผ่านไป . . . เธอไม่มา ผมชักกังวลแล้วสิ เกิดอะไรกับเธอหรือเปล่า4 ชั่วโมง 27 นาที เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเธอเสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหูกำลังคุยกับผมอยู่ ผมถามถึงเธอเขาบอกว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอถูกรถชน !ขณะที่เธอกำลังถือดอกไม้สีขาวช่อหนึ่ง ข้ามถนนหน้าหมู่บ้านเธอที่โรงพยาบาล เธอกำลังอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน พยาบาลที่หน้าห้องสั่งห้ามเข้าเด็ดขาดหลังจากนั้นพ่อกับแม่ของเธอ วิ่งมาถึงยังหน้าห้อง พร้อมกับถามไถ่ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างผมตอบไม่ได้ ผมไม่มีคำตอบ และไม่มีแม้แต่เสียงที่จะตอบมีแต่น้ำตาแห่งการรอคอย น้ำตาที่เป็นเครื่องขอพรพระเจ้าของผมให้เธอปลอดภัย และออกมามอบรอยยิ้มให้ผมอย่างเคยสองชั่วโมงผ่านไป พ่อกับแม่ของเธอนั่งรออย่างอ่อนล้าพ่อต้องคอยปลอบแม่ โอบไหล่ และเช็ดน้ำตาแม่เป็นระยะๆผมมองเห็นภาพนั้นแล้ว น้ำตาผมแทบจะอดไม่ไหวที่จะหลั่งรินลงมาไม่น่าเลย . . . ผมไม่น่าเรียกเธอออกมาวันนี้ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ต้องมารับเคราะห์อย่างนี้ . . . ผมผิดเองผมทรุดลงนั่งที่เก้าอี้บ้าง หลังจากที่เดินขวักไขว่มานานแล้วผมก็เผลอหลับไป อย่างไม่รู้ตัวผมตื่นขึ้นมาไม่เห็นใคร ผมจึงถามกับพยาบาลที่เดินผ่านมาว่า คนไข้ในห้องอยู่ที่ไหนเธอบอกว่า ต้องไปถามกับหมอที่รับผิดชอบคนไข้คนนี้ เธอพาผมไปหมอบอกผมว่า อาการเธอยังไม่ดีนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่เธอเสียเลือดมาก ซี่โครงเธอร้าว กระดูกชิ้นหนึ่งทิ่มปอด มีแผลฟกช้ำและถลอกตามตัวมากมายและผ่านมากว่าครึ่งวันแล้ว เธอยังไม่ฟื้นเลยผมขอเข้าไปเยี่ยมเธอ หมอจึงพาผมไปพ่อกับแม่เธอนั่งอยู่ในห้อง แม่ของเธอหลับ และกุมมือเธอไว้ข้างๆ เตียงส่วนพ่อของเธอนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อพ่อของเธอเห็นผมเดินเข้ามา พ่อเข้ามาปลุกแม่ให้ผละออกจากเตียงมานั่งกับพ่อผมจึงเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ เตียงของเธอ เข้าไปกุมมือเธอไว้และแล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็ไม่สามารถห้ามไว้ได้ มันหยดลงมาช้าๆ อย่างกล้ำกลืนผมไม่อยากมีวันนี้ . . . วันที่คนที่ผมรัก จะต้องมานอนหลับใหลอย่างไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า8 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยเงียบอย่างนี้เลย เธอคนนั้นของผม จะกลับมาคุยกับผมเมื่อไหร่จะกลับมามอบรอยยิ้มนั้นให้กับผมได้ไหม ได้โปรด . . . กลับมาฟังคำที่ผมเตรียมไว้ได้ไหมในขณะที่ผมกำลังสิ้นหวังอย่างสุดขีด มือเล็กๆ ของเธอในอุ้งมือผม กระตุกขึ้นเธอเริ่มรู้สึกตัวช้าๆ รอยยิ้มของผมเผยออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ผมยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาผมกดออดเรียกพยาบาลเข้ามา พยาบาลเข้ามาดูแล จัดการกับเครื่องต่างๆแล้วพยาบาลก็กล่าวยินดีกับผม และพ่อกับแม่ของเธอ จากนั้นพยาบาลก็ถอยไปยืนข้างหลังผมเรียกชื่อเธอ เธอยิ้ม ผมเห็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยนั้น ผ่านเครื่องช่วยหายใจที่ปิดอยู่พ่อกับแม่ของเธอด้านหลังลุกขึ้นมาอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียงเธอพยายามจะเอื้อมมือไปหาพ่อกับแม่ของเธอ แม่กุมมือเธอและร้องไห้โฮอีกครั้งพ่อยืนอยู่ข้างหลัง ด้วยสีหน้าชุ่มชื่น และพยายามข่มน้ำตาอยู่เธอหันมาหาผมอีกครั้ง เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับผม แต่เธอพูดไม่ได้ผมขอปากกากับกระดาษจากพยาบาล พยาบาลยื่นมาให้ ผมนำมันให้กับเธอเธอใช้มือข้างซ้ายของเธอเขียน มือที่เธอไม่ถนัด เธอพยายามขีดเขียนบนกระดาษผมอ่านได้ความว่า \"ชุดสวยดีนะ\". . . ผมยิ้มและมองหน้าเธอและบอกกับเธอว่าผมเตรียมมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเธอเขียนบนกระดาษอีกครั้ง ครั้งนี้ ผมอ่านได้ความว่า\"ใส่น้ำหอม . . . มีอะไรพิเศษหรือเปล่า\"ผมประหลาดใจ เธอยังจำได้ดีว่า ผมเป็นคนไม่ชอบใส่น้ำหอมเท่าไรนักผมยิ้ม พยักหน้าตอบรับ และใช้มือผมทั้งสองลูบไล้มือของเธอเบาๆเธอยังเขียนต่อ ผมอ่าน \"มือเธอนุ่ม . . . แปลก\"มันแปลกเพราะผมเป็นคนมือหยาบกร้านมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเธอก็รู้ ผมน้ำตาไหลอีกแล้ว มันยั้งไม่อยู่ ทุกอย่างเกือบจะเป็นไปอย่างที่คิดแต่มันไม่ใช่ที่นี่ ! ไม่ใช่ตรงนี้ ! ที่ที่เธอต้องบาดเจ็บและทุกข์ระทมเธอควรจะอยู่ในชุดสีขาว เธอควรจะยืนอยู่ และยิ้มกับผมใต้ต้นไม้ใหญ่. . . . . ไม่-ใช่-ที่-นี่ . . . . .ผมก้มลงไปหาเธอ และบอกกับเธอ คำพูดสั้นๆ ที่ผมเตรียมมาทั้งคืนผมบอกกับเธอทั้งน้ำตา \"ผมรักคุณ แต่งงานกับผมเถอะ\"ผมหยิบแหวนแต่งงาน สวมลงที่นิ้วเธอเธอยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาเช่นเดียวกับผม สบตาผม อย่างจริงใจผมก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากของเธอ ลูบแก้มของเธอเธอพยายามเขียนอีกครั้งหนึ่ง ผมหยิบขึ้นมาอ่าน เธอเขียนยาวกว่าครั้งก่อนๆ\"คนที่ไม่สวย ไม่ดีพร้อมอย่างฉัน จะเป็นเจ้าสาวของเธอได้หรือ\"ผมไม่ตอบเธอด้วยคำพูด แต่ผมยิ้มให้เธอและสบตาเธออีกครั้งนี่แหละ . . . คนรักของผม คนที่ผมรักที่สุด เจ้าสาวของผมทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี คืนนั้นผมต้องกลับบ้านเพื่อไปเคลียร์งานของวันต่อไปพรุ่งนี้ ผมจะได้อยู่กับเธอได้ทั้งวันพอวันรุ่งขึ้นมา ผมไปที่โรงพยาบาล หมอและพยาบาลที่ผมเจอเมื่อวาน วิ่งกันวุ่น ผมสงสัยผมมุ่งตรงไปที่ห้อง มือเอื้อมไปที่ลูกบิดประตู ผมได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงแม่ของเธอผมไม่อยากคิด ผมไม่กล้าคิด หรือว่า . . .ผมเปิดเข้าไป ช้าๆ ผมเห็นภาพ ที่ผมไม่อยากเห็นแม่ นอนร้องไห้อยู่บนร่างของเธอผมเดินเข้าไปใกล้ๆเข้าไปมองที่หน้าเธอ หน้าที่เมื่อวานยังยิ้มให้กับผมอยู่ แต่วันนี้ ไม่มีอีกแล้วเธอเงียบไปอีกแล้ว แต่มันไม่เหมือนเมื่อวานหมอพูดแสดงความเสียใจกับผมครั้งนี้ เธอจะไม่ฟื้นขึ้นมายิ้ม ไม่ฟื้นขึ้นมาพูด หรือแม้แต่จะเขียนข้อความถึงผมผมสังเกตเห็น ที่มือของเธอ ไม่มีแหวนวงนั้น ที่ผมมอบให้เธอถอดมันทิ้งไว้วางบนโต๊ะข้างๆ เตียง วางอยู่พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งผมหยิบขึ้นมาอ่าน เธอเขียนข้อความไว้ยาวเหยียด ถึงผม\"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคำที่พูด ทุกสิ่งให้ ทุกรอยยิ้มที่ส่งมาฉันอยากจะบอกมาตั้งนานแล้วว่า ฉันก็รักเธอ รักมากเสียจนไม่อยากเห็นเธอเสียใจแต่ฉันไม่เคยกล้าที่จะบอก ฉันคิดมาตลอด ว่าเมื่อไหร่ ที่ฉันจะสวยมากเท่ากับคนอื่นๆเหมือนเจ้าสาวคนอื่นๆ ที่ได้แต่งงานกับคนที่เขารักเมื่อไหร่ที่ฉันจะสวยพอ คู่ควรพอ กับเธอ . . . ที่ฉันรักฉันอยากเป็นเจ้าสาวของเธอ ฉันอยากใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวที่สวยงามดูสักครั้งในชีวิตแต่ฉันไม่อาจรับแหวนวงนี้ไว้ได้ เพราะฉันรู้ดี ว่ามันไม่เหมาะสมสำหรับฉันแหวนวงนั้นมันมีค่ามากเกินไป สำหรับฉันฉันรับไว้ได้แค่เพียง ความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้ฉันรับได้เพียง คำพูดที่ฉันเฝ้ารอฟังจากเธอมาแสนนานเท่านั้น . . . ที่ฉันต้องการ และฉันจะนำมันติดตัวไปทุกที่ไม่ว่าฉันจะอยู่บนโลกใบนี้ หรือไม่ก็ตามฉันรักเธอ . . . ที่สุดแห่งความรักของฉัน ตลอดไป\"ผมอ่านจบ น้ำตาของผมมันหยดลงบนกระดาษแผ่นนั้น ซึ่งมีคราบน้ำตาหยดหนึ่งอยู่แล้วน้ำตาของเธอ ไม่น่าเลย . . . เธอคิดผิด นี่แหละ คือแหวนของเธอ คือความรัก คือสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับผมตัดสินใจ และบอกกับพ่อกับแม่ของเธอให้เตรียมการอย่างหนึ่งงานศพของเธอ ก่อนที่เขาจะนำเธอเข้าไปในโลงสี่เหลี่ยมนั้นผมขอว่า ให้เปลี่ยนชุดให้กับเธอ ผมสั่งซื้อชุดเจ้าสาวชุดหนึ่งให้กับเธอแม่และน้องสาวของเธอ เปลี่ยนชุดให้กับเธอ พร้อมทั้งแต่งหน้าบางๆ ให้บัดนี้ เธอนอนหลับใหลอยู่บนแผ่นไม้ ที่ห้อมล้อมด้วยดอกไม้ประดับเธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวตามที่เธอหวัง สวมแหวนวงนั้น และนิทราอยู่อย่างเงียบสงบใครว่าเธอไม่สวย . . . ใครว่าเธอไม่สวยเท่ากับเจ้าสาวคนอื่นๆไม่ ! วันนี้ . . . เธอสวยที่สุด ไม่มีใครสวยเท่าเธอในสายตาผม\"ผมรักเธอ . . . ที่สุดแห่งความรักของผม ตลอดไป\"เมื่อก่อน . . . ผมบอกกับเธอว่า ผมรักเธอเพราะผมคิดว่า เธอไม่ได้สวยไปกว่าใคร ผมพอใจเธอปัจจุบัน . . . บัดนี้ หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปผมบอกกับเธอว่า ผมรักเธอ เพราะผมคิดว่า ไม่มีใครสวยไปกว่าเธอ . . . . . . . อีกแล้วปล . เครดิต คุณ Neyriney
.+*+. ใครบางคนที่มีค่าพอ...ให้รอคอย .+*+.
.+*+. ใครบางคนที่มีค่าพอ...ให้รอคอย .+*+.การรอคอย...เป็นเรื่องที่ทรมานมาก...โดยเฉพาะการรอคอยที่จะกลับมาพบกันหรือรอคอยสักคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเพราะในเวลาแห่งการรอคอยนั้น..มันมีมากกว่า 24 ชั่วโมงและเข็มนาฬิกา ก็เดินช้าอีกเป็นเท่าตัว......จากเวลาที่นานอยู่แล้ว...ยิ่งนานกว่าและการดำเนินชีวิตระหว่างการรอนั้นก็มีตัวเเปรมากมายที่จะทำให้คนเปลี่ยนไปอยู่ทุกขณะ......เพราะคนทุกคนมีพื้นฐานของความเหงาและโดดเดี่ยวอยู่ในตัวเอง พอๆกับความอ่อนไหวเป็นโอกาสดีที่จะใช้ระยะห่างเป็นเครื่องวัดความรู้สึกพิสูจน์ความเข้มเเข็งของความรักวัดการกระทำ...ความเสมอต้น เสมอปลายและความอดทน...ด้วยเงื่อนไขแห่งความลำบากของการเวลาแล้วตัดสินใจว่า...การรอคอย จะคุ้มค่าหรือไม่...การอยู่ห่างกัน......จึงจำเป็นต้องพิสูจน์กันด้วยความเข้มแข็งต่างคนต่างต้องทำให้หัวใจเข้มแข็งกับอารมณ์ต่างๆที่คอยรบกวนและคอยชักจูงออกนอกลู่นอกทางเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย...ที่วันหนึ่งเราพบว่าคนคนหนึ่ง คือคนที่ชีวิตเราตามหามาตลอดและใครสักคนที่เป็นได้อย่างที่เราฝันมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆและคนที่จะฝ่าฟันความบีบคั้นแห่งการรอคอยกลับมาหาเราได้...ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา...เพราะฉะนั้นย่อมหมายถึง ความรู้สึกที่เขามีอยู่ก็คงไม่ธรรมดาและคนๆนั้นก็ย่อมควรแค่ แก่การรอคอย...เวลาที่ชาวประมงเลี้ยงหอยมุกจะต้องใช้เวลาเนิ่นนานและสามารถรอได้อย่างไม่น่าเชื่อเพราะเขารู้ว่า เมื่อไหร่ถึงเวลาที่มุกสามารถนำมาร้อยเป็นสายสร้อยได้ย่อมเกิดค่ามหาศาล...ชีวิตจึงจำเป็นต้องรอคอยใครสักคนให้ได้หากรู้ว่าเป็นใครสักคน...ที่มีค่าพอให้รอคอย...ปล . เครดิต คุณ Neyriney
+*+.ฉันไม่เชื่อในความรัก ... .+*+.
+*+.ฉันไม่เชื่อในความรัก ... .+*+.คงเพราะฉันไม่เคยได้สัมผัสโลกสอนให้เราเรียนรู้ว่าอย่าเชื่อในสิ่งทีเรายังไม่เห็น ในสิ่งที่เรายังไม่เคยได้สัมผัสสิ่งที่ฉันพบเจอกับตัวเองและเห็นจากคนอื่น ทำไมทุกคนเจ็บปวด?อย่าหลอกตัวเองว่าไม่จริง ที่สุขก้อเป็นการคิดเอาเองว่าตัวเองมีความสุขลองนึกดูสิว่าอีกฝ่ายหนึ่งเค้าสุขกับเราด้วยหรือเปล่า .....แน่ใจเหรอ?รัก คือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน จริงเหรอที่ไม่หวังอะไรเลย ถ้างั้น...คุณเสียใจทำไม เวลาที่เขาไม่มาหา เพราะคุณหวังว่า...เขาจะมาคุณเสียใจทำไม เวลาที่เขาห่างเหิน เพราะคุณหวังว่า...เขาจะเอาใจใส่คุณเสียใจทำไม เวลาที่เขามีคนใหม่เพราะคุณหวังว่า...เขาจะเป็นของคุณคนเดียวคุณเสียใจทำไม เวลาที่เขาไม่รัก เพราะคุณหวังว่า...เขาจะรักเหล่านี้ไม่ใช่ผลตอบแทนที่คุณหวังแล้วไม่ได้มาหรอกหรือมีใครบ้างที่รักแล้ว ไม่ต้องการให้...เขามาดูแลเอาใจใส่มีใครบ้างที่รักแล้ว ไม่ต้องการให้...เขามีแต่คุณคนเดียวมีใครบ้างที่รักแล้ว ไม่ต้องการให้...เขารักคุณบ้างเลยสักนิด"สักนิด" , "ขอเพียงแค่นั้น" , "เท่านี้ก้อพอ" ,"ฉันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้"เหล่านี้เป็นกำแพงที่เราสร้างขึ้น เพื่อยับยั้งความต้องการของเราเองการยับยั้งความต้องการมันทรมานนะ คุณไม่รู้สึกเหรอมันเป็นความทรมานจากการห้ามความรู้สึกตัวเองหลอกตัวเองว่าอย่ารักมากไปกว่านี้เลยทั้งๆที่ความจริงก้อรักไปแล้วหมดหัวใจรักและคิดถึง เมื่อรักแล้วก้อต้องคิดถึงเวลาที่คิดถึงคุณมีความสุขหรือเปล่า ความคิดถึงกับความโหยหาต่างกันตรงไหน? เวลาที่ฉันคิดถึงใครฉันแอบคิดเสมอว่าเขาจะคิดถึงฉันอยู่บ้างไหม หรือคุณไม่เคยคิดดีใจด้วยกับคนที่มีความสุขกับรักที่แท้จริงและขอให้ความรักนั้นอยู่กับคุณตลอดไปฉันก้อยังแอบหวังว่ามันจะยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ตอนนี้ฉันอาจจะมองโลกแคบ ฉันอาจจะมองโลกเพียงด้านเดียวหลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน ซึ่งก้อไม่ผิดแต่ก้อคงไม่แปลกที่ฉันคิดแบบนี้ อย่างที่บอก~ ฉันไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันยังไม่ได้สัมผัส ~----------------------------------------------------------------------"ความรัก" เหมือนกาแฟ ขมแต่ก้ออร่อย"ความรัก" เหมือนกุหลาบ สวยงามแต่ทำร้าย"ความรัก" เหมือนสายลม พัดมาเย็นสบาย แล้วก้อจากไป"ความรัก" เหมือนเปลวเทียน สว่างไสว ร้อนแรงสุดท้ายก้อดับลงปล . เครดิต คุณ Neyriney
.+*+. บทเรียนที่มีค่า .+*+.
.+*+. บทเรียนที่มีค่า .+*+.1 . บทเรียนสำคัญบทแรก - คนทำความสะอาดเมื่อครั้งที่ฉันเข้าเรียนในวิทยาลัยได้สองเดือน อาจารย์ให้พวกเราทำแบบทดสอบอันหนึ่ง ฉันเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน จึงตอบคำถามได้อย่างสบาย จนมาถึงคำถามสุดท้าย"สุภาพสตรีที่เป็นคนทำความสะอาดโรงเรียนชื่อว่าอะไร?"ต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างแน่ ฉันเคยเจอคนทำความสะอาดหลายครั้ง เธอเป็นคนตัวสูงผมดำ และอายุกว่า 50แต่ฉันจะรู้ชื่อเธอได้อย่างไร?ฉันส่งกระดาษคำตอบ โดยไม่ได้ตอบข้อสุดท้าย ก่อนหมดคาบเรียน นักศึกษาคนหนึ่งถามว่าคำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่"แน่นอน" อาจารย์ตอบ "เมื่อเธอเข้าทำงาน เธอจะต้องพบกับคนมากมาย ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม"ฉันไม่เคยลืมบทเรียนนั้นเลย และได้รู้ว่าชื่อของสตรีคนนั้นคือ โดโรธี2. บทเรียนสำคัญที่สอง - รับคนกลางฝนคืนหนึ่ง เวลา 23:30 น. สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง ยืนอยู่ริมทางหลวง สายอลาบามา พยายามต้านฝนที่ตกหนักอยู่ รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมาก แม้จะเปียกโชกเธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่ง ผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษที่ 60 ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท๊กซี่ แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ขอบคุณเขาและจดที่อยู่ของเขาไปด้วยเจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขา ด้วยความประหลาดใจ โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อความแนบมา ด้วย ใจความว่า:"ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณ ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลังจะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สำหรับการช่วยฉัน และการช่วยเหลือผู้อื่น อย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ" ด้วยความจริงใจ นาง แนท คิง โคล3. บทเรียนสำคัญที่สาม – ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่ โต๊ะ เมื่อพนักงานเสริฟวางแก้วน้ำลงตรงหน้า เด็กชายก็ถามว่า"ไอศครีมซันเดราคาเท่าใหร่ครับ?" "ห้าสิบเซ็นต์" พนักงานเสริฟสาวตอบแล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋า แล้วก็นับเ หรียญในมือ "งั้น ไอศครีมเปล่า ๆ ล่ะครับราคาเท่าใหร่?" เด็กชายถามอีกตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน "สามสิบห้าเซ็นต์" เธอตอบห้วนๆเด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง "ผมขอไอศครีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอา ไอศครีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไปเด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไปเมื่อพนักงานเสริฟเดินกลับมา เธอก็เริ่มร้องไห้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะบนโต๊ะนั้นมีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญและเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญวาง อยู่ อย่างบรรจง ข้างจานเปล่านั้น เห็นไหมว่า เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเด เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสริฟสาวคนนั้น4. บทเรียนสำคัญที่สี่ – สิ่งที่กีดขวางทางของเราในยุคโบราณ มีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไปพวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆนานา ที่พระองค์ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมาเมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จเมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา เขาก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่ ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา เขียนไว้ว่าทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้ ทุกๆอุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดีขึ้นให้กับเรา5. บทเรียนสำคัญที่ห้า – ให้เมื่อมีค่าหลายปีมาแล้วเมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็นโอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือ ต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้าขวบของเธอผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง และถามเด็กชายว่า เขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่ ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า"ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้" เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆพี่สาว ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู้แก้มของเธอ หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป เด็กชายมองไปที่หมอและถามด้วยเสียงสั่นเครือ"ผมกำลังจะตายใช่ไหม?" ด้วยความเป็นเด็กเขาเข้าใจหมอผิดไป เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาให้แก่พี่สาวเพื่อช่วยชีวิตเธอ------------------------------------------------------------------------------------.+*+.รักจากหัวใจ กับ รักจากสมอง .+*+.ถ้าใครตอบคำถามได้ว่า รักคนคนหนึ่งเพราะอะไรนั่นเป็นรักจากสมอง สมองมักมีเหตุผลมีคำตอบในการที่ต้องรัก และอาจไม่ใช่รักแท้เพราะรักแท้ เป็นรักที่ไม่มีคำตอบรักจากความรู้สึก รักเพราะรู้สึกรัก สังเกตง่ายถ้ารักจากสมอง ชีวิตรักเหมือนอยู่ในโลกความจริง มักไม่อ่อนหวานทำอะไรก็มีแผนการ มีเหตุผล มีคำอธิบายร้อยแปดต่างจากรักที่มาจากความรู้สึก ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝันอ่อนหวาน อบอุ่น ใช้หัวใจในการตัดสิน กลายเป็นคนไม่มีสมอง...ถ้าใครบอกว่ารักคุณเพราะอะไรพึงจำไว้ว่ารักแท้จะไม่มีเหตุผล จะไม่มีคำว่าอะไร มาทำให้รักเพราะถ้าบอกว่ารัก เพราะคุณสวย เมื่อความสวยหมด อาจเลิกรักได้หรือถ้ารักเพราะคุณเป็นคนดีวันหนึ่งก็อ้างได้ว่า ตอนนั้นเห็นคุณเป็นคนดีได้อย่างไร...หรือถ้ารักเพราะคุณเป็นคุณ ก็คงเบื่อที่จะหาคำอื่นมาพูด คำนี้ใช้ง่ายที่สุด...**จงฟังคนที่บอกว่า รักคุณ และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักนั่นเเสดงว่าใช้หัวใจรัก ไม่ว่าวันข้างหน้า คุณจะเป็นอย่างไรหัวใจก็จะยังไม่มีเหตุผลในการรักอยู่ดีจะเลือกคนที่ใช้หัวใจรัก หรือคนที่ใช้สมองรัก...ขึ้นอยู่กับคุณปล . เครดิต คุณ Neyriney