ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

.+*+. แววตาที่คุ้นเคย .+*+.

เช้าวันใหม่ที่แสนเร่งรีบ ออกจากบ้านพร้อมกับอาการสลึมสลือ
เป็นผลมาจากการนอนไม่เต็มอิ่มเมื่อคืนนี้
ที่ป้ายรถเมลล์ ก้าวขึ้นบนรถสายเดิม เพื่อไปในที่ๆ เดิม
เส้นทางที่ผ่านก็เป็นภาพเดิมที่เคยเห็นจนชินตา

อนุสาวรีย์ชัยฯ จุดหมายของใครหลายๆ คน
แหล่งรวมผู้คนมากหน้าหลายตา หลากอาชีพ

แต่ในมุมหนึ่งของที่นี่ คือที่รวมของความหวัง
และความปรารถนาลึกๆ ในใจ ของใครบางคน

บนสะพานลอย หญิงชราคนหนึ่ง กำลังทำสิ่งที่ใครๆ เรียกมันว่า 'อาชีพ'
ขันเก่าๆในมือของเธอ บ่งบอกถึงอะไรหลายๆ อย่างได้เป็นอย่างดี
ผู้คนมากมายเดินผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
หลายคนหยิบยื่นน้ำใจที่มีเพียงน้อยนิดในสังคมปัจจุบันให้กับเธอ
เศษเงินบาทแล้วบาทเล่าถูกหย่อนใส่ขันใบเก่าใบนั้น
แต่ใครจะรู้บ้างว่า
หลังดวงตาที่อ้างว้างคู่นั้นมีอะไรซ่อนอยู่
ด้วยวัยและสภาพร่างกายที่แก่ชรา
ทำไมเธอถึงต้องลำบากด้วย?
จะดีกว่านี้ไหม ถ้าเปลี่ยนจากสะพานลอยเป็นบ้านเล็กๆ สักหลัง
เปลี่ยนผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นลูกหลานที่คอยดูแลเอาใจใส่
ใครกันหนอ..ที่ปล่อยให้แม่ของตัวเองต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้
เห็นทุกวันก็คิดทุกวัน
ว่าไม่มีทางที่จะทำให้แม่ตัวเองเป็นแบบนี้เด็ดขาด
...ไม่มีทาง...

แล้วคุณล่ะ? ดูแลแม่ของตัวเองดีแล้วหรือยัง
ข้าวของ เงินทองที่คุณมีให้ท่าน
ไม่ได้หมายความว่าจะนำความสุขมาให้ท่านได้เสมอ
ลองหันกลับไปมองแม่ของคุณอีกทีสิ อาจจะพบแววตาแปลกๆ
เหมือนแววตาของหญิงชราบนสะพานลอยที่ฉันเคยเห็นก็ได้..


ปล . เครดิต คุณ Neyriney

ปล2. วันนี่คุณบอกรักแม่แล้วหรือยัง ?????
_________________




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 7 มิถุนายน 2551 13:50:33 น.   
Counter : 247 Pageviews.  

30 ข้อทีเราควรรู้...

1. เรามีความสามารถในการเป่านกหวีดด้วยเท้าได้ ด้วยการเหยียบเส้นเหลืองบนชานชาลาBTS

2. บนรถไฟฟ้าที่แน่นขนัดให้ลองเดินเข้ามากลางตัวรถสักนิดจะรู้ว่ามีที่พอยืน คนกรุงเทพฯเป็นโรคจิตอ่อนๆ ชอบยืนกันช่วงหน้าประตูรถไฟฟ้า (แต่ผมจะขึ้นกลางขบวนประจำ)

3. ถ้ามีคนเอาซองมาให้คุณด้วยตัวเองส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างน้อยก็เป็นกฐินผ้าป่า

4. สะพานลอย มักไม่ค่อยไปสร้างตรงที่คนข้ามถนนกันเยอะๆ มักจะเยื้องไปอีกกว่า 100 เมตร

5. อยากมีคนเคารพนบไหว้? ลองไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าบางแห่งดู แล้วท่านจะได้รับการ เคารพเยี่ยงผู้มีอุปการะคุณแม้ว่าจะซื้อปากกากะหลั่วแท่งละสามบาทห้าบาท

6. ถ้าคุณเขียนอะไรดีๆ ลงไปในอินเทอร์เน็ต (หรือกระทั่งในหนังสือพิมพ์ก็ตาม) อีกไม่นานมันก็จะย้อนกลับมาหาคุณ ในสภาพเดิมยกเว้นชื่อคนเขียน

7. อย่าคิดว่าถ้าตั้งเสียงมือถือเป็น "ธรณีกรรแสง"แล้วจะไม่มีใครใช้เสียงนี้ซ้ำกับคุณ

8. มีคนยอมจ่ายเงินเพิ่มอีกหลายพันบาทเพียงเพื่อแลกกับมือถือรุ่นที่ฟังวิทยุ FM/AM ได้...แล้วเมื่อไรไอโฟนจะฟังวิทยุได้สักทีล่ะ

9. และมีคนอีกมากที่ลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ราคากว่าสามหมื่นบาทเพื่อเอามา จำลอง(Emulate) เล่น เกมของเครื่องเพลย์สเตชั่นราคาสามพันกว่าบาท

10. หมอดูส่วนใหญ่ ชอบพยายามทายว่า เรามีตำหนิ ไฝ ฝ้า ราคี อยู่ตรงที่ไม่ควรจะมี แล้วเราก็จะพยายามไปหาจนเจอแล้วฮือฮาว่า - โห แม่นว่ะ

11. เพื่อนของเราบางคนฝันแม่น - เวลาที่หวยออกไปแล้ว

12. อีกหน่อยเสื้อวัยรุ่นผู้หญิงคงมีขนาดเท่าถุงมือเบสบอล

13. ประโยคว่า "ชั้นหวังดีนะ (ถึงพูด)"มักจะมีเรื่องไม่ค่อยดีตามมา

14. การไม่ทำตัวอยู่ในกระแส ถือเป็นกระแสอย่างหนึ่ง

15. โปรแกรม Word ใน Microsoft Office 2000 มีคุณลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือการพยายามเดาเราจะทำอะไรอยู่ตลอดเวลา แต่น่าสงสารว่ามันไม่เคยเดาถูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

16. คนที่ทำงานให้คนรวยนานๆ ในที่สุดเขาจะทำตัวรวยยิ่งไปกว่าคนรวยเสียอีก

17. คนที่กล้าสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ลากแตะเข้าห้างหรูหรือร้านขายของราคาแพงได้ บางครั้งเขาอาจจะเป็นลูกค้าที่มือหนักที่สุด

18. ของที่เรา "ว่าจะ" ซื้อ เมื่อเราจะซื้อมันมักจะไม่มี

19. ของที่เรามั่นใจเสมอว่าอยู่ตรงนั้น จริงๆมันจะไม่ค่อยอยู่แล้ว

20. คำว่า "แน่ใจนะ" เป็นคำพูดที่ทำให้คนเสียความมั่นใจได้ง่ายที่สุด ... เล่นเอาขาดความมั่นใจไปพักใหญ่

21. ถ้าคุณเถียงกับใครจนเขาบอกว่า "ยอมแพ้" เช็กให้แน่ว่าเขายอมรับเหตุผลคุณ หรือเขารำคาญคุณ

22. คนที่เคร่งศีลธรรมมากๆ บางคนเห็นคนอื่นเลวไปเสียหมด

23. ผู้หญิงเกือบทุกคนอยากแอบดูรูปโป๊ในเน็ตอยู่ลึกๆ...โดยเฉพาะรูปโป๊ผู้หญิงอีกต่างหาก...จริงเปล่า ตัวเอง

24. ไม่ใช่ทุกคนที่จะห่อลิ้นได้ ผมทำได้คร้าบบ

25. และก็ไม่ใช่ทุกคนอีกนั่นแหละ ที่ชอบกลิ่นสูบบุหรี่...ไม่ต้องไปเผื่อแผ่เขา

26. คำหยาบไม่ได้ช่วยให้ดูจริงใจขึ้น ... แต่ผมว่ามันได้อารมณ์จริงใจดี เวลาคุยกับเพื่อนสนิท

27. เมื่อถูกใครสักคนด่า, รอยยิ้ม คือการด่ากลับที่เจ็บปวดและส่งผลรุนแรงที่สุด

28.ผู้ชายที่คุณแอบปิ๊งอยู่ตอนนี้ ไม่แน่เขาอาจไม่ใช่ผู้ชาย(อย่างที่คุณคิด)

29.คุณแน่ใจเหรอว่าเวลาผู้ชายยิ้มให้คุณเขาชอบคุณไม่ใช่แอบขำที่คุณเฉิ่ม

30.รถคันอื่นมักหาที่จอดได้ก่อนเราทุกทีทำไมอ่ะไม่เข้าใจ....เป็นบ่อยมากเวลาไปเซนทรัลลาดพร้าว




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 6 มิถุนายน 2551 9:55:18 น.   
Counter : 280 Pageviews.  

.+*+. เพียงความทรงจำ(เก่าแล้วแต่ดีมาก) .+*+.

ตัวหนังสือสามารถบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปได้ดีกว่าคำพูดมากมายนัก
จึงไม่น่าแปลกที่ฉันจะหลงใหลในเสน่ห์ของตัวอักษรมาหลายปีดีดักแล้ว
ฉันมักจะเรียกตัวเองว่า "คนเขียนหนังสือ" อยู่เสมอ
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันคงเพราะว่าฉันเขียนหนังสือไม่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า
"กวี" ได้ล่ะมั้ง
โลกของตัวอักษรสวยงามนัก
แค่มีปากกาสักด้าม เศษกระดาษสักแผ่น
และมีเขาคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องสักคนก็คงเพียงพอ

เรื่องราวความรักของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
รู้เพียงแต่ว่าในสมุดบันทึกประจำวันของฉัน
มีชื่อเขาตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว…
คงเพราะความบังเอิญที่ทำให้เราสองคนมักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ
ได้เล่นละครด้วยกัน
ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์
หรือแม้กระทั่งไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง…
แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

…จนวันหนึ่ง…
"มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ"
นี่แหละประโยคสำคัญที่ทำให้เราสองคนได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น
เขารีบกระวีกระวาดไปหากระดาษกับดินสอมาวางไว้ตรงหน้าฉัน
ไม่รู้ว่าวิญญาณครูไปสิงอยู่กับชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เขาลากเส้นเป็นตัวอย่างแล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ
ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด
"ขอโทษนะ" เขาพูดแล้วเอื้อมมือมาหยิบปอยผมของฉันที่ปลิว
เพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม
"ขอบคุณนะเฟิร์ส" ฉันพูดเขินๆ ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ
เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร
หลังจากทนนั่งดูฉันลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลยมาเป็นเวลานาน
เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่
"แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก"
เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น
"ก็คนมันไม่เก่งนี่นาไม่ต้องสอนก็ได้นะ"
ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ
"เอาเหอะฝึกต่อไปละกัน วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา"
เขาบอกยิ้มๆ
ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขา…หลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก…




เราสนิทกันมากขึ้นทุกที…สนิทท่ามกลางเสียงแซว
และวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนที่ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียน
"สวีทกันจังเลยคู่นี้"
เสียงเพื่อนๆที่ดังมาจากด้านหลังห้องทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ
"เฮ้ย! เธออย่าแซวซิเราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย"
เฟิร์สแก้ตัวให้ แต่เพื่อนๆ ทำสีหน้าไม่เชื่อ
แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉัน
ก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำแล้วเดินหนีไปคุยกันที่อื่นแทน
"ช่างเขาเหอะ"
ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป
"มีน…เรามีอะไรจะบอก" เขาพูดท่าทางเขินๆ
"อารายเหรออออ"
ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว
"เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ" สีหน้าอายๆของเขา
ทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่านี่คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา
แต่…. "คนนั้นไง"
ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบันคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
ฉันหันไปยิ้มล้อบอกไม่ถูกเหมือนกัน
ว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว
อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก
แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ
เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ
"เรากลับแล้วนะ" ฉันบอกเบาๆ
"ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ"
"มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย" เขาพูดติดตลก
"อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ"
"ใครจะไปรู้ล่ะ...ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส" ฉันพูดทีเล่นทีจริง
แล้วเดินไปปิดกระจกและประตูห้องเรียน
เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง
"วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย" เขาบอกลาแล้วโบกมือให้
ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป
"กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน" เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา
ทำให้ฉันแอบอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข

ฉันนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขา
นับตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน ตลอดเส้นทางกลับบ้าน
ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดาคนนี้จะกลายมาเป็นคนสำคัญของหัวใจ
ถึงจะรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว
แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะฉันก็ยังคงมีความสุขที่จะรักเขา
ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา
มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว
ฉันหยิบภาพเหมือนของฉันที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู
"สุขสันต์วันเกิดนะครับ"
ฉันยังจำเสียงใสๆของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน
"มีความสุขมากๆนะครับมีน"
รอยยิ้มจริงใจของเขาในวันนั้นยังบันทึกอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอมา
….ไม่เคยลบเลือน

"โครมมมมมมม!!!!!!" เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง
บรรดาไทยมุงต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งถูกหามออกมา
กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ
ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดูเห็นหยดเลือดเปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น
แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาว
ที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง
มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า
"เพียงความทรงจำ…เฟิร์ส"
ชายแก่คนนั้นทิ้งภาพไว้ที่เดิมอย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก
ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนทำให้กระดาษแผ่นนั้นปลิวตกลงไปบริเวณลำคลองริมถนน
และค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น…

ผมได้สมุดเล่มนี้มาจากเพื่อนสนิทของเธอ…
ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้ให้จบด้วยมือของผมแทน

เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา
ผมไปเรียนพิเศษก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน
เพราะปกติเธอไม่ใคร่จะชอบหยุดเรียนนัก
ก็บังเอิญผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอเข้าพอดิบพอดี
"เฟิร์ส…รู้เรื่องมีนหรือยัง" เขาถามผมทันทีที่พบกัน
สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆปรากฏอยู่
ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ
"ยังครับ มีนทำไมเหรอ" ผมถามยิ้มๆ
เธอก็คงไม่สบายแต่อาจจะหนักหน่อยถึงยอมขาดเรียนวันนี้…ผมคิด
"มีนรถคว่ำ ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล…………." เขาบอก
ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ
พอได้สติอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้อง ICU โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม
เขาจัดการเป็นธุระไถ่ถามพยาบาลถึงเตียงของเธอเพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม
"เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15 นาทีที่แล้วค่ะ"
หูผมอื้อไปหมดจนไม่ได้ยินเสียงพยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราวต่อจากนั้น
ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร
ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
รู้เพียงแต่ว่าน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาท่วมใบหน้าของผมตั้งแต่ได้รับรู้ว่า
........"เธออจากไปแล้ว"........

ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลังจากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว…
ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม…
แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า
"รักกับชอบแตกต่างกัน"
มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้
ผู้หญิงคนที่ผมเคยชี้ให้เธอดูคือคนที่ผมชอบ
แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ
"เธอคนนี้"…
เธอคนที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ…
เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ
ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้
ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้นที่เคยจ้องมองผมด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ
รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้
เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส
..…ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา…..

เธอคือรักครั้งแรกของผม
อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อยในการทำใจว่า
ต่อจากนี้จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
ไม่มีคนที่เข้าใจและคอยห่วงใยผมตลอดมา
แต่ผมรู้เสมอว่าเธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆ
เหมือนอย่างเคย
เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมันว่าความสุข
และเธอจะรอผมอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
ตรงดินแดนแห่งความรักที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน…
สักวันผมจะไปหาเธอ…
หลับให้สบายนะครับ…มีน…
หลับตาเถอะนะ…แล้วเราก็จะพบกันอาจเป็นเพียงฝันก็พอใจ
หลับตาเถอะนะ…ถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ
ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล
หลับตานานนาน…คิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคน…หลับตาเถอะนะเธอ…



ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 6 มิถุนายน 2551 9:55:13 น.   
Counter : 250 Pageviews.  

เหตุผลที่เขา ไม่บอกรักคุณซักที




1. เขาไม่ได้ชอบคุณหรอก คุณคิดไปเอง





2. เขากลัวว่า คุณอาจจะไม่รับฟังในสิ่งที่เขาจะพูดออกไป





3. เขากลัวว่าสิ่งที่ตามมา มันอาจจะทำให้อะไรๆ ไม่เหมือนเดิม






4. เขามีความสุขที่จะรักคุณไปเงียบๆ อย่างนี้ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้





5. เขาอาย... แหม!!... หรือคุณไม่เคยอาย... เขาก็เขินอายเป็นเหมือนกันนะ





6. เขาอาจจะกำลังสับสนในตัวเอง ไม่แน่ใจว่าเขากำลังชอบคุณ รักคุณ เอ๊ะ!!...หรือว่าแค่ปลื้มในตัวคุณเท่านั้น





7. เขาคิดว่า อาจจะเป็นการดี ถ้าเขาจะเป็นเพื่อนกับคุณไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เพราะเขาสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้มากมายจากปากของคุณ โดยที่คุณได้เป็นตัวของคุณเองอย่างเต็มที่





8. เขากลัวสารพัดแหละ และที่สำคัญนะ เขากลัวว่า คุณน่ะไม่ได้มีใจให้เขาเลย... เขากลัวความจริง





9. เขาอาจจะพยายามลืมคุณไปจากหัวใจอยู่ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเขาพยายามลืมคุณไปจากหัวใจมากเท่าไหร่ หัวใจยิ่งเรียกร้อง อยากจะเจอคุณเสียทุกครั้งไป





10. เขากำลังชั่งใจอยู่ ว่าถ้าบอกคุณไป ระหว่างผลดี กับ ผลเสีย อะไรมันจะมากกว่ากัน






11. เขาไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน (กรณีที่คุณมีแฟนแล้ว) เขาไม่อยากให้คุณกับแฟนต้องผิดใจกัน เพราะเขาไปเป็นต้นเหตุ... พูดง่ายๆ ก็คือเขาไม่อยากเป็นมือที่สาม





... เมื่อคุณเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของเขาขึ้นมาบ้างแล้ว คุณก็อย่าไปนึกโกรธเคืองหรือหงุดหงิดกับเค้าเลย ....เขาไม่ผิดหรอกนะ.... และสิ่งที่คุณไม่ควรทำที่สุด คือ ไม่ควรไปคาดคั้นเอาคำตอบอะไรจากเขา นอกจากมันจะไร้ประโยชน์แล้ว คุณคิดหรือว่าคุณจะได้รับคำตอบที่แท้จริงออกมาจากปากของเขา ณ เวลานั้นเลยเขาไม่บอกคุณง่ายๆ หรอก...





คุณอย่าลืมนะ!!! ว่านี่... อาจจะเป็นความลับสุดยอดของเขา แล้วเขาก็มีความกังวลอยู่ในหัวสารพัดสารเพ แต่ถ้าคุณก็เป็นฝ่ายที่แอบชอบเขาอยู่เหมือนกัน และคุณก็มั่นใจ และไม่กลัวสิ่งต่างๆ อย่างที่เขากลัว คุณก็บอกเขาไปเลย...! จะได้ไม่ต้องเก็บมาคิดให้หนักใจ จริงมั้ย?






... คุณต้องให้เวลาเขาหน่อย ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง... แล้วสักวัน... คุณอาจจะได้คำตอบที่แท้จริงจากเขา โดยที่บางที... เขาอาจจะไม่ได้เอ่ยมันออกมาเลยก็ได้





..........................................................................................................





ไม่พูดว่ารัก ไม่ได้หมายความว่าไม่รัก








"พูดไม่เก่ง ไม่ได้หมายความว่า พูดไม่ได้"ดังนั้นการสงวนถ้อยคำ... นั่นคงมีเหตุผลที่อยู่ในใจอาจเป็นเหตุผลส่วนตัว หรือเพราะว่าเขามีบางอย่างที่เป็นทางออกที่ดีกว่า จริงอยู่ ถ้อยคำหวานหู ใครๆ ก็นิยมชมชอบ แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีความสามารถนักก็ทำได้นี่






ดังนั้น... ถ้าเขาเลือกที่จะเป็น "นักทำ" มากกว่า "นักพูด" จะไม่ดีกว่าหรือ... อะไรจะสัมผัสได้มากกว่า อาจจะตอบยากนิด แต่ถ้าสัมผัสกับเนื้อในของมันจริงๆ แล้ว ตอบแบบไม่ โกง หัวใจตัวเอง ก็จะรู้ว่าสัมผัสไหน ที่จะยืนยันความสัมพันธ์ได้ ยาวนาน กว่ากัน





เพศชาย หยาบ – อาจจริงอยู่



เพศชาย ไม่ละเอียดอ่อน – อาจจริงอยู่





แต่ที่เอ่ยปากฝากคำหวานคำไม่เก่ง ไม่ได้เกิดจากหัวใจของเขาแห้งแล้งเสียหน่อย อาจเป็นเพราะธรรมชาติ ที่มอบสัญชาติญาณความเป็นผู้ชายมาให้มากไปหน่อย การเอ่ยอะไรที่ดูจะลื่นหูแบบนี้สักที มันก็เลยดูจะยากเย็นเสียเหลือเกิน หรืออาจเป็นเพราะหน้าที่การงานหรือหมวกที่เขาสวมอยู่ ทำให้ถ้อยคำที่ใครสักคนอยากฟังให้ชื่นหู โอกาสที่จะเล็ดลอดผ่านไรฟันแทบเหมือนถูกปิดประตูลงกลอน มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดจากความต่างและความหลากหลายมาผสมปนเปกัน ดังนั้นจะให้คนหนึ่งทำเหมือนกับอีกคน... คงเป็นไปไม่ได้





ลายมือยังไม่มีใครเหมือนใคร ดังนั้นบรรทัดฐานใดๆ คงจะยกขึ้นมาวัดเรื่องนี้ไม่ได้ ยิ่งเรื่องสำคัญต่อความรู้สึกแบบนี้ย่อม สไตล์ใครสไตล์มัน นักมวยยังมีหมัดเด็ด แต่คงต้องรอโอกาสให้เหมาะสักหน่อย เจ้าตัวถึงจะเลือกปล่อยหมักสำคัญนั้น จำนวนยกก็มีกำหนด เขาไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านไป จนระฆังยกสุดท้ายตีเสียก่อนหรอก เพียงแค่รอให้มั่นใจสักนิดว่าหมัดสำคัญที่สุดนี้ปล่อยออกไปแล้วจะเข้าจุดโฟกัสที่สุด





นักมวยที่อ่อนประสบการณ์ มักนิยมใช้หมัดนี้อย่างสะเปะสะปะ สุดท้ายแล้วตัวเขาก็จะรู้เองว่า การขว้างหมัดอย่างไม่มีจุดหมายนั้นนอกจากเสียแรงแล้วยังเหนื่อยเปล่าอีกด้วย เพราะถ้าหากการเอ่ยคำหวานหูคำนี้บ่อยๆ แล้วเข้าท่า มันคงไม่ต้องมีสัญลักษณ์แทนหัวใจ อย่างของขวัญในวันสำคัญ ของฝากจากแดนไกลยามต้องห่างไกลกัน หรือกระทั่งแหวนวงสวยในนิ้วนางข้างซ้ายในวันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต หากคำๆ นั้นมี อานุภาพ พอ






ทุกอย่างล้วนวัดด้วย การกระทำ มากกว่า คำพูด ต่างหาก เราคงเคยเห็นตัวอย่างการแสดงความรักในหลายๆ รูปแบบ ที่ไม่ต้องพึ่งพาประโยคใดๆ ออกจากริมฝีปากเลยมาบ้างไม่มากก็น้อย





ภาพคุณลุงจูงมือคุณป้า เข้าไปกินไอติมในร้านเล็กๆ น่ารักสักแห่ง คำพูดใดๆ อาจไม่มีหลุดออกมาจากปากของสองผู้เฒ่าเลยก็ได้ ไม่ใช่เพราะพะวงกับของเย็นสีสวยตรงหน้า แต่หากคงไม่คำพูดใด ที่มีความหมายเท่ากับความผูกพันที่ร่วมสะสมกันมายาวนานต่างหาก





เพียงสายตาที่เข้าใจกันและกัน


เพียงเสียงช้อนกระทบแก้วไอติมขณะตัก



ก็คง น่าฟัง กว่าคำว่ารักครั้งไหนๆ ที่เคยพร่ำบอกกัน





คน "ไม่พูดคำรัก" ไม่ได้หมายความว่า "รักไม่เป็น" คนพูดคำรักไม่เก่งก็ไม่ได้หมายความว่าต่มความรักทำงานผิดปกติ ถ้าการประมูลหมายถึงการให้ราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าให้เลือกระหว่าง การทำดี ต่อคนที่รักมากขึ้นเรื่อยๆ กับการ พูดคำว่ารัก ที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ






ผู้หญิงอยากจะได้แบบไหน ?





ท้ายสุด... ถ้าไม่เข้มแข็งกับต้นรักที่ช่วยกันปลูกมาคำหวานที่ว่าแน่แค่ไหนก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ การหมั่นให้อาหารปลาก็เพราะอยากเห็นมันเติบโตและงดงามสักวันหางปลาที่แกว่งไกว ครีบที่ว่ายแหวกสายน้ำ การพลิกตัวไปมาของมันทดแทนความสุขได้ดี แม้มันจะไม่เคยส่งเสียงมาให้ได้ยินสักครั้ง แต่เราก็เลือกที่จะให้อาหารมันต่อไป เพื่อที่จะเฝ้าดูมันเติบโตยิ่งขึ้นและงดงามมากขึ้น





ไม่พูดว่า รัก... ไม่ได้หมายความว่า ไม่รัก





ดังนั้นคง ไม่ผิด ...ถ้าหากฉันจะไม่เหมือน คนอื่นเขา... โดยการเลือกทำตามอย่างที่คิดอยู่เหมือนเดิม ด้วยการชูนิ้วมือขึ้นมา และหุบนิ้วกลางกับนิ้วนางลงไปแล้วยื่นให้เธอ เพราะมันก็ความหมายเดียวกับที่เธอรอคอยอยู่ไง คนดี...








จาก Forward Mail




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 6 มิถุนายน 2551 9:55:09 น.   
Counter : 286 Pageviews.  

* * * อ วั ย วะ * * *

อวัยวะ
บทความนี้อ่านเพื่อความคลายเครียด อย่าซีเรียส

หน้าผาก = อวัยวะที่ใช้ประกอบกับแขนเวลามีทุกข์ เช่นนอนเอาแขนก่ายหน้าผาก

ผม = เรียกอีกอย่างว่า "ขนหัว" ใช้แสดงอาการตกใจมาก ๆ เช่น ขนหัวลุก

ตา = อวัยวะที่ใช้ในการมอง จะมีอุณหภูมิสูงมากเมื่อเห็นใครได้ดี

หู = อวัยวะที่ใช้ในการฟัง ส่วนมากจะมีน้ำหนักเบา จึงก่อให้เกิดเรื่องขึ้นบ่อย ๆ

ปาก = อวัยวะที่ใช้พูด ส่วนมากจะอยู่ไม่ตรงกับใจหรือบางทีก็รับเรื่องก่อนเช่นเจ็บปาก แตกปาก

คอ =อวัยวะที่เชื่อมระหว่างตัวและหัว เป็นอวัยวะที่คอยหันหาคนอื่น

ก้านคอ = อวัยวะที่คอยรับแข้งคนอื่น

ไหล่ = อวัยวะที่คู่กับบ่า เช่นเคียงบ่าเคียงไหล่ มีไว้ให้คนเหงาใจหรือเศร้าใจซบโดยเฉพาะ

บ่า = อวัยวะที่คู่กับไหล่ เช่นเคียงบ่าเคียงไหล่ อาชีพจับกังมีไว้แบกข้าวสาร (ส่วนถนนข้าวสาร จับกังไม่เกี่ยว)

หัวใจ = อวัยวะสูบฉีดเลือดและฟอกเลือดให้กับร่างกาย มีไว้ให้แสดงความรักและเก็บรักไว้

ปอด = อวัยวะที่รับอากาศมาส่งหัวใจ บางครั้งใช้แสดงระดับความกล้าหาญ

หน้าอก = อวัยวะที่รองรับเรื่องหนัก อาทิเรื่องหนักอก (ซึ่งผู้หญิงที่อกเล็กงานนี้คงไม่มีเรื่องหนักอกจริงไหม)

นม = อวัยวะที่บ่งบอกภาระการรับน้ำหนักของอก ผู้หญิงมีไว้บริการนมให้บุตร ผู้ชายถึงมีก็ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ก็ไขว่คว้าอยากได้มาเชยชม...

ศอก = ข้อต่อระหว่างแขนและข้อมือ มีไว้เป็นอาวุธประจำกาย และรองน้ำ สำหรับบรรดาภรรยาน้อย ไม่เป็นที่แนะนำสำหรับสาว ๆ มันอันตราย

มือ = เป็นอวัยวะปลายสุดของแขน มีนิ้วเป็นส่วนประกอบ นิยมใช้เงินยกเห็นกันมากในสภา

กำปั้น = เป็นอวัยวะชิ้นเดียวกับมือ แต่เปลี่ยนรูปเป็นอาวุธ นิยมใช้ตัดสินปัญหา ในกรณีที่ไม่ได้ใช้สมองแก้ปัญหา หรือใช้ตัดสินข้อยุติโดยการทุบดิน

ตัว = เป็นชิ้นส่วนใหญ่ของร่างกายให้อวัยวะอื่นได้พักพิง จะลืมกันมากเวลาได้ดี

สะดือ = เป็นอวัยวะที่ใช้เชื่อมต่อกับแม่ยามอยู่ในครรภ์ เมื่อโตขึ้นใช้วัดระดับความสุภาพ ถ้าต่ำกว่านี้ทะลึ่ง!!

ขาอ่อน = เป็นอวัยวะเชื่อมต่อจากสะโพกลงมา นิยมใช้ในการประกวด เพราะเห็นได้เด่นชัดกว่าสมอง

หัวเข่า = ข้อต่อระหว่างขาและหน้าแข้ง เป็นอาวุธประจำกาย ผู้หญิงใช้โจมตี .จุดอ่อนผู้ชาย และบางคนใช้ซับน้ำตาเวลาเศร้า นิยมมากสำหรับคนหลงรักชาวบ้าน

แข้ง = อวัยวะที่ถัดมาจากเข่า นิยมใช้พาดก้านคอ...

น่อง = อวัยวะที่อยู่ด้านหลังของแข้ง ใช้วัดระดับความแข็งแรงของขา และวัดความกร้านชีวิต

ขนหน้าแข้ง = อวัยวะที่วัดระดับของฐานะ ยิ่งรวยมากขนหน้าแข้งจะร่วงน้อย

เท้า = เป็นอวัยวะที่ใช้ยืน บางครั้งใช้ก่ายหน้าผาก หรือเป็นอวัยวะที่ใช้ผลัก ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่า "ยัน" หรือ "ถีบ"




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 9:39:22 น.   
Counter : 284 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]