+*+. อุทาหรณ์แด่คนไม่กล้าบอกรักใคร .+*+.
+*+. อุทาหรณ์แด่คนไม่กล้าบอกรักใคร .+*+.เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ฉันอายุ 6 ขวบขณะกำลังเล่นอยู่ที่ฟาร์มในแคลิฟอร์เนียฉันได้พบเด็กชายที่แลดูธรรมดาคนหนึ่งประเภทที่เขาอาจแหย่คุณและคุณก็แหย่เขากลับกลั่นแกล้งกันไปมาพูดง่ายๆ ว่าตอนพบกันครั้งแรกนั้นเรารู้สึกดีต่อกันแล้วพอได้มาเจอกันอีกก็แหย่กันเล่นตรงบริเวณรั้วและที่นั่นก็กลายเป็นที่ที่เราพบกันและเล่นด้วยกันเสมอมาฉันน่าจะเล่าความลับของฉันทั้งหมดให้เขาฟังได้นะเขาเป็นคนเงียบ ๆ คอยแต่นิ่งฟังเวลาที่ฉันเล่าโน่นนี่เป็นคนที่ฉันสามารถคุยด้วยได้ทุก ๆ เรื่องตอนอยู่ในโรงเรียนเราอยู่คนละกลุ่ม แต่พอกลับบ้านเราก็จะคุยกันถึงเรื่องราวในโรงเรียน.....วันหนึ่งฉันบอกเขาว่า เด็กผู้ชายที่ฉันชอบคนหนึ่งหักอกฉันเขาปลอบว่าไม่เป็นไรหรอกสักพักมันจะดีไปเองฉันเลยสบายใจขึ้น และยิ่งทำให้นึกว่า เขาเป็นเพื่อนแท้คนหนึ่งของฉันนั่นเป็นความรู้สึกในตอนนั้นของฉันจริง ๆ .....เราเรียนด้วยกันเรื่อยมาจากมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัยคบหากันมาโดยตลอด แม้ฉันจะคิดเสมอว่า เราเป็นแค่เพื่อนแต่ลึก ๆ แล้ว...ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ในคืนวันสำเร็จการศึกษาเราต่างมีคู่นัดไปนั่งฟังเพลงกันแต่ฉันก็ยังอยากจะพบเขาอยู่ดีเมื่อทุกคนกลับบ้านกันหมด ฉันแวะไปหาเขาเพื่อจะบอกว่าฉันอยากจะขอพบเธออือ ...นั่นดูเหมือนจะเป็นโอกาสทองของฉันทีเดียว แต่ที่สุดแล้วเราแค่นั่งดูดาวผลัดกันเล่าแผนการชีวิตของกันและกัน...ฉันจ้องตาเขาขณะฟังเขาเล่าว่า เขาอยากแต่งงานและวางหลักปักฐานทั้งยังคุยถึงวิถีทางที่ จะทำให้ตัวเองร่ำรวยและประสบความสำเร็จในชีวิต...โดยมีฉันนั่งคุดคู้อยู่ข้าง ๆ เขาคืนนั้นฉันกลับบ้านพร้อมความรู้สึกอันปวดร้าวด้วยเหตุที่ฉันไม่ได้พูดออกไปดังใจปรารถนาซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวใจฉันเจ็บปวดสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉันอยากจะบอกเล่าให้เขาฟังใจจะขาดแต่ทุกครั้งจะต้องมีใครสักคน อยู่ตรงนั้นด้วยเสมอ...หลังจากนั้นเขาก็ได้งานทำในนิวยอร์กแน่นอนฉันยินดีกับอนาคตอันสดใสนั้นแต่ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเช่นเดิมขณะที่เขากำลังจากไป ฉันกอดเขาแล้วร้องไห้คิดว่านั่นเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะมีเขาอยู่เคียงข้างคืนนั้นฉันร้องไห้จนตาบวม และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อนึกถึงว่า ที่สุดแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้เล่าความในใจให้เขาฟังฉันเริ่มต้นด้วยงานเลขาฯแล้วย้ายสายงานมาเป็นนักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งวันหนึ่งฉันก็ได้รับการ์ดแต่งงานใบหนึ่งทางไปรษณีย์มาจากเขานั่นเอง ใจหนึ่งฉันก็ยินดีกับเขาแต่อีกใจก็ยังคงเศร้าที่ไม่กล้าบอกความในใจของฉันไปได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่า ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างเขาอีกแล้วอย่างมากที่สุดเราก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน...งานแต่งงานได้จัดขึ้นอย่างอลังการทีเดียว ณ โบสถ์ใหญ่แห่งหนึ่งขณะที่งานเลี้ยงจัดในโรงแรม ฉันได้พบเจ้าสาว และแน่ละได้พบเขาด้วยแล้วฉันก็ตกหลุมรักเขาอีกครั้งหนึ่งฉันเก็บความลับนี้ไวกับตัวเอง...ไม่อยากให้มันไปทำลายวันอันเป็นมงคลของเขาคืนนั้นฉันพยายามทำตัวให้สนุก แต่กลับกลายเป็นว่าฉันกำลังฆ่าตัวเองด้วยการเผชิญหน้ากับคนที่กำลังดูมีความสุขมากอย่างเขาฉันจึงจำเป็นต้องพยายามฝืนยิ้มและทำตัวให้มีความสุขเพื่อกลบเกลื่อนหยาดน้ำตาที่ซุกซ่อนไว้ในใจเมื่อกลับถึงบ้าน ฉันพยายามลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในนิวยอร์กมันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเดินไปตามวิถีทางของฉันเองบ้างตลอดหลายปีมานี้เรายังคงติดต่อกันทางจดหมายเขาย้ำเสมอว่าคิดถึงฉันมาก อยากจะมีโอกาสได้คุยกับฉันอีก...และแล้วเขาก็เงียบหายไปหลังจากที่ฉันเขียนไปหาเขา 6ฉบับฉันเริ่มกังวลว่าอาจจะมีเรื่องร้าย ๆ อะไรเกิดขึ้นแต่แล้วก็ได้รับโน้ตสั้นๆบอกว่า "ขอให้มาพบผมตรงรั้ว ณที่เดิมที่เราเคยเล่าอะไรต่ออะไรให้กันฟัง"ฉันไปตามนัดและพบเขาอยู่ที่นั่นจริง ๆ เขากำลังอกหักและดูโศกเศร้ามากเรากอดกันแน่นและหายใจแทบไม่ออกและเขาก็เล่าเรื่องการหย่าร้างให้ฉันฟังทั้งน้ำตาเขาร้องไห้...ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา ...ในที่สุดเราก็เดินเข้าไปในบ้านคุยกันและหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเก็บความลับนั้นไว้ไม่ได้เล่าความในใจให้เขาฟังหลายวันที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เขากลับมามีความสุข และลืมปัญหาการหย่าร้างขณะที่ฉันได้ตกหลุมรักเขาอีกครั้งเมื่อถึงวันที่เขาต้องกลับไปนิวยอร์ก...ฉันต้องไปส่งเขาด้วยน้ำตา ไม่อยากห็นภาพเขาเดินจากไปแม้เขาสัญญาว่าจะบินมาหาฉันทุกเมื่อ ที่ฉันสามารถลางานได้แต่ฉันไม่สามารถรอเขาได้อีกต่อไปโดยส่วนลึกในหัวใจแล้วเราต่างมีความสุขเสมอเมื่ออยู่ด้วยกันวันหนึ่งเขาก็ไม่ได้กลับมาอย่างที่เขาเคยสัญญาไว้ฉันได้แต่คิดว่า คงเป็นเพราะเขางานยุ่งเกินกว่าที่จะปลีกตัวมาได้มันผ่านไปจากวันนั้นเป็นเดือนจนลืมเรื่องนี้ไปและแล้วทนายความจากนิวยอร์ก ก็แจ้งข่าวร้ายนี้ให้ฉันทางโทรศัพท์...เขาเพิ่งเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุทางรถยนต์ฉันเข้าใจทันทีถึงความรู้สึกของคนหัวใจสลายเพิ่งรู้ว่าทำไมเขาไม่มาหาฉันในวันนั้นนี่เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองอกหักคืนนั้นฉันร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดถามตัวเองว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับคนดี ๆ อย่างเขาฉันเดินทางไปนิวยอร์กอีกครั้ง เพื่อร่วมรับฟังการเปิดพินัยกรรมแน่นอนที่สุดสมบัติต่าง ๆ เขามอบให้กับครอบครัวและอดีตภรรยาฉันได้พบภรรยาเขาอีกเธอเล่าถึงความเป็นอยู่ของเขาให้ฉันฟัง และยังบอกว่าเขาได้ทำอะไรให้เธอบ้างแต่กลับสัมผัสได้ว่าเขาไม่มีความสุขเลย แม้ว่าเธอพยายามเอาอกเอาใจต่าง ๆ นานาแล้วก็ตามแต่ไม่สามารถทำให้เขามีความสุขอย่างคืนวันแต่งงานได้เลยในพินัยกรรมระบุว่าฉันจะได้รับสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่เป็นสมบัติส่วนตัวของเขาที่ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า ทำไมเขาจึงตัดสินใจเช่นนั้นเมื่อเสร็จธุระฉันจึงบินกลับไปยังแคลิฟอร์เนียระหว่างเดินทางฉันหวนระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ของเรา...และเปิดสมุดบันทึกออกอ่านสมุดบันทึกนั้นเริ่มบันทึกขึ้นจากวันแรกที่เราได้พบกันอ่านไปชั่วขณะหนึ่งฉันเริ่มร้องไห้เมื่อพบข้อความว่าเขาได้ตกหลุมรักฉันในวันที่ฉันถูกหักอก แต่เขาก็ขลาดเกินไป ที่จะบอกฉันว่าเขารู้สึกอย่างไรนั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมวันนั้น.... เขาจึงนิ่งเงียบและคอยแต่จะเป็นผู้ฟังจากบันทึกทำให้ฉันรู้ว่า เขาพยายามจะบอกฉันหลายครั้งแต่เขาก็ไม่มีความกล้าหาญพอเวลาที่เขารู้สึกดีใจที่สุด จึงเป็นโอกาสที่เขาได้พบฉันและเต้นรำด้วยกันในวันแต่งงานซึ่งเขาพยายามจินตนาการว่า นั่นเป็นงานวิวาห์ของเรานี่ละสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มีความสุขจนกระทั่งเขาได้หย่าขาดจากภรรยา...ส่วนเวลาที่มีความสุข กลับเป็นวินาทีที่เขากำลังอ่านจดหมายของฉันในที่สุดสมุดบันทึกก็จบลงด้วยข้อความว่า"แล้วก็มาถึงวันนี้ ...วันนี้แล้วที่ผมจะได้บอกรักเธอ ... "แต่มันกลับเป็นวันที่เขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ...วันที่ฉันเพิ่งมาค้นพบว่า เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกับฉันตลอดมา.......ปล . เครดิต คุณ Neyriney
+*+. Love Story : "รักคุณ..คนดีของชีวิต" .+*+.
+*+. Love Story : "รักคุณ..คนดีของชีวิต" .+*+.คุณถามฉันว่า "ตามความรู้สึกของฉันแล้ว ฉันคิดว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน?" ถ้าฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป..ฉันจะบอกคุณว่า .. ฉันรับรู้ว่าคุณรักฉัน แต่ถ้าถามว่ามากแค่ไหน? ฉันคงตอบคุณไม่ได้ เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน เพราะฉันไม่ต้องการความมากมายในความรัก แค่สิ่งที่คุณเพียรพยายามทำเพื่อฉันฉันว่ามันมากมายด้วยคุณค่า มากกว่าที่จะวัดกันด้วยปริมาณ ฉันไม่คิดว่า.. ใครคนหนึ่งจะทำเพื่อใครคนหนึ่งได้มากมายเท่านี้ ถ้าคนคนนั้นไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งต่อเธอ เหมือนเช่นคุณที่รู้สึกอย่างนั้น ต่อฉัน คุณไม่ต้องเพียรพยายามบอกฉัน เพราะถึงแม้พรุ่งนี้คุณจะไม่ได้บอกว่า "คุณรักฉัน" ฉันก็จะยั่งมั่นใจใน ความรักที่คุณมีต่อฉันเสมอ ว่ามันจะเป็นนิรันดร์ ความรู้สึกที่ฉันให้คุณ คุณก็รับรู้ได้ว่ามันมากมายแค่ไหน แต่แล้วทำไมคุณไม่คิดในมุมกลับกันว่า.. ความรู้สึกที่คุณมีให้ฉัน ฉันก็รับรู้มันได้เช่นกัน..คุณยังกังวลอยู่ว่า..ฉันจะไม่รู้ว่า..คุณรู้สึกอย่างไรกับฉัน เพราะคุณมีบางอย่างที่กำลังจะบอกกับฉัน คุณกลัวว่า..ถ้าคุณเอ่ยมันออกมา จะทำให้ฉันเข้าใจตัวคุณผิดไป ฉันเข้าใจถูกหรือเปล่าคะ คุณกำลังจะบอกฉันว่า..คุณกำลังจะค่อยๆ หายไปจากฉัน โดยการกระทำ แต่ในความรู้สึก คุณจะอยู่กับฉันตลอดเวลาทุกสิ่งที่คุณกำลังจะทำ เป็นการทำเพื่อตัวฉันทั้งนั้น อย่างนั้นใช่มั้ยคะ ฉันบอกคุณตามตรงนะคะ..ฉันก็รู้ เหมือนที่คุณก็รู้ตลอดเวลา ว่าเราจะต้องเลิกลากันไป แต่ฉันก็ยังทำใจไม่ได้ เพราะฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน คุณอาจจะทำใจได้ เพราะคุณผ่านมามากกว่าฉัน คุณบอกฉันว่า เวลาจะรักษาเราเอง ฉันก็รู้ว่าเวลาจะรักษาเรา แต่ที่ฉันไม่รู้คือ นานแค่ไหน อาจจะตลอดชีวิตของฉัน ได้โปรดอย่าบอกฉันอีกเลยว่า พรุ่งนี้หรือวันต่อไปเราอาจจะไม่ได้พบกัน หรืออาจจะพบกัน ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปด้วยตัวของมันเองได้ไหม ฉันไม่อยากคิดถึงความทรมานของการจากลา ฉันไม่อยากเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีกเพียง เพราะคิดว่า เราต้องจากกันไปทั้งๆ ที่เรารักกันมากมาย ฉันรู้ว่ามีเหตุผลมากมายที่เราต้องจากกัน คุณลองคิดดูสิว่า การที่เรารักใครสักคน รักเค้ามากทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะรัก แต่เราก็ไม่ได้มีทุกข์ที่รักเค้าเลย เรามีความสุขที่ได้รักเค้า ได้มองเห็นเค้า ได้ดูแลเค้า ถึงแม้จะแค่ในใจของเรา แต่ถ้า..เราคิดว่า..เราต้องไปจากเค้าคนที่เรารักมากๆ คนที่ชีวิตนี้เราไม่อาจจะรักใครได้เท่าเค้าอีกแล้ว..แล้วทำไมเราต้องเอ่ยลา..เพียงเพราะว่า..เราคิดอยู่ด้านเดียวว่า..เราทำเพื่อเค้า การที่เราจะทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่เรารัก..มันไม่ได้หมายถึง..การจากลาเสมอไป ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี ว่า คุณรู้สึกอย่างไร เหมือนอย่างที่ฉันเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง เชื่อฉันเถอะว่า สิ่งที่คุณทำทุกอย่างมันจะไม่สูญเปล่า.. หรือคุณไม่ได้มั่นใจในตัวผู้หญิงที่คุณรัก ครั้งหนึ่งในชีวิตฉันอาจทำผิดต่อคนมากมาย แต่ฉันก็ไม่เคยเสียใจเลยถึงสิ่งที่ฉันได้กระทำลงไป เพียงเพราะฉันได้ทำ ในสิ่งที่ฉันต้องการเพื่อคนที่ฉันรัก และเค้าก็รักฉัน ฉันจึงไม่เคยมีความคิดว่า..สิ่งที่ฉันทำไปมันจะสูญเปล่า เพราะฉันไม่ได้ ต้องการอะไรตอบแทน ฉันอยากให้คุณคิดเช่นเดียวกับฉัน อย่างที่ฉันเคยบอกกับคุณ "ความรัก" ถ้ามันอยู่ในความพอดี เราจะมีความสุขกับมัน แต่ถ้ามันเริ่มเรียกร้องต้องการมากกว่าที่เป็นอยู่ เราจะ "ทุกข์" ไม่ว่าคุณจะถามย้ำฉันอีกสักกี่ครั้งฉันก็จะตอบคุณว่า..ฉันรับรู้ถึงความรักที่คุณมีให้ฉันเสมอ เพราะคุณยังอยู่กับฉัน ทั้งการกระทำและความรู้สึก อย่าให้ฉัน ต้องขอร้องอีกเลยว่า..อย่าพยายามบอกเหตุผลร้อยแปดพันเก้า ว่า..ที่ต้องไปจากฉันเพียงเพราะรักฉัน.. ความรักที่แท้ จริงคืออะไร คือการจากลา อย่างนั้นหรือ อาจเป็นฉันเข้าใจผิดคิดไปว่า ความรักคือการให้.. ฉันไม่รู้อะไรทำให้ฉันรักคุณได้มากมายขนาดนี้ ฉันไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างนี้มาก่อน มันเป็นความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลาง ความขัดแย้งในใจตัวเอง มันเป็นความรักที่แลกมาด้วยชีวิต อย่างที่คุณเคยบอก ถ้าฉันต้องเสียอะไรไปมากกว่านี้ เพื่อที่ จะแลกกับที่ฉันจะได้คุณคืนมา ฉันก็จะยอม..ยอมทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใจฉันบ้างเถอะว่า..ฉันไม่อยากจะสูญเสียคุณไปเลย แม้สักนาทีเดียว..ได้โปรดอยู่กับฉันอย่างเคย..ให้ฉันได้รับความอบอุ่นอย่างที่เคยได้รับ ได้ไหม?ปล . เครดิต คุณ Neyriney
+*+. วาเลนไทน์ครั้งสุดท้าย .+*+.
+*+. วาเลนไทน์ครั้งสุดท้าย .+*+.“แนนๆ ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะ....” จอย เพื่อนร่วมงานของแนนหันมาคุย ขณะแนนกำลังง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะตัวเอง“อืม...วาเลนไทน์อีกแล้วสินะ” แนนเงยหน้าขึ้นสบตาจอยพลางยิ้มพูดเบาๆวาเลนไทน์...14 กุมภาพันธ์ วันที่กุหลาบทั่วโลกบานพร้อมกัน วันที่ความรักงอกงามได้เร็วกว่าทุกวัน และเป็นวันที่กามเทพแผงศร ให้หลายๆคู่ได้สมหวัง แต่คงไม่ใช่แนน...เธอคนนี้แน่นอนท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ความแออัดและตึกสูงในเมืองหลวง...มีหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆกำลังก่อตัวขึ้น ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความรัก ความรักของเขาและเธอ“เธอๆ มาเล่นก่อกองทรายด้วยกันมั้ย” เด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตามอมแมมกำลังนั่งเล่นบนกองทรายสูงท่วมหัว“เธอชื่ออะไร เราชื่อเอ” เด็กผู้ชายแนะนำตัวเองก่อน พลางกระโดดลงมาจากกองทราย“ฉันชื่อแนน” เด็กผู้หญิงแนะนำตัวเองบ้างพลางค่อยๆนั่งลง ทั้งคู่ค่อยๆก่อกองทราย เด็กผู้หญิงวิ่งไปเอาน้ำมารดให้ทรายเปียกชุ่ม เด็กผู้ชายค่อยๆเอาเศษไม้เกลี่ยให้ดินทรายที่เปียกค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็น ร่าง จนได้เค้าโครงของปราสาททรายที่ต้องการ“เอ เดี๋ยวแนนประดับปราสาททรายเองนะ” เด็กผู้หญิงวิ่งมาพร้อมกับก้อนหินสีสวยในกำมือ วางลงข้างๆปราสาททรายที่กำลังจะอวดโฉมออกมาเป็นรูปเป็นร่าง“แนนๆ ตรงนี้เป็นห้องของแนนนะ ห้องของเจ้าหญิงงัย ส่วนตรงนี้เป็นห้องของเอ......อันนี้เป็นห้องประชุมนะ” เอพูดพลางชี้ไปเรื่อยๆบนปราสาททราย.....กองทรายแห่งความฝัน“เอๆ ต้องทำสวนดอกไม้ตรงนี้ด้วย เจ้าหญิงต้องมีสวนดอกไม้นะ” แนนพูดแย้งขึ้นพลางชี้ไปตรงด้านหน้าปราสาททราย“แนนอยากได้สวนอะไร....อยากได้ดอกไม้อะไร” เอพูด เงยหน้าขึ้นมองหน้าแนนอย่างใจจดใจจ่อ“เอาดอกอะไรดี...เอ ช่วยแนนคิดหน่อยสิ” แนนมองหน้าเอด้วยแววตาใสซื่อ เด็กตัวเล็กๆสองคนกำลังสวมบทเจ้าหญิงและเจ้าชายกันอยู่“อืม...เจ้าหญิงต้องเหมาะกับดอกกุหลาบนะ” เอพูดพลางทำท่าคิด“ตกลงๆ สวนดอกกุหลาบนะ เราจะทำสวนดอกกุหลาบที่ลานหน้าปราสาทของเรา” แนนพูดพลางยิ้ม ค่อยๆเกลี่ยทรายให้เรียบเพื่อทำเป็นลาน....ทั้งคู่สร้างปราสาททรายแห่งความ ฝันของพวกเขาอยู่นาน....นานจนกระทั่ง“เอ ไปได้แล้ว พ่อเสร็จงานแล้วลูก” เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรเดินมาสะกิดลูกชายตัวเองเบาๆ“พ่อๆ ให้เอเล่นกันแนนอีกแป๊บนะ” ลูกชายออดอ้อนพ่อของตัวเอง“หน่า ไปได้แล้ว เดี๋ยววันหลังมาเล่นใหม่ก็ได้นี่” พ่อของเขานั่งยองลง อธิบายให้ลูกชายฟังพลางลูบหัวเบาๆ“ตกลงครับ เดี๋ยวให้เอบอกแนนก่อนนะ” เด็กผู้ชายตัวมอมแมมพูดพลางวิ่งกลับหลังไปหาเพื่อนของเขา“แนน เดี๋ยวพรุ่งนี้เอมาหานะ พรุ่งนี้เอจะเอาดอกกุหลาบมา มาทำสวนกุหลาบให้แนนนะ” เอพูดพลางชี้นิ้วลงตรงลานหน้าปราสาททราย“ตกลงๆ พรุ่งนี้เจอกันนะ” แนนยิ้มพูดพลางพยักหน้า เด็กสองคนเล่นกันช่างดูน่ารักเสียนี่กระไรทุกวัน เอและแนนจะมานั่งก่อปราสาททรายด้วยกัน ก่อสร้างความหวังบนมิตรภาพและความรัก ระหว่างลูกชายเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรและลูกสาวนายช่างใหญ่“แนนๆ เมื่อวานแม่เราสอนให้เราเขียนหนังสือด้วยแหละ” เด็กผู้ชายเสื้อผ้ามอมแมมคลุกฝุ่นและทรายเปียกเงยหน้าขึ้นมองเด็กผู้หญิง ตัวเล็กๆที่วิ่งเข้ามา“ไหนๆ แม่ของเอสอนเขียนคำว่าอะไร” แนนถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น“แม่เอสอนเขียนหลายคำ แต่เอจำได้คำเดียว” เอพูดพลางทำเสียงเศร้าๆ เอคงอยากจำทุกคำมาเขียนให้แนนดู“เอจำคำไหนได้ เขียนให้แนนดูหน่อยสิ” แนนพูด เอค่อยๆก้มลงข้างๆกองทราย หยิบเศษไม้เล็กๆปักลงบนผืนทรายที่เพิ่งผ่านฝนเมื่อคืนแล้วตวัดเป็นจังหวะ เพียงชั่วครู่ ปรากฎเป็นตัวอักขระลายเส้นบิดพลิ้ว คำว่า รัก ปรากฎบนผืนทรายราบเรียบที่เกาะตัวเหนียวด้วยหยดน้ำ เด็กตัวเล็กๆสองคนยืนมองด้วยความตื่นเต้น“อ่านว่าอะไร เอ” แนนพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นและแปลกใจ“อ่านว่า รัก” เอพูดกระซิบข้างหูแนนเบาๆ“เหรอ อ่านว่ารักเหรอ....สอนแนนเขียนหน่อยสิ นะๆๆๆ” แนนพูดพลางเกาะแขนออดอ้อนเอ“มานี่ๆ เอจะสอน” เอพูดพลางหยิบเศษไม้เล็กๆให้แนนจับไว้ มือเอและมือแนนจับประสานกัน ตวัดบนกองทรายให้เกิดเป็นอักขระบิดพริ้ว“นี่ไง แนนเขียนได้แล้ว ดีใจจังเลย” แนนพูดพลางหันหลังกลับไปกอดเอด้วยความดีใจ“มันแปลว่าอะไรเหรอ เอ” แนนยังคงสงสัยไม่หายในความหมายของมัน“เอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่บอกว่ามันมีความหมายมากนะ มากจนอธิบายไม่ได้” ใช่สิ...ความหมายมันคงมากมายเกินกว่าเด็กห้าขวบจะรู้ หรือแม้แต่คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่อาจรู้ว่าคำว่ารักคืออะไร....“สักวัน เราจะรู้ความหมายมัน แม่เอบอก” เอพูดพลางหันไปมองแนน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนข้างๆตน“อืม สักวันนะ” แนนพูดพลางหันมายิ้มให้กับเอ ใช่ สักวันแนนและเอคงรู้ความหมายของมัน......“โอ๊ย...เจ็บ” เด็กผู้หญิงผมเปียพูดขึ้นพลางจับผมเปียของตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งๆ เธอโดนเพื่อนแกล้งดึงเปียผมของเธอประจำ“ใครดึงผมเปียแนน” เด็กผู้ชายนั่งข้างๆเธอหันขวับกลับไปมองแทบจะพร้อมกันกับเจ้าของผมเปีย เห็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกันสามคนนั่งอยู่ข้างหลังหัวเราะกันคิกคักพลางชี้ นิ้วมาที่แนน“ทำไมๆ ข้าดึงเอง จะทำไม” หนึ่งในเด็กสามคนพูดพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง“แกล้งผู้หญิง หน้าตัวเมีย” เอยืนขึ้นชี้หน้าด่า“แล้วจะทำไม” เด็กทั้งสามกรูกันมายืนหน้าเอ ถีบโต๊ะเรียนกระจัดกระจายคนละทิศคนละทาง“ไม่เอาเอ อย่าไปยุ่งกับพวกนั้น” แนนพูดพลางเกาะแขนเอไว้แน่น เอเอามือจับแขนแนนออกจากตัวทันที...ปั้ง...หนึ่งหมัดปล่อยออกไป คล้ายเป็นการประกาศสงครามของคนสองกลุ่ม ทั้งสามคนกรูเข้ามารุมเอคล้ายหมาป่ากำลังรุมขยุ้มเหยื่อ โต๊ะเรียนที่กระจัดกระจาย ข้าวของทั้งของเอและแนนตกกระจายเกลื่อนกลาดคนละทิศคนละทาง“หยุด!!” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง...มีอำนาจมากพอจะทำให้ทั้งสี่คนหยุดการตะลุมบอนกัน“พวกเธอทำอะไรกัน อันธพาลกันใหญ่แล้วนะ” ครูประจำชั้นเข้ามาห้ามทัพหมาป่าขยุ้มเหยื่อ แม้จะห้ามทัพได้ แต่ก็ได้ปรากฎเลือดไหลซิบๆที่คิ้วและโหนกแก้มของเอ“เอ เจ็บมั้ย” แนนวิ่งเข้ามาทันทีที่ครูประจำชั้นเดินออกไป“ไม่เจ็บหรอก” เอพูดพลางก้มหน้าหลบสายตาแนน“ไม่เจ็บอะไร เลือดไหลใหญ่แล้ว ไปห้องพยาบาลนะ แนนจะทำแผลให้” แนนพูดพลางดึงตัวเอออกจากห้องเรียนไป เลือดไหลเป็นทางลงมาจากคิ้วและโหนกแก้มเปรอะเปื้อนเสื้อนักเรียนสีขาวของเอ“โอ๊ย...เจ็บ อย่าจับสิ” เอพูดโพล่งขึ้นขณะที่แนนกำลังกดดูความลึกของบาดแผล...แต่แนนกลับยิ้มออก“โอ๊ย แสบ” เอโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อแนนค่อยๆกดสำลีชุบแอลกอฮอลงบนแผลของเอ“แสบก็ทนสิ อยากหาเรื่องเค้านี่นา” แนนพูดพลางยิ้ม ค่อยๆเช็ดแผลบนใบหน้าของเอช้าๆอย่างระมัดระวังทุกครั้งที่มีคนแกล้งแนน เอจะยืดอกปกป้องแนนเสมอ แม้จะต้องเจ็บตัวหรือตกอยู่ในภาวะเป็นรองก็ตามที....“คุณแนน ค่อยๆก้าวนะครับ ช้าๆ” บุรุษพยาบาลพยายามพยุงแนนขึ้นเดิน แนนยังคงไม่หายเจ็บดี ยังคงต้องทำการกายภาพบำบัดอีก“ระวังล้มนะครับ จับผมไว้ดีๆ” บุรุษพยาบาลเดินช้าๆเพื่อให้แนนเกาะแขนเดินตามช้าๆ.....ทำไมบุรุษพยาบาลถึงไม่ใช่เอนะ....ทำไม ทำไม ทำไม“คุณบุรุษพยาบาลค่ะ นี่ฉันสลบไปนานถึงขั้นต้องกายภาพบำบัดกันเลยเหรอ” แนนถามด้วยความสงสัย“โห คุณไม่ได้เดินสามเดือนนี่ มันนานนะครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยความสุภาพ“จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าจะถามชื่อเล่น คือถ้าเรียกว่าคุณบุรุษพยาบาล เกรงว่ามันจะยาวไป” แนนพูดพลางยิ้ม“ผมชื่อ กอล์ฟ ครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงเรียบๆนับจากวันนั้น แนนและกอล์ฟเริ่มสนิทกัน ทุกเย็นกอล์ฟจะพาแนนออกไปทำกายภาพบำบัด ไม่นานแนนก็สามารถเดินเองได้และออกจากโรงพยาบาลในที่สุด....“คุณแนนค่ะ น้ำดื่มค่ะ” พยาบาลชุดขาวเดินถือแก้วน้ำมาวางข้างๆเธอ ขณะเธอนั่งรอกอล์ฟที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้ด้วยไมตรี“กอล์ฟๆ ไปกินข้าวกัน” แนนพูดทันทีที่เห็นกอล์ฟเดินออกมา มีพยาบาลหลายคนยกมือไหว้แนน แนนก็ได้แต่รับไหว้ด้วยสีหน้างงเล็กน้อย“ไปสิครับ” กอล์ฟพูดพลางค้อมตัวลงผายมือไปที่ห้องอาหารของทางโรงพยาบาล ดูกอล์ฟค่อนข้างสุภาพและให้เกียรติแนนมาก....มากจนน่าแปลกใจ ท่าทางโรงพยาบาลนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทกับพยาบาลมาก แนนและกอล์ฟสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ....จนบางครั้งแนนก็อยากให้กอล์ฟมาแทนที่เอบ่อยครั้งที่แนนคิดถึงเอ เอก็ไม่โทรมาบ่อยครั้งที่แนนอยากคุยกับเอ เอก็ไม่ติดต่อมาบ่อยครั้งที่แนนนั่งเหงา อยากให้เอนั่งเป็นเพื่อน แต่เอก็ไม่ปรากฎตัวเอ....เอ....เอ เอหายไปไหนไหนล่ะ หัวใจที่เอบอกว่าจะให้แนนไหนล่ะ หัวใจที่เอเคยเขียนไว้บนฝ่ามือแนนมันคงหายไปแล้ว....หายไปพร้อมกับเอหายไปพร้อมกับผู้ชายโกหก....ผู้ชายเจ้าชู้ทำไมผู้ชายเหมือนกันทั้งโลก.....ทำไม ทำไม ทำไมใกล้วาเลนไทน์เข้าไปทุกที ปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ ไม่มีเอคอยให้ดอกกุหลาบแดง ไม่มีอีตาบ๊องทำท่าเขินอายให้ดู“แนนๆ วาเลนไทน์ปีนี้ ว่างหรือเปล่าครับ” เสียงกอล์ฟดังตามสายโทรศัพท์“ว่างค่ะ ทำไมค่ะ” แนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“พอดีผมมีของจะให้แนนนะครับ เดี๋ยววันวาเลนไทน์บ่ายสามโมงเจอกันที่สยามนะครับ” กอล์ฟเสนอความเห็น“ตกลงค่ะ” แนนพูดพลางกดวางสาย สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง....หวังว่ากอล์ฟคงจะมาแทนที่เอได้เสียทีวันวาเลนไทน์ วันที่กุหลาบแดงบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วโลก แม้ในลานที่สยามหรือที่วัยรุ่นเรียกกันสั้นๆว่า “เซนเตอร์พอยต์” ยังถูกละเลงด้วยดอกกุหลาบสีแดง...นักเรียน นักศึกษาต่างถือกุหลาบแดงในมือเดินกันขวักไขว่ทั่วลาน“ขอโทษค่ะ มาสาย” แนนพูดพลางยิ้มก่อนดึงเก้าอี้ออกมานั่ง“ไม่เป็นอะไรครับ” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม“อืม...ว่าแต่มีอะไรจะให้แนนเหรอ” แนนพูดพลางจ้องตากอล์ฟ...หากกอล์ฟมีพิรุธ แนนจะจับได้ทันที“อันนี้ของแนนนะครับ” ดอกกุหลาบสีแดงถูกดึงออกมาจากถุงอย่างช้าๆ วางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล“หมายความว่ายังไงค่ะ จะขอหัวใจแนนเหรอ” แนนพูดติดตลกพลางยิ้ม เธอคิดว่าเธออ่านเกมส์ออกหมด“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอก” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม แต่กลับทำให้แนนงง“อ้าว...แล้วกุหลาบสีแดงนี่...” ไม่ทันแนนจะพูดจบ กอล์ฟต่อคำพูดของเขาทันที“ผมไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอกครับ เพราะหัวใจของแนนไม่ใช่ของแนน” ปั้ง...เหมือนมีแผ่นเหล็กหนาหลายฟุตทุบลงกลางศีรษะ แนนเริ่มงงกับความหมายขึ้นไปทุกที...มันแปลว่าอะไร“หัวใจของคุณ คือเจ้าของกุหลาบดอกนี้” กอล์ฟพูดต่อ....แนนทำหน้างงๆไม่เข้าใจความหมายแม้แต่นิดเดียว“ตอนคุณประสบอุบัติเหตุเข้ามาที่โรงพยาบาล คุณเสียเลือดมาก...หัวใจคุณเต้นอ่อนจนแทบจะล้มเหลว พวกผมและหมอพยายามเยียวยาจนถึงที่สุด” กอล์ฟเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น.....เรื่องที่แนนไม่เคยรู้“มีผู้ชายคนนึง วิ่งเข้ามาบอกว่าเป็นแฟนคุณ เขาบอกให้ช่วยคุณให้ได้ เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า...เขายอมจ่ายไม่อั้น ไม่ว่าทางเราจะขออะไร เขาจะจัดหาให้หมด.....คำพูดของเขาทำให้ผมประทับใจมาก” กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่...แนนรู้ทันทีว่ากอล์ฟหมายถึงเอ“ผมยอมแลกทุกอย่างกับชีวิตเธอ - เขายอมแลกทุกอย่างกับชีวิตคุณ” กอล์ฟพูดพลางจ้องหน้าแนนนิ่ง แต่แนนยังคงทำสีหน้างงอยู่“เขายอมทุกอย่างจริงๆ ทีแรกหมอบอกว่าทางเราหาเลือดไม่พอให้คุณ เขาวิ่งตามหาเลือดให้คุณไปทั่วทุกโรงพยาบาล แต่กลับไม่พบว่ามีเลือดถุงไหนที่ตรงกับเลือดคุณ” กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงปกติ สายตามองไร้จุดหมาย“สุดท้ายเราตรวจเลือดของเขา พบว่าตรงกับของคุณพอดี เขาบอกให้ทางเราเอาไป เอาไปให้คุณ....ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเป็นอย่างไร ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ” กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่พยายามกลั้นน้ำตา....แต่นัยน์ตาแนนเริ่มเจิ่งนองไป ด้วยน้ำใสๆ“ต่อมา...ตอนพวกผมถ่ายเลือดให้คุณ หัวใจคุณเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ จนหมอต้องเดินออกไปบอกให้เขาทำใจ.....ทำใจว่าเขาจะต้องเสียคุณ” กอล์ฟพยายามเล่าต่อไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงปกติ นัยน์ตาแนนเริ่มแดงก่ำ“เขาถามหมอว่า เธอต้องการอะไร.....” ใช่ เอถามหมอว่าแนนต้องการอะไร“เธอต้องการ หัวใจครับ หัวใจเธอเต้นไม่ปกติ การสูบฉีดล้มเหลว เราหาเลือดให้เธอช้าไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องการคือ หัวใจ” หมอหวังว่าเอคงจะเลิกหวังในตัวแนน...หยุดเล่นเกมกับมัจจุราชเสียที“ตกลง ผมหาให้ – เขาตอบสั้นๆโดยไม่ลังเลเลย” ตกลงผมหาให้....เอจะหาหัวใจให้แนน ทั้งๆที่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้...เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อจะทำให้ เธอ“คุณรู้มั้ย ว่าคำพูดของเขาทำให้ผมและหมออึ้งกันไปหมด โรงพยาบาลยังหาหัวใจให้คุณไม่ได้ เขาจะมีปัญญาที่ไหนหาหัวใจให้คุณได้” กอล์ฟพูดพลางพยายามหลบสายตาแนน....ตอนนี้กอล์ฟเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว“เขาถามเลขบัญชีของโรงพยาบาลกับหมอ....เขาไม่ได้โอนเงินมาซื้อหัวใจ เทียมให้คุณ แต่เขาโอนมาตั้งมูลนิธิการกุศลให้โรงพยาบาล มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยด้านหัวใจเทียม “นานา” คุณดูดีๆ คำว่า แนน และ เอ ถ้าเขียนติดกัน มันคือ “นานา” นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของเขา – เขาอยากให้ตัวเขาเองเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่กับคนที่เขารัก...เพราะไม่ มีหัวใจเทียมสำรอง” เปี๊ยง....แนนโดนสะกิดต่อมความจำเข้าเต็มเปา...เธอเคยเห็นป้ายมูลนิธิขึ้น หราที่โรงพยาบาล แต่เธอไม่เคยเฉลียวใจสักนิด...มิน่า ทำไมหมอและพยาบาลต้องให้เกียรติและดูแลเธอดีเสียจนน่าแปลกใจ ทั้งๆที่เธอไม่มีส่วนได้เสียกับโรงพยาบาลแม้แต่บาทเดียว“ทันทีที่มีการยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีทางโรงพยาบาล เขาก็ยิงตัวตายในห้องน้ำโรงพยาบาลครับ ทิ้งโน้ตไว้ว่า มอบหัวใจให้เธอ - เขามอบหัวใจของเขาให้คุณ” ทันทีที่กอล์ฟพูดจบ แนนปล่อยโฮออกมาเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ โต๊ะรอบข้างหันมามองแนนเป็นตาเดียว....เอคือเจ้าของหัวใจ หัวใจที่อยู่ในร่างของแนน“เขายอมแลกทุกอย่างกับคุณจริงๆ” กอล์ฟพูดพลางวางของทั้งหมดที่เอเคยฝากไว้กับทางโรงพยาบาลคืนให้กับแนน มีทั้งเครื่องเล่นเทป ม้วนเทป จดหมาย.....“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจคุณหรอก หัวใจคุณเป็นของเขา หัวใจเขาเป็นของคุณ” ใช่ หัวใจเอเป็นของแนน เป็นของแนนจริงๆ...ตอนนี้หัวใจแนนตายไปเรียบร้อยแล้ว ตายไปพร้อมกับเอ ตายไปพร้อมกับผู้ชายที่ยอมทุกอย่างเพื่อเธอ“กุหลาบดอกนี้ เขาบอกผมก่อนไปเข้าห้องน้ำว่า...วาเลนไทน์ที่จะถึง รบกวนซื้อกุหลาบสีแดงให้คุณสักดอก ขอแค่ดอกเดียวก็พอ...เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา” กอล์ฟพูดพลางเช็ดน้ำตา นั่งนิ่งๆสักพักก่อนลุกจากโต๊ะไป....ทิ้งแนนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง“เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” คำพูดซ้ำๆดังมาจากเครื่องเล่นเทป เป็นคำพูดเดียวกันที่พูดกันซ้ำโดยไม่มีการตัดต่อทั้งเทป.....เทป 120 นาทีโดยมีเพลงประกอบเบาๆ แนนค่อยๆคลี่จดหมายออกอ่าน....จดหมายที่มีเนื้อความเพียงบรรทัดเดียว“หัวใจเอ...เขียนคำว่ารักไว้ เขียนให้แนนคนเดียว”-------------------------------------------------------------------------------------ปล . ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก คุณ Neyriney
.+*+. กุ ห ล า บ แ ด ง .+*+.
.+*+. กุ ห ล า บ แ ด ง .+*+.กุหลาบแดง คือ ดอกไม้สุดโปรดของเธอและเธอก็ชื่อโรส ซึ่งหมายถึงกุหลาบด้วยทุกปีสามีของเธอจะส่งดอกกุหลาบผูกโบน่ารักให้แม้กระทั่งปีที่เขาตายจากไป ...เธอก็ยังได้รับดอกกุหลาบซึ่งมาส่งที่หน้าบ้านการ์ดที่แนบมาเขียนไว้ว่า "ที่รักของผม" เหมือนกับหลาย ๆ ปีก่อนหน้านี้แต่ละปีที่เขาส่งดอกกุหลาบให้เธอเขาจะเขียนว่า"ปีนี้ผมรักคุณมากกว่าที่ผมเคยรักเมื่อปีก่อนเพราะความรักของผมเติบโตขึ้นทุกปีที่ผ่านไป"เธอรู้ว่านี่คือกุหลาบช่อสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้รับเธอคิดว่าเขาคงสั่งดอกไม้ไว้ล่วงหน้าก่อนถึงวันวาเลนไทนโดยที่เขาไม่รู้ว่าเขาจะจากไป เขามักจะทำอะไรเอาไว้ล่วงหน้าเสนอเพื่อที่จะได้ไม่พลาดแม้ว่าเขาจะงานยุ่งแค่ไหนก็ตามเธอตัดก้านกุหลาบ แล้วจัดมันลงในแจกันสุดพิเศษวางไว้ข้างภาพถ่ายใบหน้าเปื้อนยิ้มของสามีนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดของเขา เนิ่นนานนับชั่วโมงจ้องมองภาพถ่ายของเขาที่มีดอกกุหลาบอยู่ด้านข้างหนึ่งปีผ่านไป มันยากมากสำหรับการที่ต้องอยู่คนเดียวโชคชะตาบันดาลให้เธอต้องกลายเป็นคนอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวแล้วกริ่งประตูก็ดังขึ้นเหมือนวันวาเลนไทน์ปีก่อน ๆเมื่อเธอเปิดประตูก็พบกุหลาบแดงวางอยู่ที่หน้าประตูเธอนำมันเข้ามาในบ้าน และรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้รับในที่สุดเธอก็กดโทรศัพท์ไปที่ร้านดอกไม้เมื่อเจ้าของร้านมารับสาย เธอจึงถามเขาว่า"ทำไมถึงมีคนส่งดอกไม้ให้เธอ" ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด"ผมทราบว่าสามีของคุณจากคุณไปเมื่อปีที่แล้ว" เจ้าของร้านตอบ"ผมก็รู้ว่าคุณต้องโทรมาและอยากรู้ว่าใครส่งดอกไม้ไปให้""ดอกไม้ที่คุณได้รับวันนี้ชำระเงินล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วครับสามีคุณเป็นคนสั่งดอกไม้โดยเตรียมการไว้ล่วงหน้าผมยังมีคำสั่งซื้อดอกไม้จากเขาเก็บเอาไว้ในแฟ้มอีกผมได้รับคำสั่งให้ส่งดอกไม้ให้คุณทุกปียังมีอีกเรื่องนะครับที่ผมคิดว่าคุณควรจะทราบเขาเขียนการ์ดพิเศษเอาไว้ให้คุณใบหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้วและเขาต้องการให้ผมส่งการ์ดนี้แก่คุณในปีถัดจากปีที่เขาจากคุณไปแล้ว"เธอกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านดอกไม้แล้ววางโทรศัพท์น้ำตาไหลอาบแก้ม นิ้วของเธอสั่นระริกขณะเอื้อมมือไปหยิบการ์ดใบนั้นบนการ์ดมีลายมือของเขาที่เขียนถึงเธอแล้วเธอก็เริ่มอ่านมันอย่างเงียบ ๆ ในการ์ดเขียนว่า"หวัดดีจ้ะที่รัก ถึงตอนนี้ผมได้จากคุณไปหนึ่งปีแล้วหวังว่ามันคงไม่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเกินไปในการต่อสู้กับปีที่ผ่านมานะผมรู้ว่าคุณคงรู้สึกอ้างว้างและเจ็บปวด ถ้าเป็นผมก็คงรู้สึกไม่ต่างจากคุณความรักของเราสองคนทำให้ทุกสิ่งในชีวิตดูงดงามไปหมดผมรักคุณมากเกินกว่าที่จะบรรยายได้คุณคือภรรยาที่สมบูรณ์แบบคุณเป็นทั้งเพื่อนและคนรัก คุณเติมชีวิตผมให้เต็มผมรู้ว่ามันเพิ่งผ่านไปได้แค่ปีเดียวแต่ผมไม่อยากให้คุณตกอยู่ในความเศร้าผมอยากให้คุณมีความสุขแม้กระทั่งเวลาที่คุณหลั่งน้ำตาและนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมจะยังคงส่งดอกไม้ให้คุณต่อจากนี้อีกหลายปีเมื่อคุณได้รับดอกกุหลาบ ...ผมอยากให้คุณนึกถึงความสุขตลอดระยะเวลาที่เราได้รักกันผมรักคุณเสมอ และรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปแต่ที่รักคุณต้องต่อสู้ต่อไป ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้โปรดมองหาความสุขตลอดวันเวลาที่คุณยังมีชีวิตอยู่ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย หากหวังว่าคุณคงไปถึงมันได้สักวันกุหลาบจะส่งถึงคุณทุกปีและจะหยุดส่งก็ต่อเมื่อคนที่มาส่งเคาะประตูแล้ว ไม่มีใครมาเปิดรับเขาจะมาส่งห้าครั้งในวันนั้น เผื่อว่าคุณจะออกไปธุระข้างนอกหากครบห้าครั้งยังมอบดอกกุหลาบให้คุณไม่ได้เขาจะรู้เองว่าต้องนำดอกไม้ ไปยังสถานที่ที่ผมสั่งเอาไว้ดอกกุหลาบจะวางลงบนที่ที่เราจะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้งชั่วนิรันดร์"ปล . เครดิต คุณ Neyriney
+*+. ทำไมหัวใจของเราถึงอยู่ด้านซ้าย .+*+.
+*+. ทำไมหัวใจของเราถึงอยู่ด้านซ้าย .+*+.เราใส่นาฬิกามือซ้ายที่ใส่มือซ้ายเพราะถนัดขวายกมือซ้ายขึ้นมาดูเวลาได้ง่ายแต่ถึงมีนาฬิกาเราก็ชอบไปสายอยู่ดีนาฬิกาก็แค่บอกเวลา..ไม่ได้ทำให้เราไปเร็วขึ้นคิดดูแล้ว..หัวใจก็อยู่ทางซ้ายเหมือนกันบางทีเราก็คิดนะ..ว่าอวัยวะในร่างกายที่มี2ชิ้นจะอยู่ซ้าย-ขวาอย่างแขน,ขา,ลูกกะตาทำนองนั้น..แล้วที่มีชิ้นเดียว..ก็แสดงความโดดของมันอย่างจมูก,สะดือก็อยู่ตรงกลาง..ประมาณนั้นแล้วทำไม..หัวใจถึงเอียงซ้ายล่ะ??บางทีเราก็คิดว่า..ที่เป็นงั้นก็เพราะใครบางคนอยากเตือนให้เรารู้ว่า..หัวใจเราไม่หนักแน่นพอจะอยู่ตรงกลางแล้วก็ไม่มีมากพอจะแบ่งเป็นสองด้วยเหมือนกันปล . เครดิต คุณ Neyriney