ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

+*+. อุทาหรณ์แด่คนไม่กล้าบอกรักใคร .+*+.

+*+. อุทาหรณ์แด่คนไม่กล้าบอกรักใคร .+*+.

เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ฉันอายุ 6 ขวบ
ขณะกำลังเล่นอยู่ที่ฟาร์มในแคลิฟอร์เนีย

ฉันได้พบเด็กชายที่แลดูธรรมดาคนหนึ่ง
ประเภทที่เขาอาจแหย่คุณและคุณก็แหย่เขากลับกลั่นแกล้งกันไปมา
พูดง่ายๆ ว่าตอนพบกันครั้งแรกนั้นเรารู้สึกดีต่อกัน
แล้วพอได้มาเจอกันอีกก็แหย่กันเล่นตรงบริเวณรั้ว
และที่นั่นก็กลายเป็นที่ที่เราพบกันและเล่นด้วยกันเสมอมา
ฉันน่าจะเล่าความลับของฉันทั้งหมดให้เขาฟังได้นะ
เขาเป็นคนเงียบ ๆ คอยแต่นิ่งฟังเวลาที่ฉันเล่าโน่นนี่
เป็นคนที่ฉันสามารถคุยด้วยได้ทุก ๆ เรื่อง

ตอนอยู่ในโรงเรียนเราอยู่คนละกลุ่ม แต่พอกลับบ้านเราก็จะคุยกันถึงเรื่องราวในโรงเรียน
.....วันหนึ่งฉันบอกเขาว่า เด็กผู้ชายที่ฉันชอบคนหนึ่งหักอกฉัน
เขาปลอบว่าไม่เป็นไรหรอกสักพักมันจะดีไปเอง

ฉันเลยสบายใจขึ้น และยิ่งทำให้นึกว่า เขาเป็นเพื่อนแท้คนหนึ่งของฉัน
นั่นเป็นความรู้สึกในตอนนั้นของฉันจริง ๆ .....
เราเรียนด้วยกันเรื่อยมาจากมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย
คบหากันมาโดยตลอด แม้ฉันจะคิดเสมอว่า เราเป็นแค่เพื่อน
แต่ลึก ๆ แล้ว...ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่

ในคืนวันสำเร็จการศึกษาเราต่างมีคู่นัดไปนั่งฟังเพลงกัน
แต่ฉันก็ยังอยากจะพบเขาอยู่ดี
เมื่อทุกคนกลับบ้านกันหมด ฉันแวะไปหาเขา
เพื่อจะบอกว่าฉันอยากจะขอพบเธอ
อือ ...
นั่นดูเหมือนจะเป็นโอกาสทองของฉันทีเดียว แต่ที่สุดแล้วเราแค่นั่งดูดาว
ผลัดกันเล่าแผนการชีวิตของกันและกัน...
ฉันจ้องตาเขาขณะฟังเขาเล่าว่า เขาอยากแต่งงานและวางหลักปักฐาน
ทั้งยังคุยถึงวิถีทางที่ จะทำให้ตัวเองร่ำรวยและประสบความสำเร็จในชีวิต
...โดยมีฉันนั่งคุดคู้อยู่ข้าง ๆ เขา


คืนนั้นฉันกลับบ้านพร้อมความรู้สึกอันปวดร้าว
ด้วยเหตุที่ฉันไม่ได้พูดออกไปดังใจปรารถนา
ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวใจฉันเจ็บปวด
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉันอยากจะบอกเล่าให้เขาฟังใจจะขาด
แต่ทุกครั้งจะต้องมีใครสักคน อยู่ตรงนั้นด้วยเสมอ
...หลังจากนั้นเขาก็ได้งานทำในนิวยอร์ก
แน่นอนฉันยินดีกับอนาคตอันสดใสนั้น
แต่ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเช่นเดิม
ขณะที่เขากำลังจากไป ฉันกอดเขาแล้วร้องไห้
คิดว่านั่นเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะมีเขาอยู่เคียงข้าง

คืนนั้นฉันร้องไห้จนตาบวม และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
เมื่อนึกถึงว่า ที่สุดแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้เล่าความในใจให้เขาฟัง
ฉันเริ่มต้นด้วยงานเลขาฯ
แล้วย้ายสายงานมาเป็นนักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์
รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง

วันหนึ่ง

ฉันก็ได้รับการ์ดแต่งงานใบหนึ่งทางไปรษณีย์
มาจากเขานั่นเอง ใจหนึ่งฉันก็ยินดีกับเขา
แต่อีกใจก็ยังคงเศร้าที่ไม่กล้าบอกความในใจของฉันไป
ได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่า ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างเขาอีกแล้ว
อย่างมากที่สุดเราก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน
...งานแต่งงานได้จัดขึ้นอย่างอลังการทีเดียว ณ โบสถ์ใหญ่แห่งหนึ่ง

ขณะที่งานเลี้ยงจัดในโรงแรม ฉันได้พบเจ้าสาว และแน่ละ
ได้พบเขาด้วยแล้วฉันก็ตกหลุมรักเขาอีกครั้งหนึ่ง
ฉันเก็บความลับนี้ไวกับตัวเอง
...ไม่อยากให้มันไปทำลายวันอันเป็นมงคลของเขา
คืนนั้นฉันพยายามทำตัวให้สนุก แต่กลับกลายเป็นว่าฉันกำลังฆ่าตัวเอง
ด้วยการเผชิญหน้ากับคนที่กำลังดูมีความสุขมากอย่างเขา
ฉันจึงจำเป็นต้องพยายามฝืนยิ้ม
และทำตัวให้มีความสุขเพื่อกลบเกลื่อนหยาดน้ำตาที่ซุกซ่อนไว้ในใจ

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันพยายามลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในนิวยอร์ก
มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเดินไปตามวิถีทางของฉันเองบ้าง
ตลอดหลายปีมานี้เรายังคงติดต่อกันทางจดหมาย
เขาย้ำเสมอว่าคิดถึงฉันมาก อยากจะมีโอกาสได้คุยกับฉันอีก

...และแล้วเขาก็เงียบหายไปหลังจากที่ฉันเขียนไปหาเขา 6
ฉบับฉันเริ่มกังวลว่าอาจจะมีเรื่องร้าย ๆ อะไรเกิดขึ้น
แต่แล้วก็ได้รับโน้ตสั้นๆบอกว่า "ขอให้มาพบผมตรงรั้ว ณ
ที่เดิมที่เราเคยเล่าอะไรต่ออะไรให้กันฟัง"
ฉันไปตามนัดและพบเขาอยู่ที่นั่นจริง ๆ เขากำลังอกหักและดูโศกเศร้ามาก

เรากอดกันแน่นและหายใจแทบไม่ออก
และเขาก็เล่าเรื่องการหย่าร้างให้ฉันฟังทั้งน้ำตา
เขาร้องไห้...ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา ...ในที่สุด
เราก็เดินเข้าไปในบ้านคุยกันและหัวเราะ
เมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเก็บความลับนั้นไว้
ไม่ได้เล่าความในใจให้เขาฟัง
หลายวันที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เขากลับมามีความสุข และลืมปัญหาการหย่าร้าง
ขณะที่ฉันได้ตกหลุมรักเขาอีกครั้ง

เมื่อถึงวันที่เขาต้องกลับไปนิวยอร์ก
...ฉันต้องไปส่งเขาด้วยน้ำตา ไม่อยากห็นภาพเขาเดินจากไป

แม้เขาสัญญาว่าจะบินมาหาฉันทุกเมื่อ ที่ฉันสามารถลางานได้
แต่ฉันไม่สามารถรอเขาได้อีกต่อไป
โดยส่วนลึกในหัวใจแล้วเราต่างมีความสุขเสมอเมื่ออยู่ด้วยกัน

วันหนึ่งเขาก็ไม่ได้กลับมาอย่างที่เขาเคยสัญญาไว้

ฉันได้แต่คิดว่า คงเป็นเพราะเขางานยุ่งเกินกว่าที่จะปลีกตัวมาได้
มันผ่านไปจากวันนั้นเป็นเดือนจนลืมเรื่องนี้ไป
และแล้วทนายความจากนิวยอร์ก ก็แจ้งข่าวร้ายนี้ให้ฉันทางโทรศัพท์
...เขาเพิ่งเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุทางรถยนต์
ฉันเข้าใจทันทีถึงความรู้สึกของคนหัวใจสลาย
เพิ่งรู้ว่าทำไมเขาไม่มาหาฉันในวันนั้น
นี่เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองอกหัก

คืนนั้นฉันร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด
ถามตัวเองว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับคนดี ๆ อย่างเขา
ฉันเดินทางไปนิวยอร์กอีกครั้ง เพื่อร่วมรับฟังการเปิดพินัยกรรม
แน่นอนที่สุดสมบัติต่าง ๆ เขามอบให้กับครอบครัวและอดีตภรรยา

ฉันได้พบภรรยาเขาอีก
เธอเล่าถึงความเป็นอยู่ของเขาให้ฉันฟัง และยังบอกว่าเขาได้ทำอะไรให้เธอบ้าง
แต่กลับสัมผัสได้ว่า
เขาไม่มีความสุขเลย แม้ว่าเธอพยายามเอาอกเอาใจต่าง ๆ นานาแล้วก็ตาม
แต่ไม่สามารถทำให้เขามีความสุขอย่างคืนวันแต่งงานได้เลย

ในพินัยกรรมระบุว่า
ฉันจะได้รับสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่เป็นสมบัติส่วนตัวของเขา
ที่ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า ทำไมเขาจึงตัดสินใจเช่นนั้น
เมื่อเสร็จธุระฉันจึงบินกลับไปยังแคลิฟอร์เนีย
ระหว่างเดินทางฉันหวนระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ของเรา
...และเปิดสมุดบันทึกออกอ่าน
สมุดบันทึกนั้นเริ่มบันทึกขึ้นจากวันแรกที่เราได้พบกัน
อ่านไปชั่วขณะหนึ่งฉันเริ่มร้องไห้



เมื่อพบข้อความว่า
เขาได้ตกหลุมรักฉันในวันที่ฉันถูกหักอก แต่เขาก็ขลาดเกินไป ที่จะบอกฉันว่าเขารู้สึกอย่างไร
นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมวันนั้น.... เขาจึงนิ่งเงียบและคอยแต่จะเป็นผู้ฟัง
จากบันทึกทำให้ฉันรู้ว่า เขาพยายามจะบอกฉันหลายครั้ง
แต่เขาก็ไม่มีความกล้าหาญพอ

เวลาที่เขารู้สึกดีใจที่สุด จึงเป็นโอกาสที่เขาได้พบฉันและเต้นรำด้วยกันในวันแต่งงาน
ซึ่งเขาพยายามจินตนาการว่า นั่นเป็นงานวิวาห์ของเรา
นี่ละสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มีความสุข
จนกระทั่งเขาได้หย่าขาดจากภรรยา
...ส่วนเวลาที่มีความสุข กลับเป็นวินาทีที่เขากำลังอ่านจดหมายของฉัน
ในที่สุดสมุดบันทึกก็จบลงด้วยข้อความว่า
"แล้วก็มาถึงวันนี้ ...วันนี้แล้วที่ผมจะได้บอกรักเธอ ... "
แต่มันกลับเป็นวันที่เขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
...วันที่ฉันเพิ่งมาค้นพบว่า เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกับฉันตลอดมา.......

ปล . เครดิต คุณ Neyriney









 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 27 พฤษภาคม 2551 18:19:07 น.   
Counter : 324 Pageviews.  

+*+. Love Story : "รักคุณ..คนดีของชีวิต" .+*+.

+*+. Love Story : "รักคุณ..คนดีของชีวิต" .+*+.

คุณถามฉันว่า "ตามความรู้สึกของฉันแล้ว ฉันคิดว่าคุณรักฉันมาก

แค่ไหน?" ถ้าฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป..ฉันจะบอกคุณ

ว่า .. ฉันรับรู้ว่าคุณรักฉัน แต่ถ้าถามว่ามากแค่ไหน? ฉันคงตอบคุณ

ไม่ได้ เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน เพราะฉันไม่ต้อง

การความมากมายในความรัก แค่สิ่งที่คุณเพียรพยายามทำเพื่อฉัน

ฉันว่ามันมากมายด้วยคุณค่า มากกว่าที่จะวัดกันด้วยปริมาณ ฉันไม่

คิดว่า.. ใครคนหนึ่งจะทำเพื่อใครคนหนึ่งได้มากมายเท่านี้ ถ้าคนคน

นั้นไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งต่อเธอ เหมือนเช่นคุณที่รู้สึกอย่างนั้น ต่อฉัน คุณ

ไม่ต้องเพียรพยายามบอกฉัน เพราะถึงแม้พรุ่งนี้คุณจะไม่ได้บอก

ว่า "คุณรักฉัน" ฉันก็จะยั่งมั่นใจใน ความรักที่คุณมีต่อฉันเสมอ ว่า

มันจะเป็นนิรันดร์ ความรู้สึกที่ฉันให้คุณ คุณก็รับรู้ได้ว่ามันมากมาย

แค่ไหน แต่แล้วทำไมคุณไม่คิดในมุมกลับกันว่า.. ความรู้สึกที่คุณมี

ให้ฉัน ฉันก็รับรู้มันได้เช่นกัน..คุณยังกังวลอยู่ว่า..ฉันจะไม่รู้ว่า..คุณ

รู้สึกอย่างไรกับฉัน เพราะคุณมีบางอย่างที่กำลังจะบอกกับฉัน คุณ

กลัวว่า..ถ้าคุณเอ่ยมันออกมา จะทำให้ฉันเข้าใจตัวคุณผิดไป ฉันเข้า

ใจถูกหรือเปล่าคะ คุณกำลังจะบอกฉันว่า..คุณกำลังจะค่อยๆ หายไป

จากฉัน โดยการกระทำ แต่ในความรู้สึก คุณจะอยู่กับฉันตลอดเวลา

ทุกสิ่งที่คุณกำลังจะทำ เป็นการทำเพื่อตัวฉันทั้งนั้น อย่างนั้นใช่มั้ย

คะ ฉันบอกคุณตามตรงนะคะ..ฉันก็รู้ เหมือนที่คุณก็รู้ตลอดเวลา ว่า

เราจะต้องเลิกลากันไป แต่ฉันก็ยังทำใจไม่ได้ เพราะฉันไม่เคยเป็น

อย่างนี้มาก่อน ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน คุณอาจจะทำ

ใจได้ เพราะคุณผ่านมามากกว่าฉัน คุณบอกฉันว่า เวลาจะรักษาเรา

เอง ฉันก็รู้ว่าเวลาจะรักษาเรา แต่ที่ฉันไม่รู้คือ นานแค่ไหน อาจจะ

ตลอดชีวิตของฉัน ได้โปรดอย่าบอกฉันอีกเลยว่า พรุ่งนี้หรือวันต่อไป

เราอาจจะไม่ได้พบกัน หรืออาจจะพบกัน ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่าง

ผ่านไปด้วยตัวของมันเองได้ไหม ฉันไม่อยากคิดถึงความทรมาน

ของการจากลา ฉันไม่อยากเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีกเพียง เพราะคิดว่า เรา

ต้องจากกันไปทั้งๆ ที่เรารักกันมากมาย ฉันรู้ว่ามีเหตุผลมากมายที่

เราต้องจากกัน คุณลองคิดดูสิว่า การที่เรารักใครสักคน รักเค้ามาก

ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะรัก แต่เราก็ไม่ได้มีทุกข์ที่รักเค้าเลย เรามี

ความสุขที่ได้รักเค้า ได้มองเห็นเค้า ได้ดูแลเค้า ถึงแม้จะแค่ในใจของ

เรา แต่ถ้า..เราคิดว่า..เราต้องไปจากเค้าคนที่เรารักมากๆ คนที่ชีวิตนี้

เราไม่อาจจะรักใครได้เท่าเค้าอีกแล้ว..แล้วทำไมเราต้องเอ่ยลา..เพียง

เพราะว่า..เราคิดอยู่ด้านเดียวว่า..เราทำเพื่อเค้า การที่เราจะทำอะไร

สักอย่างเพื่อคนที่เรารัก..มันไม่ได้หมายถึง..การจากลาเสมอไป ฉัน

เข้าใจความรู้สึกของคุณดี ว่า คุณรู้สึกอย่างไร เหมือนอย่างที่ฉันเข้า

ใจความรู้สึกของตัวเอง เชื่อฉันเถอะว่า สิ่งที่คุณทำทุกอย่างมันจะไม่

สูญเปล่า.. หรือคุณไม่ได้มั่นใจในตัวผู้หญิงที่คุณรัก ครั้งหนึ่งในชีวิต

ฉันอาจทำผิดต่อคนมากมาย แต่ฉันก็ไม่เคยเสียใจเลยถึงสิ่งที่ฉันได้

กระทำลงไป เพียงเพราะฉันได้ทำ ในสิ่งที่ฉันต้องการเพื่อคนที่ฉัน

รัก และเค้าก็รักฉัน ฉันจึงไม่เคยมีความคิดว่า..สิ่งที่ฉันทำไปมันจะ

สูญเปล่า เพราะฉันไม่ได้ ต้องการอะไรตอบแทน ฉันอยากให้คุณคิด

เช่นเดียวกับฉัน อย่างที่ฉันเคยบอกกับคุณ "ความรัก" ถ้ามันอยู่ใน

ความพอดี เราจะมีความสุขกับมัน แต่ถ้ามันเริ่มเรียกร้องต้องการ

มากกว่าที่เป็นอยู่ เราจะ "ทุกข์" ไม่ว่าคุณจะถามย้ำฉันอีกสักกี่ครั้ง

ฉันก็จะตอบคุณว่า..ฉันรับรู้ถึงความรักที่คุณมีให้ฉันเสมอ เพราะคุณ

ยังอยู่กับฉัน ทั้งการกระทำและความรู้สึก อย่าให้ฉัน ต้องขอร้องอีก

เลยว่า..อย่าพยายามบอกเหตุผลร้อยแปดพันเก้า ว่า..ที่ต้องไปจากฉัน

เพียงเพราะรักฉัน.. ความรักที่แท้ จริงคืออะไร คือการจากลา อย่าง

นั้นหรือ อาจเป็นฉันเข้าใจผิดคิดไปว่า ความรักคือการให้.. ฉันไม่รู้

อะไรทำให้ฉันรักคุณได้มากมายขนาดนี้ ฉันไม่เคยรู้สึกกับใครอย่าง

นี้มาก่อน มันเป็นความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลาง ความขัดแย้งในใจตัว

เอง มันเป็นความรักที่แลกมาด้วยชีวิต อย่างที่คุณเคยบอก ถ้าฉันต้อง

เสียอะไรไปมากกว่านี้ เพื่อที่ จะแลกกับที่ฉันจะได้คุณคืนมา ฉันก็จะ

ยอม..ยอมทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใจฉันบ้างเถอะว่า..ฉันไม่อยากจะสูญ

เสียคุณไปเลย แม้สักนาทีเดียว..ได้โปรดอยู่กับฉันอย่างเคย..ให้ฉันได้

รับความอบอุ่นอย่างที่เคยได้รับ ได้ไหม?


ปล . เครดิต คุณ Neyriney










 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 27 พฤษภาคม 2551 18:20:23 น.   
Counter : 292 Pageviews.  

+*+. วาเลนไทน์ครั้งสุดท้าย .+*+.

+*+. วาเลนไทน์ครั้งสุดท้าย .+*+.


“แนนๆ ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะ....” จอย เพื่อนร่วมงานของแนนหันมาคุย ขณะแนนกำลังง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะตัวเอง

“อืม...วาเลนไทน์อีกแล้วสินะ” แนนเงยหน้าขึ้นสบตาจอยพลางยิ้มพูดเบาๆ

วาเลนไทน์...14 กุมภาพันธ์ วันที่กุหลาบทั่วโลกบานพร้อมกัน วันที่ความรักงอกงามได้เร็วกว่าทุกวัน และเป็นวันที่กามเทพแผงศร ให้หลายๆคู่ได้สมหวัง แต่คงไม่ใช่แนน...เธอคนนี้แน่นอน



ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ความแออัดและตึกสูงในเมืองหลวง...มีหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆกำลังก่อตัวขึ้น ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความรัก ความรักของเขาและเธอ

“เธอๆ มาเล่นก่อกองทรายด้วยกันมั้ย” เด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตามอมแมมกำลังนั่งเล่นบนกองทรายสูงท่วมหัว

“เธอชื่ออะไร เราชื่อเอ” เด็กผู้ชายแนะนำตัวเองก่อน พลางกระโดดลงมาจากกองทราย

“ฉันชื่อแนน” เด็กผู้หญิงแนะนำตัวเองบ้างพลางค่อยๆนั่งลง ทั้งคู่ค่อยๆก่อกองทราย เด็กผู้หญิงวิ่งไปเอาน้ำมารดให้ทรายเปียกชุ่ม เด็กผู้ชายค่อยๆเอาเศษไม้เกลี่ยให้ดินทรายที่เปียกค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็น ร่าง จนได้เค้าโครงของปราสาททรายที่ต้องการ

“เอ เดี๋ยวแนนประดับปราสาททรายเองนะ” เด็กผู้หญิงวิ่งมาพร้อมกับก้อนหินสีสวยในกำมือ วางลงข้างๆปราสาททรายที่กำลังจะอวดโฉมออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

“แนนๆ ตรงนี้เป็นห้องของแนนนะ ห้องของเจ้าหญิงงัย ส่วนตรงนี้เป็นห้องของเอ......อันนี้เป็นห้องประชุมนะ” เอพูดพลางชี้ไปเรื่อยๆบนปราสาททราย.....กองทรายแห่งความฝัน

“เอๆ ต้องทำสวนดอกไม้ตรงนี้ด้วย เจ้าหญิงต้องมีสวนดอกไม้นะ” แนนพูดแย้งขึ้นพลางชี้ไปตรงด้านหน้าปราสาททราย

“แนนอยากได้สวนอะไร....อยากได้ดอกไม้อะไร” เอพูด เงยหน้าขึ้นมองหน้าแนนอย่างใจจดใจจ่อ

“เอาดอกอะไรดี...เอ ช่วยแนนคิดหน่อยสิ” แนนมองหน้าเอด้วยแววตาใสซื่อ เด็กตัวเล็กๆสองคนกำลังสวมบทเจ้าหญิงและเจ้าชายกันอยู่

“อืม...เจ้าหญิงต้องเหมาะกับดอกกุหลาบนะ” เอพูดพลางทำท่าคิด

“ตกลงๆ สวนดอกกุหลาบนะ เราจะทำสวนดอกกุหลาบที่ลานหน้าปราสาทของเรา” แนนพูดพลางยิ้ม ค่อยๆเกลี่ยทรายให้เรียบเพื่อทำเป็นลาน....ทั้งคู่สร้างปราสาททรายแห่งความ ฝันของพวกเขาอยู่นาน....นานจนกระทั่ง

“เอ ไปได้แล้ว พ่อเสร็จงานแล้วลูก” เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรเดินมาสะกิดลูกชายตัวเองเบาๆ

“พ่อๆ ให้เอเล่นกันแนนอีกแป๊บนะ” ลูกชายออดอ้อนพ่อของตัวเอง

“หน่า ไปได้แล้ว เดี๋ยววันหลังมาเล่นใหม่ก็ได้นี่” พ่อของเขานั่งยองลง อธิบายให้ลูกชายฟังพลางลูบหัวเบาๆ

“ตกลงครับ เดี๋ยวให้เอบอกแนนก่อนนะ” เด็กผู้ชายตัวมอมแมมพูดพลางวิ่งกลับหลังไปหาเพื่อนของเขา

“แนน เดี๋ยวพรุ่งนี้เอมาหานะ พรุ่งนี้เอจะเอาดอกกุหลาบมา มาทำสวนกุหลาบให้แนนนะ” เอพูดพลางชี้นิ้วลงตรงลานหน้าปราสาททราย

“ตกลงๆ พรุ่งนี้เจอกันนะ” แนนยิ้มพูดพลางพยักหน้า เด็กสองคนเล่นกันช่างดูน่ารักเสียนี่กระไร

ทุกวัน เอและแนนจะมานั่งก่อปราสาททรายด้วยกัน ก่อสร้างความหวังบนมิตรภาพและความรัก ระหว่างลูกชายเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรและลูกสาวนายช่างใหญ่

“แนนๆ เมื่อวานแม่เราสอนให้เราเขียนหนังสือด้วยแหละ” เด็กผู้ชายเสื้อผ้ามอมแมมคลุกฝุ่นและทรายเปียกเงยหน้าขึ้นมองเด็กผู้หญิง ตัวเล็กๆที่วิ่งเข้ามา

“ไหนๆ แม่ของเอสอนเขียนคำว่าอะไร” แนนถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“แม่เอสอนเขียนหลายคำ แต่เอจำได้คำเดียว” เอพูดพลางทำเสียงเศร้าๆ เอคงอยากจำทุกคำมาเขียนให้แนนดู

“เอจำคำไหนได้ เขียนให้แนนดูหน่อยสิ” แนนพูด เอค่อยๆก้มลงข้างๆกองทราย หยิบเศษไม้เล็กๆปักลงบนผืนทรายที่เพิ่งผ่านฝนเมื่อคืนแล้วตวัดเป็นจังหวะ เพียงชั่วครู่ ปรากฎเป็นตัวอักขระลายเส้นบิดพลิ้ว คำว่า รัก ปรากฎบนผืนทรายราบเรียบที่เกาะตัวเหนียวด้วยหยดน้ำ เด็กตัวเล็กๆสองคนยืนมองด้วยความตื่นเต้น

“อ่านว่าอะไร เอ” แนนพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นและแปลกใจ

“อ่านว่า รัก” เอพูดกระซิบข้างหูแนนเบาๆ

“เหรอ อ่านว่ารักเหรอ....สอนแนนเขียนหน่อยสิ นะๆๆๆ” แนนพูดพลางเกาะแขนออดอ้อนเอ

“มานี่ๆ เอจะสอน” เอพูดพลางหยิบเศษไม้เล็กๆให้แนนจับไว้ มือเอและมือแนนจับประสานกัน ตวัดบนกองทรายให้เกิดเป็นอักขระบิดพริ้ว

“นี่ไง แนนเขียนได้แล้ว ดีใจจังเลย” แนนพูดพลางหันหลังกลับไปกอดเอด้วยความดีใจ

“มันแปลว่าอะไรเหรอ เอ” แนนยังคงสงสัยไม่หายในความหมายของมัน

“เอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่บอกว่ามันมีความหมายมากนะ มากจนอธิบายไม่ได้” ใช่สิ...ความหมายมันคงมากมายเกินกว่าเด็กห้าขวบจะรู้ หรือแม้แต่คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่อาจรู้ว่าคำว่ารักคืออะไร....

“สักวัน เราจะรู้ความหมายมัน แม่เอบอก” เอพูดพลางหันไปมองแนน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนข้างๆตน

“อืม สักวันนะ” แนนพูดพลางหันมายิ้มให้กับเอ ใช่ สักวันแนนและเอคงรู้ความหมายของมัน......



“โอ๊ย...เจ็บ” เด็กผู้หญิงผมเปียพูดขึ้นพลางจับผมเปียของตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งๆ เธอโดนเพื่อนแกล้งดึงเปียผมของเธอประจำ

“ใครดึงผมเปียแนน” เด็กผู้ชายนั่งข้างๆเธอหันขวับกลับไปมองแทบจะพร้อมกันกับเจ้าของผมเปีย เห็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกันสามคนนั่งอยู่ข้างหลังหัวเราะกันคิกคักพลางชี้ นิ้วมาที่แนน

“ทำไมๆ ข้าดึงเอง จะทำไม” หนึ่งในเด็กสามคนพูดพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“แกล้งผู้หญิง หน้าตัวเมีย” เอยืนขึ้นชี้หน้าด่า

“แล้วจะทำไม” เด็กทั้งสามกรูกันมายืนหน้าเอ ถีบโต๊ะเรียนกระจัดกระจายคนละทิศคนละทาง

“ไม่เอาเอ อย่าไปยุ่งกับพวกนั้น” แนนพูดพลางเกาะแขนเอไว้แน่น เอเอามือจับแขนแนนออกจากตัวทันที...

ปั้ง...หนึ่งหมัดปล่อยออกไป คล้ายเป็นการประกาศสงครามของคนสองกลุ่ม ทั้งสามคนกรูเข้ามารุมเอคล้ายหมาป่ากำลังรุมขยุ้มเหยื่อ โต๊ะเรียนที่กระจัดกระจาย ข้าวของทั้งของเอและแนนตกกระจายเกลื่อนกลาดคนละทิศคนละทาง

“หยุด!!” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง...มีอำนาจมากพอจะทำให้ทั้งสี่คนหยุดการตะลุมบอนกัน

“พวกเธอทำอะไรกัน อันธพาลกันใหญ่แล้วนะ” ครูประจำชั้นเข้ามาห้ามทัพหมาป่าขยุ้มเหยื่อ แม้จะห้ามทัพได้ แต่ก็ได้ปรากฎเลือดไหลซิบๆที่คิ้วและโหนกแก้มของเอ

“เอ เจ็บมั้ย” แนนวิ่งเข้ามาทันทีที่ครูประจำชั้นเดินออกไป

“ไม่เจ็บหรอก” เอพูดพลางก้มหน้าหลบสายตาแนน

“ไม่เจ็บอะไร เลือดไหลใหญ่แล้ว ไปห้องพยาบาลนะ แนนจะทำแผลให้” แนนพูดพลางดึงตัวเอออกจากห้องเรียนไป เลือดไหลเป็นทางลงมาจากคิ้วและโหนกแก้มเปรอะเปื้อนเสื้อนักเรียนสีขาวของเอ

“โอ๊ย...เจ็บ อย่าจับสิ” เอพูดโพล่งขึ้นขณะที่แนนกำลังกดดูความลึกของบาดแผล...แต่แนนกลับยิ้มออก

“โอ๊ย แสบ” เอโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อแนนค่อยๆกดสำลีชุบแอลกอฮอลงบนแผลของเอ

“แสบก็ทนสิ อยากหาเรื่องเค้านี่นา” แนนพูดพลางยิ้ม ค่อยๆเช็ดแผลบนใบหน้าของเอช้าๆอย่างระมัดระวัง

ทุกครั้งที่มีคนแกล้งแนน เอจะยืดอกปกป้องแนนเสมอ แม้จะต้องเจ็บตัวหรือตกอยู่ในภาวะเป็นรองก็ตามที....

“คุณแนน ค่อยๆก้าวนะครับ ช้าๆ” บุรุษพยาบาลพยายามพยุงแนนขึ้นเดิน แนนยังคงไม่หายเจ็บดี ยังคงต้องทำการกายภาพบำบัดอีก

“ระวังล้มนะครับ จับผมไว้ดีๆ” บุรุษพยาบาลเดินช้าๆเพื่อให้แนนเกาะแขนเดินตามช้าๆ.....ทำไมบุรุษพยาบาลถึงไม่ใช่เอนะ....ทำไม ทำไม ทำไม

“คุณบุรุษพยาบาลค่ะ นี่ฉันสลบไปนานถึงขั้นต้องกายภาพบำบัดกันเลยเหรอ” แนนถามด้วยความสงสัย

“โห คุณไม่ได้เดินสามเดือนนี่ มันนานนะครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยความสุภาพ

“จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าจะถามชื่อเล่น คือถ้าเรียกว่าคุณบุรุษพยาบาล เกรงว่ามันจะยาวไป” แนนพูดพลางยิ้ม

“ผมชื่อ กอล์ฟ ครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงเรียบๆ

นับจากวันนั้น แนนและกอล์ฟเริ่มสนิทกัน ทุกเย็นกอล์ฟจะพาแนนออกไปทำกายภาพบำบัด ไม่นานแนนก็สามารถเดินเองได้และออกจากโรงพยาบาลในที่สุด....



“คุณแนนค่ะ น้ำดื่มค่ะ” พยาบาลชุดขาวเดินถือแก้วน้ำมาวางข้างๆเธอ ขณะเธอนั่งรอกอล์ฟที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้ด้วยไมตรี

“กอล์ฟๆ ไปกินข้าวกัน” แนนพูดทันทีที่เห็นกอล์ฟเดินออกมา มีพยาบาลหลายคนยกมือไหว้แนน แนนก็ได้แต่รับไหว้ด้วยสีหน้างงเล็กน้อย

“ไปสิครับ” กอล์ฟพูดพลางค้อมตัวลงผายมือไปที่ห้องอาหารของทางโรงพยาบาล ดูกอล์ฟค่อนข้างสุภาพและให้เกียรติแนนมาก....มากจนน่าแปลกใจ ท่าทางโรงพยาบาลนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทกับพยาบาลมาก แนนและกอล์ฟสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ....จนบางครั้งแนนก็อยากให้กอล์ฟมาแทนที่เอ



บ่อยครั้งที่แนนคิดถึงเอ เอก็ไม่โทรมา

บ่อยครั้งที่แนนอยากคุยกับเอ เอก็ไม่ติดต่อมา

บ่อยครั้งที่แนนนั่งเหงา อยากให้เอนั่งเป็นเพื่อน แต่เอก็ไม่ปรากฎตัว

เอ....เอ....เอ เอหายไปไหน

ไหนล่ะ หัวใจที่เอบอกว่าจะให้แนน

ไหนล่ะ หัวใจที่เอเคยเขียนไว้บนฝ่ามือแนน

มันคงหายไปแล้ว....หายไปพร้อมกับเอ

หายไปพร้อมกับผู้ชายโกหก....ผู้ชายเจ้าชู้

ทำไมผู้ชายเหมือนกันทั้งโลก.....ทำไม ทำไม ทำไม



ใกล้วาเลนไทน์เข้าไปทุกที ปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ ไม่มีเอคอยให้ดอกกุหลาบแดง ไม่มีอีตาบ๊องทำท่าเขินอายให้ดู

“แนนๆ วาเลนไทน์ปีนี้ ว่างหรือเปล่าครับ” เสียงกอล์ฟดังตามสายโทรศัพท์

“ว่างค่ะ ทำไมค่ะ” แนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“พอดีผมมีของจะให้แนนนะครับ เดี๋ยววันวาเลนไทน์บ่ายสามโมงเจอกันที่สยามนะครับ” กอล์ฟเสนอความเห็น

“ตกลงค่ะ” แนนพูดพลางกดวางสาย สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง....หวังว่ากอล์ฟคงจะมาแทนที่เอได้เสียที

วันวาเลนไทน์ วันที่กุหลาบแดงบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วโลก แม้ในลานที่สยามหรือที่วัยรุ่นเรียกกันสั้นๆว่า “เซนเตอร์พอยต์” ยังถูกละเลงด้วยดอกกุหลาบสีแดง...นักเรียน นักศึกษาต่างถือกุหลาบแดงในมือเดินกันขวักไขว่ทั่วลาน

“ขอโทษค่ะ มาสาย” แนนพูดพลางยิ้มก่อนดึงเก้าอี้ออกมานั่ง

“ไม่เป็นอะไรครับ” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม

“อืม...ว่าแต่มีอะไรจะให้แนนเหรอ” แนนพูดพลางจ้องตากอล์ฟ...หากกอล์ฟมีพิรุธ แนนจะจับได้ทันที

“อันนี้ของแนนนะครับ” ดอกกุหลาบสีแดงถูกดึงออกมาจากถุงอย่างช้าๆ วางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล

“หมายความว่ายังไงค่ะ จะขอหัวใจแนนเหรอ” แนนพูดติดตลกพลางยิ้ม เธอคิดว่าเธออ่านเกมส์ออกหมด

“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอก” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม แต่กลับทำให้แนนงง

“อ้าว...แล้วกุหลาบสีแดงนี่...” ไม่ทันแนนจะพูดจบ กอล์ฟต่อคำพูดของเขาทันที

“ผมไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอกครับ เพราะหัวใจของแนนไม่ใช่ของแนน” ปั้ง...เหมือนมีแผ่นเหล็กหนาหลายฟุตทุบลงกลางศีรษะ แนนเริ่มงงกับความหมายขึ้นไปทุกที...มันแปลว่าอะไร

“หัวใจของคุณ คือเจ้าของกุหลาบดอกนี้” กอล์ฟพูดต่อ....แนนทำหน้างงๆไม่เข้าใจความหมายแม้แต่นิดเดียว

“ตอนคุณประสบอุบัติเหตุเข้ามาที่โรงพยาบาล คุณเสียเลือดมาก...หัวใจคุณเต้นอ่อนจนแทบจะล้มเหลว พวกผมและหมอพยายามเยียวยาจนถึงที่สุด” กอล์ฟเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น.....เรื่องที่แนนไม่เคยรู้

“มีผู้ชายคนนึง วิ่งเข้ามาบอกว่าเป็นแฟนคุณ เขาบอกให้ช่วยคุณให้ได้ เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า...เขายอมจ่ายไม่อั้น ไม่ว่าทางเราจะขออะไร เขาจะจัดหาให้หมด.....คำพูดของเขาทำให้ผมประทับใจมาก” กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่...แนนรู้ทันทีว่ากอล์ฟหมายถึงเอ

“ผมยอมแลกทุกอย่างกับชีวิตเธอ - เขายอมแลกทุกอย่างกับชีวิตคุณ” กอล์ฟพูดพลางจ้องหน้าแนนนิ่ง แต่แนนยังคงทำสีหน้างงอยู่

“เขายอมทุกอย่างจริงๆ ทีแรกหมอบอกว่าทางเราหาเลือดไม่พอให้คุณ เขาวิ่งตามหาเลือดให้คุณไปทั่วทุกโรงพยาบาล แต่กลับไม่พบว่ามีเลือดถุงไหนที่ตรงกับเลือดคุณ” กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงปกติ สายตามองไร้จุดหมาย

“สุดท้ายเราตรวจเลือดของเขา พบว่าตรงกับของคุณพอดี เขาบอกให้ทางเราเอาไป เอาไปให้คุณ....ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเป็นอย่างไร ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ” กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่พยายามกลั้นน้ำตา....แต่นัยน์ตาแนนเริ่มเจิ่งนองไป ด้วยน้ำใสๆ

“ต่อมา...ตอนพวกผมถ่ายเลือดให้คุณ หัวใจคุณเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ จนหมอต้องเดินออกไปบอกให้เขาทำใจ.....ทำใจว่าเขาจะต้องเสียคุณ” กอล์ฟพยายามเล่าต่อไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงปกติ นัยน์ตาแนนเริ่มแดงก่ำ

“เขาถามหมอว่า เธอต้องการอะไร.....” ใช่ เอถามหมอว่าแนนต้องการอะไร

“เธอต้องการ หัวใจครับ หัวใจเธอเต้นไม่ปกติ การสูบฉีดล้มเหลว เราหาเลือดให้เธอช้าไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องการคือ หัวใจ” หมอหวังว่าเอคงจะเลิกหวังในตัวแนน...หยุดเล่นเกมกับมัจจุราชเสียที

“ตกลง ผมหาให้ – เขาตอบสั้นๆโดยไม่ลังเลเลย” ตกลงผมหาให้....เอจะหาหัวใจให้แนน ทั้งๆที่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้...เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อจะทำให้ เธอ

“คุณรู้มั้ย ว่าคำพูดของเขาทำให้ผมและหมออึ้งกันไปหมด โรงพยาบาลยังหาหัวใจให้คุณไม่ได้ เขาจะมีปัญญาที่ไหนหาหัวใจให้คุณได้” กอล์ฟพูดพลางพยายามหลบสายตาแนน....ตอนนี้กอล์ฟเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว

“เขาถามเลขบัญชีของโรงพยาบาลกับหมอ....เขาไม่ได้โอนเงินมาซื้อหัวใจ เทียมให้คุณ แต่เขาโอนมาตั้งมูลนิธิการกุศลให้โรงพยาบาล มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยด้านหัวใจเทียม “นานา” คุณดูดีๆ คำว่า แนน และ เอ ถ้าเขียนติดกัน มันคือ “นานา” นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของเขา – เขาอยากให้ตัวเขาเองเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่กับคนที่เขารัก...เพราะไม่ มีหัวใจเทียมสำรอง” เปี๊ยง....แนนโดนสะกิดต่อมความจำเข้าเต็มเปา...เธอเคยเห็นป้ายมูลนิธิขึ้น หราที่โรงพยาบาล แต่เธอไม่เคยเฉลียวใจสักนิด...มิน่า ทำไมหมอและพยาบาลต้องให้เกียรติและดูแลเธอดีเสียจนน่าแปลกใจ ทั้งๆที่เธอไม่มีส่วนได้เสียกับโรงพยาบาลแม้แต่บาทเดียว

“ทันทีที่มีการยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีทางโรงพยาบาล เขาก็ยิงตัวตายในห้องน้ำโรงพยาบาลครับ ทิ้งโน้ตไว้ว่า มอบหัวใจให้เธอ - เขามอบหัวใจของเขาให้คุณ” ทันทีที่กอล์ฟพูดจบ แนนปล่อยโฮออกมาเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ โต๊ะรอบข้างหันมามองแนนเป็นตาเดียว....เอคือเจ้าของหัวใจ หัวใจที่อยู่ในร่างของแนน

“เขายอมแลกทุกอย่างกับคุณจริงๆ” กอล์ฟพูดพลางวางของทั้งหมดที่เอเคยฝากไว้กับทางโรงพยาบาลคืนให้กับแนน มีทั้งเครื่องเล่นเทป ม้วนเทป จดหมาย.....

“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจคุณหรอก หัวใจคุณเป็นของเขา หัวใจเขาเป็นของคุณ” ใช่ หัวใจเอเป็นของแนน เป็นของแนนจริงๆ...ตอนนี้หัวใจแนนตายไปเรียบร้อยแล้ว ตายไปพร้อมกับเอ ตายไปพร้อมกับผู้ชายที่ยอมทุกอย่างเพื่อเธอ

“กุหลาบดอกนี้ เขาบอกผมก่อนไปเข้าห้องน้ำว่า...วาเลนไทน์ที่จะถึง รบกวนซื้อกุหลาบสีแดงให้คุณสักดอก ขอแค่ดอกเดียวก็พอ...เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา” กอล์ฟพูดพลางเช็ดน้ำตา นั่งนิ่งๆสักพักก่อนลุกจากโต๊ะไป....ทิ้งแนนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง

“เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” คำพูดซ้ำๆดังมาจากเครื่องเล่นเทป เป็นคำพูดเดียวกันที่พูดกันซ้ำโดยไม่มีการตัดต่อทั้งเทป.....เทป 120 นาทีโดยมีเพลงประกอบเบาๆ แนนค่อยๆคลี่จดหมายออกอ่าน....จดหมายที่มีเนื้อความเพียงบรรทัดเดียว

“หัวใจเอ...เขียนคำว่ารักไว้ เขียนให้แนนคนเดียว”

-------------------------------------------------------------------------------------

ปล . ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 10:03:52 น.   
Counter : 762 Pageviews.  

.+*+. กุ ห ล า บ แ ด ง .+*+.

.+*+. กุ ห ล า บ แ ด ง .+*+.

กุหลาบแดง คือ ดอกไม้สุดโปรดของเธอ
และเธอก็ชื่อโรส ซึ่งหมายถึงกุหลาบด้วย
ทุกปีสามีของเธอจะส่งดอกกุหลาบผูกโบน่ารักให้
แม้กระทั่งปีที่เขาตายจากไป ...

เธอก็ยังได้รับดอกกุหลาบซึ่งมาส่งที่หน้าบ้าน
การ์ดที่แนบมาเขียนไว้ว่า "ที่รักของผม" เหมือนกับหลาย ๆ ปีก่อนหน้านี้
แต่ละปีที่เขาส่งดอกกุหลาบให้เธอเขาจะเขียนว่า

"ปีนี้ผมรักคุณมากกว่าที่ผมเคยรักเมื่อปีก่อน
เพราะความรักของผมเติบโตขึ้นทุกปีที่ผ่านไป"
เธอรู้ว่านี่คือกุหลาบช่อสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้รับ
เธอคิดว่าเขาคงสั่งดอกไม้ไว้ล่วงหน้าก่อนถึงวันวาเลนไทน
โดยที่เขาไม่รู้ว่าเขาจะจากไป เขามักจะทำอะไรเอาไว้ล่วงหน้าเสนอ
เพื่อที่จะได้ไม่พลาดแม้ว่าเขาจะงานยุ่งแค่ไหนก็ตาม
เธอตัดก้านกุหลาบ แล้วจัดมันลงในแจกันสุดพิเศษ
วางไว้ข้างภาพถ่ายใบหน้าเปื้อนยิ้มของสามี
นั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดของเขา เนิ่นนานนับชั่วโมง
จ้องมองภาพถ่ายของเขาที่มีดอกกุหลาบอยู่ด้านข้าง
หนึ่งปีผ่านไป มันยากมากสำหรับการที่ต้องอยู่คนเดียว
โชคชะตาบันดาลให้เธอต้องกลายเป็นคนอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
แล้วกริ่งประตูก็ดังขึ้นเหมือนวันวาเลนไทน์ปีก่อน ๆ
เมื่อเธอเปิดประตูก็พบกุหลาบแดงวางอยู่ที่หน้าประตู
เธอนำมันเข้ามาในบ้าน และรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้รับ
ในที่สุดเธอก็กดโทรศัพท์ไปที่ร้านดอกไม้
เมื่อเจ้าของร้านมารับสาย เธอจึงถามเขาว่า
"ทำไมถึงมีคนส่งดอกไม้ให้เธอ" ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
"ผมทราบว่าสามีของคุณจากคุณไปเมื่อปีที่แล้ว" เจ้าของร้านตอบ
"ผมก็รู้ว่าคุณต้องโทรมาและอยากรู้ว่าใครส่งดอกไม้ไปให้"
"ดอกไม้ที่คุณได้รับวันนี้ชำระเงินล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วครับ
สามีคุณเป็นคนสั่งดอกไม้โดยเตรียมการไว้ล่วงหน้า
ผมยังมีคำสั่งซื้อดอกไม้จากเขาเก็บเอาไว้ในแฟ้มอีก
ผมได้รับคำสั่งให้ส่งดอกไม้ให้คุณทุกปี
ยังมีอีกเรื่องนะครับที่ผมคิดว่าคุณควรจะทราบ
เขาเขียนการ์ดพิเศษเอาไว้ให้คุณใบหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว
และเขาต้องการให้ผมส่งการ์ดนี้แก่คุณในปีถัดจากปีที่เขาจากคุณไปแล้ว"
เธอกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านดอกไม้แล้ววางโทรศัพท์
น้ำตาไหลอาบแก้ม นิ้วของเธอสั่นระริกขณะเอื้อมมือไปหยิบการ์ดใบนั้น
บนการ์ดมีลายมือของเขาที่เขียนถึงเธอ
แล้วเธอก็เริ่มอ่านมันอย่างเงียบ ๆ ในการ์ดเขียนว่า
"หวัดดีจ้ะที่รัก ถึงตอนนี้ผมได้จากคุณไปหนึ่งปีแล้ว
หวังว่ามันคงไม่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเกินไปในการต่อสู้กับปีที่ผ่านมานะ
ผมรู้ว่าคุณคงรู้สึกอ้างว้างและเจ็บปวด ถ้าเป็นผมก็คงรู้สึกไม่ต่างจากคุณ
ความรักของเราสองคนทำให้ทุกสิ่งในชีวิตดูงดงามไปหมด
ผมรักคุณมากเกินกว่าที่จะบรรยายได้
คุณคือภรรยาที่สมบูรณ์แบบ
คุณเป็นทั้งเพื่อนและคนรัก คุณเติมชีวิตผมให้เต็ม
ผมรู้ว่ามันเพิ่งผ่านไปได้แค่ปีเดียว
แต่ผมไม่อยากให้คุณตกอยู่ในความเศร้า
ผมอยากให้คุณมีความสุขแม้กระทั่งเวลาที่คุณหลั่งน้ำตา
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมจะยังคงส่งดอกไม้ให้คุณต่อจากนี้อีกหลายปี
เมื่อคุณได้รับดอกกุหลาบ ...
ผมอยากให้คุณนึกถึงความสุขตลอดระยะเวลาที่เราได้รักกัน
ผมรักคุณเสมอ และรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
แต่ที่รักคุณต้องต่อสู้ต่อไป ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
ได้โปรดมองหาความสุขตลอดวันเวลาที่คุณยังมีชีวิตอยู่
ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย หากหวังว่าคุณคงไปถึงมันได้สักวัน
กุหลาบจะส่งถึงคุณทุกปี
และจะหยุดส่งก็ต่อเมื่อคนที่มาส่งเคาะประตูแล้ว ไม่มีใครมาเปิดรับ
เขาจะมาส่งห้าครั้งในวันนั้น เผื่อว่าคุณจะออกไปธุระข้างนอก
หากครบห้าครั้งยังมอบดอกกุหลาบให้คุณไม่ได้
เขาจะรู้เองว่าต้องนำดอกไม้ ไปยังสถานที่ที่ผมสั่งเอาไว้
ดอกกุหลาบจะวางลงบนที่ที่เราจะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้งชั่วนิรันดร์"


ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 10:03:48 น.   
Counter : 297 Pageviews.  

+*+. ทำไมหัวใจของเราถึงอยู่ด้านซ้าย .+*+.

+*+. ทำไมหัวใจของเราถึงอยู่ด้านซ้าย .+*+.


เราใส่นาฬิกามือซ้าย

ที่ใส่มือซ้ายเพราะถนัดขวา

ยกมือซ้ายขึ้นมาดูเวลาได้ง่าย

แต่ถึงมีนาฬิกาเราก็ชอบไปสายอยู่ดี

นาฬิกาก็แค่บอกเวลา..ไม่ได้ทำให้เราไป
เร็วขึ้น



คิดดูแล้ว..หัวใจก็อยู่ทางซ้ายเหมือนกัน

บางทีเราก็คิดนะ..ว่าอวัยวะในร่างกาย
ที่มี2ชิ้น

จะอยู่ซ้าย-ขวาอย่าง

แขน,ขา,ลูกกะตาทำนองนั้น..

แล้วที่มีชิ้นเดียว..ก็แสดงความโดดของ
มัน

อย่างจมูก,สะดือก็อยู่ตรงกลาง..ประมาณ
นั้น



แล้วทำไม..หัวใจถึงเอียงซ้ายล่ะ??

บางทีเราก็คิดว่า..ที่เป็นงั้นก็เพราะ

ใครบางคนอยากเตือนให้เรารู้ว่า..



หัวใจเราไม่หนักแน่นพอจะอยู่ตรงกลาง

แล้วก็ไม่มีมากพอจะแบ่งเป็นสองด้วยเหมือนกัน



ปล . เครดิต คุณ Neyriney




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 23 พฤษภาคม 2551 11:43:23 น.   
Counter : 282 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]