Group Blog
 
All Blogs
 
การปฏิบัติธรรม

บันทึกของคนเดินเท้า

การปฏิบัติธรรม.......ไม่ยากอย่างที่คิด

ปภัสสร


ในรอบปีหนึ่ง มีวันสำคัญทางพุทธศาสนาอยู่เพียงสี่วันเท่านั้น คือ มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ความสำคัญทั้งสี่วันนั้น ผู้อ่านทุกคนย่อมรู้มานานแล้วตั้งแต่เป็นนักเรียน ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ต่างก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมในวันสำคัญเหล่านี้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามความเชื่อหรือความสามารถของแต่ละคน เริ่มตั้งแต่การสมาทานศีลห้า ศีลแปด หรือปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน อย่างน้อยก็ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ฟังเทศน์ฟังธรรม เป็นต้น

ผมเองเมื่อยังรับราชการอยู่ ก็ตักบาตรทำบุญ รับศีลฟังธรรมไปตามโอกาส ส่วนชีวิตประจำวันก็ทำบาปไปตามปกติธรรมดา ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย โลภมากอยากได้แต่ไม่ถึงกับเป็นโจร จีบเด็กเสริฟบ้างตามโอกาสที่เขา โกหกหรือพูดไม่จริงเยอะมากแต่ไม่เคยหลอกลวงใครให้เสียหาย ดื่มสุราเป็นอาจิณ

ครั้นพอเกษียณอายุราชการแล้ว ไม่ค่อยมีการเกี่ยวข้องกับผู้อื่นมากนัก นอกจากการเขียนหนังสือขาย โอกาสที่จะทำบาปก็น้อยลง พอเกษียณมาได้สิบปี ก็รู้ตัวว่าเวลาในการทำชั่วน้อยลง และเรี่ยวแรงที่จะไปทำความชั่ว ก็น้อยลงเช่นกัน จึงคิดว่าอย่ากระนั้นเลย ลองพยายามละเลิกความชั่ว ที่ท่านระบุไว้ในศีลห้าข้อดูบ้างซิ ว่าชีวิตจะขาดรสชาติไปสักแค่ไหน

แต่ความที่เคยชินมาเป็นเวลานานมาก จึงต้องค่อย ๆ ลดลงทีละน้อยก่อน คือตั้งใจจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาก่อน ปีหนึ่งก็มีเพียงสี่ครั้งเท่านั้น ต่อมาก็เพิ่มเป็นวันอาทิตย์ ถ้าทำได้ตลอดปลอดโปร่ง ปีหนึ่งก็จะได้ทำบุญทำกุศลให้แก่ตนเอง ถึงห้าสิบกว่าครั้ง

คิดได้แล้วก็ลงมือทำ แต่ก็ไม่ค่อยครบ เพราะมีมารมาคอยขัดขวางอยู่เป็นประจำ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบัตรเชิญงานต่าง ๆ ที่มักจะจัดกันในวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานอุปสมบท งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ฉลองในโอกาสต่าง ๆ หรืองานฌาปนกิจศพ ถ้าขืนอ้างว่าฉันจะปฏิบัติธรรม เจ้าภาพก็คงจะกล่าวหาว่าบ้า จึงต้องยอมผ่อนผันไปบ้าง แต่ทุกสิ่งที่มีกติกา ถ้าสามารถละเมิดได้สักครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะอ้างเหตุความจำเป็นสักเพียงใด โอกาสที่ละเมิดในคราวต่อ ๆ ไปก็จะมีมากขึ้น ดังนั้น ในปีที่ผ่านมาแล้ว ผมจึงปฏิบัติธรรมไม่ถึงสามสิบครั้งสักปีเดียว

การปฏิบัติธรรมที่คนส่วนมากเข้าใจนั้นก็คือ การนุ่งขาวห่มขาว ไปอยู่ที่วัดคืนหนึ่งหรือสองคืน ได้สวดมนต์ภาวนา รักษาศีลอุโบสถ ฟังธรรม เป็นต้น แต่ท่านอาจารย์บางท่านบอกว่า ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนั้นหรอก ปฏิบัติธรรมที่บ้านก็ได้ ขอให้มีสติระลึกอยู่ทุกขณะ อย่าผิดศีลก็ใช้ได้แล้ว

ผมเห็นว่าการรักษาศีลที่บ้านนี้ดูจะง่ายดี จึงรับเอามาปฏิบัติเป็นประจำทุกครั้งที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม

ข้อที่หนึ่ง ไม่ฆ่าสัตว์ ข้อนี้หลายท่านบอกว่าทำยาก เพราะบ้านเรามียุง มด แมลงวัน ปลวก หนู งู เราก็ตั้งใจว่าจะไม่ฆ่ามันโดยเจตนาเป็นอันขาด แล้วทำให้ได้ ยุงกัดเราก็เอาผ้าปัด ๆ เอามือลูบ ๆ โดยไม่ตบผัวะ หรือจุดยากันยุงเพื่อไล่ให้มันไปพ้น ๆ เสีย ไม่ใช่เอาดีดีทีจ้องฉีดให้มันตายทั้งกลุ่ม หรือเอาไม้ไฟฟ้าไล่ฟาด จนมีเสียงดังเพียะ ๆ สมัยนี้ห้องนอนส่วนใหญ่จะมีมุ้งลวด อาจจะมียุงเล็ดรอดเข้ามาเพียงสองสามตัว ปล่อยให้มันอาศัยอยู่บ้าง เสียเลือดไปไม่ถึงหยดมันก็อิ่มแล้ว

ส่วนมด แมลงวัน หรือปลวก ก็หายาสมุนไพรมาไล่ให้มันหนีไปเสีย หรือเอาชอล์ก กันแมลง มาขีดเขียนเป็นวง ไม่ให้มันเข้ามายุ่มย่ามกับของกินของใช้ของเราก็ได้ ส่วนหนูนั้นไม่ยากไม่ต้องใช้กับดักหรือกรงดัก หรือเอายางเหนียวมาล่อให้มันติดตัง เป็นที่น่าทุเรศเวทนา เพียงแค่เลี้ยงแมวตัวสองตัว มันเดินวนรอบ ๆ บ้าน หนูก็หายไปหมดแล้ว สำหรับงูนั้นถ้าบ้านไม่รกอย่างกับอยู่ในสวนก็ยากที่จะเจอมันอยู่แล้ว

เมื่อไม่ฆ่าสัตว์แล้วก็พยายามไม่กินสัตว์ได้เป็นดี แต่ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนว่า ไม่ควรยึดติดว่ากินเนื้อหรือกินผัก เรากินอาหารที่เขาปรุงมาเรียบร้อย เป็นแกงเป็นผัดแล้ว ไม่ได้เจาะจงว่าจะกินหมู วัว หรือไก่ ผมก็เลยไม่กินสัตว์อะไรที่มันเป็นตัว ๆ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นต้น ส่วนสัตว์ อื่น ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจเกิดมาเป็นอาหารของมนุษย์ เช่น สมองลิง อุ้งตีนหมี หรือบ้องหางจรเข้ ฯลฯ เป็นอันว่าไม่ยุ่งด้วยเลย

ศีลข้อนี้ไม่ได้หมายถึงการฆ่าอย่างเดียว แต่ครอบคลุมไปถึงโทสะด้วย ความโกรธ ความเกลียด ความริษยา ความอาฆาต ความพยาบาท ความจองเวร ความหงุดหงิด ความหมั่นไส้ ฯลฯ ก็รวมอยู่ด้วย

วิธีแก้ก็ไม่ยากอะไร ยกเอาความเมตตา ปรารถนาให้เขาหรือมันพ้นทุกข์ และพยายามช่วยให้พ้นทุกข์ ความกรุณาปรารถนาให้เขามีความสุข และพยายามช่วยเหลือให้เขาได้รับความสุข ความพลอยยินดีด้วยเมื่อเขาพ้นความทุกข์หรือมีความสุขแล้ว ความวางเฉยเมื่อเห็นเขาได้รับความทุกข์ ที่เราไม่สามารถช่วยได้แล้ว

เห็นไหมล่ะ การรักษาศีลข้อหนึ่งไม่ยากเลย.

ส่วนศีลข้อที่สอง สำหรับผมที่มีบำนาญพอกิน พอเลี้ยงครอบครัวแล้ว ก็ไม่ต้องไปลัก ขโมยใคร หรือไม่อยากได้ของใครที่เขาไม่ได้ให้เรา พอใจอยู่แต่เพียงสิ่งที่เราควรได้เท่านั้น เท่านี้ก็ปลอดภัยแล้ว แต่ควรจะเพิ่มการบริจาคทานด้วย ท่านว่าเมื่อเรามีพอกินแล้ว ส่วนที่เกินก็ควรจะบริจาคให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนบ้าง ผมก็พยายามแบ่งเงินเอาไว้ทำบุญทำทานพอสมควร ถ้าเป็นขอทานก็ให้รายละสองบาท ไม่เลือกเพศเลือกวัย ไม่เลือกว่าวนิพกหรือคนพิการ เขาจะเอาไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเขาเอาไปซื้อข้าวกิน เขาก็อิ่ม ถ้าเอาไปซื้อกาวดม เขาก็เมา ไม่เกี่ยวกับเรา

ผมพยายามช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเราเสมอ เท่าที่จะทำได้ ผมมีงบบริจาคสำหรับการสาธารณกุศลทุกเดือน เปลี่ยนที่กันไปเรื่อย ๆ เช่นมูลนิธิเกี่ยวกับเด็ก มูลนิธิเกี่ยวกับคนพิการ มูลนิธิเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ส่วนเรื่องผ้าป่ากฐินก็ปวารณาไว้เลยว่า ใครอยากจะให้ผมทำบุญก็ใส่ชื่อไปเลยโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่อย่าเอาไปเป็นประธานหรือรองประธานเลย เพราะจะช่วยเพียงซองละร้อยเดียวเท่านั้น ก็ได้ทำบุญอยู่ทุกปีเป็นประจำ

ศีลข้อที่สามเป็นเรื่องของกิเลสคือความอยาก ในสิ่งที่ไม่เหมาะสม เมื่อเวลาผ่านไปจนสังขารร่วงโรย ไม่มีใครเขาเหลียวแลแล้ว การไม่ผิดศีลในข้อนี้จึงทำได้ง่ายมาก เพราะปัจจัยที่แปลว่าเงินก็มีแค่เพียงพอกิน ไม่เหลือเฟือพอที่จะอุปการะหรืออุปถัมภ์ใครได้อีก สมัยที่เขามีเทาว์เฮ้าส์หนึ่งหลัง รถเก๋งหนึ่งคัน เงินเดือนหนึ่งหมื่นนั้น สำหรับผมไม่เคยพานพบ มาสมัยนี้ก็เลยรอดตัวไปได้ ไม่หลงติดอ่าง ฟังเพลงแกล้มเหล้า เฝ้านักร้อง เพราะอยู่บ้านก็แค่ กิน ถ่าย แล้วก็นอนเท่านั้น ชีวิตก็เป็นสุขแล้ว

ศีลข้อที่สี่ซึ่งปฏิบัติได้ยากมากนั้น ต้องอาศัยรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ว่าจะไม่พูดเท็จ หรือโกหก สมัยก่อนที่ไปกินเหล้ากับเพื่อนหลังเลิกงาน แล้วบอกว่าติดประชุมนั้น ก็ไม่มีข้ออ้างแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่มี จะไปไหนมาไหนก็บอกกล่าวกันไปตามตรง เรื่องใดไม่อยากพูดก็นิ่งเสีย ศีลข้อนี้ท่านเพิ่มเติมว่า ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดยุยง ไม่พูดเพ้อเจ้อ แล้วต้องพูดด้วยวาจาไพเราะอ่อนหวาน พูดให้สมานไมตรี พูดให้มีประโยชน์ อีกด้วย ซึ่งก็ทำได้ไม่ยากเย็น สำหรับผมเมื่อรับศีลกลับจากวัดแล้ว ผมก็แวะเข้าไปอ่านหนังสือในหอสมุดแห่งชาติ ไม่ได้พูดกับใครเลย จนเย็นก็กลับมากินข้าวบ้าน ไม่ดูทีวี ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังเพลงที่ทำให้ใจเยือกเย็น แล้วก็เข้านอน ก่อนนอนก็สวดมนต์บทสรรเสริญพระรัตนตรัย แบบที่เราเคยสวดสมัยอยู่โรงเรียน ทำให้หลับสบายไม่ฝันร้ายอีกด้วย

ศีลข้อสุดท้ายซึ่งเป็นกิจที่ทำมานานหลายสิบปี คือการดื่มแอลกอฮอล์ สุราเมระยะ ท่านแปลว่าสุราเมรัย อันได้แก่เหล้าและเบียร์ บรั่นดี ไวน์ น้ำขาว น้ำตาลเมา กระแช่ อุ สาโท ส่วนมัชชะ ท่านแปลว่าสิ่งเสพติดทั้งปวง อันได้แก่ฝิ่น กัญชา เฮโรอีน ยาบ้า ยาขยัน ยาเลิฟ กระท่อม หมากพลู บุหรี่ ยานัดถุ์ เป็นต้น ว่าที่จริงพวกเครื่องดื่มประเภทบำรุงกำลังขวดเล็ก ๆ ก็น่าจะอนุโลมเข้าด้วย เพราะมีตัวที่ทำให้เสพติดได้เหมือนกัน

บุหรี่ผมก็เลิกสูบมาตั้งแต่อายุได้สามสิบกว่า ๆ นอกนั้นไม่ได้แตะต้องเลย เหลือแต่เบียร์เติมโซดา มื้อละขวดสองขวดเท่านั้น ซึ่งสามารถจะงดได้ไม่ยาก ท่านนักเขียนการ์ตูนระดับรางวัลแม็กไซไซ ท่านบอกว่าเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อใดก็ตามรีบกินข้าวให้อิ่มเสียโดยเร็ว มันก็ไม่อยากกินเหล้าไปเอง แต่ใช้ไม่ได้สำหรับผมและเพื่อนของผมบางคน เพราะกินข้าวแล้วก็ยังกินเหล้าเบียร์ต่อได้อีก ถ้าตั้งใจจะงดก็งดในวันนั้นตลอดวันหนึ่งคืนหนึ่งเลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้เป็นการเล่าถึงความพยายามของผม ที่จะรักษาศีลห้าในวันสำคัญของพุทธศาสนา ไม่ได้เจตนาจะสั่งสอนผู้ใด ให้เชื่อหรือให้ทำตาม ทุกคนมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย และต้องได้รับผลของกรรมนั้น ๆ ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม

ที่ผมพยายามจะรักษาศีลก็เพราะคิดว่าได้ทำชั่วมานานแล้ว เหลือเวลาอีกไม่มากนักก็ควรจะสะสมความดีไว้บ้าง ดังที่ท่านสอนไว้ว่า จงละความชั่วทั้งปวง กระทำความดีให้ถึงที่สุด และทำใจให้สะอาด สว่าง สงบ นั่นเอง

และอย่าลืมว่า ผมก็ทำเท่าที่จะสามารถทำได้เท่านั้น แม้จะไม่ยากนักก็ตาม.

#############

ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป
๓ มีนาคม ๒๕๕๐





Create Date : 03 พฤษภาคม 2552
Last Update : 3 พฤษภาคม 2552 7:56:48 น. 6 comments
Counter : 420 Pageviews.

 
สวัสดีครับ ท่านพี่เจียวต้าย

ผมไม่ได้คอมเมนต์ข้อเขียนของท่านมานาน วันนี้แวะเข้ามาอ่านข้อเขียนของท่าน จึงขอทักทายท่านด้วยคำว่า สบายดีนะครับ


โดย: หนุ่มร้อยปี IP: 125.24.29.48 วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:44:35 น.  

 
สนามซ้อม ไม่ยาก
สนามจริงยากมากกว่านัก


โดย: คนขับช้า วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:34:19 น.  

 
ถูกต้อง

มี สติ สัมปชัญญะ อยู่ตลอดเวลา การปฏิบัติธรรมไม่ต้องกล่าวถึงเลย

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ



โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:40:08 น.  

 

สวัสดีค่ะ ...

อนุโมทนาสาธุค่ะ

" สพฺพปาปสฺส อกรณํ " อย่าทำความชั่วให้รั่วไหลเข้ามาสู่กายวาจาใจ "

" กุสลสฺสูป สมุปทา " จงทำความดีให้สมบูรณ์บริบูรณ์เทอญ

มีสุขภาพที่ดีโชคดีและมีแต่ความสุขสงบใจค่ะ


โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:25:36 น.  

 
ดีจังครับ ได้ข้อคิดดีเยอะเลย


โดย: Narong IP: 124.121.1.149 วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:14:34 น.  

 
สวัสดีครับ คุณหนุ่มร้อยปี ดีใจที่เห็นชื่อคุณในบล็อกของผม
เพราะไม่ค่อยได้เห็นชื่อคุณใน รสก.เลยครับ


คุณคนขับช้าหมายถึงการปฏิบัติธรรมหรือครับ


คุณบ้าได้ถ้วยเข้าใจถูกต้องแล้วครับ การปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุด
ก็คือการมรสติและสัมปชัญญะ อยู่กับตัวตลอดเวลาครับ


คุณทิวาจรดราตรี หายหน้าค่าชื่อไปนานนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมครับ


ยินดีกับคุณ Narong ด้วยครับที่ได้ธรรมะเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจากเรื่องนี้ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:20:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.