ชีวิตพอเพียงกับการเลี้ยงกล้วยไม้
Group Blog
 
All Blogs
 

เซลแมนตอนที่18 ความผิดหวังคือมิตรแท้ของเซลแมน





   ในอาชีพการขาย ความผิดหวังคือมิตรแท้ของอาชีพนี้ คุณจะพบความผิดหวังมากกว่าสมหวัง

ในการเสนอขายสินต้าไม่ว่าคุณจะขายอะไร จากประสบการงานขายของผมคุณจะเสนอขายสำเร็จ
เพียง10% อีก 90% คุณจะล้มเหลว เช่นคุณเสนอขาย10 คน ถ้าสำเร็จ1 คนก็ถือว่าคุณมาถูกทางแล้ว
ครับในงานขาย อีก9คนคุณจะขายไม่ได้ เป็นเรื่องปกติครับ เซลใหม่มักจะท้อถอย วิธีรับมือคือ
1.อย่าท้อถอยครับ ให้ถือว่าคำปฎิเสธเป็นส่วนหนึ่งของการขาย
2.ให้คิดว่าเขาไม่ซื้อวันนี้ วันหน้ามีโอกาสซื้อ บันทึกไว้ว่าเหตุผลของการไม่ซื้อคืออะไร
3.ให้มองหาผู้มุ่งหวังรายใหม่ๆเสมอ 
4. กลับมาเสนอขายใหม่ถ้าสินค้าคุณมีคุณภาพ 
5.การกลับมาเสนอขายบ่อยๆ อย่างน้อยเขาก็จำหน้าคุณได้ถึงไม่ซื้อเดี๋ยวนั้น ในอนาคตมี
   โอกาสขายได้ คนไทยขี้เกรงใจและต้องการคนรู้จักที่ไว้ใจได้ เมื่อรู้จักและไว้ใจการขายก็ตามมา
6.การเสนอขายอาจจะคุยสัพเพเหระ ยกเว้น เรื่องการเมือง ศาสนา ความเชื่อ เราไม่รู้เขาคิดอย่างไร
   โอกาสพลาดสูง วิชามารที่เซลคุยกับเฮียบ่อยๆ ไม่พ้น ที่เที่ยว เหล็กๆๆ คุยกับซ้อ แหล่งชอปปิ้ง
   ความงาม การทำบุญ เรื่องลูก ถ้าจุดประเด็นติดคุยยาว โอกาสในการเสนอขายมีสูงครับ



ขอบคุณ -ภาพจากอินเตอร์เนต
 7. ถึงแม้ว่าจะขายไม่ได้ก็จากด้วยมิตรภาพและรอยยิ้มเพื่อโอกาสเสนอขายครั้งต่อไป
8. การชม ยกยอ มีความจำเป็นแต่ไม่ควรโอเวอร์เกินจริง ชมแต่พองาม
    คำชมมักจะใช้ไม่ค่อยได้กับเฮีย  แต่กับ ซ้อ หรือลูกค้าผู้หญิงจะได้ผลดีกว่าผู้ชายครับ
   เพราะผู้หญิงจะอ่อนไหวกว่าผู้ชาย
9.การไปร่วมงานสำคัญของเขา
 งานอวมงคล>>> ไปได้แน่นอนถึงแม้ไม่ได้เชิญ
 งานมงคล >>>  ไปได้เช่นกัน ยกเว้นงานส่วนตัวในครอบครัว เช่นงานวันเกิด ต้องสนิท
                         ถ้าไม่ได้เชิญไม่สมควรไป อาจส่งการ์ดวันเกิดให้จะดีที่สุด
10.โอกาสสำคัญเช่น ปีใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ ลูกรับปริญญา จะแสดงความยินดี ช่วงนี้เหมาะ
     ไม่เคอะเขินแน่นอน แล้วมิครภาพจะเกิด โอกาสขายก็ตามมา
11.ให้คำแนะนำ ลูกค้าไม่ได้รู้ทุกเรื่องครับ โดยเฉพาะ คนที่เกิด Baby boom เกิดก่อนปี 2500
ส่วนใหญ่จะไม่เก่งเทคโนโลยี ภาษี ภาษาอังกฤษ หุ้น การแต่งกาย รุ่นนี้จะ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์
อดทน และมีความเชื่อมั่นตัวเองสูงมาก ถ้าเรารู้ว่าเขาขาดอะไร เติมเต็มให้โอกาสขายจะตามมา
แบบง่ายจนคาดไม่ถึงครับ
12.ถ้าเป็นไปได้แสดงจิตรอาสา ช่วยงานหรือธุระเล็ก ของเขาถ้ามีโอกาส ถ้าเขาให้คุณทำแสดงว่า
     เขาไว้ใจคุณโอกาสขายก็จะตามมาครับ แต่นักขายจำไว้ว่า

******ความผิดหวังในการเสนอขายเป็นส่วนหนึ่งของงานขาย*****
*****ความผิดหวังไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่อุปสรรคในงานขาย********
*****ถ้าคุณเสนอขายแล้วขายได้ทุกราย ให้รีบตื่นด่วนครับ เพราะคุณกำลังฝันกลางวันอยู่ครับ*****

>>>พบกันใหม่จนกว่าความคิดจะบรรเจิดอีกครั้งครับ เหล่าเพื่อนพ้องพี่น้องเซลแมนที่เคารพทุกท่าน<<<




 

Create Date : 13 มกราคม 2560    
Last Update : 13 มกราคม 2560 21:50:44 น.
Counter : 2364 Pageviews.  

เซลแมนตอนที่ 17 เทคนิคการใช้ชีวิตของเซลใหม่









   ตอนนี้ก็ตอนที่ 17 แล้วครับมาดูเทคนิคการใช้ชีวิตของเซลใหม่กันครับ

การใช้ชีวิตของเซลมี 3 ด้าน
1.ด้านงาน
2.ด้านชีวิตส่วนตัว
3.ด้านครอบครัวและสังคม

 1.ด้านงาน
หลักๆคือ การขาย ยอดขาย การบริหารเขตการขาย (จะมาเล่าละเอียดในครั้งต่อไป)
ตอนนี้จะมาเล่าเรื่องการกดดันจากยอดขาย งานเซลต้องมีการไล่ยอด ปิดยอดขายรายเดือน
รายไตรมาส รายปี ถ้าทำได้ตามเป้า หรือ เกินเป้าก็จะไม่มีใครมายุ่งกับคุณ 
แต่ถ้าไม่ถึงเป้าจะมีคนมาช่วยคุณคิดเยอะโดยเฉพาะเจ้านาย หรือแม้ทำเป้าได้
แต่ยอดหนี้บานเบอะ ฝ่ายบัญชีและฝ่ายสินเชื่อจะมาไล่เบี้ยคุณพวกนี้เก่งแต่ในออฟฟิต
ไม่ค่อยกล้ากับลูกค้า ถ้าเขากล้าทวงกับลูกค้าเมื่อไหร่ความซวยจะมาเยือนคุณ 
ลูกค้าส่วนมากจะเลิกซื้อหลังจากเขาโทรไปทวง สำหรับเขา 1+1=2 เท่านั้น 
จะ 3-1=2 ไม่ได้คนทำงานด้านนี้ 99 % จะมีแนวคิดแบบนี้ ผิดกับเซลแมน
 ไม่สนใจวิธีการแต่สนใจผลลัพธ์ ถ้ามากไปก็เข้าข่ายกะล่อนครับ 555

  ด้านการเมืองในองค์กร ระหว่างเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ถ้ามีคนตั้งแต่ 3 คน ขึ้นไป
การเมืองเกิดแน่นอน งานขายมีคนมากมายกในทีมขาย ในองค์กรย่อมมี มีหลายพวกเช่น 
>> พวกเด็กนาย (พวกนี้รักนายยิ่งชีพ แต่แฝงด้วยผลประโยชน์หรือหวังตำแหน่ง มีลิ้นเป็นอาวุธ)
>>พวกขายของเก่ง (เก่งในการขาย ขยัน แต่มี EGOสูง)
 >>พวกเบ่งเพราะอยู่มานาน  (พวกนี้อาศัยลูกเก๋า ชอบขู่น้องใหม่)
>>พวกเด็กใหม่ใจเกินร้อย (ส่วนมาก Gen Y กล้าคิด พูดตรง ไม่ยอมถ้าไม่ผิด)
>>พวกองค์การนาซ่า NASA =No Action Speak Only (พล่ามเยอะ แต่ไม่ทำ)
>>พวกบ้าพลัง (ชอบโชว์เหนือเวลาทำงานหรือกิจกรรม)
>>พวกจริงจังกับงาน (ชอบคุยงานตอนพักหรือตอนสังสรรค)
 >> พวกรำคาญสังคม (ชอบปลีกตัว หลังเลิกงานไม่สนใคร โลกส่วนตัวสูง)
>>พวกชื่นชมสังสรรค์ (เย็นนี้กินข้าวไหนดี วลีฮิตของคนกลุ่มนี้ครับ)
 หน้าที่เซลใหม่ต้องวิเคราะห์ว่าแต่ละคนในองค์กรเข้าพวกไหน จะรับมืออย่างไร
หลักการ คนมี 1 หัว 2 แขน 2 ขา เหมือนกัน แต่จำไว้ไม่เหมือนกัน ใช้วิธีเดียวกันไม่ได้

 น้องใหม่ที่ดีตามสเปกเซลรุ่นพี่ เอาไปใช้ที่ไหนรับรองรุ่นพี่เอ็นดู คือ
>> เรียกง่าย รุ่นพี่สายเอ็นเตอร์เทนจะชอบเรียกน้องใหม่ไปเป็นเพื่อนสังสรรค รุ่นเดียวกัน
 มักจะเบื่อไม่ไป รุ่นน้องรองมาก็เริ่มเก๋าไม่ไปด้วยเพราะไม่ถูกจริต มักจะชวนน้องใหม่ 
 เราควรจะไป ด้วยนโยบาย ได้หมดถ้าสดชื่น ส่วนมากจะถูกเรียกไปขับรถ ชงเหล้า 
 กินฟรีตลอดงาน แต่รุ่นพี่ให้คุณหารค่าเหล้า ให้รีบตีตัวออกห่าง
>>ใช้คล่อง ใช้ในงานก็ทำไปเถอะครับแสดงว่าเขาไว้ใจคุณ
  แต่ถ้าใช้ส่วนตัวครั้งสองครั้งก็ทำไป ถ้าบ่อยๆให้รีบหาทางดีดตัวเพราะวิญญาญคนใช้เข้าสิงรุ่นพี่แล้ว
>> จิตอาสา คนส่วนใหญ่จะเลี่ยงการเป็นเจ้าภาพ ถ้าไม่หนักเกินไปก็รับ ภาพจะบวกครับ
    แต่ต้องทำด้วยใจครับ ถ้าแสแสร้งจะดูออก พวกเซลแมนรุ่นเก๋ามีต่อมรับรู้การแสแสร้งยอดมาก
>>Service mind คือ จิตใจบริการ เช่น ช่วยทำสิ่งเล็กๆน้อยๆให้ผู้อื่นรู้สึกสะดวกสบาย คุณจะได้ภาพ
>>พูดแต่ด้านดีของรุ่นพี่ เจ้านายมักชอบถามความเห็นจากน้องใหม่ อย่าจัดเต็ม
 เพราะเจ้านายจะเอาข้อมูลไป บลัฟรุ่นพี่อีกที ถ้าเจ้านายถามข้อเสียรุ่นพี่
ให้เข้าสู่ mode โง่เฉียบพลันทันที ไม่แน่รุ่นพี่เขาอาจจะเป็นเจ้านายคุณในอนาคต แล้วความมัน
จะบังเกิดกับคุณทุกเรื่อง แม้หายใจแรงยังผิดเลยครับ อย่าตกเป็นเหยื่อการเมืองคนในองค์กร
>> แกล้งโง่บางครั้งเรื่องที่เรารู้ดี แต่กับเจ้านาย ลูกค้าเราจะแสดงวิสัยทัศน์อันปราศเปรื่องไม่ได้
 สังคมไทย หน้าตาสำคัญโดยเฉพาะต่อหน้ามวลมหาชน ส่วนใหญ่เจ้านายและลูกค้ามีนโยบาย
"ฉิบหายไม่ว่าแต่อย่าให้กรูเสียหน้า" บางทียังต้องขอคำแนะนำเลย พวกนี้จะปลื้มมาก
 คุยกันยาวเลยครับ สำหรับเรื่องที่เราขอคำแนะนำแค่ประโยคเดียว
>>อย่าโชว์หนี้สิน เจ้านายบางคนพอรู้ว่าคุณมีหนี้เยอะเขาจะไล่บี้คุณเพราะเขาคิดว่า
จะทำอะไรกับคุณก็ได้คุณไม่มีทางออก ตกงานเดือดร้อนแน่ เป็นนักมวยต้องรักษาอาการ
อยาเซให้เห็นเดียวโดนซ้ำ คนประเภทนี้มีเยอะครับ โชคดีที่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่



ขอบคุณ ภาพจากอินเตอร์เนต

2.ด้านชีวิตส่วนตัว
  ด้านชีวิตส่วนตัว อย่าเอาตัวเข้าแลกกับสุรา นารี พาชี กีฬาบัตร
เก็บเงินซื้อทรัพย์สิน ลงทุน (ตามได้ในอ่านตอนที่แล้วครับ)
คือ ชีวิตเซลแค่ถือศีล 5 ได้เกิน 80% ก็ดีมากครับ อย่าให้ศีลขาดบ่อยๆแล้วกันครับ


 ภาพจาก อินเตอร์เนต

3.ด้านครอบครัวและสังคม
  ครอบครัวเป็นสิ่งที่เหลือหลังจากคุณเกษียณตรับ รักษาไว้ให้ดีไม่งั้นคุณจะไม่เหลืออะไรเลย
ผมให้แนวทางไว้ดังนี้กับเซลใหม่
>> ต้องสร้างความไว้ใจให้กับแฟนคุณ ถ้าหมดความไว้ใจปัญหาจะตามมาอีกเยอะครับ
>>ต้องสม่ำเสมอ ทำอะไรก็ทำประจำ ทำอย่าให้ขาด
>>ให้เวลา ถึงแม้จะมีเวลาน้อยกว่าทำงานออฟฟิต ก็ต้องมีเวลาให้ครับ
>>สร้างความมั่นใจ ก็ต้องบอกสื่งที่จะทำในอนาคต เป้าหมายชีวิต

 นี่แหละครับเทคนิคที่ผมจะบอกกับเซลใหม่ที่เริ่มทำงาน จะได้ไม่หลงทางครับ
 หวังว่าจะมีประโยชน์กับการทำงานบ้างครับ

>>>พบกันใหม่จนกว่าความคิดจะบรรเจิดอีกครั้งครับ เหล่าเพื่อนพ้องพี่น้องเซลแมนที่เคารพทุกท่าน<<<




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2559    
Last Update : 25 ธันวาคม 2559 9:56:11 น.
Counter : 1596 Pageviews.  

เซลแมนตอนที่ 16 ลงทุนอย่าง Smart จากสัญชาติญาญการขาย













>>>ผ่านมา 15 ตอนแล้วสำหรับเซลแมนด์ วันนี้ผมจะมาเล่าว่าอาชีพเซลแมน

       ควรลงทุนอย่างไรให้ Smart<<<
  โดยไม่ให้เสียงานหลักไม่ใช่ทำไซด์ไลด์ (ไซด์ไลด์คำนี้ในวงการขาย คือ การเอาของอย่างเดียว
กับบริษัทขายหรือทดแทนกันได้มาขาย โดยไม่ให้บริษัทรู้ หรือ ไปทำอย่างอื่นที่ฉีกแนว
ควบคู่กับงานหลักสุดท้ายบริษัทก็ต้องรู้วันยังค่ำ) โดยเป็นการลงทุนที่ทำได้โดย
ไม่กระทบกระเทือนงานหลักมากนัก

    การเป็นเซลเราอยู่กับการซื้อมา ขายไป กำไร ขาดทุน ดังนั้นเราจะซึมการค้าขายโดยไม่รู้ตัว
วงจรง่ายๆเกิดประจำดังนี้
หาลูกค้าใหม่/เก่า>>เปิด/ปิดการขาย >>รับออเดอร์ >>จัดส่งสินค้า >>เก็บเงิน/เก็บเช็ค
>>ถ้าเก็บเงินไม่ได้ >> ดำเนินการฟ้องร้อง
   การเป็นเซลคือการฝึกเป็นเถ้าแก่ ตั้งแต่ เลือกบุคลเป้าหมายที่จะขาย>พิจารณาวงเงิน
แลเครดิต>>วางแผนผลักดันสินค้า >>ทำส่งเสริมการขาย>>ประมาณผลกำไร 
 เม่ือสำเร็จสิ่งที่จะได้นอกจากเงินเดือน คือ ยอดขาย คอมมิสชัน เงินรางวัลพิเศษ
 แต่ทั้งหมดทำในนามบริษัท โดยไม่ใช่การลงทุน  บางคนขายตรง ขายประกัน 
 หลงไปหาแชร์ลูกโช่ ส่วนใหญ่จุดจบไม่สวย ไม่ได้ดีทั้งงานหลักและงานรอง เจ๊งทั้งคู่
 วันนี้ผมขอเสนอแนวทางลงทุนให้เซลรุ่นใหม่ที่พึ่งเข้ามางานหรือรุ่นเก๋าอย่างเราๆ

เมื่อไหร่ควรลงทุนสำหรับเซลใหม่
 >>น้องใหม่ ที่เริ่มเข้าสู่ปี 2 ของการทำงาน เพราะปีแรกต้องซื้อสิ่งของที่จำเป็นและของที่อยากได้
ขึ้นปีที่ 2 จึงเริ่มก็ไม่สายไปครับ ผมเริ่มปีที่ 3 สิ่งแรกที่ลงทุนสำหรับผม คือ  บ้าน
>> รุ่นเก๋า ต้องลงทุนเดี๋ยวนี้เลยครับ

  ผลดีของการลงทุนคือ ลดความเสี่ยงจากการตกงาน การลงทุนทำให้เราไม่กลัวอนาคต
ที่ไม่แนนอน สุดท้ายไม่กลัวการตกงาน ถ้าคุณไม่ลงทุนคุณจะกลัว คำว่า ตกงานมาก 
ถ้ามีหนี้ด้วยต้องใช้คำว่าหวาดผวากับการตกงานเลยครับ เชื่อผม ผมเคยผ่านอารมณ์
กลัวแบบนี้มาแล้ว ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 และ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ช่วงปี 2550-2551
  ผมให้แนวทางสำหรับเซลที่เริ่มทำงานเตรียมตัวก่อนการลงทุนเป็นขั้นๆคือ

 >>>ใช้หนี้สินและเก็บสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
1.ใช้หนี้และทยอยใช้หนี้ เช่น หนี้ที่บ้านส่งเรียน หรือ หนี้ กยส
2.แบ่งเงินส่งทางบ้านหรือส่งน้องเรียน สัก 20%ของเงินเดือน
3.สะสมเงินฝากไว้ในบัญชีฝากประจำ เอาไว้กรณีตกงานอย่างเฉียบพลัน จำนวน 6 เดือน
   ใช้ดำรงชีวิต และ เดินทางหางานใหม่ ผมว่าเดือนละ 30,000 บาท เพียงพอครับ ย้ำว่าอย่าเอาไป
รวมบัญชีเงินฝากธรรมดา ที่มี ATM มันไม่มีทางเหลือหรอกครับ ผมลองมาแล้ว ควรแยกบัญชี
เป็นแบบฝากประจำ ดอกเบี้ยไม่มากแต่เก็บเอาไว้ยามจำเป็นจริงๆ

>>> ลงทุนในปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต
 1.บ้าน ถ้าจะมีครอบครัวปักหลักอยู่ หลักการซื้อบ้านต้องใช้อยู่จริงๆ ถ้าไม่คิดว่าจะอยู่ควรใช้วิธีเช่า
 การเป็นหนี้บ้านภาระ 15-20 ปีทุกเดือน ขาดส่ง 3 เดือน จะเป็น NPL อาจโดนยึดได้ การก่อหนี้บ้าน
คิดให้ดีก่อนซื้อ
2.รถยนต์ โชคดีงานขายมีรถประจำตำแหน่ง หรือ ถึงแม้ซื้อเองก็ มีค่าน้ำมันและค่างวดรายเดือน
เรียกว่า ค่าเช่าพาหะนะให้ เพียงพอต่การผ่อนรถ C segment เช่น โดโยต้าอัลติส ฮอนด้าซีวิค
3.เงินแต่งงาน ปัจจุบันสินสอด 200,000 บาท ทอง 10 บาท ค่าจัดงานแล้วแต่หรูไม่หรู
4.เงินค่าเลี้ยงดูและค่าการศึกษาลูก 

>>>>>เมื่อลงทุน 2 แบบแรก ผ่านไป 7-10 ปีแรกถึงจะพอมีเงินเหลือมาลงทุนอย่างแท้จริงได้
 มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1.ซื้อประกันชีวิต เน้นประกันอุบัติเหตุเป็นหลัก เพราะงานเซลต้องเดินทางต่างจังหวัด
  ประกันสุขภาพไม่ต้องมาก เบิกสวัสดิการของบริษัทหรือเบิกประกันสังคมดีกว่าครับและช่วงแรก
อายุยังน้อย สุขภาพจะดี ยกเว้นจะเป็นนักดื่ม ต้องระวังสุขภาพและอุบัติเหตุให้มากครับ
ขั้นที่ 2 ซื้อ LTFและ RMF เพื่อลดภาษี งานขายถ้าผ่าน 10 ปี ก็อยู่ระดับกลางของบริษัท 
เงินจะผ่านมือเยอะขึ้น การลดภาษี เป็นสิ่งจำเป็น และจะมีเงินเหลือลงทุนครับ
ขั้นที่ 3 ซื้อกองทุนรวม ที่มีปันผล เป็นการลงทุนที่เริ่มสู่การมีรายได้จากปันผล เช่น 
กองทุนที่มีปันผลเช่น กองทุนรวมของ   กรุงศรี  กสิกร  ไทยพานิชย์ ทหารไทย
 เอาแบบที่มีปันผลต่อเนื่อง ลองเลือกดูครับ
ขั้นที่ 4 เริ่มลงทุนในหุ้น เดี๋ยวจะมีรายละเอียดในตอนท้ายครับ
ขั้นที่ 5 ลงทุนซื้อที่ดินเอาไว้ไปอยู่ตอนเกษียนเพื่อทำเกษตรชมชอบ ขนาด 1-5 ไร่ 
ถ้ามากกว่านี้จะดูแลไม่ไหว  ถ้ามีที่ดินมรดกแล้วข้อนี้ก็ผ่านเลยครับ

 >>>เอาละทีนี้มาดูการลงทุนในหุ้นอย่างฉลาดจากสัญชาติญาญการขาย
ผมเอาหลักการขาย การวิเคราะห์ การประเมินลูกต้า หลักการตลาดและการประเมิณอนาคต
มาใช้ในการลงทุนในหุ้นเป็นอย่างมากครับ นอกจากการดูพื้นฐาน และ เทคนิคของหุ้น
 การลงทุนในหุ้น อุปมาได้ดังนี้
 >>พื้นฐานของหุ้นคือ ตัวถัง ล้อรถ เบาะ อุปกรณ์ต่างๆ ของรถ
 >>เทคนิค คือ เครื่องยนต์ ที่ขับเคลื่อนองค์ประกอบต่างๆให้วิ่งไป
>> จิตใจ คือ ล้อสำรองของรถ เอาไว้ใช้ในการประกันความเสี่ยง
>>คนขับ คือ เรา เราจะพาขึ้นดอย ตกเหว ร่ำรวย ยากจน อยู่ที่เรา

ข้อดีของการลงทุนในหุ้น
 1.ลงทุนไม่มาก อาจเฉลี่ยลงทุนเดือน 5,000-10,000 บาท/เดือน แต่ต้องลงทุน
ต่อเนื่องทุกเดือน เหมือนเรากินข้าวทุกวันประมาณนั้น ช่วงแรกไม่ค่อยเห็นอะไรมาก
จะสะสมเยอะประมาณปีที่ 5 ขึ้นไป เน้นสะสมหุ้นที่ดีต่อเนื่องสม่ำเสมอ อย่าท้อ
 อย่าหยุดจนกว่าจะถึงเป้าหมายอาจใช้เวลา 10 ปี ขึ้นไปถึงจะสำเร็จ 
2.มีบริษัทให้เลือกมากมาย หลักๆคือ มีปันผลทุกปี มีกำไรทุกปี มีโอกาสโต หาหุ้นลงทุนปีละ 1-2ตัว
  ในพอร์ทมีหุ้นสัก 10-15 ตัว โดยไม่ซื้อขายเก็งกำไรบ่อยๆ จะโดนค่าคอมมิสชั่นซื้อขายกินหมด
   สะสมหุ้นเหมือนสะสมแต้ม เหมือนแข่งแรลลี่ หรือ วิ่งมาราธอน ไม่ต้องเร็วมาก ไปเรื่อยๆ แข่งกับ
  ตัวเองเอาแบบชนะแน่นอน
3.หุ้นสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่ายกว่าสินทรัพย์ตัวอื่นๆ แต่หุ้นบางตัวก็สภาพคล่องต่ำ ต้องศึกษา
4.สามารถลงทุนหุ้นไปด้วย ทำงานไปด้วยโดยไม่รบกวนเวลาทำงานหลักมากนัก
5.มีปันผลถ้าเลือกหุ้นพื้นฐานดี เอาปันผลที่ได้ซื้อหุ้นเติมเข้าไปเรื่อยๆ พอร์ทจะโตเร็วขึ้นมาก
6.พอร์ทมีโอกาสเติบโตตามการเติบโตของหุ้นที่ถือ หุ้น 10-15 ตัว ที่มีการคัดมาอย่างดี
   จะมีหุ้น 2-3 ตัว เป็นหุ้นเดิบโต กำไร 1 เท่าขึ้นไป โอกาสพอร์ทก็จะเร่งการเติบโตเร็วขึ้น
7.ดูผลประกอบการได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์มือถือ คอมพิวเตอร์ที่ที่มีสัญญาญอินเตอร์เนต
8.ใช้เป็นแหล่งรายได้จากการปันผลตอนเกษียน ส่งต่อเป็นมรดกให้ทายาทได้
9.ฝึกการวิเคราะห์ การคาดการ การติดตามธุรกิจ เอามาใช้ในงานขาย หรือ เอาหลักการ
  ของงานขายที่ทำไปวิเคราห์พฤติกรรมหุ้น ทำนนายอนาคตหุ้น ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริห่าร
10.หลังเกษียณเราจะมีอิสรภาพทางการเงิน งานขายไม่มีบำเน็จ บำนาญ ตอนเกษียณไม่มีรายได้
    การลงทุนถ้าอยากได้เงินใช้หลังเกษียน 50,000 บาท/เดือน ต้องลงทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทน
    จำนวน 6 % ต่อปี พอร์ทขนาด 10 ล้าน เป็นไปได้ครับค่อยๆซื้อสะสมหุ้นไปเรื่อยๆ
11.หุ้นเป็นการลงทุนที่ไม่ต้อง มีหน้าร้าน สถานที่ ไม่ต้องจ้างพนักงาน เพียงแต่เราต้องทำเอง
    ขยันหาข้อมูล ขยันติดตาม ขยันลงทุนเอง เพียงคนเดียวกับคอมพิวเตอร์ก็สามารถลงทุนได้
12.เป็นการลงทุนแนวใหม่ ที่ลงทุนน้อย  ค่อยๆลงทุน ไม่ต้องกู้เงินตอนเริ่มลงทุน
13.สามารถลงทุนได้เรื่อยๆและกำหนดรายได้ ไม่มีเวลาเกษียณ ไม่ต้องเดินทาง 
14.เราเป๊นคนกำหนดรายได้ เวลาทำงาน  การเทรด การซื้อการขาย อยู่ที่เรากำหนด
15.การเล่นหุ้นต้องไม่โลภ เกินความรู้ เช่น ไม่ควรเล่น TFLEX  Dw Forex ถ้าไม่รู้ไปเล่น
     จะขาดทุนมากกว่ากำไร  หลักการลงทุนในสิ่งที่รู้เหมือนเราเตะบอลเก่งก็ควรเล่นฟุตบอล
     ไม่ควรไปแข่งเทควันโดหรือว่ายน้ำ ที่เราไม่ถนัดโอกาสแพ้มากกว่าเล่นฟุตบอลครับ

   ยกตัวอย่างหุ้นตัวหนึ่งที่ผมใช้หลักการขายจากการเป็นเซลแมนมาวิเคราะห์และลงทุน
 ดูจากลัษณะกิจการ มองอนาตค ผู้บริหาร งบ กราฟ ติดตามและซื้อต่อเนื่อง
จากสัญชาติญาญจากงานขาย 80% อีก 20% ดูพื้นฐานและดูกราฟประกอบการลงทุน 
ซึ่งก็ให้ผลที่พอใจ ผมไม่เล่นเก็งกำไรรายวัน day trade ครับเพราะไม่มีเวลาตามใจไม่นิ่งพอ
   อยากให้พนักงานขายหรือ เซลแมนสะสมเสบียงไว้เดินทัพทางไกลหลังเกษียณกันครับ
การลงทุนในหุ้นจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ผมแนะนำให้ทำ สำหรับนักขายให้ใช้สัญชาตญาญขาย
ที่เรามีมาลงทุนกันเถอะครับ มันไม่น่ากลัวครับ  ถ้าเราไม่โลภ หรือ กลัวจนเกินไป
 สัญชาตญาญในการขายจะช่วยให้คุณเอาตัวรอดในตลาดหุ้นครับ ใช้ประสบการณ์
ในการขายให้เป็นประโยชน์ในการเลือกหุ้น การติดตามผลดำเนินงาน การกระทำผู้ผู้บริหาร
ในบริษัทที่ลงทุน จากประสบการงานขายจะช่วยให้เราเดาทางออกครับ

>>>พบกันใหม่จนกว่าความคิดจะบรรเจิดอีกครั้งครับ เหล่าพี่น้องเซลแมนที่เคารพทุกท่าน<<<









 

Create Date : 17 ธันวาคม 2559    
Last Update : 17 ธันวาคม 2559 16:54:31 น.
Counter : 1543 Pageviews.  

เซลแมนตอนที่ 15 สิ่งที่ควรทำและเลี่ยง(Do&Don't )ของอาชีพเซลล์แมนที่ควรรู้

 (Do & Don't  20 ข้อ ของอาชีพเซลส์แมน)


 1.เก็บเงินและลงทุนเพื่อวันข้างหน้า เช่น ซื้อบ้าน ที่ดิน อสังหา  ลงทุนหุ้น หรือลงทุนอื่นๆ เพราะอาชีพท่านทำรายได้ดี แต่ไม่แน่นอน อย่าคิดว่ายอดขายหรือ คอมมิสชั่นจะดีอย่างสม่ำเสมอ มีบางช่วงยอดจะตกต่ำ รายได้ลดลง ถ้าไม่มีเงินเก็บท่านจะเครียดมากครับ
2. อย่าก่อหนี้ก้อนใหญ่ระยะผ่อนเกิน 5 ปี แนะนำให้เก็บเงินได้เกินครี่งแล้วค่อยซื้อ ลำพังไม่มีหนี้ ยอดขายตก รายได้ลดท่านก็เครียดอยู่แล้ว ถ้ามีหนี้ ท่านจะเครียดกว่าเดิมหลายเท่า
3.สร้างมิตรสหายจากลูกค้า ไม่ต้องมาก มีที่ซี้กันจริงๆ 1-2 คน ก็พอ พวกนี้ยามท่านลำบากเขาจะช่วยท่านได้ อย่างน้อยก็คำแนะนำที่ดี ใครเป็นเซลที่อายุงานเกิน 10 ปี ไม่มีเพื่อนซี้ที่เป็นลูกค้าต้องพิจารณาตัวเอง ย้ำเพื่อนซี้นะครับ ไม่ใช่ซี้เพราะกินเหล้าด้วยกัน ซี้เพราะจริตตรงกัน
  4.  อย่าใช้ชีวิตกลางคืนมากกกว่าชีวิตภาคกลางวัน ง่ายๆคือ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ เราเสียเงิน เสียสุขภาพ งานที่ทำก็เสีย ไม่มีคนเมาหัวราน้ำเที่ยวดึกแล้วขยันทำงานครับเชื่อผม ส่วนมากจะแพ้สังขาร
5.  ต้องมีเงินสำรองใช้ชีวิตสัก 12 เดือน ในกรณีตกงาน อย่างว่าเแหละครับงานขายกดดันด้วยยอดขาย ที่วัดผลเป็นรายเดือน รายไตรมาส รายปี ถ้าเกิดเศรษฐกิจตกต่ำ ยอดขายหดเลี่ยงไม่ได้เลยที่รายได้จะลด เราต้องเตรียมพร้อมครับ ถึงแม้ว่าทีมขายจะตกงานเป็นทีมท้ายๆ ยกเว้นบัญชีถึงบริษัทปิดก็ต้องทำงานต่อจนกว่าจะปิดงบได้ 5555 ตรงนี้ผมลงทุนในหุ้นและกองทุน ถ้าตกงานก็ยังพอมีปันผลให้อยู่ได้เกินค่าแรงขั้นต่ำ
6. อย่าประมาทในการใช้ชีวิต มีคำกล่าวว่างานขายเหมือน หมาล่าเนื้อ แต่ผมว่าทุกอาชีพเหมือนๆกัน งานขายเป็นหมาล่าเนื้อ แต่ก็ได้กินเนื่อมากกว่างานอื่นๆ และเป็นเนื้อสันในอย่างดี แต่ควรเก็บเนื้อสำรองไว้ในตู้เย็นบ้างและเอาออกมากินตอนลำบาก
7.มองหาและคิดอาชีพสำรองไว้บ้าง เนื่องจากเราทำงานต่างจังหวัด พบปะผู้คนมากมาย แต่ละคนก็มีดี มีเคฃ็ดลับในการทำมาหากิน นั่งพิจารณาดูความสำเร็จของลูกค้า จากการถามไถ่ ทุกคนยินดีเล่าความสำเร็จให้เราฟัง เพียงถามคำถามที่มาของความสำเร็จ เพียง 1ประโยค รับรองคุณต้องนั่งฟังหลายชั่วโมง เชื่อผม
8.ระหว่างวันให้รางวัล หรือ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่จ่ายเงินไม่มาก เช่น ชั่งเดินทางออกทริปไกลๆ ระหว่างขับรถ สัก 3 ชั่วโมงของการขับรถ แวะพักคนและพักรถสัก 30 นาที อาจจะหาร้านอาหารอร่อยๆ หรือ ร้านกาแฟ บรรยากาศและกาแฟรสดี จิบพักชาร์ทพลังก็เป็นแนวทางที่ดีผมใช้ประจำยามขับรถเดินทางไกลๆ




9.ตอนออกทริป อย่าทำงานอย่างเดียว ตกเย็นกลับที่พัก สั่งอาหารเย็นที่โรงแรมกินแล้วก็นอน จริงๆแล้วตอนเย็นขับรถมาทั้งวันเหนื่อยครับ ลองพักผ่อนสักชั่วโมง ตื่นแล้วออกไปเดินตลาดโต้รุ่ง ในแต่ละจังหวัดมีเอกลักษณ์ อย่าพลาดไปสัมผัสครับ 
10.แหล่งท่องเที่ยวประจำจังหวัด อย่าพลาดครับ เสาร์อาทิตย์ วันหยุด ถ้าเรายังอยู่ในพื้นที่ อย่าลืมไปดูไปชม ผมไปมาครบทุกจังหวัด แต่สารภาพว่าไปไม่ครบ ว่าจะมาดูภายหลัง ส่วนมากไม่ได้ดู ย้ายเขตก่อน ถ้าผ่านแหล่งท่งเที่ยวเข้าถึงง่ายๆเข้าออกสะดวกอย่าลืมแวะดูสัก ครึ่งชั่วโมง ไม่มีใครว่าหรอกครับ ถ้าต้องใช้เวลามาก วันหยุดจัดเวลาเข้าไปดู เพราะถ้าคุณพลาดจะพลาดยาว เชื่อผม



11.อัตาหิ อัตโนนาโถ งานขายต้องพึ่งตัวเอง เกือบทุกเรื่อง พึ่งคนอื่นและคนรอบข้าง
ไม่เกิน 10% อย่าคาดหวังพึ่งคนอื่น เพราะคนอื่นก็มีงานเหมือนๆเรา
12.มีน้ำใจ ต่อลูกต้า ทีมงาน เพื่อนร่วมงานแผนกอื่นๆ ของฝากประจำจังหวัดที่เราทำงาน หรือจังหวัดที่เราขับรถผ่าน ติดไม้ติดมือไปฝากบ้าง ถึงมูลค่าจะไม่มากแต่ได้ผลและได้ความรู้สึกที่ดี กับคนที่เราฝากครับ อันนี้ผมแนะนำว่าควรทำเป็นอย่างยิ่ง
13.   อย่าแสดงภูมิรู้มากไป ต้องเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ถึงแม้เราจะรู้สิ่งที่ลูกค้ารู้แล้วเราจะได้หยั่งรู้ถึงแนวความคิดของลูกค้า และใช้คำถามให้ลูกค้าบอกถึงความคิกเขา ถ้าไปแสดงความรู้เหนือเขา เราอาจจะได้โชว์พาวด์ของความรู้เรา แต่โดยมากจะปิดการขายยาก  เรียกว่าชนะแต่แพ้ (ขายไม่ได้)
14.อย่าดูแลลูกค้ายิ่งกว่าพระราชา  เพราะ วันใดคุณดูแลพระราชาไม่ได้ พระราชาจะลงโทษคุณ จงดูแลลูกค้าเหมือนคู่ค้า ที่ทุกคนดูแลซึ่งกันและกันตามเวลาและโอกาส ทุกคนเสพติดบริการ ถ้าคุณมีลูกค้าเยอะๆ วิ่งหลายจังหวัด โอกาสดูแลลูกค้าได้ยาก ผมว่า ไปงานที่ลูกค้าจัดไม่ว่างานมงคล งานอวมงคลก็เพียงพอ หรือพิเศษหน่อยก็ไปงานวันเกิด หรือถ้าเขาไม่จัดงานวันเกิด การ์ดหรือกระเช้า สำหรับลูกค้าพิเศษ ลูกต้ารายใหญ่ก็น่าจะพอ ผมว่าการบริการรับส่ง ลูก อาซ้อ ไปโน่นไปนี่ ทุกๆวัน มันเกินที่เราจะบริการได้ตลอดไป เชื่อผม ไม่มีใครอยากให้ลด เพราะเขาจะเสพติดบริการจากเรา แต่ถ้ายอดขายเรา 90%อยู่ที่เขา สมควรอย่างยิ่งที่จะบริการ
 15.อย่าลืมดูแลครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิคร เพราะบุคคลเหล่านี้จะอยู่กับเราตลอดไป 
อย่าละเลย 
แบ่งเวลาดังนี้
 ทำงาน                            1  ส่วน
 ครอบครัว                        1 ส่วน
 ส่วนตัวและเพื่อนฝูงสังคม 1 ส่วน
16.เชื่อในธรรมมะ เชื่อว่าทำดีต้องได้ดี ทำบุญทำทานตามสมควร อย่าคิดว่าไม่จำเป็นในชีวิตเพราะคนส่วนใหญ่จะเข้าวัดเพราะมีความทุกข์ ถึงเวลานั้นก็ไม่ทันเสียแล้วครับ
17.ฝึกเป็นผู้ให้ เริ่มจากคนในครอบครัวและญาติมิตร เพื่อนร่วมงานก็ต้องมีจิตใจที่ดีกับเขาผมว่าเราจะได้สิ่งดีๆกลับมา เพราะผมเชื่อว่ายิ่งให้ยิ่งได้
18.สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในงานขาย เราสุขภาพไม่ดีจะออกทริปไม่ได้ พบลูกต้าไม่ได้
  ผมว่าเลิกดื่มหนัก สูบบุหรี่ เล่นไพ่ แทงบอล หามรุ่งหามค่ำ ถ้าเซลคนไหนอายุเริ่ม
เข้าอายุ 30 ปี ควรลด ละเลิก ท่านจะโทรมมากๆๆ ถ้าไม่หยุดตอนอายุเข้าใกล้ห้าสิบปี ตอนนั้น โรคภัยไข้เจ็บที่ท่านไม่คิดว่าจะเกิด มันก็จะเกิด ต้องกินยาแทนเหล้า ผมเห็นมาหลายคนแล้วครับ
19.ต้องมีความกล้าตัดสินใจถ้าเราคิดมาอย่างดี  แต่อย่าตัดสิใจหุนหันพลันแล่น  ถ้าไม่แน่ใจผ่องถ่ายให้เจ้านายช่วยตัดสิน ถ้าเจ้านายไม่ตัดสินใจก็ปรึกษาเจ้านายของเจ้านาย จะช่วยลดการผิดพลาด
20. อย่าติดอยู่ในอดีต  อย่ากังวลอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เหมือนคำพระท่านสอน
      เราแก้อดีตไม่ได้ หรือ ควบคุมอนาตคไม่ได้ หน้าที่ของเราคือปรับตัวเข้ากับเหคุการณ์ปัจจุบันด้วยสติ แลัวอนาคตจะดีเอง

  เอาใจช่วยเพื่อนๆพนักงานขายทุกท่าน สู้ ทุกสนามของงานขายครับ

  เจอกันใหม่จนกว่าความคิดจะบรรเจิด




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2558 20:00:46 น.
Counter : 1550 Pageviews.  

เซลแมนตอนที่14 เกษียนแล้วทำอะไร อยู่แบบไหน ทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตยืนยาว







 วันที่  30 กันยายนที่ผ่านมา คงเป็นวันทำงานสุดท้ายของข้าราชการที่ครบอายุการทำงาน

ต้องเกษียน วันนี้ที่ผมเขียนก็ผ่านมาเดือนกว่าๆแล้ว บางคนที่เกษียนแล้วก็ได้ไปทำสิ่งที่ตนรักและอยากทำ บางคนเกษียนแล้วยังงงๆ ยังคิดว่าต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้นก็มี สิ่งที่คนเกษียนแล้วหายไปชั่วข้ามคืนตืน โดยเฉพาะราชการ 
 1. อำนาจหายไปชั่วข้ามคืน ก่อนเกษียนถ้าตำแหน่งใหญ่ๆ จะมีเลขา ชงกาแฟ มีลูกน้องดูแลเอาใจท่านยิ่งกว่าดูแล บุพการีเสียอีก พอเกษียนเพียงข้ามวันสิ่งเหล่านั้นจะหายไปทันที ลูกน้องที่ดูแลท่าน ความจำจะเสื่อมจำท่านไม่ได้แม้เพียงชั่วข้ามคืน ยกเว้นคนที่ท่านช่วยเหลือ อุปการะ ตอนท่านมีอำนาจยังจะพอจำท่านได้ แต่ผมยืนยันว่าไม่ครบทุกคน

2.รายได้ เงินเดือน สิทธิประโยชน์ จะหายไปทันที ยกเว้นข้าราชการยังพอมีบำนาญให้ใช้ได้ถ้าอยู่แบบพอเพียง  เอกชนรายได้หายไปทันที มีประกันสังคมจ่ายก็ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตแน่ๆ 


 ในฐานะที่ผมทำงานเอกชน ผมขอเสนอแนวทางที่ผมเตรียมไว้เป็นmodel ดังนี้

 เกษียนแล้วทำอะไร 

 1.ใครมีลูกหลาน ก็ควรดูแลเอาใจใส่ สอนหลาน สอนประสบการชีวิตที่ผ่านมา ดูแลเอาใจใส่แบบเข้าใจนะครับไม่ใช่ บ่น ให้หลานฟัง ดูแลเขาให้ดีเขาจะดูแลตอนคุณร่างกายไม่พร้อม อันนี้สำคัญ
2.หาอะไรทำ เพื่อความเพลิดเพลิน แต่ไม่ใช่เป็นการลงทุนที่เสี่ยง เช่น บางคนเอาเงินที่ได้จาการเกษียนไปลงทุนอะไรที่กำไรเว่อร์ๆเกิน 5-10% ต่อปี ส่วนใหญ่จะเป็นแชร์ลูกโซ่ ขายฝัน
ขายตค อย่าเอาเงินที่เหลือก้อนสุดท้ายมาลงทุนแบบนี้ครับ
3.ออกกำลังกาย กินอาหารที่เหมาะสม เพื่อความแข็งแรง ช่วงนี้สุขภาพสำคัญพอๆกับเงินครับ
4.อย่าเครียด อย่ายึดติด  ทำใจให้สบาย ผมว่าการเข้าวัด หรือ เดินทางไปไหว้พระที่ต่างๆนานๆครั้งจะช่วยได้ครับ
5. ต้องหาเพื่อนวัยเดียวกัน หรือชอบอะไรเหมือนๆกัน เข้าชมรม จะได้มีเพื่อนคุย ชีวิตจะได้มีสีสรรครับ
6.ต้องอุทิศตนเพื่อสังคม ใครมีความรู้ ทักษะด้านใด ก็ถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลัง แม้ไม่ได้เงิน แต่ก็สุขใจครับ

  อยู่แบบไหน ทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตยืนยาว

 ผมว่าควรทำเกษตรแบบชมชอบครับ สำหรับผู้ที่จะเกษียนควรหาพื้นที่ต่างจังหวัดสัก 1-2 ไร่ สำหรับผู้ที่อยู่กรุงเทพ ส่วนคนต่างจังหวัดแบบผมมีที่ดินเหลือเฟือ จนทำไม่หมด  เพื่อปลูกบ้านหลังเล็กๆ เพื่อเอาไว้มาทำเกษตรพอใจ เมื่อเบื่อกรุงเทพ อยู่กรุงเทพจะเบื่อมากหลังเกษียน เข้าห้าง สวนสาธารณะ บ่อยๆก็ไม่ไหวครับ สุขภาพจะเสื่อมเร็ว ลองไปทำสวนแบบพอใจ อยู่ต่างจังหวัด รัศมีไม่เกิน 200 กม จากกรุงเทพ ทำตอนเช้าสัก 2  ชั่วโมง เย็นๆแดดร่มลมตกสัก 2 ชั่งโมง รับรองแข็งแรงเหมือนหนุ่มๆครับ




 ข้อดีของการไปทำเกษตรแบบชมชอบ เพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ

 1. อากาศและสิ่งแวดล้อมดีกว่า กรุงเทพ แน่นอนครับ ต่างจังหวัด อากาศตอนเช้าดีต่อสุขภาพแน่นอน
2.  เป็นการออกกำลังกายทางอ้อม การทำกานรเกษตรแบบชมชอบไม่หวังเงินรายได้จากการทำเกษตร แต่หวังเห็นผลผลิต ความพึงพอใจ การได้กินสิ่งที่เราปลูกแบบปลอดสารพิษ เหลือกิน ก็เอากลับมาฝาก ลูกหลานญาติมิตรที่กรุงเทพ หรือ ชวนลูกหลานญาติมิตร มาพักผ่อนยามวันหยุดที่สวนของเรา เราเบื่อการทำสวนก็กลับไปอยู่กรุงเทพก็ไม่ผิตกติกา

ข้อควรพิจารณา
  การทำเกษตรแบบชมชอบ ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคร้ายแรง ที่ต้องอยู่ใกล้หมอ ต่างจังหวัดหาหมอลำบากครับ ถ้าท่านไม่เป็นโรคร้ายแรง ลุยเลยครับโรคที่ท่านมีจะค่อยๆทุเลาไปจากการทำเกษตรชมชอบ

 ปัจจัยของการทำเกษตรชมชอบ

1.พื้นที่ควรไม่เกิน 1 ไร่  ปลูกบ้านหลังเล็กๆ หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีบรืเวณชานบ้าน เนื้อที่  50 ตารางวา เหลือที่ 350 ตารางวา หรือ 1400 ตารางวา ให้เป็นสนามออกกำลังกายในการทำเกษตรชมชอบ ของท่านรับรองเหลือเฟือ
2.สาธารณูปโภคที่ควรมี ไฟฟ้า(ขาดไมาได้ครับ) ประปา (ถ้าไม่มี ก็เจาะบ่อน้ำตื้นก็ได้ครับ)
น้ำจำเป็นมากๆๆ สำหรับทำการเกษตร ส่วนโทรศัพท์หรือ อินเตอร์เนต ตอนนี้ระบบมือถือครอบคลุม ส่วนนี้ไม่มีปัญหาครับ
3. เพื่อนบ้านที่ดี ต่างจังหวัดโดยส่วนใหญ่คนจะเป็นมิตร ถ้าเราให้เขาก่อนคบกันแบบมีมิตรเขาจะเป็นมิตรกับท่านครับ แต่ใช่ว่าจะใช้ได้ครับ มีส่วนน้อยที่เห็นแก่ตัว ที่แนะนำถ้าท่านเป็นคนต่างถิ่นผมแนะนำให้ไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านในถิ่นที่ท่านจะไปอยู่ ถือของฝากเล็กๆน้อยๆ รับรองสิ่งที่ท่านได้จากผู้นำท้องถิ่นจะมากกว่าของฝากไม่ว่า การดูแล คำแนะนำ ครับ
4.  พืชที่ปลูก ไม่ควรปลูกพืชที่ปลูกยาก ที่แนะนำปลูกช่วงต้นหน้าฝน เริ่มสักเดือน พ.ค.
    ผัก ควรปลูกผักดูแลง่าย เช่น ถั่วพูล ฟัก  ฟักทอง มะเขือ มะเขือพวง มะนาว มะกรูด ข่าตะไคร้ กระเจี๊ยบเขียว หรือ ผักพื้นเมือง จะดูแลง่าย
   ผลไม้ที่ปลูกง่าย เช่น  กล้วย มะละกอ มะพร้าว มะม่วง มีฝีมือแล้วค่อยหาพืชปลูกยากๆมาลองวิชาครับ
   พืชสมุนไพร เช่น กระเจี๊ยบ  สเลดพังพอน รางจืด อันนี้เอาไว้ปลูกที่หลัง

ความสุขของเกษตรชมชอบไม่ใช่อยู่ที่ตัวเงิน อยู่ที่การได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้ผลผลิตที่ปลอดภัย จากฝีมือของเรา เหลือกินใปฝากตนอื่น ร่างกายจะแข็งแรง เอาเงินค่ายา
ที่ลดได้ไปทำบุญ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวครับ

 ท่านที่พึ่งเกษียนไม่รู้จะทำอะไร ก็ลองออกต่างจังหวัดไปดูที่สักไร่ ทำตามที่ผมว่าก็เป็นทางออกที่ดีครับ
  ส่วนผมเหลือเวลาอีก 4,800 วัน ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วครับผม




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 13 มกราคม 2560 22:06:31 น.
Counter : 920 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

แจ้ห่ม47
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 109 คน [?]




ที่อยู่หลัก ลพบุรี ลำปาง และ ปทุมธานี
ที่อยู่ที่อื่นๆ ตามเขตการขายที่ดูแล ภาคตะวันตก ภาคใต้และ ภาคอิสานตอนบน (ทัวร์นกขมิ้นทุกเดือน เนื่องจากดูแลฝ่ายขายครับ ไม่ได้หนีหนี้ 555)
ภาพทุกภาพไม่สงวนลิขสิทธิ์ ถ้านำไปเผยแพร่เพื่อ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยไม่ผิดกฏหมายหรือศีลธรรม เพื่อนๆสามารถนำไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาติ ไม่หวงครับ ขอกันกินมากกว่านั้นแต่ขอให้อ้างอิงแหล่งที่มาของรูปด้วยครับ ขออภัยหากตอบท่านช้า หรือเข้าไปเม้นต์ท่านช้า ผมใช้เนตผ่านมือถือครับช้ามากๆขออภัย และ หากผิดพลั้งไป ต้องขออภัยเพราะความรู้ต่ำ
New Comments
Friends' blogs
[Add แจ้ห่ม47's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.