• ห้องรับแขก
• แผนที่ห้องหนังสือ
• ห้องหนังสือ
• ห้องหนังสือคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์
• ห้องหนังสือวิชาการ
• ชั้นบทความ
• เดินเล่นนอกบ้าน
• ตู้เก็บของ

เทคนิคการวางแผนพัฒนาบุคลากรตามแผนงานขององค์กร (ภาคปฏิบัติ) หนังสือเล่มนี้...เขียนจากประสบการณ์ตรงในการเป็นวิทยากรให้กับองค์กรต่าง ๆ มาหลายปี ซึ่งมักจะพบกับปัญหาหรือคำถามที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการจัดฝึกอบรมของแต่ละองค์กรอยู่เสมอ ๆ เช่น ต้องวางแผนการฝึกอบรมอย่างไรเพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเริ่มต้นวางแผนการจัดฝึกอบรมอย่างไร จะทำแผนพัฒนาบุคลากรในระยะยาวอย่างไร ทำอย่างไรให้การลงทุนพัฒนาบุคลากรในองค์กรได้ผลคุ้มค่าที่สุด องค์กรจะวางแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเจริญเติบโตในอนาคตได้อย่างไร เทคนิคการวางแผนพัฒนาบุคลากรตามแผนงานขององค์กร (ภาคปฏิบัติ) โดย : ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ จำนวนหน้า : 144 หน้า ขนาด : 145 x 210 mm. ISBN : 9789744434173 รายละเอียดเพิ่มเติม สำนักพิมพ์ ส.ส.ท. ถ้าองค์กรของท่าน... - มีแต่แผนงานธุรกิจ แต่ยังไม่เคยมีแผนพัฒนาบุคลากรที่ชัดเจน - อยากจะลดต้นทุนการฝึกอบรมหรือการพัฒนาบุคลากรที่สูญเปล่าไปทุกๆ ปี - ต้องการจะสร้างบุคลากรให้สามารถเติบโตทันกับการขยายตัวขององค์กร เนื้อหาในหนังสือคือคำตอบ ซึ่งประกอบด้วย - ความสำคัญของแผนพัฒนาบุคลากร - เราสำรวจและทราบแผนงานขององค์กรชัดเจนแล้วหรือยัง - วิธีการเขียนแผนพัฒนาบุคลากรตามแผนงานขององค์กร - การทำแผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคล (Individual Development Plan - IDP) ให้สอดคล้องกับแผนงานขององค์กร และสรุปความเชื่อมโยงระหว่างแผนงานขององค์กรกับแผนพัฒนาบุคลากร เพื่อให้ทุกท่านที่ทำงานด้าน HR กลายเป็น “HR ยุคใหม่ที่เป็นคู่คิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) ขององค์กร” ได้อย่างแท้จริง เหมาะสำหรับพนักงานในฝ่าย HR ที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการวางแผนการฝึกอบรมให้กับพนักงานในองค์กร ตลอดจนผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ   Create Date : 16 มิถุนายน 2553     Last Update : 17 มิถุนายน 2553 8:17:10 น. Counter : 2046 Pageviews.   0 comment Share Tweet

Logical Thinking คิดอย่างมีตรรกะ ชนะทุกเงื่อนไข วันนี้มีหนังสือที่น่าสนใจมาแนะนำกันอีกเช่นเคยค่ะ นั่นคือ.. Logical Thinking คิดอย่างมีตรรกะ ชนะทุกเงื่อนไข โดย คัตสึมิ นิชิมูระ (Katsumi Nishimura) แปลโดย รังสรรค์ เลิศในสัตย์ หนา 272 หน้า ISBN 974-443-229-2 “Logical Thinking คิดอย่างมีตรรกะ ชนะทุกเงื่อนไข” เล่มนี้แนะนำให้รู้จักกับ Logical Thinking ตั้งแต่พื้นฐาน ให้เข้าใจว่า Logical Thinking คืออะไร มีวิธีคิด วิธีปฏิบัติอย่างไรเพื่อสร้างนิสัยให้มี Logical Thinking ไปจนถึงตัวอย่างวิธีปฏิบัติในการนำ Logical Thinking ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและการทำงาน เพื่อให้การทำงานบรรลุเป้าหมาย สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Logical Thinking มาแล้ว หรือบางคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน ดังนั้นมาดูความหมาย Logical Thinking กันก่อนค่ะ Logical Thinking หมายถึงอะไรกันแน่ ?... ความหมายตรงตัวที่หลาย ๆ คนเข้าใจก็คือ การคิด (Thinking) ที่เป็นตรรกะ (Logical) แล้วการคิดที่เป็นตรรกะคืออะไรล่ะ ? การคิดที่เป็นตรรกะก็คือ การคิดที่มีตรรกะเข้ามาเกี่ยวข้องหรือการคิดที่มีลำดับขั้นตอน เป็นเหตุเป็นผลนั่นเองค่ะ ตัวอย่าง Logical Thinking แบบง่าย ๆ ก็อย่างเช่น การเขียนภาพ Scenario โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนไว้ แล้วเขียนภาพในการบรรลุเป้าหมาย (Goal) โดยมีลำดับขั้นตอนเป็นเหตุเป็นผลเอาไว้ และการเขียน Scenario นี้จะต้องเขียนให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยการใช้กำลังแรงที่น้อยที่สุด นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญคือ จะต้องหลีกเลี่ยงอุปสรรคไว้ก่อนเสมอ คือทำอย่างไรจึงจะไม่ให้ประสบอุปสรรค หลายครั้งอาจจะต้องเดินทางอ้อมไปไกลเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงอุปสรรคนั้น หรืออาจจะต้องอ้อมให้ไกลขึ้นเพื่อเลือกเส้นทางที่มีอุปสรรคน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะมีประสิทธิผลที่ดีกว่า ดังนั้น Logical Thinking จึงเป็นวิธีการทางความคิดที่ขาดไม่ได้ในการเพิ่มอัตราส่วนของความสำเร็จเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมาย เพราะเมื่อคิดแบบ Logical Thinking อยู่เสมอ ก็จะสร้างนิสัยการมองภาพรวมและคิดอย่างเป็นระบบได้ จึงทำให้สามารถเลือกสรรเส้นทางที่สั้นที่สุดที่จะไปสู่เป้าหมายซึ่งมีการเคลื่อนไหวหรือการทำงานที่สูญเปล่าน้อยที่สุดได้นั่นเอง ต่อไปลองมาดูตัวอย่างการใช้ประโยชน์ Logical Thinking ที่ใกล้ตัวกันค่ะ เพิ่มความสามารถในการนำเสนอ (Presentation) การอธิบายเรื่องราวนั้นหากไม่เป็นไปตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นเหตุเป็นผล ก็ไม่สามารถจะนำเสนอข้อมูลข่าวสารได้ เพราะหากเกิดความขัดแย้งเชิงตรรกะแล้ว ผู้ฟังก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ซึ่ง Logical Thinking จะช่วยให้อธิบายเรื่องราวได้เป็นลำดับขั้นตอน มีเหตุมีผล เพิ่มความสามารถในการเจรจา Logical Thinking จะช่วยให้สามารถทำความเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร ตัวเองต้องการจะพูดอะไร และจุดประสานจะอยู่ตรงไหน รวมทั้งช่วยแก้ข้อสงสัยให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจได้ เสริมสร้างความสามารถในการแก้ไขปัญหา Logical Thinking จะช่วยให้สามารถค้นพบประเด็นปัญหาจากสภาพการณ์อันสับสน โดยลองใช้คำว่า “ทำไม” ในการค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ถ้าสาเหตุที่แท้จริงมีความชัดเจนแล้ว ก็จะนำไปสู่การค้นหามาตรการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพสูงได้ไม่ยากนัก จะเห็นว่า Logical Thinking นี้มีประโยชน์มากมายเลยนะคะ แล้วในเมื่อ Logical Thinking มีประโยชน์มากขนาดนี้ แล้วเราจะต้องทำยังไงถึงจะคิดแบบ Logical Thinking ได้ล่ะ ? คำตอบอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้วค่ะ ตัวอย่างวิธีฝึกง่าย ๆ ที่จะทำให้มี Logical Thinking เป็นนิสัย ก็อย่างเช่น การถามตัวเองอยู่เสมอว่า “ทำไม” เราควรสร้างนิสัยให้อยากจะค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ว่าทำไมจึงสำเร็จ ทำไมจึงล้มเหลว และควรระมัดระวังความคิดที่จะยอมรับแต่ผลลัพธ์โดยไม่พิจารณาเหตุผลให้ถ่องแท้ ซึ่งการมีข้อสงสัยที่ง่าย ๆ ตรง ๆ นี้จะนำมาสู่การมีจิตสำนึกต่อปัญหามากขึ้น ทำให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้มากกว่าคนอื่นแม้ว่าจะมองเห็นสิ่งเดียวกัน ข่าวสารข้อมูลแบบสิ่งละอันพันละน้อยเช่นนี้ แม้ว่าอาจจะไม่เป็นประโยชน์ต่องานโดยตรง แต่ก็ช่วยให้ความสามารถทางความคิดและการสื่อสารเพิ่มสูงขึ้นได้ และสำหรับตัวอย่างวิธีปฏิบัติในการนำ Logical Thinking ไปประยุกต์ใช้ ก็อย่างเช่น การพูดอย่างมีตรรกะค่ะ โดยมีเทคนิคง่ายๆ ดังนี้ พูดข้อสรุปของเนื้อหาโดยรวมก่อน เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจถึงภาพรวมภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยแนะนำอย่างสั้น ๆ ถึงที่มาที่ไป หรือเหตุผลต่าง ๆ ก่อนจะมาเป็นข้อสรุปนี้ พูดถึงข้อสรุปดังกล่าว แล้วจึงบอกว่า “รายละเอียดนั้นจะอธิบายให้ฟังต่อจากนี้ไป” อย่าใส่ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องไว้ในข้อสรุป เพราะข้อมูลที่มากเกินไปจะทำให้ผู้ฟังเกิดความสับสนได้ หนึ่งหน้า หนึ่งข้อความ (One Page One Message) นั่นคือใน 1 หน้า ให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนเพียงข้อสรุปเดียวเท่านั้น เพราะหากมีข้อมูลมากเกินไป ความเข้าใจของผู้ฟังจะกระจายไปยังเรื่องต่าง ๆ และหากทำให้ผู้ฟังมีความเข้าใจที่ผิดพลาด จะทำให้ความเป็นเหตุและผลไม่เชื่อมโยงต่อเนื่องกัน การเชื่อมโยงด้วยเหตุและผลต้องต้องให้มีความราบรื่น นั่นคือต้องอธิบายได้ด้วยการลำดับเรื่องราวที่ดี และคอยตรวจสอบโดยรวมด้วยว่าการเชื่อมโยงด้วยเหตุและผลมีความราบรื่นดีหรือไม่ หรือมีการอธิบายอ้อมค้อมเกินความจำเป็นหรือไม่ หรือถ้าอยากจะอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผล แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่เข้าด้วยกันได้ เทคนิคง่าย ๆ ในการจัดระเบียบความเป็นเหตุเป็นผลก็คือ ลองเขียนลงบนกระดาษ ซึ่งจะช่วยให้สะดวกยิ่งขึ้นในการตรวจสอบความสัมพันธ์ของเหตุและผล นอกจากตัวอย่างที่หยิบมาเล่าให้ฟังแล้ว “Logical Thinking คิดอย่างมีตรรกะ ชนะทุกเงื่อนไข” ยังมีหลักการคิด วิธีการฝึกสร้างนิสัย Logical Thinking และวิธีการนำ Logical Thinking ไปปฏิบัติในเรื่องใกล้ตัว ทั้งในการทำงานและชีวิตประจำวันอีกมาค่ะ สำหรับใครที่สนใจ ลองหามาอ่านแบบเต็มๆ กันได้ค่ะ   Create Date : 27 พฤษภาคม 2553     Last Update : 16 มิถุนายน 2553 14:07:45 น. Counter : 23295 Pageviews.   5 comment Share Tweet

ผู้หญิงอย่างเราฯ ในรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ทางไทยทีวีสีช่อง 3 จากที่แจ้งเพื่อนๆ ไป วันนี้นำภาพมาฝากจ้า ผู้หญิงอย่างเรา วันไหน ๆ ก็เอาอยู่ ขอบคุณทางรายการและทางสถานีเป็นอย่างสูง ======================================== พบกันที่บูท ส.ส.ท. T29 โซน C2   Create Date : 28 มีนาคม 2553     Last Update : 6 ตุลาคม 2553 10:05:33 น. Counter : 1469 Pageviews.   1 comment Share Tweet

บริหารนิ้ววันละ 5 นาที ยืดอายุสมองและสุขภาพ : ฟิตสมองและร่างกายด้วยปลายนิ้ว ใช้เวลายาม "มือว่าง" มาบริหารนิ้ว เพื่อเสริมพลังให้สมองและซ่อมแซมสุขภาพอย่างง่าย ๆ สวัสดีค่า ช่วงนี้ทักทายกันบ่อยหน่อย เพราะใกล้งานสัปดาห์หนังสือฯ บ.ก. ก็เลยคึกคักเป็นพิเศษ วันนี้มีหนังสือเล่มใหม่มาแนะนำกันอีกแล้วค่ะ คราวนี้ถึงเวลาต้องมาขยับมือขยับไม้กันบ้าง และไหน ๆ ต้องเสียพลังงานแล้วก็ต้องให้ได้ประโยชน์หน่อย บ.ก.ก็ขอแนะนำ “วิธีบริหารนิ้วแบบง่าย ๆ แต่ได้ประโยชน์ทั้งกับสมองและสุขภาพ” กันไปเลยยย บริหารนิ้ววันละ 5 นาที ยืดอายุสมองและสุขภาพ ผู้เขียน Kikuo Tsutumi ผู้แปล รศ. ดร.ศักดา ดาดวง ผู้เรียบเรียง จันทนา อารยสมบูรณ์ จำนวน 168 หน้า ISBN 9789744434128 รายละเอียดเพิ่มเติม สำนักพิมพ์ส.ส.ท. “บริหารนิ้ววันละ 5 นาที ยืดอายุสมองและสุขภาพ” ว่าด้วยการบริหารนิ้วท่าต่าง ๆ ซึ่งให้ประโยชน์แตกต่างกันไป ทั้งต่อการทำงานของสมองและระบบเมแทบอลิซึมต่าง ๆ ในร่างกาย ว่าไปแล้ว เพื่อน ๆ คงเคยเห็นหรือใช้บริการร้านสปาหรือร้านที่มีบริการนวดเท้าและกดจุดต่าง ๆ กันมาบ้าง ศาสตร์หลัก ๆ ที่ใช้อ้างอิงในหนังสือเล่มนี้ก็เหมือนกับร้านเหล่านั้น คืออาศัยหลักการแพทย์ตะวันออกซึ่งถือกำเนิดในประเทศจีนเมื่อกว่า 5,000 ปีที่แล้ว คือการกดจุดและนวดเฟ้นเส้นลมปราณต่าง ๆ ซึ่งทั่วร่างกายมีถึง 365 จุด อวัยวะที่มีจุดและเส้นลมปราณรวมตัวอยู่มากก็คือมือและเท้า ถ้าได้บริหารอวัยวะทั้ง 2 ส่วนนี้ ก็จะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนทั่วร่างกาย รวมถึงสมองด้วย บริหารมือและนิ้วแล้วจะบริหารสมองได้อย่างไร ? บางคนอาจจะสงสัย บ.ก.ขอแจกแจงให้ฟังเลยนะคะ (ขออ้างอิงจากในหนังสือหน่อย) “มือ ถือเป็น "อุปกรณ์" ชั้นเลิศที่สวรรค์ประทานให้ เพราะมีมือ เราจึงประดิษฐ์ข้าวของต่าง ๆ ออกมาได้มากมาย มือนั้นมีพื้นที่เพียง 1 ใน 10 ของพื้นที่ร่างกายส่วนนอก แต่ต้องใช้สมองถึง 1 ใน 3 ส่วนในการควบคุม ไม่ว่าเราจะตั้งใจหรือไม่ มือก็มักมีบทบาทสำคัญ อย่างเช่น พอทำอะไรผิดก็มักเอามือเคาะหัว ปวดตรงไหนก็เผลอเอามือจับ บีบ นวด ตรงนั้น พอคิดอะไรออกก็ดีดนิ้ว อาจดูเหมือนจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่จริง ๆ แล้วแสดงว่า ตอนนั้นมีการส่งสัญญาณบางอย่างระหว่างมือและสมอง ที่มือและนิ้วมีเส้นเลือดและเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยงมากมาย การบริหารก็เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะสมอง ในกระแสเลือดที่ส่งมานั้นมีแหล่งสารอาหารอยู่ หากเลือดคั่ง เกิดความผิดปกติในกระแสเลือด เส้นเลือด หรือเส้นเลือดฝอย จะส่งผลให้เลือดแดงไปเลี้ยงสมองช้าลง การทำงานของสมองก็จะขาดประสิทธิภาพ “บริหารนิ้ววันละ 5 นาที ยืดอายุสมองและสุขภาพ” มีท่าบริหารนิ้วหลายท่า เพื่อประโยชน์ต่อสมองที่แตกต่างกัน โดยผู้เขียน คือ คุณคิคุโอะ สึสึมิ ซึ่งเป็นเจ้าของสถาบันวิจัยสุขภาพและทายาทของ โยชิโร สึสึมิ ผู้ให้กำเนิดทฤษฎีกระตุ้นจุดลมปราณที่ใช้กับร่างกายจนได้วิธีดูแลสุขภาพด้วยปลายนิ้ว ได้ประยุกต์หลักการดูแลสุขภาพแบบจีนโบราณสู่การบริหารร่างกายในยุคใหม่ ใช้วิธีอธิบายอย่างง่าย ๆ มีภาพประกอบแต่ละขั้นตอน ให้ทุกคน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ จนถึงวัยเกษียณ สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาที่สะดวก ลองฝึกให้เป็นกิจวัตร ใช้เวลาเพียงวันละ 5 นาที เพื่อสร้างเสริมพลังสมองและสุขภาพ ประโยชน์และท่าบริหารก็เช่น ปกป้องความทรงจำ หลีกหนีอาการขี้ลืม...ด้วยท่าบริหารนิ้วหัวแม่มือด้วยเป่ายิ้งฉุบ/บริหารสลับนิ้วมือ เสริมสร้างสมาธิ...ด้วยท่าบริหารนิ้วคืบคลาน เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์...ด้วยท่าปลายนิ้วแตะกัน/บริหารกดล็อกโคนนิ้ว เสริมพลังการคำนวณ...ว่องไวกับตัวเลข ด้วยท่าบริหารพับนิ้วบวกเลข/บริหารพับนิ้วต่างความเร็ว คลายความเครียด เปลี่ยนอารมณ์...ด้วยท่าบริหารสูดลมหายใจลึก ๆ กับนิ้วหัวแม่มือ/บริหารดัดปลายนิ้ว หายง่วง สมองปลอดโปร่ง...ด้วยท่าบริหารจับมือตัวเอง/บริหารเคาะหว่างนิ้ว บรรเทาอาการเมื่อยมือ...ด้วยท่าบริหารดัดโค้งฝ่ามือ/บริหารขัดถูจุดลมปราณที่ข้อมือ นอกจากการบริหารนิ้วเพื่อเพิ่มพลังสมองด้านต่าง ๆ แล้ว ยังมีการกดจุดและนวดเฟ้นบริเวณเส้นลมปราณต่าง ๆ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ด้วย โดยวิธีของผู้เขียน คือให้นวด คลึง ลูบไล้ ไปรอบ ๆ จุดลมปราณเหล่านั้น จะได้ง่ายและสะดวก การหาจุดให้ตรงแป๊ะนั้นยาก แต่ผู้เขียนแนะนำให้ใช้วิธีนวดที่จุดลมปราณและบริเวรรอบ ๆ จะได้กระตุ้นที่เจ็บปวดและอีกหลายจุดในคราวเดียวกัน อาการต่าง ๆ ก็จะทุเลา เช่น ---ยามปวด ยามทุกข์ทรมาน เมื่อปวดกระเพาะ / เมื่อปวดหัว / เมื่อปวดตึงหัวไหล่ / เมื่อปวดเอว / เมื่อมีภูมิแพ้ / เมื่อความดันโลหิตสูง / เมื่อความดันโลหิตต่ำ / เมื่อปวดรูมาติซั่มชะลอสายตายาว / อาการเมารถเมาเรือ / อาการคล้ายโลหิตจาง / เมื่อหมดประจำเดือน ---เพื่อความงามและสุขภาพ เมื่อมีอาการคล้ายท้องผูก / เมื่อกังวลกับความอ้วน / เมื่ออ่อนเปลี้ยเพลียแรง / เพื่อผิวพรรณอันผุดผ่อง / เพื่อนิ้วอันเรียวงาม / เพื่อเสน่ห์ของดวงตา / ลดอาการลุกลี้ลุกลน / เพื่อป้องกันไข้หวัด ถึงตรงนี้ก็ขอหยิบบางท่ามาให้ดู แอบหยิบมาจากการ์ดที่จะแจกในงานหนังสือ อุ๊บส์ อาจต้องอาศัยเวลาหน่อย แต่เชื่อว่าถ้าทำบ่อย ๆ ให้กลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรยาม "มือว่าง" เพื่อน ๆ จะต้องมีทั้ง "สมอง" และ "สุขภาพ" ที่สมบูรณ์แข็งแรงแน่นอน และสำหรับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 38 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เรามีโปรโมชั่นพิเศษสุดมาฝากกันด้วยค่ะ นั่นคือ "บริหารนิ้วบริหารนิ้ววันละ 5 นาที ยืดอายุสมองและสุขภาพ" จากราคาปก 165.- ลดเหลือเพียง 130.- เท่านั้น ใครสนใจแวะไปพบกันได้ในงานสัปดาห์หนังสือฯ ที่บูท T29 โซน C2 นะคะ บ้าย บาย ======================================== พบกันที่บูท ส.ส.ท. T29 โซน C2 แวะดูโปรโมชั่นงานสัปดาหนังสือฯ และรับคูปองส่วนลด   Create Date : 25 มีนาคม 2553     Last Update : 29 มีนาคม 2553 13:38:31 น. Counter : 9147 Pageviews.   5 comment Share Tweet

คณิตหลุดกรอบ คนไม่ชอบก็เก่งได้ : ค้นหา 'สัญชาตญาณทางคณิตศาสตร์' ที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ วิธีเรียนเลขแบบใหม่ที่จะทำให้เรากลับมาชื่นชอบวิชาเลขอีกครั้ง เพียงแค่ใช้สัญชาตญาณและจินตนาการแบบตอนเป็นเด็ก สวัสดีค่ะ วันนี้มีหนังสือคณิตศาสตร์ที่ทั้งสนุกและน่าสนใจมาฝากค่ะ คณิตหลุดกรอบ คนไม่ชอบก็เก่งได้ โดย: Seiya Negami แปลโดย: ประวัติ เพียรเจริญ จำนวนหน้า: 248 หน้า ISBN: 9789744434104 แวะชมรายละเอียด นำเสนอวิธีการหาคำตอบทางคณิตศาสตร์ โดยหลีกเลี่ยงการใช้สูตรหรือสมการที่ยุ่งยากซับซ้อนในแบบที่โรงเรียนสอน แต่ใช้วิธีอธิบายจากการตีความ ประกอบกับใช้รูปภาพผสมกับการคำนวณง่าย ๆ แทน เพื่อกระตุ้นให้เกิดจินตนาการใหม่ ๆ ในการแก้โจทย์ และที่สำคัญคือให้ผู้อ่านได้สัมผัสถึง “ความเรียบง่าย” ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าใจได้ด้วย “สัญชาตญาณทางคณิตศาสตร์” เพราะทุกคนล้วนมี “สัญชาตญาณทางคณิตศาสตร์” ซ่อนอยู่ แต่อยู่ที่ว่าใครจะค้นพบและนำมาใช้ได้มากน้อยเพียงใด ลองมาดูวิธีเรียนเลขแบบใหม่ที่จะทำให้กลับมาชื่นชอบวิชาเลขอีกครั้ง แล้วจะพบว่าการเรียนเลขโดยอาศัยสัญชาตญาณนั้นสนุกและง่ายกว่าเป็นไหน ๆ ---------------------------------------------------------------- ในโลกนี้คงมีคนจำนวนไม่น้อยเลยนะคะที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งเลขหรือคณิตศาสตร์ (บ.ก. ก็คนหนึ่งค่ะ ) หลาย ๆ คนจากที่เคยได้เกรด 4 หรือชอบเรียนเลขเมื่อตอนเป็นเด็กเล็ก ๆ แต่พอโตขึ้นมาหน่อย ก็กลับหันหลังให้วิชาเลขไปตลอดกาล เพราะไม่เข้าใจวิธีอธิบายแบบที่ใช้สอนในโรงเรียน... แต่เชื่อหรือไม่คะว่า...ไม่ว่าใครก็เก่งเลขได้ ด้วยวิธีหาคำตอบที่ไม่ว่าใครก็เข้าใจได้ง่าย ๆ จนถึงกับต้องร้อง “อ๋อ” ออกมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ไม่ต้องเขียนสูตรหรือสมการมากมายให้ยุ่งยากใน “คณิตหลุดกรอบ คนไม่ชอบก็เก่งได้” เล่มนี้ที่ทำให้ บ.ก. ซึ่งก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความคิดว่า "คณิตเป็นยาขม" ฝังใจ ได้มองเห็นว่า จริง ๆ แล้ว คณิตศาสตร์มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรามากอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ สิ่งของต่าง ๆ รอบๆ ตัวเราแท้จริงแล้วมีคณิตซ่อนอยู่ทั้งสิ้น ลองมาดูตัวอย่างหนึ่งของคณิตศาสตรต์ที่ซ่อนอยู่รอบตัวเรากันค่ะ สมมติว่าเราอยู่ในงานเลี้ยง ระหว่างแก้วค็อกเทล 2 ใบ ในภาพนี้ จะเลือกแบบไหนมาใส่ค็อกเทลดื่มดีคะ ? แน่นอนว่าเราจะต้องเลือกแก้วใบที่บรรจุค็อกเทลได้มากที่สุดจริงไหมคะ มาดูสูตรที่ใช้ในการหาปริมาตรของทรงกระบอกกับทรงกรวยกันค่ะ ปริมาตรของทรงกระบอก = พื้นที่ฐาน x ความสูง บริมาตรของทรงกรวย = พื้นที่ฐาน x ความสูง x 1/3 นั่นคือ ทรงกรวยจะมีปริมาตรเท่ากับทรงกระบอกที่มีพื้นที่ฐานเท่ากันแต่มีความสูงเพียงแค่ 1 ใน 3 ของทรงกรวยเท่านั้นค่ะ ดังนั้นถ้าต้องเลือกจาก 1 ใน 3 แบบจากภาพต่อไปนี้ มองดูแล้ว (ในกรณ๊ที่พื้นที่ฐานของแก้วทรงกรวยและแก้วทรงกระบอกทั้ง 2 ใบ เท่ากัน) หมายความว่า แก้วทรงกรวยทางขวาสุด กับ แก้วทรงกระบอกที่เตี้ยที่สุดซึ่งสูงเป็น 1 ใน 3 ของแก้วทรงกรวยนั้น มีปริมาตรเท่ากัน ดังนั้นแก้วทรงกระบอกใบตรงกลางที่มีความสูงมากกว่าแก้วทรงกระบอกใบซ้ายสุด จึงมีปริมาตรมากที่สุดนั่นเอง สรุปว่าจากคำถามข้างต้น จึงควรจะเลือกแก้วทรงกระบอกใบกลางเพราะสามารถบรรจุค็อกเทลได้มากกว่าแก้วรูปกรวย (แต่โดยทั่วไปแล้ว การดื่มค็อกเทลจากแก้วทรงกรวยจะดูเท่กว่านะคะ ) นอกจากตัวอย่างที่ยกมานี้ ยังมีคำถามสนุก ๆ อีกมากมายค่ะ บางคำถามหลายคนอาจไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งวิธีการหาคำตอบนั้น นอกจากไม่ต้องใช้สูตรที่จำยาก ๆ แล้ว ยังไม่ต้องคำนวณให้ยุ่งยากซับซ้อนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาอย่างผิวเผิน ทุกคำตอบล้วนมีความหมายลึกซึ้งในตัวมันเอง และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ ทุกเรื่องล้วนสามารถอธิบายได้ด้วยรูปภาพทั้งสิ้น ดังนั้นต่อไปนี้ มาเรียนรู้และทำความเข้าใจคณิตศาสตร์ด้วยการใช้ สัญชาตญาณ และ จินตนาการ กันเถอะค่ะ ========================================== และอย่าลืมนัดของเราที่บูท T29 โซน C2 สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 38 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน นี้นะคะ ซึ่งงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 8 ในปีนี้ มีประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศรับเชิญเกียรติยศ โดยสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) หรือ ส.ส.ท. ของเราได้รับเกียรติจากสมาคมผู้จัดพิมพ์หนังสือแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Book Publishers Association) เป็นผู้ร่วมจัดกิจกรรมภายในงาน ณ พื้นที่กิจกรรมภายใน Plenary Hall, Hall A และห้อง Meeting room มีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมสาธิตการจัดดอกไม้สไตล์ญี่ปุ่น เวิร์กชอปการพับกระดาษโอริกามิ การห่อของด้วยผ้าฟุโรชิกิ และการแต่งชุดยูกาตะ ท่านที่สนใจสามารถติดตามตารางกิจกรรมได้ที่นี่ค่ะ   Create Date : 19 มีนาคม 2553     Last Update : 19 มีนาคม 2553 17:10:22 น. Counter : 7984 Pageviews.   2 comment Share Tweet

• tpapress
• hiroko
• Webmaster - BlogGang

• Twitter ของสำนักพิมพ์
• มาเป็นแฟน (เพจ) กันเถอะ
• My Channel : Youtube
• สั่งซื้อหนังสือ
• สำนักพิมพ์ ส.ส.ท.
• BlogGang.com