ในที่ทำงาน ถ้าคุณเป็นเพียง รุ่นพี่ที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ คุณจะำเพียงแค่ให้คำแนะนำแก่รุ่นน้องตามความเหมาะสมก็ย่อมได้ แต่ถ้าเจ้านายบอกว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะให้คุณเป็นผู้นำทีม คุณจะทำอย่างไร บทบาทหน้าที่ของคุณจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
หรือถ้าคุณใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของกิจการ ความเป็นผู้นำก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะเมื่อเริ่มต้นกิจการของตนเองแล้ว สิ่งที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ การดูแลทีมงานของตนเอง
เติมความเป็นผู้นำในช่องว่าง
โดย Kouji Takagi
แปลโดย ดร.ศิริลักษณ์ ศิริมาจันทร์
หนา 200 หน้า (พิมพ์ 2 สี /กระดาษถนอมสายตา)
เติมความเป็นผู้นำในช่องว่าง เล่มนี้แนะนำแนวทางการเป็นผู้นำที่ สมาชิกในทีมปลื้ม และ องค์กรปรารถนา ด้วยสไตล์การนำเสนอแบบอธิบายเป็นหัวข้อสั้น ๆ และสรุปประเด็นสำคัญของแต่ละหัวข้อเป็นแผนภาพ เพื่อให้มองเห็นวิธีปฏิบัติได้ชัดเจนเป็นรูปธรรม เนื้อหารวบรวมจากประสบการณ์ตรงในชีวิตการทำงานของผู้เขียน (ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การบริหารงานบุคคล)
นอกจากนี้ ยังเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ผู้นำมักจะพบในชีวิตการทำงานจริง เช่น ความไม่มั่นใจเมื่อต้องรับหน้าที่เป็นผู้นำ การวางตัวกับสมาชิกในทีมงานซึ่งเต็มไปด้วยความแตกต่างระหว่างบุคคล ไม่ว่าด้านวัย เพศ อุปนิสัย ค่านิยม รวมถึงการเป็นคนกลางระหว่างเจ้านายกับทีมงาน
ตัวอย่างส่วนหนึ่งจากในเล่ม เช่น การดูแลสมาชิกในทีมงาน และการเป็นคนกลางระหว่างเจ้านายกับทีมงาน
การดูแลสมาชิกในทีมงาน
การให้คำแนะนำในการทำงาน เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้นำหลายคนอาจมองข้ามไป ซึ่งถ้าไม่ระวัง อาจก่อปัญหาในการทำงานให้แก่สมาชิกได้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อแนะนำสมาชิกเรื่องการทำงานก็คือ ต้องพยายามให้คำแนะนำที่เข้าใจง่ายและเป็นรูปธรรมชัดเจน คำแนะนำที่เป็นหลักการในอุดมคติซึ่งนำไปปฏิบัติจริงได้ยากนั้น มีแต่จะทำให้สมาชิกรู้สึกว่า คงจะทำงานด้วยไม่ไหวแน่
ส่วนการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของทีมไม่จำเป็นต้องทำให้สมาชิกทุกคนมีค่านิยมเหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญคือ รวมพลังของทีมให้อยู่ภายใต้วิสัยทัศน์เดียวกัน ขอเพียงแค่ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันเรื่องทิศทางการทำงาน ส่วนเรื่องส่วนตัวจะมีค่านิยมที่แตกต่างกันก็ไม่มีปัญหา
นอกจากนี้ ผู้นำต้องพยายามให้ความรักและดูแลสมาชิกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานอย่างทั่วถึงโดยไม่มีอคติ เพราะถ้าผู้นำรู้สึกรังเกียจผู้ร่วมงาน แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมรู้สึกได้ สิ่งสำคัญในการผูกมิตรกับสมาชิกก็คือความเข้าใจ ดังนั้น ผู้นำต้องไม่เสียดายเวลาและความพยายามที่จะเข้าใจสมาชิก
การเป็นคนกลางระหว่างเจ้านายกับทีมงาน
เป็นนโยบายของบริษัท ผมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้
นี่เป็นคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจในการทำงานของสมาชิกอย่างรุนแรง ถ้าผู้นำพูดเช่นนี้แสดงถึงการขาดคุณสมบัติการเป็นผู้นำ
ในเรื่องนโยบายบริหาร ผู้นำและสมาชิกก็อยู่ในสถานภาพเดียวกันคือเป็นแค่ผู้รับฟังเท่านั้น แม้บางครั้งอาจไม่พอใจหรือยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อต้องถ่ายทอดนโยบายของบริษัท ขอให้ผู้นำใจกว้างพอที่จะยอมรับความจริง ไม่ปิดบังถ้าสมาชิกสงสัย และพลิกมุมคิด มองเชิงบวกแล้วจึงถ่ายทอดแก่สมาชิกด้วยคำพูดของตนเอง นอกจากนั้นต้องรับฟังความเห็นหรือข้อโต้แย้งของสมาชิก และพยายามรายงานความคิดเห็นของลูกน้องให้แก่เจ้านายด้วยคำพูดของตนเอง
เวลาพูดคุยกับเจ้านาย ต้องระมัดระวังท่าทีที่ดูเป็นการประจบประแจง เพราะสมาชิกกำลังจับตามองคุณอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ไม่ว่ากับเจ้านายหรือสมาชิกก็จะต้องให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่งอยู่เสมอ
นอกจากนี้ เติมความเป็นผู้นำในช่องว่าง ยังรวบรวมเทคนิคต่าง ๆ สำหรับผู้นำไว้มากมาย ซึ่งบางเรื่องอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น วิธีชม วิธีตำหนิ เทคนิคการเอาใจใส่สมาชิก รวมทั้งคำพูดที่เหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ
ผู้เขียนยังให้ข้อคิดว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนที่ยกมืออาสาเป็นผู้นำกลับล้มเหลวเมื่อถึงคราวได้เป็นผู้นำจริง ๆ ขณะที่คนที่คิดว่า ตนเองไม่เหมาะจะเป็นผู้นำ กลับทำได้ดีเมื่อได้ลองทำดู เพราะคนที่ต้องการจะเป็นผู้นำนั้นมักจะคิดว่า ต้องการให้คนอื่นทำงานตามที่ตนเองต้องการโดยมีตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง แต่คนที่เหมาะจะเป็นผู้นำจริง ๆ คือ คนที่เข้าใจผู้อื่นและช่วยเหลือสนับสนุนผู้อื่นได้
เติมความเป็นผู้นำในช่องว่าง เล่มนี้ จะช่วยเติมความเข้าใจในช่องว่างความแตกต่างระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง เติมคุณสมบัติที่ยังขาดเพื่อเป็น ผู้นำที่ทีมยอมรับ ช่วยให้คุณเป็นผู้นำที่ "สมเป็นผู้นำ" แม้จะทำหน้าที่เป็นครั้งแรก
ดูตัวอย่างเนื้อหาหนังสือ
ดูรายละเอียดหนังสือใหม่ของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท.
ดูโปรโมชั่นในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 18 ของ สำนักพิมพ์ ส.ส.ท.