คิมหันต์ที่ 22/1
Chapter 22 เมื่อมองเห็นเมืองใหญ่ของเผ่านกจากบนเขาลูกสุดท้ายของการเดินทาง เป็นทางลงสูงชันติดขอบผาซึ่งน้อยนักจะมีคนสัญจรผ่าน เนื่องจากทางที่สูงชันและอันตราย ผู้ที่ใช้เส้นทางจึงมีแต่คนที่อาศัยอยู่บนภูเขานี้เท่านั้นที่ใช้งาน เส้นทางจึงทั้งแคบและกันดาล แถมยังน้อยคนนักที่จะรู้จักเส้นทางนี้ ทันทีที่ลงจากเขาก็เหลือระยะทางในการเดินทางอีกไม่ไกล อาณาเขตของเผ่านกนั้นจัดได้เท่ากันเมืองเมืองหนึ่งเลยทีเดียว เมืองบนต้นไม้แห่งนี้มีความกว้างใหญ่และความทันสมัยเต็มไปด้วยวิทยาการและการก่อสร้างที่เหนือล้ำเมืองบนดินใดๆ ก็ยากที่จะเทียบเทียมได้ แม้มองจากท้องฟ้าสูงก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน และด้วยเหตุนี้เอง การเดินทางที่นิยมกันเป็นอย่างยิ่งของเมืองแห่งนี้จึงเป็นวิธีการเดินทางทางอากาศ และเป็นสาเหตุที่ทำให้การเดินทางด้วยเท้ามายังเมืองผ่านป่ารกทึบนั้นทำได้ยาก ผืนป่าแห่งนี้น้อยนักที่จะถูกรบกวนด้วยคนสัญจร แม้ว่าจะมีบ้างแต่ก็มีน้อยที่จะมีผู้เดินทางด้วยเท้าเพื่อไปยังอาณาเขตของเผ่านก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหล่าต้นไม้เจริญเติบโตอย่างเต็มที่โดยไม่มีคนรบกวน ฟีต้าตื่นตากับต้นไม้สูงใหญ่ราวกับหอคอยยักษ์สูงเสียดฟ้าขึ้นอยู่ห่างๆจากกัน กิ่งแต่ละก่อนเทียบได้กับต้นไม้ใหญ่ในโลกใบเก่าของนาง ดูแล้วประมาณสิบคนโอบได้กระมัง ใบไม้ใบใหญ่และกว้างพลิกพลิ้วอยู่เหนือหัวทำให้มีแสงลงมาต้องพื้นบ้าง และยังทำให้นางนึกถึงเพดานถ้ำที่เป็นเส้นทางผ่านระหว่างแดนมนุษย์กับโอราเคิล เพดานที่พราวระยับราวกับผืนฟ้าประดับดาว เว้นก็เพียงแต่ว่าผืนฟ้านั้นเป็นสีมรกต รากแต่ละรากที่โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดินนั้นสูงเสียจนท่วมหัวอีกทั้งยังใหญ่ บางรากมีมอสหนาและดูฟูจนดูราวกับเป็นเตียงนอนบุกำมะหยี่เลยทีเดียว แต่หลังจากที่เดินทางภายใต้ร่มไม้หนาของผืนป่าอันกว้างใหญ่เป็นเวลานานบนหลังม้าที่ทำให้การเดินทางช้ายิ่งกว่าเดิมเพราะต้องคอยหลบอ้อมรากไม้ใหญ่ตลอดเวลา ในที่สุด...ความตื่นเต้นก็โบยบินจากไปและหญิงสาวก็เอ่ยปากขึ้น อีกไกลไหมเฟท กว่าเราจะไปถึงที่นั่น อืม ก็คงจะต้องเดินทางอีกสองสามวันกระมัง อันที่จริงถ้าเดินทางด้วยการผ่านช่องเขามาก็จะใช้เวลาแค่สามวัน เพราะวันสุดท้ายเป็นวิธีเดินทางโดยใช้เรือบินบอลลูนเร็วของเผ่านกในการขนส่งทำให้เดินทางไปถึงเผ่าในเวลาไม่นาน แต่ถ้าจะให้เดินผ่าป่าทึบนี้จริงๆละก็ สักสามวันเอาอยู่หรอก เฟทเอ่ยให้กับฟีต้าได้ฟัง บอลลูนเหรอ? อืม...บอลลูนพูดไปมันก็คือลูกบอลใหญ่ข้างในมีลมร้อน ทำให้อากาศของในร้อนและเบา มันเบากว่าอากาศที่เราหายใจทำให้บอลลูนนั่นลอยขึ้นไปได้ ทำให้เร็วขึ้นด้วยการกระพือลมที่เรียกว่าการปล่อยแรงอัดอากาศทางท้ายเรือทำให้ไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น เลยเรียกว่าเรือบินบอลลูนเร็ว วิทยาการนี้เราค้นพบมานานแล้วมันเป็นการสั่งสมความรู้และประสบการณ์อันยาวนานเราจึงสังเกตจุดนั้นและนำเอามาใช้ ในขณะที่มนุษย์ยังไม่มีวิทยาการนี้ แต่ข้าคิดว่าพวกมนุษย์ก็คงจะค้นพบเข้าสักวันนั่นแหละ แต่ถึงตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่อะไรเกิดขึ้นในโอราเคิลนี้อีกบ้าง ตอนมองลงมา ข้ารู้สึกว่าที่นั่นอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะไกลถึงเพียงนี้ ฟีต้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันบ่งบอกถึงความเหนื่อยอ่อน ชีวิตไม่ง่ายเหมือนที่มองเห็นใช่ไหมล่ะ? เฟทเอ่ยคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เขาหัวเราะในคอขำขำขณะก้มลงมองหญิงสาว ข้ารู้ดีอยู่แล้ว นกน้อยของเขาทำปากยื่นและหันมาทำตาขวางใส่เขา นางให้ค้อนงามๆแก่เขาหนหนึ่งด้วย ถ้าอย่างนั้นข้าก็คิดว่าได้เวลามองหาที่พักได้แล้ว เฟทเอ่ยแล้วชักม้าหยุดเขาเห็นลานเล็กๆระหว่างรากของต้นไม้ที่ดูแล้วน่าจะพอสำหรับการพักผ่อนในคืนนี้ พอร่างสูงกระโดดลงจากหลังม้า เขาก็อุ้มหญิงสาวตามลงมาเหมือนทุกครั้ง ทว่าหนนี้เขาอุ้มนางตัวลอยเอาไปวางไว้บนพื้นยกสูงระหว่างรากไม้ที่เขาเล็งไว้เหมือนกับนางเป็นตุ๊กตา แล้วก้าวถอยห่างออกมามองอย่างชื่นชม อยู่ตรงนี้นะ ไคเมร่าหนุ่มขยิบตาให้กับสาวน้อย และทำให้นางหัวเราะ การเดินทางที่ผ่านมาทำให้ทั้งสองวางใจในความปลอดภัยของตนเองขึ้นเป็นอย่างมาก เฟทนึกรู้สึกขอบคุณแผนการของพ่อที่ล่อพวกนักฆ่าไปติดกับแบบยกโขยง การที่เขาเดินทางได้อย่างรานรื่นสวัสดิภาพเช่นนี้ก็หมายความว่าแผนการนี้ใช้ได้ผล อีกทั้งนี่ก็เข้าใกล้อาณาเขตของเผ่านกแล้ว ไคเมร่าหนุ่มจึงวางใจไปเปราะหนึ่งและในที่สุดเขาก็จัดการหาที่พักให้กับม้าได้สำเร็จ และเมื่อไคเมร่าหนุ่มเดินกลับมาที่จุดเดิม... ที่นั่น... ไม่มีใครยืนอยู่อีกแล้ว! ทางด้านตัวล่อที่เดินทางมาก่อนนั้น สาวสวยผมเงินกำลังอารมณ์บูดเต็มที่ ภายในรถม้าซึ่งบัดนี้เพิ่มจากหนึ่งเป็นสองคันแออัดยัดเยียดไปด้วย...คนร้าย...มากมายยัดอยู่รวมกัน ทำให้ผู้เป็นเจ้าของรถม้าโดยชอบธรรมต้องระเห็จมาซ้อนม้าตัวเดียวกับเพื่อน...เฮ้อ สภาพน่าดูซะไม่มีล่ะ! ขากลับเรียกได้ว่าเป็นที่ทุลักทุเลมากที่สุด เพราะจำนวนคนที่ต้องนำกลับไปด้วยนั้นเพิ่มทำให้การเดินทางล่าช้ากว่าขาไป สองหนุ่มจากวิหารจึงเห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องมีการแวะตามทางเพื่อให้ม้าได้พักบ้าง อีกทั้งพวกเขายังต้องทำหน้าที่ให้ข้าวให้น้ำแก่พวกวายร้ายทั้งหลายที่จับมาอีกด้วย...ถึงวิหารก่อนเถอะ จะจับเตะส่งกลับเผ่าพวกมันให้หมด ดูซิว่าจะทำหน้ากันยังไง...เพราะวายร้ายพวกนี้ส่วนใหญ่ก็มีคดีในเผ่าจนอยู่ไม่ได้ต้องหนีออกมาก่อเรื่องข้างนอกกันทั้งนั้น! ในใจเฟตอนนี้นึกอยากจะฆ่าทิ้งเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่ด้วยกฎสารพัดมันรั้งเขาเอาไว้ หากผู้นำละเมิดเสียเองแล้ว วิหารก็จะไม่ได้รับความไว้วางใจอีก แต่ถึงกระนั้น เขาก็มองไม่เห็นทางว่าเอาพวกสวะพวกนี้กลับไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา พวกนักฆ่าปลายแถวพวกนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกหนักไม่เอาเบาไม่สู้ แล้วก็หันมาลักขโมยเขาไปวันๆหลังจากนั้นก็พัฒนาไปคบหากับพวกเกกมะเหรกเกเรระรานชาวบ้าน จากนั้นก็กลายเป็นปล้น แล้วก็พยายามจะอัพเกรดตัวเองให้ดูดีโดยการเรียกตัวเองว่าเป็นนักฆ่า จอมโจร หรืออะไรก็ตามแล้วแต่ที่พวกมันจะนึกออกทั้งนั้น ส่วนพวกที่เป็นตัวจริงไม่กระจอกออกมาให้จับง่ายๆแบบนี้หรอก! นี่ ขนพวกนี้กลับไปแล้วเราจะได้อะไรขึ้นมาเหรอ เซลดัล? เพื่อนสมิงถอนหายใจ เขาต้องตอบคำถามซ้ำซากของเจ้าไคเมร่าเพื่อนรักนี่มาตลอดทาง เขาเองก็ชอบสภาพน่าทุเรศที่เป็นอยู่นี่เสียที่ไหน ไอ้เจ้าเพื่อนบ้ามันช่างไม่เข้าใจเขาเสียบ้างเลย พอเสียทีได้ไหม...ข้าตอบเจ้าไปตั้งเท่าไหร่แล้ว เจ้านี่ อายุตั้งปูนนี้แล้วทำไมยังทำตัวเป็นเด็กๆอยู่ได้! เซลดัลขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ็ดเพื่อนรักไปพลางข่มอารมณ์โมโหของตนเองไปพลาง ก็ข้าไม่ชอบขี่ซ้อนหลังเจ้านี่! ถ้าเป็นสาวๆอยู่ข้างหน้าก็ว่าไปอย่าง ทำไมข้าจะต้องมาซ้อนผู้ชายด้วยกันด้วยเล่า นี่เขาต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กโข่งนี่ด้วยรึไง! ข้าก็ไม่อยากได้ผู้ชายมาซ้อนท้ายนักหรอก! แล้วการทะเลาะถกเถียงของเด็กๆก็บังเกิดเพื่อนรักเด็กโข่งสองตัวส่งเสียเอะอะโวยวายทะเลาะกันโดยไม่รู้จักอายลูกน้องที่บังคับรถม้าตามหลังมาเสียบ้าง ทว่าในเวลาที่ทั้งสองกำลังอยู่ในโลกส่วนตัวแบบที่ไม่น่าอยู่นั้นเอง... จู่ๆก็มีร่างๆหนึ่งกระโจนออกมาจากต้นไม้แล้วล้มลง! เซลดัลแทบจะชักม้าไว้ไม่ทัน สองหนุ่มผู้ไม่ต้องใจกับการขับขี่ก็กระโดดลงจากหลังม้าทันใด วิ่งเข้าไปดูร่างที่ล้มลง เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า... เซลดัล! นั่นมัน... เฟเรียกเพื่อนรักเอาไว้ มองร่างในเสื้อคลุมขาดกะรุ่งกะริ่งนั่นอย่างจำได้ ช่วยด้วย เสียงเล็กๆนั่นเอ่ยกระท่อนกระแท่น ดวงตาสีเทาหม่นภายใต้ผ้าคลุมโผล่ออกมาให้เห็นพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยพกช้ำและมีบาดแผล... ช่วยท่านตาของข้าด้วย! ทันใดนั้นสองเกลอก็จำนางได้ในทันที! นางก็คือหลานสาวของท่านร็อคโก้นั่นเอง! แล้วนกน้อยก็ถูกจับได้! นี่คือวันที่เขารอคอยมาแสนนาน เมื่อความเป็นอมตะจะอยู่กับเขาไปตลอดกาล! ด้วยหัวใจของนกน้อยตัวนี้ เขาจะคงอยู่ไปชั่วฟ้าดินสลาย เขาจะมีอำนาจ ยิ่งใหญ่ ไปตลอดกาล และไม่มีผู้ใดจะอยู่เหนือเขาได้อีก ไม่มีสัตว์ตัวใดจะเหนือเขาได้อีก เขาจะสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ได้ และจะแข็งแกร่งและงดงามตลอดไป จนแทบเทียบเคียงได้กับเหล่าพระเจ้าเลยทีเดียว วันเวลาที่เต็มไปด้วยความพลาดหวัง ความโดดเดี่ยว วันเวลาที่ไม่เคยได้รับความสำคัญจากผู้คนรอบข้าง มันกำลังจะจบลง! แล้วเจ้าจะทำยังไงต่อไป ชายในเงามืดเอ่ยถาม เท่าที่เขาเห็น...อีกไม่นานคนรักของแม่สาวน้อยนี่ต้องมาตามตัวนางคืนแน่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าน่าสนใจ สิ่งที่เขาสงสัยคือ ทำไมชายผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ จึงได้สนใจแม่นกน้อยนี่นัก? มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า! ในทันใดนั้น ไควาก็แสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างปุบปับ แววตาของไควาในเวลานี้ดูระแวงอย่างน่ากลัว ท่าทางค้อมไหล่มาข้างหน้าราวกับสัตว์ป่าที่พร้อมจะจู่โจมทุกเมื่อที่มีใครหาญกล้าเข้าใกล้สิ่งที่มันถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ ไม่ใช่! ท่าทางนั้นไม่ใช่ท่าทางของสัตว์เพศผู้ที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวเมียของมัน สายตาที่ไความองไปที่แม่สาวนั่นเหมือนกับสัตว์ยามที่มันจ้องมอง... เหยื่อ! นักฆ่าหนุ่มไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายระแวงตน เขาต้องการจะรอเวลาที่สัตว์ป่าตนนี้คลายใจจากเขา และเมื่อถึงเวลา เขาจะสั่งสอนให้มันรู้ว่า...นักฆ่าที่แท้มันไม่ได้เลี้ยงกันง่ายอย่างที่คิด! มือสังหารหนุ่มไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับท่าทีและสายตาของไควา ข้าก็ไม่ได้สนใจอะไรนี่ งานของข้าเสร็จแล้ว แต่สัญญา...ต้อง...เป็นสัญญา รางวัลของข้าล่ะ น้ำเสียงเรื่อยๆถามกลับมา ทำให้ไควาผู้เผลอตัวตั้งสติได้ว่าตนได้เผลอแสดงท่าทีผิดปกติออกไปต่อหน้าชายหนุ่มตรงหน้า จึงพยายามพลิกทีท่าของตนกลับมาดังเดิม โดยการยืดตัวตรงขึ้นแล้วทำทีเป็นพยักหน้าขรึมๆ ไว้ตน ไม่ลืมแน่ ไควาเดินไปที่ตู้ใหญ่ ดึงลิ้นชักออกมาแล้วโยนไปตรงหน้าของหนุ่มนักฆ่า...บนพื้น รับไป นี่เป็นอีกเรื่องที่เขาจะต้องรวมเอาไว้ในบทเรียนแน่! หนุ่มนักฆ่าบันทึกไว้ในใจอย่างลับๆ ก่อนที่จะเล่นกายหลบออกไปเงียบเชียบอย่างที่ไควาไม่มีวันรู้ว่าเขาจากไปตั้งแต่เมื่อใด และเมื่อไควาหันมากวาดสายตามองหาร่างนั้นอีกครั้ง คนผู้นั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว เฟทส่งข่าวกลับไปยังวิหารและส่งข่าวไปให้ผู้เฒ่าร็อคโก้ล่วงหน้าการมาถึงของตนหนึ่งวัน เฟทตัดสินใจทิ้งม้าของตนเอาไว้ในป่า แล้วบินลัดฟ้าตรงมาที่เผ่านกด้วยตนเอง แต่ทว่าพอมาถึง เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจ ทันทีที่เขาร่อนลงพื้น นายทหารติดปีกของเผ่านกก็ดาหน้าเข้ามาล้อมเขาเอาไว้พร้อมอาวุธครบมือ...ทั้งโล่และทวน! นี่ไม่น่าจะใช่การต้อนรับอย่างสมเกียรติ! ข้าคือเฟท บุตรแห่งจ้าภูผา ข้าคือแขกของผู้เฒ่าร็อคโก้และต้องการพบท่านผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้! ไคเมร่าหนุ่มร้องประกาศ นายทหารผู้หนึ่งจึงก้าวออกมา เครื่องแต่งกายของเขาดูเหมือนกับเครื่องแบบของตัวอื่นๆ เว้นเสียก็แต่แถบรัดต้นแขนสีแดงที่คาดอยู่ข้างซ้าย ข้ารู้ดีว่าเจ้าเป็นใคร! ข้าขอจับกุม ในฐานะที่เจ้าเป็นฆาตกรสังหารอดีตหัวหน้าเผ่าของเรา! อะไรนะ! เฟทร้องเสียงหลง ไม่! เมื่อไหร่ ท่านร็อคโก้ตายรึ? ไม่จริง ข้าไม่ได้ฆ่าท่านผู้เฒ่า มันจะต้องมีอะไรผิดพลาด! เป็นเจ้านั่นแหละ! ท่านไควาได้ประกาศแก่ทุกคนได้รู้กันหมดแล้วว่า พวกไคเมร่าฉวยโอกาสสังหารท่านผู้เฒ่าในขณะที่ท่านพำนักอยู่ในวิหารโอราเคิลเพื่อที่จะเข้ามายึดครองเผ่าของพวกเรา พวกเราได้เตรียมพร้อมที่จะรบแล้ว...วิหารใหญ่ต้องพินาศ! ในนาทีนั้นเอง เฟทก็เข้าใจ คนในเผ่านกรวมทั้งพวกเขาโดนไควาหลอกเสียสนิท!
Free TextEditor
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:12:53 น. |
|
0 comments
|
Counter : 140 Pageviews. |
|
|