คิมหันต์ที่ 17/2
หลังจากที่ทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว เฟก็พยักหน้าให้ฟาฟาซึ่งภรรยาจ้าวภูผาเข้าใจได้ในทันทีและรีบดึงสาวน้อยแยกจากลูกชายไป โดยบอกว่าจะพาไปอาบน้ำพักผ่อนให้คลายความอ่อนล้าจากการเดินทาง หากแท้ที่จริงแล้วนั้น นางต้องการพาหญิงสาวแยกไปก่อนก็เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อลูกได้มีเวลาพูดคุยกัน ฟาฟานำหญิงสาวไปยังห้องที่นางเคยใช้ก่อนที่จะแต่งงานกับเฟและกลายมาเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งยังเป็นห้องเก่าของเฟลิอาน้องสาวของเฟทมาก่อนอีกด้วยก่อนที่ไคเมร่าสาวน้อยน้องของเฟทนางนั้นจะออกเรือนไปกับเพื่อนสนิทของบิดา...เซลดัล ผู้ปกครองดูแลเผ่าสมิงและปัจจุบันนี้ก็ปกครองพวกเผ่าพันธุ์แมวเล็กรวมเข้าไปด้วย และไม่ว่าจะเนิ่นนานผ่านกาลเวลามากี่ร้อยปีแล้วก็ตาม สถานที่แห่งนี้กลับไม่เคยเปลี่ยนแปลง ฟีต้าเดินผ่านบานประตูใหญ่เข้าไปด้วยดวงตาเบิกกว้างและเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะแม้จะประดับตกแต่งไม่ได้หรูหราไปด้วยสิ่งตกแต่งมากมายเช่นเดียวกับที่วิลล่าของไชน์หรือในคฤหาสน์ที่นางเคยเป็นข้ารับใช้ที่นางเคยอยู่มาก่อน แต่ด้วยความกว้างใหญ่ของห้อง และส่วนที่เปิดออกสู่สวนที่กว้างขวางสวยงาม หน้าต่างบางใหญ่สูง เตียงนอนที่กว้างขวางสะอาดใหม่ ไม่ว่ามองไปที่พื้น ผนัง หรือเพดานต่างก็เป็นประกายระยิบระยับ ทุกวงกบประณีต ทุกภาพสลักงดงาม ทุกการตกแต่งส่งผ่านความอ่อนหวานและความงามสง่าที่บอกให้รู้ว่า...นี่เป็นห้องสำคัญ ผู้ตกแต่งให้ความสำคัญ และผู้ที่มาอยู่ในห้องนี้นั้นเป็นคนสำคัญ ทุกม่านและผืนผ้าได้รับการดูแลสะอาดสะอ้านนุ่มนวล ดูอบอุ่นอ่อนโยน ทั้งหมดที่เห็นนั้นล้วนลงตัวเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นความงามแบบคลาสสิกที่ไม่ต้องการตกแต่งประดับประดาด้วยสิ่งมีค่าอื่นใดอีกก็เพียงพอแล้ว ห้องนี้ถูกใจเจ้าบ้างไหมจ้ะ...ฟีต้า เสียงอันอ่อนโยนนั้นทำให้หญิงสาวคนใหม่กลับมาสู่ความจริงในปัจจุบัน ฟีต้ามองนางด้วยความรู้สึกของคุณ มากเลยค่ะ ห้องนี้สวยเหลือเกินค่ะ ข้าซาบซึ้งจริงๆ มากจน ข้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณอย่างไรดี การมาถึงของเจ้าก็เป็นของขวัญอันวิเศษสุดของพวกเราแล้วจ้ะ ห้องนี้เคยเป็นห้องของข้ามาก่อน ตอนที่ข้ามาถึงโอราเคิลเป็นครั้งแรก ข้าตื่นขึ้นมาให้ห้องๆ นี้ ข้าได้พบหน้าสามีของข้าครั้งแรกที่ห้องนี้ และได้รับคำขอแต่งงานที่วิเศษที่สุดของเขาที่ห้องนี้ ลูกสาวของข้าก็เคยอยู่ในห้องนี้มาก่อนเหมือนกัน และนางก็ได้พบกับสิ่งวิเศษในห้องๆ นี้เช่นกัน ฟาฟาเล่าให้กับหญิงสาวฟังด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขเมื่อได้ระลึกถึงอดีตทำให้ใบหน้าของนางดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น เหมือนเป็นห้องเจ้าสาวเลย... ฟีต้าเปรยขึ้นแล้วหน้าก็เกิดระเรื่อขึ้นมาเมื่อคิดว่าตนจะได้มาอยู่ในห้องนี้ ฟาฟาหัวเราะชอบใจกับคำพูดนั้น นั่นสินะ นางเออออเห็นด้วย แต่...ห้องที่สำคัญถึงขนาดนี้...ให้ข้าเข้ามาใช้ได้เหรอคะ เมื่อได้รับคำบอกเล่าเรื่องราวแล้ว ฟีต้าก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา ด้วยรู้สึกว่าห้องนี้เป็นห้องที่มีความหลังอันแสนพิเศษของคนหลายคนเหลือเกิน ดีเป็นอย่างยิ่งจ้ะ... ฟาฟาตอบทันใด ไม่มีห้องไหนที่เหมาะสมกับเจ้ามากเท่ากับห้องๆ นี้อีกแล้ว เพราะเจ้าคือคนสำคัญของเราจ้ะ และข้าก็หวังว่าเจ้าจะได้พบสิ่งที่วิเศษในห้องๆนี้ ทุกอย่างในห้องนี้มีไว้เพื่อรอคอยการมาของเจ้าทั้งสิ้นจ้ะ ทำไมถึงเป็นข้าเหรอคะ? ฟีต้าเอ่ยถาม นางไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟาฟาต้องการจะบอกนางเลยสักนิดเดียว ก็เพราะเจ้าคือคนสำคัญของเฟทไงละจ้ะ... ฟาฟาบอกด้วยรอยยิ้มและสายตาเปี่ยมสุข และกำลังจะมาเป็นลูกสาวคนสำคัญของเราอีกคนเช่นกัน เจ้าของห้องๆนี้ล้วนแล้วแต่เป็นว่าที่เจ้าสาวผู้มีความสุขทั้งสิ้น และด้วยความรู้สึกนี้ ข้าในฐานะแม่ก็หวังว่า...ลูก...ก็จะได้รับพรนั้นเช่นเดียวกัน... รอยยิ้มนั้นแสดงออกถึงความรักของผู้เป็นมารดาทำให้หัวใจของหญิงสาวรู้สึกอบอุ่นล้ำลึก ทำให้น้ำตาของนางไหลอย่างไม่อาจห้ามได้... ขอบคุณค่ะ... ฟีต้าสะอื้น น้ำตาของนางไม่ได้เกิดจากความเศร้าเลยแม้แต่น้อย หากเป็นความสุขล้ำลึก ฟาฟาตรงเข้าโอบกอดหญิงสาวเอาไว้อย่างอ่อนโยน ความรู้สึกนี้คล้ายและแตกต่างจากความรู้สึกที่นางได้รับจากเฟท...ความคล้ายคลึงของชายหนุ่มกับบิดามารดาของเขานั้นไม่เพียงแค่รูปกายภายนอกเท่านั้น แต่รวมถึงจิตใจอีกด้วย และความอ่อนโยนนี้เขาก็คงได้รับมาจากผู้เป็นมารดาอย่างแน่นอน ยินดีต้อนรับสู่บ้านอีกครั้งนะจ้ะ ลูกสาว นางยิ้ม ข้าเองก็เป็นห่วงเฟทเหลือเกิน...ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีอายุที่ยืนยาวก็ตาม แต่ก็ยังเป็นเพียงคนที่มีเพียงชีวิตเดียวเช่นเดียวกัน เราไม่ได้เป็นอมตะหรืออยู่ยงคงกระพัน แม้ว่าชีวิตที่ยืนยาวจะทำให้เรารุ่งเรืองไปด้วยภูมิปัญญาความรู้เหนือมนุษย์ แต่เผ่าพันธุ์ของเราก็อยู่ใกล้กับคำว่าสิ้นสุดเป็นอย่างมากเช่นกัน หลายร้อยปีให้หลังมานี่ เราพบว่าเด็กโอราเคิลที่เกิดขึ้นมีจำนวนลดน้อยถอยลง และทั้งถือกำเนิดขึ้นอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น อย่าว่าแต่คลอดออกมาเลย แม้แต่ปฏิสนธิขึ้นในครรภ์และอยู่นานจนครบกำหนดก็ยังน้อยนัก ราวกับว่าแม้ร่างกายของเราจะแข็งแรงก็ตาม แต่เชื้อพันธุ์ของเรากลับอ่อนแอลง ในเวลานี้...เด็กที่เกิดขึ้นมาถือเป็นพรจากพระเจ้าอย่างแท้จริงเลยทีเดียว ฟาฟาเอ่ยด้วยสีสลด เนื่องจากนางเป็นเสมือนผู้เยียวยาแห่งโอราเคิล นับแต่ครั้งที่เข้ามาอยู่และเป็นผู้บริหารในทางการแพทย์ที่มีอำนาจการสั่งการสูงสุดของโอราเคิล กระนั้นนางก็ไม่อาจสั่งความเป็นเป็นความตายได้ ไม่สามารถบังคับให้ชาวเผ่าเกิดขึ้นมาได้เช่นเดียวที่นางจะไม่มีวันสั่งใครให้ตาย! คือ...ข้าเองก็ไม่เข้าใจที่ท่านพูดสักเท่าไรนักค่ะ แต่ระหว่างทางที่ข้าและเฟทได้เดินทางมาด้วยกัน เราได้พบกับท่านลิลี่ กูว์โด ท่านนั้นเป็นผู้มีความรู้มาก อีกทั้งท่านยังเป็นชาวโอราเคิลพวกแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาซึ่งไม่ยอมละถิ่นกำเนิด บางทีถ้าเป็นท่านลิลี่แล้วละก็ ข้าเชื่อว่าต้องมีทางออกให้กับพวกเราได้ก็เป็นได้ค่ะ... ฟีต้าเอ่ย เมื่อฟาฟาหันมามองนางด้วยดวงตาโตและสีหน้าที่ยากจะอ่านความรู้สึก หญิงสาวก็ก้มหน้างุดด้วยความกลัวและความอายในสติปัญญาอันน้อยนิดของตนที่ยังคิดกล้าออกความคิดเห็น แม้ที่นางจะเอ่ยเพราะต้องการจะปลอบใจอันเกิดจากความหวังดีก็ตาม แต่ก็รู้สึกโง่เขลาอยู่นั้นเอง หากฟาฟาที่มีสีหน้าเช่นนั้นหาได้เป็นอย่างที่สาวน้อยคิดไม่... พวกเราเหรอ? โอ...แม่ดีใจเหลือเกินที่เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้ ขอบใจเจ้ามากเลยจ้ะ ฟาฟาซาบซึ้งในความรู้สึกของหญิงสาวและความหวังดีของนาง แม้ตอนแรกในใจจะยังกลัวว่าสาวน้อยผู้นี้ที่ห่างบ้านมาหมาดๆอาจจะไม่อาจรับได้กับสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นได้ แต่คำว่า...พวกเรา...นั้นที่หลุดปากออกมา ได้พิสูจน์แล้วว่าฟาฟาคิดกลัวไปเอง เพราะการจะรับใครเป็นพวกได้นั้นต้องอาศัยเวลาและความไว้วางใจเป็นอย่างมาก... ส่วนเรื่องท่านลิลี่ กูว์โด บางทีข้าอาจจะต้องลองคุยกับเฟดู ฟีต้ารู้สึกดีใจอย่างล้นเหลือขึ้นมา ไม่เพียงเพราะความคิดของนางได้รับการยอมรับจากฟาฟาเท่านั้น หากเพราะความรู้สึกรักใคร่ที่ส่งออกมาจากดวงตาของนางอีกด้วย สำหรับฟีต้า...ผู้แทบจะไม่เคยได้รับการเข้าพวกเข้ากลุ่มกับใครเลยนั้น มาถึงวันนี้... นางได้รู้สึกว่า...ตนเองนั้นได้หยั่งรากลง ณ ที่แห่งนี้แล้วอย่างรวดเร็ว อีกฟากหนึ่ง พ่อและลูกชายตกอยู่ในบรรยากาศเคร่งเครียด เมื่อเฟทได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้พบมาทั้งเรื่องที่เขาได้ไปพบลิลี่ กูว์โด รวมทั้งแผนการของไควา...ผู้ปกครองสูงสุดของเผ่าวิหค รวมทั้งสิ่งที่เขาได้รู้มาจากลิลี่ กูว์โด...เรื่องที่เกี่ยวกับความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ ...จ้าวเผ่าในแต่ละเผ่าถูกคัดเลือกขึ้นมาดำรงในตำแหน่งแตกต่างกัน มีตั้งแต่ถูกคัดเลือกขึ้นจากความเห็นชอบของคนในเผ่า การปราบดาและตั้งตนขึ้น จากการเสี่ยงทายของนักบวชของแต่ละเผ่า รวมทั้งการสืบทอดทางสายเลือด ส่วนตำแหน่งจ้าวภูผาที่ถูกตั้งขึ้นนั้นจะได้รับการคัดเลือกจากผู้ที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในด้านสติปัญญา ร่างกายและจิตใจ โดยผู้เข้าคัดเลือกเป็นผู้ที่ถูกเลือกแล้วจากในแต่ละเผ่าทั่วทั้งดินแดนของเราว่ามีความเหมาะสมจริงและเหมาะควรเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นตำแหน่งสูงสุดต่ำต้อยเพียงทวยเทพ...ดุจดั่งเทพบนผืนภพ เมื่อสภาผู้เฒ่ารวบรวมผู้ที่เหมาะสมทั้งหลาย ผู้เหมาะสมเหล่านั้นจะต้องผ่านการทดสอบทั้งหมดในระดับสูงสุดเท่าเทียมกัน และในตอนสุดท้ายก็คือ...การต่อสู้กันด้วยกำลัง เพราะพวกเราต่างเป็นสัตว์ ผู้ที่เข้มแข็งเท่านั้นจึงอยู่รอด... ในเวลานี้ จริงอยู่ที่ไคเมร่าถูกมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่เข้มแข็งที่สุดในดินแดนแห่งนี้ และยังเป็นผู้ปกครองสูงสุด แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถก้าวก่ายในกิจการใดๆ ของเผ่าอื่นได้ด้วย...ตลอดที่เดินทางกลับมาข้าก็คิด...การที่เราจะยื่นมือเข้าไปลงโทษคนของเผ่าวิหค โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเผ่าเองไม่ได้ก่อความเดือดร้อนให้แก่เผ่าอื่นๆ นั้นมันก็ยากจะแทรกแซงได้ ถึงให้ไควาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาก็ตาม แต่ว่านี่เป็นถึงหัวหน้าเผ่าแล้วด้วยนั้นยิ่งยากใหญ่! แต่...จะให้ข้าปล่อยปละละเลยสิ่งที่คนๆ นั้นทำลงไป ข้าก็ยอมไม่ได้อีกเช่นกัน แถมถ้าเป็นจริงอย่างที่ว่าคนๆ นั้นอาจเป็นภัยร้ายแรงคุกคามแล้วเรื่องก็จะลุกลามใหญ่โตขึ้นก็เป็นได้นะครับ เฟทถอนหายใจครั้งหนึ่งหลังจากรายงานสิ่งที่ได้รู้มาให้กับผู้เป็นพ่อได้รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ในขณะเดียวกันที่เฟประสานมือทั้งสองวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของตนด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เมื่อได้เห็นพ่อของเขาไม่มีทีท่าแปลกใจแต่ประการใด เฟทก็รู้สึกฉงนใจและร้อนใจยิ่งนัก ไคเมร่าหนุ่มตกอยู่ในความตึงเครียดขณะที่รอดูทีท่าของผู้เป็นบิดา...จนกระทั่งคนตรงหน้าขยับตัวจากท่านั่งในที่สุด... เกี่ยวกับเรื่องนั้นข้าเองก็พอจะได้ยินมาเช่นกัน เกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของวิหคศักดิ์สิทธิของมหาวิหาร ข้าเคยพบกับนางครั้งหนึ่ง เมื่อตอนที่ข้าเข้ารับการทดสอบเพื่อขึ้นเป็นจ้าวภูผา และเป็นเพราะเสียงของนางข้าจึงได้รับสิทธิในการเข้าคัดเลือก ทั้งที่ถูกคัดค้านมากมายด้วยความเป็นไคเมร่า ซึ่งในยุคนั้นเราเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดในสายตาของคนในดินแดนของเรา ผ่านวันและเวลามาหลายร้อยปีให้หลังข้าได้รับการบอกเล่าถึงการสิ้นชีวิตลงของวิหคอมตะผู้นั้น และการเกิดใหม่ของนาง...ซึ่งเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบพันปีตามอายุขัยสูงสุดของคนในดินแดนของเรา... เวลานั้นพิธีกรรมต่างๆ ถูกปิดเงียบจนน่าแปลกใจ ทั้งที่ชาววิหครักงานรื่นเริง และการเกิดใหม่ในรอบหนึ่งพันปีของวิหคศักดิ์สิทธิก็น่าจะเป็นโอกาสพิเศษอันหาได้ยากยิ่งที่พวกเผ่าวิหคไม่น่าจะพลาดการเฉลิมฉลอง จนแม้แต่...ตัวข้าเองก็ยังนึกสงสัยว่า เป็นเพราะการหายตัวไปอย่างลึกลับของหัวหน้าเผ่าคนก่อนหรือไม่ ที่ทำให้ความกระตือรือร้นของเผ่าวิหคลดลงไปด้วยความเศร้าโศก หัวหน้าเผ่าคนก่อนเป็นผู้ทรงภูมิอย่างแท้จริง...หลายครั้งที่ข้าได้พบท่านผู้เฒ่าสีเงินผู้นั้น...ข้ายังจำได้เป็นอย่างดีถึงมุมมอง มุขตลก ปัญญา และดวงตาบริสุทธิ์ของตาเฒ่านกนั่น ทำให้ข้าเองยังรู้สึกเสียดายในการจากไป เพราะเหตุนี้ทำให้หัวหน้าเผ่าวิหคหนุ่มนั่นขึ้นมาสู่อำนาจในฐานะผู้สืบทอดเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เมื่อเฟเอ่ยมาถึงตรงหนี้ เฟทก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่? ช่างขัดกับลักษณะครอบครัวของเผ่านกยิ่งนัก เพราะเผ่านกนั้นมักจะมีลูกหลานในแต่ละช่วงอย่างมากมาย จึงเป็นเรื่องแปลกมากที่ผู้สืบทอดสายเลือดของหัวหน้าเผ่าคนก่อนจะเหลืออยู่เพียงคนเดียวได้... ผิดปกติใช่ไหมล่ะ? แน่ล่ะ เพราะก่อนหน้าที่หัวหน้าเผ่าเฒ่าจะหายตัวไป ลูกหลานก็พากันเสียชีวิตไปราวกับใบไม้ถูกปลิดออกจากกิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่ปาน เรียกได้ว่าร่วงหมดแทบโกร๋นต้นเลยเชียวล่ะ เหลือก็เพียงท่านผู้เฒ่ากับหลานชายหลานสาวเท่านั้นแหละ หลังจากนั้น ตาเฒ่ากับหลานสาวก็หายตัวไปอีกเหลือแต่หลานชายนั่นแหละ...ฟังทะแม่งๆไหมล่ะ? เฟเอ่ย สายตาของผู้เป็นพ่อจับจ้องเพื่อสังเกตสีหน้าของผู้เป็นลูกชายอย่างใกล้ชิด...เฟทมีสีหน้าครุ่นคิดและดวงตาที่บอกเขาผู้เป็นพ่อให้รู้ถึงความคิดที่แล่นอย่างเร็วจี๋ของเจ้าลูกชาย หรือท่านพ่อคิดว่าไควาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้... แน่น๊อน! แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเผ่าวิหคเราไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปก้าวก่าย เว้นเสียแต่เราจะได้รับคำขอร้องมาเท่านั้น... เฟไหวไหล่แล้วเปลี่ยนท่ามานั่งเท้าคางกับโต๊ะทำงานของตนเองเพื่อปกปิดรอยยิ้มที่จุดขึ้นบนริมฝีปากของเขา ถ้าอย่างนั้นเราก็ทำอะไรไม่ได้เลยสิ! เฟยิ้มและยังคงยิ้มกว้างขึ้นกับท่าทีร้อนรนของพ่อลูกชาย...นึกถูกใจและแอบชมตัวเองอย่างเหลิงๆ ที่คิดการทำโทษนี้ขึ้นซึ่งทำให้พ่อลูกชายตัวแสบที่ทำเป็นเล่นไปเสียทุกอย่างกลับมาเป็นลูกชายที่เอาจริงเอาจังขึ้นมาได้ เย็นไว้ เจ้าหนู...ข้ายังไม่ได้บอกเลยนะว่าเราจะทำอะไรไม่ได้ในเรื่องนี้... คนเป็นพ่อยังคงยิ้มพร้อมส่งสายตาและสีหน้าที่ราวกับว่ากำลังปิดบังบางอย่างกับเขาเอาไว้อยู่ ซึ่งเฟทนั้นไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นยี่สิบคำถามกับพ่อของตนเองในเวลานี้แม้แต่น้อย... ท่านมีอะไรที่ไม่ได้บอกให้ข้ารู้ใช่ไหม? ท่านพ่อ...นี่มันเรื่องซีเรียสนะ! เรื่องทุกเรื่องซีเรียสทั้งนั้น เมื่อเราทำให้มันซีเรียสด้วยความคิดของเราว่ามันซีเรียส เจ้าหนู... เฟลุกขึ้นยืนแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปในความคิดของเฟท... ท่านพ่อ เรายังคุยกันไม่จบ นั่นท่านจะไปไหน? เฮ้! เย็นไว้...ข้ารู้ดีว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร เจ้าห่วงแม่หนูวิหคไฟตัวน้อยๆของเจ้าข้ารู้ดี แต่อย่าใช้ความรู้สึกตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น...เจ้าหนุ่ม ข้าไม่ได้จะหนีเจ้าไปไหนหรอก แต่ว่าข้ามีคนที่อยากให้เจ้าพบก่อน... เฟเอ่ยปรามพ่อลูกชายเอาไว้ในขณะที่เขาพร้อมแล้วที่จะเริ่มเปิดเผยสิ่งที่เขาได้เก็บซ่อนเอาไว้... คน? อยากให้ข้าพบ? ใช่ คนหรือจะเรียกว่า...นก ก็ได้... เฟเอ่ย ก่อนเปิดประตูออกพร้อมกับทักทายใครบางคนที่อยู่ด้านนอกนั้นอย่างสุภาพ ทันทีที่เฟทได้เห็นว่า...ใคร...คนนั้นคือใคร ชายหนุ่มก็ถึงกับอ้าปากค้าง... ท่าน!
Free TextEditor
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:22:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 156 Pageviews. |
|
|