~* SumiTra is a Pali name...it means 'GooD Friend'. *~
คิมหันต์ที่ 16/2

“ข้าต้องขอเตือนเจ้าทั้งสอง จงอย่าได้เชื่อใจไควาเป็นอันขาด! คนผู้นั้นมิใช่คนดีและไม่ใช่สัตว์ดีด้วยเช่นกัน! ความเป็นมนุษย์และความเป็นสัตว์มีอยู่ในตัวของพวกเราอย่างสมดุลก็จริงซึ่งนั่นก่อให้เกิดอำนาจอันแสนพิเศษที่พวกเรามีและจิตใจอันแสนพิเศษพิสุทธิ์ยิ่งของเผ่าพันธุ์เรา...จิตใจที่ใฝ่สันติ...และความปรารถนาถึงความสุขสงบทำให้พวกเราอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล แต่ทว่า...


“เมื่อใดแล้วที่จิตใจของเราถูกครอบงำด้วยความคิดอันแรงกล้าของมนุษย์ มันก็คือ...ความฉลาดล้ำที่ขาดหัวใจอันดีงาม ก่อให้เกิดความชั่วร้ายขึ้น เปลี่ยนแปลงสายเลือดของพวกเราให้จมลงสู่ความชั่วร้ายมืดดำเข้มข้น ลิลี่หันไปมองเฟทอย่างแน่วแน่ ดวงตาของนางนั้นดูหวาดหวั่น “เจ้าน่ะ คงได้เคยพบกับตนเองมาแล้วสินะ”


คำพูดนั้นกระทบใจเฟทเป็นอันมาก..ความคิดของเฟทนั้นโลดแล่นอย่างรวดเร็ว และเผยความกระจ่างแจ้งแก่ใจให้กับไคเมร่าหนุ่ม “หรือว่า...อาการป่วยของข้า? จะเป็น...”


“เมื่อความเคียดแค้น ความเกลียดและชิงชัง ความโกรธ ความยโส ความทะเยอทะยาน ความหวาดกลัว ตะกละ อิจฉาริษยา ใจคอคับแคบ และตัณหา เข้าครอบงำเรา มันจะเปลี่ยนแปลงเรา เจ้าพบมาแล้วกับความโกรธ ความเคียดแค้น ความชิงชัง เข้าครอบงำระหว่างที่เจ้าถูกชายผู้นั้นซึ่งเจ้าได้ให้ปฏิญญาปลิดชีพไปแล้วนั่นกักขังไว้”


“ท่านรู้เรื่องพวกนั้นด้วยเหรอ? ท่านรู้ได้อย่างไรกัน?” เฟทสงสัยมากยิ่งขึ้นตัวของสตรีเบื้องหน้า เขาแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอื่นล่วงรู้ในเรื่องนี้อีกนอกจากเขา ฟีต้า และจีอัสที่เสียชีวิตไปแล้ว!


“ข้าอยู่มานานแสนนาน ดวงตาของข้ามองเห็นความจริงในโลกผ่านกาลเวลามาหลายต่อหลายศตวรรษ นับแต่กำเนิดมนุษย์ขึ้นมาก็ว่าได้ จงอย่าได้สงสัยในตัวข้า จงเป็นดั่งที่เจ้าเคยเป็น จงเปิดหัวใจของเจ้าให้กว้าง...หนุ่มน้อย แล้วดวงตาของเจ้าจะเปิดออกเช่นกัน ชาวโอราเคิลเป็นชนที่มีอายุยืนยาว แต่จงจำไว้ว่า ไม่มีชนใดที่สามารถรุ่งเรืองได้ตลอดกาล ตราบใดที่โลกและเวลายังหมุนไป...โอราเคิลก็เช่นเดียวกัน” ลิลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับทั้งสองอีกครั้ง


“ถ้าเช่นนั้น ทำไมท่านไม่บอกพวกเรามาทั้งหมดเลยล่ะครับว่า ความจริงแล้วเรื่องราวมันเป็นเช่นไร? ข้ารู้มาจากไควาเพียงว่า เขาและ เอ่อ...ท่านซัลช่าตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำว่านกศักดิ์สิทธิเป็นสตรี ไควาเล่าให้ข้าฟังว่า แต่เดิมเกิดเป็นบุรุษเสมอมา...”


“เรื่องราวของนกเพลิง แม้แต่เริ่มแรก ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่จะเกิดใหม่เป็นชาย หนุ่มน้อย...บางครั้ง เรื่องราวก็ถูกบิดเบือนไป เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ซัลช่าไม่เป็นเคยชายเลยนับแต่เกิดขึ้นมา นางเป็นสตรีมาโดยตลอด และอยู่มายาวนาน เมื่อขาดผู้ฟื้นความทรงจำให้ นางก็เสมือนกับผ้าขาวไม่ต่างอะไรเลยจากทารก ซึ่งนั่นเองที่เป็นจุดอ่อนของนาง เมื่อนางไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ แล้วนั้น ผู้ใดก็สามารถขีดเขียนเส้นทางให้นางเดินไปได้โดยง่ายดาย...และใครบางคนนั้นเอง ก็สามารถช่วงชิงเอาพลังอำนาจของนางไปใช้ได้


เฟทอึ้งค้าง...ดวงตาของเขาพลันกระจ่างชัด เมื่อความรู้หลั่งไหลเข้ามาและเขาก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องเข้ากันได้อย่างลงตัว...นับแต่การหว่านล้อมหญิงสาวผู้เป็นราวกับผ้าขาว บางที แม่ของฟีต้าอาจล่วงรู้บางสิ่งที่เป็นแผนการอันร้ายกาจของไควาเข้าจึงหนีออกจากโอราเคิลและซ่อนตัวในดินแดนของมนุษย์ ไควาวอนขอให้เขาออกตามหานกเพลิงอมตะ เพราะหากขาดไปแล้วแผนการนั้นก็ไม่สำเร็จผลได้!


“แต่ว่า อะไรคือแผนการร้ายของไควากัน?”


ลิลี่เริ่มเล่าต่อ “นานมาแล้ว นกเพลิงมีเพียงหนึ่งเดียวเสมอมา ทว่าอย่างที่เจ้าได้เห็นแล้วว่า ซัลช่าสามารถถ่ายทอดความอมตะของนางไปสู่อีกผู้หนึ่งได้...”


“ถ้าเช่นนั้น...บางทีสิ่งที่ไควาหมายตาอยู่ก็คือ ความเป็นอมตะของนาง เฟทเอ่ยออกมาอย่างตกใจ ชายหนุ่มหันมองหญิงสาวอย่างแสนกังวลใจ! การพานางกลับไป อาจหมายถึงความตายของนาง!


“แต่ว่า เขาจะชิงมันไปได้อย่างไร?” คำถามนั้นทำให้ลิลี่ กูว์โดมีทีท่าสลดยิ่ง


เฟทงงงวยกับท่าทางอึดอัดใจของนาง สังหรณ์ถึงบางสิ่งที่เลวร้ายเป็นอันมาก... “ด้วยการกลืนกินร่างกายของนาง...ทั้งเป็น”


“ว่าไงนะเฟทร้องออกมา “คนพรรค์ไหนกันที่มีความคิดแบบนี้! กินเข้าไปอย่างนั้นเหรอ


ลิลี่มองชายหนุ่มอย่างเข้าใจ “นับแต่โบราณกาลมาแล้วที่เราถูกล่าด้วยมนุษย์เพื่อเลือดเนื้อของพวกเราจนกระทั่งทวยเทพได้สาปสายเลือดของเราต่อเหล่ามนุษย์ หากก่อนหน้านั้นเมื่อมนุษย์ดื่มกินเลือดเนื้อของเราเข้าไปพวกเขาก็จะรับเอาพลังอำนาจของเราเข้าไป เฉกการกินอาหารที่พวกเขาและเรารับเอาพลังงานในสิ่งที่อยู่ในร่างเหล่านั้นเข้าไปในร่างกายของตนนั่นเอง...มันเป็นธรรมชาติของสรรพชีวิต และเมื่อชาวโอราเคิลกินกันเอง คำสาปไม่ได้ตกมาถึง เพราะเราก็คือสัตว์ เช่นเดียวกันกับการที่สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก และมันก็เป็นความจริงในธรรมชาติของความเป็นสัตว์ในตัวเรา”


“แต่เราก็เป็นมนุษย์เช่นกัน! ถ้าเป็นอย่างนั้น...ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว...” เฟทรู้สึกสับสนเขาไม่สามารถหาหนทางที่จะเข้าใจในความจริงนี้ได้ด้วยการติดหลงอยู่ในความรู้สึกของตนเอง


“ได้สิ...เพราะมนุษย์มีความกระหาย เช่นเดียวกันกับสัตว์อย่างไรล่ะ เมื่อทั้งสองสิ่งมารวมตัวกัน...มันจึงชั่วร้ายน่ากลัวเกินกว่าที่เราจะคาดเดาได้ ไควาจะไม่ได้ครองแค่เพียงความเป็นอมตะเท่านั้นแต่จะครอบครองอำนาจทั้งหมดที่นางมีและนางเป็น...หนุ่มน้อย ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า...” ลิลี่เอ่ยขึ้นในท้ายที่สุดนี้


“ครับ ท่านลิลี่...”


“ได้โปรด...สังหารไควาเสีย”


ก่อนที่จะลาจากกัน ลิลี่ได้มอบค่าเดินทางให้กับสองหนุ่มสาวและอวยพรให้ทั้งสองโชคดี พร้อมทั้งยืนส่งจนทั้งคู่ลับสายตานางไปอย่างห่วงใย แม็กนัสแอบสังเกตให้สีหน้านั้นของนาง


“มีอะไรอย่างนั้นเหรอ ลิลี่”


“ข้าเป็นห่วงเด็กสองคนนั้นค่ะ การเดินทางนับจากนี้ไปของพวกเขาจะพบกับความยากลำบากอีกมากมาย มีอุปสรรคอีกนานัปการที่ทั้งสองจะต้องผ่านมันไป มันเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงยิ่งนัก...แต่ก็ยังมีความหวัง” นางเอ่ยกับชายข้างกายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเคย


“เจ้ากำลังทำนายอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ?” แม็กนัสเอ่ยถาม เพราะคำทำนายของนางทำให้ผู้คนภายในเมืองแห่งนี้อยู่รอดกันมาได้ตลอดมา รวมทั้งกองธงของเขาก็เช่นกัน ลิลี่ได้แค่เพียงยิ้มบางๆ อย่างเป็นปริศนาเท่านั้น...


“ก็ไม่เชิงค่ะ...”


จงมุ่งไปเถิด ข้าได้มอบคำตอบของคำถามที่เจ้าเพียรค้นหามาแสนนานให้แล้ว ขอวอนต่อเหล่าทวยเทพโปรดอำนวยพรให้พวกเจ้าทั้งสองด้วยเถิด...


เฟทหันกลับมามองเส้นทางที่ตัวเองเพิ่งผ่าน มองเมืองเอดน่าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดอีกครั้งก่อนที่มันจะลับหายไปจากสายตา เขามีลางสังหรณ์บางอย่างแต่ไม่เข้าใจถึงมันแม้แต่น้อย...ไคเมร่าหนุ่มเพียงแค่มองมันลับสายตาไปด้วยจิตใจว้าวุ่นหวั่นวิตก


สิ่งที่เฟทได้รู้มาจากลิลี่ กูว์โดนั้นสามารถเปลี่ยนความเชื่อทั้งหลายทั้งมวลเกี่ยวกับคนของเขาได้ ทำให้เฟทนั้นได้รู้จักตัวตนของตนเองมากยิ่งขึ้น และการที่ได้รู้ว่าไคเมร่านั้นแท้จริงแล้วคืออะไรนั้น มันทำให้เขารู้สึกราวกับได้ติดปีกเพิ่มอีกคู่ก็ไม่ปาน


ไคเมร่าไม่สิ่งผิดเพี้ยน...เป็นสิ่งแรกเริ่มเดิมทีที่มีมานานแสนนาน และด้วยสายเลือดนี้จะสามารถฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ของเขาให้คงอยู่ต่อไปได้อีกนานแสนนาน...


ความรู้ที่เขาได้รู้มาว่า แม้ตนเองจะอยู่บนโลกมนุษย์นี้นานแสนนานเพียงไรก็ตาม ตัวเขานั้นก็ไม่มีทางผิดแปลกกลายร่างไปได้ เว้นเสียก็แต่เขาจมจ่อมลงไปในความโกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชังและความรู้สึกด้านมืดทั้งปวงโดยละทิ้งซึ่งหัวใจอิสระของโอราเคิลแล้วนั่นต่างหากที่จะเปลี่ยนแปรงตัวเขา และคนของเขาให้กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายไป


และความรู้ที่ว่า แม้ว่าอยู่ในแดนโอราเคิลก็ตามก็สามารถกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายนั้นได้!


อย่างหลังนั่นทำให้เขาต้องครุ่นคิดอย่างหนักและจริงจัง...


คำเตือนเกี่ยวกับไควา...สิ่งที่ชายผู้นั้นตั้งใจจะทำกับหญิงสาว เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจยิ่งใหญ่ และชีวิตอมตะ...


สีหน้าหนักใจที่เผยออกมาจากใบหน้าที่เรียบจนกระด้างในเวลานี้ ทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความหน่วงหนักในจิตใจของชายผู้เป็นที่รักของนาง ในอ้อมแขนของเขา ฟีต้าใช้มือตนแตะลงบนแขนของเขาอย่างปลอบประโลม


“เฟท...”


หนุ่มสบสานสายตากับนาง เพียงตาประสานสายตา ความในใจก็ราวกับเปิดประตูออกมา ไม่ต้องการคำพูดใด มีเพียงคนสองคนและหัวใจสองดวงสื่อสารถึงกันอย่างเงียบๆ แบ่งปันความรู้สึกเพื่อแบ่งเบาความหนักหน่วงที่กดทับหัวใจของคนใดคนหนึ่งไว้ และร่วมกันประคับประคองไปให้ถึงที่หมาย...


“ข้าไม่กลัวค่ะ...เฟท” นางเอ่ย ฟีต้ายิ้มให้กับเขาน้อยๆ อย่างให้กำลังใจ “ข้าไว้ใจท่านค่ะ”


เฟทยิ้มตอบนาง...เขารู้ด้วยหัวใจทั้งดวง และรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่นางมอบให้ ซาบซึ้งกับหัวใจแสนอารีนี้ ดื่มด่ำกับความสุขที่เขามีเมื่อได้เห็นใบหน้าของนาง อบอุ่นใจเมื่อมีนางอยู่เคียงใกล้ ปรารถนาจากหัวใจทั้งดวงว่าเขาต้องการที่จะปกป้องนางด้วยชีวิต


แม้ว่ามัน...จะหมายถึงสงครามกับพวกนกก็ตาม!


“สีหน้าท่านดูเคร่งเครียดเหลือเกินเฟท...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นและมองมาที่เขาด้วยสายตาห่วงใย


“ข้าเริ่มไม่แน่ใจว่าการพาเจ้ากลับไปจะเป็นความคิดที่ดีแน่หรือไม่...ฟีต้า เพราะหากว่าข้านำเจ้ากลับไปด้วยกัน นั่นก็อาจจะหมายถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเจ้า สิ่งที่ท่านลิลี่บอกเรามานั้นเป็นสิ่งที่เกิดกว่าการคาดเดาของข้านัก...ข้าคิดว่าบางที การให้เจ้าอยู่ในโลกนี้จะเป็นการปลอดภัยต่อเจ้ามากกว่า เมื่อตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าการอยู่ในโลกมนุษย์นี้นั้นปลอดภัยสำหรับเจ้าอย่างแน่นอน”


สีหน้าจริงจังกับคำพูดที่กล่าวมานั้นทำให้ฟีต้ารู้สึกเย็นวาบด้วยความกลัวขึ้นมา “ไม่...ข้าจะอยู่กับเฟท อย่าทิ้งข้าไป”


“ข้าก็ไม่ต้องการ ข้าปรารถนาจะอยู่กับเจ้าตลอดไป...แต่ข้าเองก็ไม่สามารถอยู่ในโลกนี้ได้ตลอด บ้านของข้าคือโอราเคิล แต่โอราเคิลกลับไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้าอีกต่อไป...”


“ข้าเป็นอะไรก็ได้ ไม่เป็นนกก็ได้ บอกว่าท่านไม่พบแม่ข้าแล้วและไม่เจอข้าด้วย แล้วให้ข้าเป็นอะไรก็ได้ แต่ให้ข้าได้อยู่ใกล้ๆ เฟทเท่านั้นก็พอ” หญิงสาวร้องขึ้นอย่างร้อนรน ในโลกนี้นางไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว “ข้าไม่อยากอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ข้าอยากจะอยู่ร่วมกับคนที่ข้ารักไม่ว่าจะต้องลำบากเพียงใดก็ตาม ถึงแม้ว่าจะต้องทุกข์หรือทรมาน ถ้าได้อยู่ด้วยกัน ข้าก็ไม่ต้องการความสุขอื่นใดอีกแล้ว”


ชายหนุ่มเอนกายเข้าหาและรั้งร่างน้อยเข้ามาแนบตน ใช้บ่าของตนซับน้ำตาให้กับนาง ในหัวใจของเขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน ด้วยความรู้สึกอย่างเดียวกัน เมื่อนางพูดออกมาเขาเองก็ยิ่งเจ็บปวดหนักหนายิ่งขึ้น เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากพรากจากนางไป


“ไม่ว่าสิ่งที่เราจะต้องพบมันจะหนักหนาเพียงไหนก็ตาม ข้าก็จะอยู่กับฟีต้าตลอดไป...ข้าสัญญา”


ในสายตาของผู้ที่มองอยู่ห่างๆ ไชน์เห็นความเจ็บปวดทุกข์ระทมของคนทั้งสองด้วยความรู้สึกสงสารและสงสัย เขานึกอยากรู้ว่าท่านเจ้าเมืองผู้นั้นได้เอ่ยอะไรกับทั้งสอง แต่ที่เขารู้คือ เพราะสิ่งนั้นที่ทำให้สองหนุ่มสาวที่กลับออกมามีสีหน้าหม่นหมอง


เขาเห็นเจ้าเมืองลิลี่โอบกอดสองหนุ่มสาวด้วยสายตาอบอุ่นราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนาน และได้มอบของขวัญให้กับหนุ่มสาวทั้งสองก่อนออกเดินทางจากมา และนั่นทำให้เขาคลายสงสัยในตัวชายหนุ่มผู้มีท่าทางองอาจผึ่งผายเหนือกว่าชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป เพราะคนที่รู้จักคนในระดับเจ้าเมืองเอดน่าได้เช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนสามัญทั่วไป แต่น่าจะเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลเช่นเดียวกันกับเขา และท่านแม็กนัสเองก็มีท่าทีคลายสงสัยจากทั้งสองเช่นกัน ด้วยรู้จักมักคุ้นกับท่านลิลี่ กูว์โดมาช้านาน จึงมั่นใจว่าคนรู้จักคุ้นเคยของท่านลิลี่ย่อมมิใช่คนร้ายอย่างแน่นอน


การเดินทางยิ่งใกล้จุดหมาย ความตึงเครียดของสองหนุ่มสาวก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกที บัดนี้ทั้งสองได้เดินทางมาถึงซานซาเรีย และได้แยกทางกันกับกองทหารและไชน์ ผู้ซึ่งกลายมาเป็นมิตรที่ดีกับทั้งสอง


“หากเกิดปัญหาอะไร อย่าลืมว่าบ้านของข้ายินดีต้อนรับพวกเจ้าทั้งสองเสมอนะ...เฟท ฟีต้า”


“ตลอดการเดินทางนี้ ได้ท่านคอยดูแล ต้องขอบใจท่านมากจริงๆ” เฟทเอ่ย สองหนุ่มจับมือกันเป็นการล่ำลาสุดท้ายก่อนต่างคนต่างจากไปตามเส้นทางของตนเอง


เฟทได้ตัดสินใจที่จะแวะไปหาสองตาหลานเผ่านกที่หอสมุด ที่เคยช่วยเหลือเขาหาข้อมูลมากมายที่สำคัญในการเดินทางตามหาคนครั้งนี้ แต่เมื่อทั้งสองไปถึงก็ไม่พบคนทั้งสอง และเมื่อถามถึงจากบรรณารักษ์คนใหม่ที่เข้ามาดูแลแทนซึ่งเฟทแน่ใจว่าเป็นมนุษย์ตั้งแต่งหัวจรดเท้าแน่นอนจึงได้ความว่า ทั้งสองได้เดินทางจากไปนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไปที่ใด...


“เหมือนกับนกอพยพ...เมื่อถึงเวลาก็ต้องเดินทาง...” เฟทเงยหน้าขึ้นมองหอคอยสูงตระหง่านนั้นอีกครั้ง แสงตะวันฉายฉานอยู่เบื้องหลังสาดส่องเข้าตาของชายหนุ่มทำให้เขาต้องหรี่มองมันนิดๆ ยอดสูงแหลมที่ราวกับแหลนที่รั้งรอจะพุ่งเสียบท้องฟ้านั้นก่อเกิดเป็นเพียงร่างเงาสีดำทาบทับท้องฟ้าสีทองและหมู่เมฆ


“เสร็จธุระแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพลางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่ม หากแล้วเฟทก็ส่งสมุดเล่มบางๆ เล่มหนึ่งให้กับนางซึ่งฟีต้ารับหนังสือนั้นมาเปิดดูแล้วก็ต้องพบกับความประหลาดใจ


“คุณตาคนนั้นเขาฝากเอาไว้ให้...” เฟทบอกกับหญิงสาว ซึ่งยืนมือสั่นน้ำตาคลอกับภาพวาดภายในสมุดเล่มนั้น


ภาพของหญิงสาวงามโสภาซึ่งมีดวงตาเศร้าซึ้งเรือนผมซึ่งยาวสยายงามสลวยเป็นลอนคลื่นมีเค้าคล้ายกับสาวน้อยตรงหน้าเขาหากแลดูสูงวัยกว่าเล็กน้อยในแทบทุกอิริยาบถ หากไม่มีรูปไหนที่นางยิ้มอย่างเต็มที่เลยจนกระทั่งรูปสุดท้าย...ซึ่งมีขนนกสอดอยู่ด้านในหน้านั้น


“คุณแม่...” หญิงสาวเอ่ยเรียกก่อนแนบสมุดภาพเล่มนั้นเอาไว้กับอกแล้วสะอื้นเงียบๆ


เฟทรั้งร่างบางมาโอบกอดเอาไว้ คืนวันนั้นยาวนานที่พ้นผ่าน...ไม่รู้สิ่งใดบ้างที่ร่างน้อยๆ นี้เก็บกดเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจเพียงลำพัง


“ร้องเถอะ...ร้องไห้เถอะ อย่าได้เก็บกลั้นความทุกข์นั้นเอาไว้อีกเลย ข้าก็จะช่วยแบ่งเบาความรู้สึกของเจ้าเอาไว้ด้วย เช่นเดียวกันกับแบ่งปันความสุข ต่อไปนี้เจ้าจะไม่โดดเดี่ยว ต่อแต่นี้เจ้าจะไม่เดียวดายอีกแล้ว”


ต้องใช้เวลาช่วงใหญ่กว่าที่หญิงสาวจะหยุดร้อง และเมื่อหยุด เฟทก็ไม่ปล่อยให้นางซึมอยู่กับความเศร้านานเกินไปนัก เพราะหลังการร้องไห้แม้จะรู้สึกสบายใจขึ้นแต่หากไม่มีผู้ใดปลอบอยู่ใกล้ๆ ความเหงาก็เข้ามาแทรกได้ง่ายดาย ดึงเอาความเจ็บปวดกลับมาได้ง่ายยิ่งนัก


ชายหนุ่มไม่ได้เร่งเดินทาง หากพยายามชี้นกชมไม้ไปเรื่อยๆ ตลอดการเดินทางกลับ โดยหวังที่จะยืดยื้อเวลาอันแสนสุขบนโลกใบน้อยนี้เอาไว้ ให้หญิงสาวได้พบช่วงเวลาอันแสนงดงามบ้างก่อนที่จะจากไปสู่ดินแดนแห่งใหม่...ที่ซึ่งนางไม่เคยคุ้น แต่จะเป็นบ้านของนางตลอดไป


แม้ว่าหนทางจะไม่ใช่อีกไกล เฟทกลับจงใจเดินทางอ้อมเพื่อให้การเดินทางยิ่งยาวนานขึ้น ผ่านหมู่บ้านมากมาย ทุ่งหญ้าหลายแห่ง ธารนำใส ท้องฟ้าและหมู่เมฆ ได้ยินเสียงนกน้อยร้องเพลง ความงามยามพระอาทิตย์ขึ้นและตก ความนุ่มนวลของดวงจันทร์ที่ลอยเด่น ความพร่างพราวของดวงดาวบนท้องนภา


เฟทปรารถนาให้หญิงสาวได้ดื่มด่ำกับความงดงามของโลกใบนี้อย่างเต็มที่...


ระยะหลังมานี้ฟีต้าเริ่มร้องเพลงบ่อยขึ้น แม้จะเดินกันอยู่สองคนในเมืองที่เดินทางผ่านก็ตามหญิงสาวก็ยังสามารถเดินไปบนท้องถนนได้ด้วยความมั่นใจต่างจากตอนที่ได้พบกันแรกๆ ที่นางคอยจะหลบออกไปจากถนนอยู่ร่ำไป


เมื่อพบว่าตนเองนั้นไม่ได้ถูกทุกคนเกลียดดังเช่นเคยยามที่อยู่กับเฟท ไม่มีใครมองนางผิดว่าเป็นคนเผือกหรือทำท่ารังเกียจเดียดฉันท์นางอีกต่อไป ฟีต้าก็กลายมาเป็นจุดเด่นท่ามกลางผู้คนอยู่เรื่อยๆ...


เฟทนั้นรู้ซึ้งในพรสวรรค์ด้านเสียงเพลงของหญิงสาวมานานแล้ว เพียงแต่เพราะเรื่องราวที่ผ่านมามีแต่ความเศร้าทำให้นกน้อยไม่ร่ำร้องร่ายรำ แต่เมื่อความทุกข์เศร้าได้จางลง หญิงสาวก็ร้องเพลงตามใจนึกร่ายรำตามใจปรารถนา...


บางครั้งนางก็จะมาขอให้เฟทเล่าเรื่องราวต่างๆ ของโอราเคิลให้นางฟัง ฟีต้ากระตือรือร้นเป็นอย่างมากระหว่างที่ฟังชายหนุ่มเล่าเรื่องราวของบ้านเกิด พ่อแม่ที่เป็นคนในตำนานของเขา น้องสาวที่แต่งงานกับสมิงหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายของพ่อตน เรื่องราวของโลกที่มีผู้คนงดงามและอ่อนเยาว์มีชีวิตยืนยาว ได้ฟังเมื่อใดดวงตาของนางก็จะเป็นประกายราวกับมีดวงดาวนับร้อยนับพันพราวระยับอยู่ในนั้น


แต่ยิ่งไกล ทัศนียภาพก็ยิ่งเปลี่ยนไป...เฟทได้นำหญิงสาวสูงขึ้นยังส่วนของยอดเขาที่สูงขึ้นไปทุกที...กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้แวะซื้อเครื่องกันหนาวเพิ่มแต่อย่างไร


ยิ่งสูงยิ่งหนาว เฟทใช้ผ้าห่มที่มีห่มให้กับฟีต้าจนหมด แม้หญิงสาวเอ่ยถามถึงตัวของเขา ชายหนุ่มกลับไม่ตอบสิ่งใด...สำหรับเขาแล้วอากาศเป็นเรื่องเล็กน้อยยิ่ง เฟทหวังว่าจะสามารถถึงปากทางเข้าสู่โอราเคิลก่อนตะวันจะลับ หากชายหนุ่มกลับคาดการณ์เอาไว้ผิด


ด้วยความคุ้นเคยกับการเดินทางลำพัง เฟทไม่จำเป็นต้องเดินเท้าขึ้นโอราเคิล แต่ด้วยการเดินทางสู่โอราเคิลพร้อมกับสัมภาระชิ้นโต เขาต้องใช้เวลามากกว่าที่เคยอย่างเลี่ยงไม่ได้ และจำเป็นต้องหยุดพักระหว่างทาง


เฟทพบโพรงถ้ำเล็กๆ ที่บนเขานี้มีอยู่อย่างมากมายกว่าสิบแห่ง แต่เดิมถูกใช้เป็นที่สังเกตการณ์บนโลกมนุษย์ของชาวโอราเคิล ป้องกันไม่ให้มีมนุษย์คนใดล้ำเข้าสู่เขตแดนของพวกตนเองได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม


นานมาแล้วมีมนุษย์เพียงคนเดียวที่ผ่านเข้าไปสู่โอราเคิลได้ นั้นก็คือมารดาของเขาก่อนได้รับปฏิญญาที่เปลี่ยนแปลงนางไปตลอดกาล


“เราต้องพักที่นี่ก่อน...เจ้าหนาวสินะ ข้าจะก่อไฟให้” เฟทก้มลงก่อกองไฟขณะที่ดวงตะวันได้ลับไปแล้ว “บนเขานี่มันสูงมาก แถมหิมะยังมีอยู่ทั้งปีแม้ช่วงคิมหันต์ก็ตามเพราะความสูงหรือเพราะคำสาปของทวยเทพก็ไม่รู้ แต่มันก็เป็นปราการให้กับโอราเคิลของเราไม่ให้มีผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาโดยง่าย ด้วยความสูงขนาดนี้ส่วนใหญ่แล้วมนุษย์ธรรมดาไม่ขึ้นมาหรอก...อ่ะ จริงสิ ท่านพ่อข้าเองก็เคยพูดเอาไว้ว่า คนธรรมดาต้องเดินเท้าถึงสี่ห้าวันทีเดียว ซ้ำยังเคยมีคนขึ้นมาหนาวจนตายอยู่ข้างบนนี้ด้วย แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วถ้าต้องเดินขึ้นมาจะต้องใช้เวลาขนาดไหน เพราะปกติแล้วข้าไม่ค่อยได้เดินขึ้นมาหรอก สำหรับข้าใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงยอด...”


ชายหนุ่มหันไปยิ้มหน้าจืดให้กับหญิงสาว แต่กลับพบว่านางได้หลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง


กรนด้วยแฮะ...? เฟทคิดอย่างขันๆ ก่อนมองออกไปด้านนอก...ถึงจะเป็นช่วงคิมหันต์ และไม่มีหิมะตกแต่อากาศเช่นนี้ก็หนาวสำหรับคนทั่วไป...เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะมีผลกระทบกับหญิงสาวมากรึเปล่า เพราะเขาได้ยินมาว่าพวกนกไม่ชอบที่หนาวๆ สักเท่าไหร่ เฟทจึงตัดสินใจจำแลงร่างของตนเป็นแมวใหญ่และใช้ร่างนั้นต่างที่นอนและผ้าห่มให้กับหญิงสาวได้นอนอุ่นสบายไปตลอดทั้งคืน...






Free TextEditor


Create Date : 30 มิถุนายน 2551
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:25:12 น. 0 comments
Counter : 187 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ArTimuS
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





PhotobucketPhotobucketPhotobucketPhotobucket


นิยายอัพเดท...Photobucket

-ปฏิบัติการหักร้างถางรักPhotobucket
เรื่องราวความรัก แนวโรแมนติกดราม่า ของชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเลิกลากันไป แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็กลับมาเพื่อขอเคียงคู่เธออีกครั้ง ความรักแสนเศร้าครั้งนี้จะเป็นอย่างไร สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนิยายรักพลาดได้นะคะ (อัพเดทใหม่ล่าสุดค่ะ)

-คีตคิมหันต์ Photobucket
ภาคต่อจากเรื่องลำนำเหมันต์ เมื่อคุณพ่อคนเก่งลงโทษคุณลูกตัวแสบให้ออกติดตามหาวิหคศักดิ์สิทธิ์จนนำไคเมร่าหนุ่มไปยังโลกมนุษย์จนได้พบกับเด็กสาวผู้อาภัพและเหตุการณ์เหนือความคาดฝัน นิยายแฟนตาซีโรแมนติกที่แฟนนิยายมกราไม่ควรพลาดค่ะ (อัพเดทใหม่ล่าสุดค่ะ)

-Love Happening
เรื่องสั้นของสองหนุ่มสาว และความไม่เข้าใจกัน อุปสรรค และมนต์เสน่ห์แห่งเทศกาล (น่าเสียดายที่ห้องนี้บังเอิญล็อคเพราะเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชน แต่ถ้าสนใจและอายุไม่ต่ำกว่า18 สามารถขอพาสเวิร์ดได้โดยการส่งอีเมลมายัง จขบ. หรือหลังไมค์มาก็ได้นะคะ)Photobucket

-Pretty Doll
เรื่องสาวผู้น่ารักของเมทสาวกับนายหนุ่มจอมเสเพลที่เก็บเธอมาเลี้ยง เรื่องรักกุ๊กกิ๊กแนวโรแมนซ์แสนฮาเฮ (น่าเสียดายที่ห้องนี้บังเอิญล็อคเพราะเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชน แต่ถ้าสนใจและอายุไม่ต่ำกว่า18 สามารถขอพาสเวิร์ดได้โดยการส่งอีเมลมายัง จขบ. หรือหลังไมค์มาก็ได้นะคะ)PhotobucketPhotobucket

- Love in Rain
รวมเรื่องสั้นของเจ้าของบ้าน เรื่องราวความรัก และสายฝนอันชุ่มฉ่ำ



Photobucket
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ArTimuS's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.