คิมหันต์ที่ 1/1
Chapter 1 ทะ ท่านลุง!!! เสียงใสของสาวน้อยตัวน้อยๆ ดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่ซีดเผือด เมื่อมองร่างอันไร้วิญญาณของทหารชราผู้น่าสงสาร แม้ว่าเขาจะเป็นทหารของฝ่ายศัตรูก็ตาม หากชายผู้นี้ก็เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตมีจิตใจ สำหรับฟีต้าที่ดูแลชายแก่นายนี้มาเป็นเวลานับเดือนแล้ว เสมือนญาติผู้ใหญ่ที่กำลังเจ็บป่วย แม้แรกสุดเขาจะไม่ได้ยินดีที่จะให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนางอีกทั้งยังเป็นศัตรูกันมาสงสารดูแลตนเองก็ตาม หากความจริงใจของเด็กสาวก็ส่งผลให้ชายแก่หัวรั้นอ่อนลงได้ในที่สุด รวมทั้งนายทหารฝ่ายศัตรูคนอื่นๆ ที่ถูกพาตัวมารักษาด้วย ท่านลุง... เสียงใสแฝงอาการละห้อย ดวงตาคลอหยาดน้ำ ชายผู้ชราและบาดเจ็บ แม้ความเจ็บป่วยและบาดแผลก็ไม่อาจจะทำอันตรายหัวใจที่เข้มแข็งของเขาได้ นายทหารสูงวัยและสาวน้อยกลายมาเป็นเพื่อน รวมกับทหารบาดเจ็บคนอื่นๆ สำหรับพยาบาลคนอื่นๆ กฎแห่งสงครามนั้น ได้กำหนดเอาไว้ ห้ามเลือกที่จะรักษาและห้ามสังหารผู้ไร้ทางต่อสู้ด้วยวิธีการอันมิชอบ ทำให้เหล่าพยาบาลจำใจจะต้อง...ทน...ดูแลทหารฝ่ายศัตรูอย่างเสียมิได้ มีเพียงฟีต้าที่รักษาผู้บาดเจ็บทุกคนด้วยความยินดี ชีวิตทุกชีวิตล้วนมีค่า...สำหรับตัวนางที่สูญเสียผู้คนอันเป็นที่รักไปจนหมดนั้นรู้ดีเป็นที่สุด...ถึง คุณค่าของชีวิต! แรกสุดก็พ่อแม่ ต่อมาก็เป็นญาติสนิทผู้เป็นเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวที่นางมีและแม่ของหล่อน...ไนอากับมายา แต่นางกลับยังมีชีวิตอยู่ ฟีต้าจำได้ดีถึงวันที่นางฟื้นขึ้นมาบนโลกที่นางไม่มีใครเหลืออยู่อีกแล้ว ร่างกายของนางไร้ร่องรอยบาดแผล แม้แต่เส้นผมยาวสลวยของนางก็ไร้แม้ร่องรอยขาดหรือไหม้ทั้งๆ ที่นางนอนเปล่าเปลือยอยู่บนเศษซากเถ้าถ่านที่ยังระอุของกระท่อมที่มายามารดาของไนอาเป็นผู้พาไปหลบซ่อน เมื่อทหารของฝ่ายศัตรูเข้ามาถึงหมู่บ้าน ย้อนไปในความทรงจำที่นางระลึกถึงแม้ยามฝันจวบจนบัดนี้อยู่บ่อยครั้งนั้น... บานประตูที่ถูกพังเข้ามา มายาที่ยืนขวางหน้าและเสียงกรีดร้องของไนอายังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำพร้อมสีแดงฉานของเลือดและเพลิง แต่ทั้งหมดสิ้นสุดเพียงเท่านั้น...เด็กสาววัยเพียงสิบสี่ห่อหุ้มร่างกายด้วยผืนผ้าขาดวิ่นที่ตนหาได้ในซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างอันเคยเป็นบ้านเรือนที่งดงามมาก่อน กอดสมบัติที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว นั้นคือร่างกายของตน โซเซหาความช่วยเหลือ และได้มาพบกับหมู่พยาบาลในโบสถ์แห่งนี้ บัดนี้เบื้องหน้านาง อีกหนึ่งชีวิตจากไปก่อนเวลาอันเหมาะสม...หยดน้ำจึงรินไหลจากดวงตา ช่างน่ารังเกียจจริงๆ นังคนนี้ ร่ำไห้ให้กับพวกศัตรู! เสียงของนางพยาบาลมาร์ดังมาด้วยความชิงชังที่มีต่อสาวน้อย หนึ่งปีที่ผ่านไม่มีวันไหนเลยที่พวกพยาบาลจะไม่เอ่ยคำหยามเหยียดเด็กสาวกำพร้า นี่! พูดดีดีไม่เป็นก็อย่าพูดจะดีกว่าน่ะยัยป้า! ทหารอีกคนซึ่งนอนอยู่เตียงถัดไปร้องบอกด้วยความต้องการที่จะปกป้อง รวมทั้งทหารอื่นๆ ก็เช่นกัน ถ้าไม่อยากตายก็หุบปากเน่าๆ ของพวกเจ้าซะ ไอ้พวกนาร์เดนเดนตาย! ถ้าไม่เพราะกฎแห่งสงครามอันเป็นสนธิสัญญาคุ้มกะลาหัวพวกเจ้าอยู่ล่ะก็ พวกข้าไม่เก็บพวกเจ้ามารักษาให้หมดเปลืองหรอก! รีบตายๆ ไปซะที ไอ้พวกสวะ! นี่ เจ้าที่อยู่ตรงโน้นน่ะ มาเอาซากไอ้แก่นาร์เดนตรงนี้ไปฝังที! นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในกฎที่ศพทหารทุกศพต้องได้รับการฝัง ศพนายทหารแก่ถูกลากออกไปพร้อมฟูกเน่าๆ ขาดวิ่นที่นอนอยู่ ฟีต้ามองตามร่างไร้วิญญาณของทหารแก่ไปจนลับตา ไม่เป็นไรนะยัยหนู ลุงแกไปดีแล้ว เพราะหนูแกถึงได้พบความสงบสุดท้ายในสนามรบห่วยๆ นี่! หนึ่งในทหารบาดเจ็บที่ฟีต้าดูแลมาตลอดเอ่ยปลอบ แต่แล้วเขาก็ถอนใจหนักหน่วง ข้าเองก็ไม่ใช่ชาวนาร์เดนสักหน่อย พ่อแม่ข้าเป็นชาวยิปซีอยู่แถบชายแดนซานซาลอว์แท้ๆ พอเกิดสงครามข้าก็ถูกพวกนาร์เดนมาเกณฑ์ไปเป็นทหารให้ทั้งๆ ที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวสงครามเลยแท้ๆ ชายผู้นั้นทอดถอนเสียงละห้อยสร้อยเศร้า ผู้ยิ่งใหญ่จะตีกัน ไหนเลยต้องเดือดร้อนชาวบ้านด้วย... ฟีต้ามองชายผู้ระทมด้วยความสงสารจับใจ...ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ในที่นี้ก็เป็นเช่นนี้ด้วยกันทั้งนั้น หากถอดเปลือกนอกของเครื่องแบบทหาร ถอดยศ ถอดฝ่ายออกไป คนทุกคนก็ไม่ได้แตกต่างกัน มีเลือดเนื้อสีเดียวกันไม่ต่างกันเลย อีกทั้งต่างก็มีคนรักรอคอย มีหนึ่งชีวิตเหมือนกัน หรือแม้แต่นับถือพระเจ้าก็ยังเป็นองค์เดียวกัน! เพียงเพราะความขัดแย้งของคนเบื้องบน ทำให้ประชาชนต้องพบกับความลำเค็ญแสนเข็ญ อีกทั้งยังแพร่เชื้อความเกียจชังให้แผ่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า ทำไม... ผืนดิน...ต่างเป็นดินผืนเดียวกัน คน...ต่างเป็นคนเลือดสีเดียวกัน ทุกคน...ต่างเรียกผืนดินเดียวกันนี้ว่าบ้าน... แต่ใย...จึงต้องเข่นฆ่าพล่าผลาญกันให้แผ่นดินร่ำไห้เป็นสีแดงฉาน หลุมศพไร้ป้ายถูกขุดกลบไว้อย่างตื้นๆ และอย่างสุดความสามารถที่นางมี เหนือหลุมคือมาลัยดอกไม้ที่สาวน้อยบรรจงถักขึ้นวางเอาไว้เพื่อเคารพผู้ที่จากไป ท่านลุง...ขอให้ท่านไปสู่สุคติด้วยเถิด น้ำตาหยดหนึ่งริน ร่างน้อยสั่นด้วยอาการกลั้นสะอื้นอย่างสุดสามารถที่มี นางจำต้องขุดหลุมฝังศพนี้เองลำพัง เพราะหากไม่ พวกชาวบ้านจะแสร้งทำเป็นขุดฝัง หากที่จริงลักลอบเอาไปทิ้งไว้ให้แร้งกาหมาป่ากิน...และนางไม่อาจจะดูดายได้ เสียงใสร่ำร้องขับเพลงสวดที่นางจำได้ เพื่อส่งดวงวิญญาณของผู้ที่จากไปสู่สรวงสวรรค์ ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัดลงราวกับสดับฟังท่วงทำนองอันแสนเศร้าสร้อยนั้นจนจบลง ร่างน้อยนิ่งสงบเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ทว่า... บรู้ววววววววววว์!!! เสียงของหมาป่าหอนรับต่อกันเป็นทอดๆ ทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว เหล่านกกากระพือปีกแตกตื่นกับพรึบพรับเจี๊ยวจ๊าวแตกกระเจิงหนี ฝูงหมาป่า! ด้วยความโศกเศร้าทำให้นางไม่รู้เลยว่าเวลาได้ผ่านเลยจนเย็นย่ำถึงเพียงนี้ แม้ดวงอาทิตย์จะยังมิตกไปจากฟากฟ้าและนภาก็ยังคงสว่าง แต่เสียงฝูงหมาป่าที่ได้ยินใกล้ถึงเพียงนี้ก็บอกอันตรายที่ย่างเข้ามาถึง! แม้พรานผู้ฉกาจก็ยังไม่หาญเสี่ยงต่อกรกับหมาป่าทั้งฝูง อีกทั้งแถบนี้ยังเป็นอาณาเขตของจ้าวภูผาในตำนานด้วยแล้ว หากปลีกห่างลี้ให้ไกลได้จะประเสริฐยิ่ง! แต่สำหรับฟีต้า อันตรายที่ใกล้เข้ามานั้นแทบจะทำให้ร่างของนางทั้งร่างเป็นอัมพาตไปด้วยความกลัวเลยทีเดียว...แม้ชีวิตนี้ของนางจะแทบไร้ค่าก็ตาม หากนางก็ไม่เคยคิดจะปลิดชีพของตนเอง...ชีวิตเป็นสิ่งมีค่าที่ผู้อื่นประทานให้ จะพรากมันไปไม่ได้และต้องปกปักษ์รักษาเอาไว้ให้ดียิ่ง! เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา...ด้วยป่าที่เงียบสงัดนี้แม้แต่เสียงใบไม้ตกก็ยังสามารถได้ยิน ขี้คร้านอะไรกับเสียงของฝีเท้าสุนัขป่าทั้งฝูงเช่นนี้... เสียงขู่คำรามดังมาจากเบื้องหลัง นางได้ยินและรับรู้ถึงการมาถึง หากร่างที่ยืนแข็งราวกับรูปปั้นด้วยความกลัวนั้นทำให้ไม่สามารถขยับหันไปได้ พระผู้เป็นเจ้า...พ่อ...แม่...ใครก็ได้...ช่วยด้วย! ในที่สุดร่างบางก็โดนฝูงหมาป่านับสิบล้อม นางมองเขี้ยวขาวแวววาวที่โผล่พ้นปากออกมาด้วยหัวใจเย็นเยียบดวงตาสีทองนับสิบคู่ที่จ้องนางจนแทบเป็นตาเดียว ...ไม่รอดแน่แล้ว!... ดวงตาใสเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำ... แฮ่....! เสียงขู่เครือดังใกล้ ดวงตาสีราตรีค่อยปิดลงอย่างช้าๆ ราวกับปลงใจสิ้นชีวีแล้ว... ผืนป่าสีเขียวสดราวมรกตกว้างไกล ท้องฟ้าสีครามกระจ่างสดใส เมฆขาวที่ลอยฟ่องเอื่อยเฉื่อยอยู่บนผืนนภาราวกับก้อนน้ำแข็งในทะเลสีสด สกุณาที่โบยบินไปกลางหาว ภาพธรรมชาติอันแสนรื่นอภิรมย์น่าชมชื่นใจ ผิวเผินเมื่อตัดความคิดเกี่ยวกับเหล่ามนุษย์ออกไป... โลก...หมุนไปตามกาลเวลาอย่างสงบสุข...และเชื่องช้า ไม่น่าเชื่อเลยว่า ตัดขาดเพียงสิ่งเดียวความงดงามและความสงบก็พลันปรากฏ... โลก...เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน หลายร้อยหลายพันล้านปีมาแล้ว...เป็นยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปอย่างเงียบๆ ไม่เคยแม้แต่จะปริปากบ่นเบื่อ หรือจะมีบ้างที่มารดาแห่งชีวิตจะประทุพลังร้อนแรง หากเพียงมิช้านานก็ดับ และสงบเป็นเช่นเดิม...
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:50:29 น. |
|
1 comments
|
Counter : 172 Pageviews. |
|
|
รีบคลิกเข้ามาอ่านเลยค่ะ
เขียนเรื่องด้วยเหรอคะ
จะมาติดตามนะคะ สำนวนดีเชียว
จริงด้วยค่ะ
เลือดก็สีเดียวกัน แต่ห้ำหั่นกัน
ไปทำไม