คิมหันต์ที่ 12/1
Chapter 12 สีแดง...ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยสีแดง ไม่ว่ามองไปที่ใดก็มีเพียงสีแดง แก้วสีอำพันนั้นไร้แววยามทอดมองไปรอบกาย พื้นดินชุ่มไปด้วยโลหิต ท้องฟ้าก็แดงฉาน เสียงลมกรรโชกอื้ออึงหอบกลิ่นคาวอบอวล แม้แต่ต้นไม้ก็ลุกเป็นเพลิง ที่นี่คือที่ไหน? ทำไมข้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้? แล้ว...ข้าเป็นใคร? ร่างน้อยจ้อยร่อยบอบบางยืนคว้างอยู่กลางความร้อนแรง เงาของผู้คนวูบไหว แต่ไม่มีผู้ใดรู้สึกถึงนาง เด็กสาวจำได้ดี แม้สถานที่แห่งนี้จะลุกไหม้ในกองไฟก็ตาม น่าแปลกที่ผิวกายของนางไม่รู้สึกแสบร้อนจากการเผาไหม้ที่มากมายเช่นนี้ มีร่างไร้วิญญาณมากมาย... มีน้ำตามากมายเช่นกัน... สงคราม...ทำให้ บ้านกลายเป็นสนามรบและโศกนาฏกรรมที่ไม่มีผู้ใดปรารถนา สงคราม...ทำให้น้ำตาไม่มีวันแห้งหาย และความสุขโบยบินไปอย่างไม่มีวันกลับ สงคราม...ทำให้คนรักพลัดพราก และจากไปตลอดกาล นางจำได้...นางเกลียดสงคราม...สงครามพรากพ่อและแม่ไปจากนาง สงคราม...พรากเพื่อนรักและผู้คนอันเป็นที่รักไปจากนาง สงคราม...พรากรอยยิ้มของผู้คนไปจากนาง ทุกคนเห็นแก่ตัวและเริ่มเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ไร้น้ำใจ ผลักไสผู้อื่นเท่าที่เป็นไปได้เพื่อให้ตนเองรอด นางจำได้ติดตา ถึงดวงตาของผู้คนที่หวาดระแวงซึ่งกัน เกลียดชังซึ่งกัน สีหน้าของผู้คนดุดันและน่ากลัว นางเห็น...ความมืดลึกล้ำในดวงตาของผู้คน! หากรอบกายนางในเวลานี้กลับไม่ชัดเจน ทุกอย่างดูขุ่นมัวราวกับควันที่มีรูปร่างเคลื่อนไหวแต่ไม่อาจจะจับต้องมันได้ ขาเล็กๆ ของนางรวมทั้งเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ก็เปรอะไปด้วยเขม่าสีดำ ในวินาทีต่อมา นางก็พบว่าตนเองมายืนอยู่หน้ากระท่อมที่กำลังลุกไหม้หลังหนึ่ง! บ้าน...ของนาง ท่านพ่อ! ท่านแม่! นางได้ยินเสียงตัวเองกรีดร้องใบหน้าของนางเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ไม่ได้นะ! อย่าไป!! ฟีต้า! หญิงร่างใหญ่เหนี่ยวรั้งนางเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์ แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆก็ตาม และมือเล็กๆ อีกคู่ก็ดึงนางเอาไว้ทั้งๆ ที่ตนเองก็ร้องไห้เช่นกัน ไปไม่ได้นะฟีต้า...อย่าไปนะ... เด็กสสาวนางนั้นแม้สะอึกสะอื้นก็ยังพยายามร้องห้ามเพื่อนรักของตน แม่คะ!!! พ่อคะ!!! สาวน้อยวัยสิบร่ำร้องพลางดิ้นอย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะให้ตนได้หลุดพ้นจากการเหนี่ยวรั้ง ดวงตาสีอำพันมองเข้าไปยังกองเพลิงที่กำลังโหมไหม้รุนแรง ไม่มีทางเลยที่ผู้ซึ่งอยู่ภายในนั้นจะรอดชีวิตออกมาได้ ฟีต้า...พวกเขาไปแล้ว...ฟีต้า หญิงร่างใหญ่พยายามรั้งร่างบางกอดเอาไว้กับอกอวบของตน เมื่อสาวน้อยพยายามจะถลาเข้าไปในกองไฟและร่ำร้องราวกับเสียสติไป ฟีต้า! ฟีต้า! สาวน้อยอีกนางที่กำลังกำมือนางเอาไว้แน่นขณะร้องเรียกนางไปร่ำไห้ไปทั้งหวาดกลัวและเสียใจหากมือนางก็ไม่ยอมปล่อยจากมือของเพื่อนด้วยกลัวเหลือใจว่าหากปล่อยไปแล้วนางจะสูญเสียเพื่อนรักไปตลอดกาล ฟีต้าหาได้ฟังเสียงเรียกของทั้งสองไม่ ดวงตายังคงจับแน่นอยู่กับภาพตรงหน้า น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย เมื่อรู้แก่ใจว่าผู้ที่ตนรักมากที่สุดในชีวิตกำลังมอดไหม้อยู่ในกองไฟนั้น นางดิ้นไม่หยุด ด้วยกำลังทั้งหมดที่นางมี จนกระทั่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงราวกับแหลกสลายครั้งสุดท้ายได้ดังขึ้นและเงียบหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ความมืดปกคลุมรอบด้าน และนางยังคงมีสติ หากนางรู้สึกสับสนยิ่ง เมื่อวินาทีต่อมานั้นนางได้พบว่าตนเองนอนอยู่กลางกองเลือก หากเลือดนั้นหาใช่เลือดของนางเองไม่! เด็กสาวกำมือ และพบว่าตนกำลังกำอะไรบางสิ่งอยู่ เมื่อนางดึงขึ้นมาดูนางจึงได้พบ...มันคือมือเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงที่ถูกตัดขาดเริ่มเย็นซีดและเขียวคล้ำ! มือของเพื่อนรักของนาง! กรี๊ดดดดดดดด!!!! เด็กหญิงหวีดร้อง และเหวี่ยงทิ้งไป นั่นทำให้นางได้เห็นร่างไร้วิญญาณของเพื่อนรักของนาง ดวงตาของซากร่างนั้นเบิกโพลงและสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว! เด็กสาวกระถดคลานถอยอย่างหวาดกลัวและสับสนน้ำตาวิ่งขึ้นมาที่ดวงตาของนางด้วยความกลัวยิ่ง และนั่นทำให้นางไปชนเข้ากับอีกร่างนึง! ร่างใหญ่ของสตรีผู้เป็นมารดาของเพื่อนรักผู้ที่เมื่อครู่ก่อนได้กอดรั้งนางเอาไว้ กรี๊ดดดดดดดดดดด! หนวกหูน่านังเด็กนี่! ด้วยความตระหนกทำให้เด็กหญิงไม่ทันเห็นชายอีกคนซึ่งอยู่ร่วม ณ ที่นั้น ชายร่างยักษ์ในชุดทหารฝ่ายนาร์เดนเงื้อดาบขึ้นแล้วฟาดฟันลงมาที่นาง! ไม่! นางไม่อยากตาย ยังไม่อยากตาย!!! ไม่อยากตาย!!! กรี๊ดดดดดด! เหมือนเลย...เหมือนกับในครั้งนั้นด้วย... ในหมู่บ้านที่นางเคยอยู่และเติบโตขึ้นมาในฐานะอันต่ำต้อย เป็นเพียงหญิงซักผ้าที่ต่ำชั้นยิ่งกว่าผู้ใด ถูกหยามเหยียดจากผู้คน และถูกรังเกียจอย่างไร้เหตุผล กระนั้น...นางก็ยังมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ กับการมีชีวิตอยู่ ความสุขในความขาดแคลน...แต่ก็พอใจ จนอยู่มาถึงวันนั้น วันที่เรื่องร้ายได้เกิดขึ้น! ฤดูเก็บเกี่ยวผู้คนแห่แหนเข้ามาจากภายนอกเพื่อหางาน นางไม่ต้องการเลยที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้คนเหล่านั้น เว้นแต่หนึ่งในคนที่เข้ามาหางานคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยกับนางอย่างเป็นมิตร ทำให้นางคิดว่าเขาคนนั้นเป็นคนดี แต่แล้วการทำดีต่อหน้านั้นเป็นเพียงภาพลวงตา ชายผู้นั้นล่อให้นางออกจากบ้านตามเขาไปยังสถานที่ลับตาผู้คน ที่ซึ่งเพื่อนของเขารออยู่...นางถูกทำร้าย คนเหล่านั้นเข้ามาทำร้ายนาง ด้วยความหวาดกลัวทำให้นางต้องต่อสู้สุดฤทธิ์และทำให้หนึ่งในคนกลุ่มนั้นได้รับบาดเจ็บ ชายผู้นั้นโกรธเกรียว มือใหญ่กุมหัวของตนที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด สีหน้าและสีแดงของโลหิตที่ไหลลงมาเข้าตาชายผู้นั้นช่างน่ากลัวนัก ชายผู้นั้นดึงมีดออกมาจากสาบเสื้อของตนแล้วย่างสามขุมตรงเข้ามาที่นาง แม้เหล่าเพื่อนพ้องจะห้ามปราม ชายผู้นั้นก็หาได้ฟังไม่...กลับสบัดมีดขู่คนอื่นๆ ปัดมือที่เข้ามาห้ามตนออกไปให้พ้นทาง ความรู้สึกของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่เลย...นางไม่ต้องการทำร้ายใครเลย และไม่ต้องการถูกทำร้ายด้วย!!! ตายซะเถอะนังบ้า!!! ชายผู้นั้นคำราม แล้วจ้วงมีดเข้ามาที่นาง! ไม่...ข้าไม่อยากตาย!!! อย่า!!! ลอนต้าล้มลง เมื่อชายผู้นั้นเงื้อดาบมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงมาใส่ร่างของสตรีผู้โชคร้ายอย่างโหดเหี้ยม ฟีต้าร้องจนสุดเสียงหากไม่สามารถห้ามสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย หญิงสาวกรีดร้องและวิ่งเข้าไปหมายรั้งร่างที่ล้มลงสิ้นใจประคองขึ้นไว้ในอ้อมกอดของตน นางผลักร่างของชายคนนั้นสุดแรงเพื่อเข้าไปหาลอนต้า เป็นเหตุให้ชายผู้อยู่ในความโกรธขุ่นเคืองขึ้นมาอีก หนอย นังนี่ อยากไปอยู่กับอีแก่มากใช่ไหม!! ฟีต้าหันไป ประจวบพอดีกับยามที่ชายผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นสูง ร่างบางถูกสะกดเอาไว้ด้วยภาพนั้น ร่างกายนางราวกับกลายเป็นหินไม่สามารถขยับหรือหลบหนีได้ ทั้งหมดที่นางคิดได้คือ... นางไม่อยากตาย! เสียงดาบฝ่าอากาศ ไม่มีใครสามารถยั้งชายผู้นั้นได้ เมื่อโลหิตแดงฉานไหลเป็นทาง และบาดแผลประทับลึกลงบนร่าง ความเจ็บปวดที่คาดว่าจะได้รับกลับปรากฏเป็นเพียงความเย็นยะเยือกสาดเข้าใส่ ก่อนสติสุดท้ายจะลาไป ความคิดเดียวกลับกึกก้อง... ...ไม่อยากตาย... นั่นเสียงเอะอะอะไรกัน! จีอัสปราดตาไปทางลูกไล่ของตน เล็คซ์ยืนอารักขาอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ผู้เป็นนายไล่คนอื่นๆ ออกไปทั้งหมดยกเว้นเขา จีอัสไม่เคยไว้ใจใครให้อยู่ใกล้ๆ ตนนอกจากเล็คซ์...หมาข้างถนนที่เขาเก็บมาชุบเลี้ยง และทาสผู้ซื่อสัตว์ เมื่อจีอัสสั่ง เล็คซ์จึงต้องไปหาคำตอบของคำถามมา...และยินดีนักที่จะไปเสียให้พ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า... ไคเมร่าหนุ่มถูกตีตรวนห้อยเอาไว้กับกำแพงในสภาพรุ่งริ่ง แม้ตรวนนี้จะไม่เชือกอาคมอย่างเมื่อคราวก่อน หากการเสียเลือดเป็นจำนวนมากทำให้เขาอ่อนล้ายิ่ง เฟทรู้สึกว่าความหนาวกำลังแล่นเข้ามาจับผิวกาย และหัวสมองวิงเวียน ดวงตามืดมัวยากเหลือเกินที่จะลืมตาเอาไว้แม้แต่เพียงหายใจก็รู้สึกยากเย็นยิ่งนัก หัวของชายหนุ่มตกห้อย และก็ยากเหลือเกินที่จะฉุดรั้งสติเอาไว้ นี่เขาจะตายรึ? เฟทรู้ตัวว่าตนกำลังสูญเสียเลือดไปอย่างมากมาย ร่างกายของชาวโอราเคิลสามารถสร้างเลือดขึ้นทดแทนการสูญเสียเป็นจำนวนมากได้ก็จริงแต่ก็ทำให้ร่างกายอ่อนล้าเป็นอันมาก การสูญเสียเลือดไปในเวลาอันรวดเร็วและมากมายเช่นนี้หากเป็นมนุษย์ก็คงจะกลายเป็นศพไปแล้ว แต่เขายังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์ แต่ถ้ามากไปกว่านี้ ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็คงไม่รอดไปได้หรอก... ปลายมือปลายเท้าของเขาชาไร้เรี่ยวแรงและอ่อนเหลวราวกับวุ้น หมดหนทางหลบหนีอย่างสิ้นเชิง...หรือว่านี่จะเป็นจุดจบของเขาจริงๆ ...จุดจบของสัตว์ที่ติดกับดักของนายพราน!... เฟทพยายามที่จะมอง มองเห็นชายผู้ที่กำลังดื่มกินเลือดจากกายของตนอย่างอิ่มเอม...ชายผู้นั้นเอาเลือดของเขาใส่แก้เจียรนัยแล้ววนไปมาในมือของตนราวกับเลือดของเขาคือไวน์ชั้นดี...รอยยิ้มอิ่มเอมภาคภูมิปรารกฏที่นั่นบนใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหาย! ไอ้บ้านี่โรคจิตชัดๆ! แม้จะอยากกัดฟันกรอด แต่เขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอ โชคยังดีที่เขาได้ยินเสียง แต่โชคไม่ดีมากพอจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะคลึ้มในลำคอของจีอัส... ต่อไป ข้าก็ไม่ต้องกลัวความตายอีกแล้ว... แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ! เฟทเข่นเขี้ยวเอ่ยให้ดังที่สุด หากเสียงที่เขาว่าดังแล้วกลับเบาราวกับสายลมในความคิดของผู้ได้ยิน กระนั้นในห้องที่เงียบก็ยังได้ยินพอจับใจความได้บ้าง
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:32:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 162 Pageviews. |
|
|