เราไม่ละทิ้งความรักโลภโกรธหลง
เราไม่ละทิ้งความรักโลภโกรธหลง แต่เราทำให้ความรักโลภโกรธหลงเกิดความสมดุลย์ในตัวของมันเอง
โลกเกิดจากพลังงาน โลกถูกขับเคลื่อนโดยพลังงานและพลังงานก็ช่วยขับเคลื่อนโลก
มนุษย์เกิดจากพลังงาน (จิตวิญญาณ) มนุษย์ถูกขับเคลื่อนโดยพลังงาน (จิตวิญญาณ+ เซลล์สมอง)
การให้ความร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกันคือ มนุษย์ กับ มนุษย์ และโลก โดยมีโลกแห่งพลังงานและกฎแห่งธรรมชาติเป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนทำให้การใช้ชีวิตเกิดวงจรที่สมบูรณ์แบบและงดงามที่สุด มนุษย์มีแหล่งให้กำเนิดพลังงานสองแหล่งด้วยกันคือ ร่างกาย (human being) กับ จิตวิญญาณ (spirit) ด้วยกฎแห่งธรรมชาติทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปในชีวิตของคนเราจึงขึ้นตรงต่อแหล่งพลังงานทั้งสองแหล่ง 50%มาจากสิ่งที่เราคิดว่ารู้แต่ไม่รู้และไม่รู้แต่รู้ในส่วนของร่างกาย และอีก50%มาจากสิ่งที่เราไม่คิดว่ารู้แต่รู้และคิดว่ารู้แต่ไม่รู้ในส่วนของจิตวิญญาณ ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้จักพลังงานและกฎแห่งธรรมชาติที่เราส่งและรับเข้า ไม่ว่าเราจะเลือกทำหรือเลือกไม่ทำหรือเลือกทำโดยให้คนอื่นทำแทน (ผลขึ้นลงขึ้นกับคนอื่น) เราจะได้รับผลจากการเลือกทำ เลือกไม่ทำและเลือกทำโดยให้คนอื่นทำแทนทั้งหมด เราไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปในชีวิตของเราได้ เราคือผู้สร้างสรรค์และเราคือผู้ลอกเลียนแบบ เราคือทุกสิ่งในชีวิตของเรา แต่เราไม่ใช่สิ่งใดเลย (ไม่ยึดติด)
ร่างกาย (human being) มีทั้งความคิดดี(พลังงานบวก)และความคิดไม่ดี(พลังงานลบ) นี่คือความยากและง่ายของชีวิตที่คนที่มีความเห็นต่างแต่ยืนอยู่บนฐานของพลังงานบวกด้วยกันเองจะช่วยส่งเสริมกันและกัน และคนที่มีความเห็นต่างแต่ยืนอยู่บนฐานของพลังงานลบด้วยกันเองจะช่วยส่งเสริมกันและกัน คนที่มีความเห็นต่างที่ยืนอยู่บนฐานของพลังงานที่ต่างกันจะเป็นกระจกเงาของกันและกัน การเป็นกระจกเงาให้กันและกันคือหนทางแห่งการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ความไม่สมดุลย์หมายถึง รูปรสกลิ่นเสียง ประสาทสัมผัสที่หก อารมณ์ทุกชนิดและความรู้สึกรักโลภโกรธหลง การทำมาหาเลี้ยงชีพ ความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทุกสิ่งที่คนเราสามารถรู้สึกและสัมผัสได้บนโลกมนุษย์ ร่ายกายมีส่วนของความรู้สึกความคิด และการกระทำ มีความสัมพันธ์แบบเปิดจึงทำให้โลกมนุษย์มีระบบการทำงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดและบิดเบี้ยวที่สุด วิธีคืนความสมดุลย์ต้องใช้ทั้งความอยากเอาชนะและการยอมรับความพ่ายแพ้ ใช้ทั้งเหตุผลและใช้กฎธรรมชาติที่อยู่เหนือเหตุผลขึ้นไปขั้นหนึ่งหรือมากกว่า
จิตวิญญาณ (spirit) ภายในจิตวิญญาณมีทั้งพลังงานบวกและพลังงานลบ ดังนั้นความไม่สมดุลย์ของจิตวิญญาณคือ ความไม่สมดุลย์ภายในตัวของพลังงานบวกเองและความไม่สมดุลย์ภายในตัวของพลังงานลบเอง จิตวิญญาณที่มีความสมดุลย์จะไม่เกิดและไม่ตายมีเพียงจิตวิญญาณที่ไม่สมดุลย์เท่านั้นที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวงจรของการเกิดและตาย เราทุกคนจึงเกิดมาพร้อมกับความไม่สมดุลย์ของจิตวิญญาณ เราจึงมีภารกิจที่จะต้องคืนความสมดุลย์ให้กับจิตวิญญาณที่ไม่สมดุลย์ของเราเอง ความไม่สมดุลย์หมายถึง อารมณ์ทุกชนิดและความรู้สึกรักโลภโกรธหลง ความกลัว ความเกลียด ความเป็นตัวกูของกู เป็นต้น มีความสัมพันธ์แบบปิด ไม่มีส่วนประกอบของเซลล์สมองจึงคิดไม่เป็น เมื่อคิดไม่เป็นจึงไม่มีกาลเวลา ไม่มีเหตุผล ดื้อรั้น ยึดติดกับความเชื่อมากกว่าความจริง (ความเชื่อมีน้ำหนักมากกว่า ความจริงมีน้ำหนักเบากว่า) วิธีคืนความสมดุลย์อย่าพยายามเอาชนะ ยิ่งอยากเอาชนะยิ่งแพ้ ใช้กฎธรรมชาติที่อยู่เหนือเหตุผลขึ้นไปขั้นหนึ่งหรือมากกว่า
ทางเดินชีวิตมีทางเดียว แต่มีแหล่งกำเนิดพลังงานสองแหล่งจึงทำให้ทางเดินชีวิตเกิดความคดงอเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต ความคดงอของทางเดินชีวิตเราเกิดมาจากร่างกาย (human being) กับ จิตวิญญาณ (spirit) จึงต้องแก้ไขที่ร่างกาย (human being) กับ จิตวิญญาณ (spirit) ของเราเอง ไม่ใช่แก้ที่คนอื่น ความพยายามแก้ที่คนอื่นคือ การแสดงความไม่รับผิดชอบและไม่เคารพตัวเอง เหมือนกับเราทำของหล่นในโรงรถที่มืด แต่เรากลับไปพยายามมองหาของที่หล่นหน้าบ้านที่มีไฟส่องสว่างกว่า