ธันวาคม 2562

2
3
4
6
7
9
11
13
15
16
18
19
21
22
23
24
25
27
28
29
31
 
 
All Blog
ความผิดพลาดที่ใช่และไม่ใช่ความผิดพลาด (must read)
เราอาศัยอยู่ในโลกของควอนตัม หรือ ระบบพลวัต หรือ ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งโดยลักษณะการเปลี่ยนแปลงของระบบนี้เรียกว่าเคออส จะมีลักษณะที่ปั่นป่วนจนดูคล้ายว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ (random/stochastic) แต่จริง ๆ แล้ว ระบบเคออสนี้เป็นระบบแบบไม่สุ่ม หรือระบบที่มีระเบียบ (deterministic) หรือนักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์เรียกว่า ระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ประเภทหนึ่ง ที่มีความไวต่อสภาวะเริ่มต้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าระบบ 2 ระบบนั้นเริ่มต้นจากสภาวะที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย คือเกือบจะเหมือนกันทุกประการ เมื่อระบบได้มีการเปลี่ยนไปสักระยะหนึ่ง สภาวะของระบบทั้งสองที่เราสังเกตได้เมื่อเวลาผ่านไปจะแตกต่างกันอย่างสังเกตเห็นได้ชัด เรามักจะได้ยินคำพูดที่นิยมพูดกันอย่างกว้างขวางที่ว่า "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" หรือ "ผีเสื้อขยับปีกทำให้เกิดพายุ" (จาก "butterfly effect") ซึ่งภายในและภายนอกของระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) จะประกอบไปด้วยพลังงานที่มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและไม่อย่างสิ้นเชิงอยู่ในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน —-> สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน—->เวลาเดียวกันที่ใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน ซึ่งระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) จะมีระบบการทำงานที่เริ่มต้นมาจากความใช่และไม่ใช่ที่อยู่ในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน —-> สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน—->เวลาเดียวกันที่ใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน หรือเรียกว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" หรือ "ผีเสื้อขยับปีกทำให้เกิดพายุ" (จาก "butterfly effect") ยกตัวอย่างเช่น หมีขั้วโลกถูกพ่นสีบนตัวเป็นตัวหนังสือสีดำว่า “T-34” ซึ่งคนคิดว่าเป็นชื่อรุ่นของรถถังที่มีบทบาทสำคัญในชัยชนะของโซเวียตต่อกองทัพนาซีเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคำว่า T-34 คือ รหัส ซึ่งมาจากกระบวนการทำงานของระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ที่เริ่มต้นจากความใช่และไม่ใช่อยู่ในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน คือ ใช่เป็นชื่อรุ่นของรถถัง และไม่ใช่เป็นชื่อรุ่นของรถถัง แต่ตัวอักษร T หมายถึง Thailand —-> สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน—->เวลาเดียวกันที่ใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน ความหมายของตัวเลข 34 จะแยกออกเป็นสองส่วนคือ 3 และ 4 แต่ละส่วนจะแยกออกเป็นสองคือ 3 หมายถึง ความใช่และไม่ใช่อยู่ในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน และ สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน + มิติของเวลาที่ใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน ซึ่งแต่ละส่วนจะมีรายละเอียดที่แยกส่วนออกไปอีกในส่วนของตัวเองและในส่วนของกันและกัน 4 หมายถึง ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ ใช่คือไม่ใช่ และ ไม่ใช่คือใช่ + มิติของเวลาที่ใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน จะเห็นได้ว่า ทั้งหมดจะมีในส่วนของการซ้อนทับและไม่ซ้อนทับ พัวพันและไม่พัวพันกันอยู่ กระบวนการแยกออกนี้เรียกว่า กระบวนการสปาเกตตี้ ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้วัตถุกลายเป็นสตริงของอนุภาคพื้นฐานที่จะมีการซ้อนทับและไม่ซ้อนทับ พัวพันและไม่พัวพันกันทั้งภายในและภายนอก ซึ่งระบบควอนตัมคือ ก้าวต่อไปของการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองที่คนทั้งโลกจะใช้เป็นบรรทัดฐานในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเพื่อนำพาโลกทั้งใบก้าวไปในทิศทางเดียวกันและเป็นการเปลี่ยนแปลงจากระบบแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ (random/stochastic) เข้าสู่ระบบแบบไม่สุ่ม หรือระบบที่มีระเบียบ (deterministic) หรืออีกนัยหนึ่งคือ การนำเอาพลังงานบริสุทธิ์มาใช้แทนที่พลังงานไม่บริสุทธิ์ รหัสอีกตัวอย่างหนึ่งที่โลกส่งถึงมนุษย์คือ ไฟไหม้เอ.เจ.พลาสท์แหลมฉบังณ บริเวณอุปกรณ์ประกอบสำหรับสายการผลิต (Utility) อันส่งผลกระทบต่อการผลิตใน 2 สายการผลิตหลัก (จากทั้งหมด 10 สายการผลิตหลัก) หมายถึง พลังงานทั้งหมดมีค่าเท่ากับศูนย์/สิบ ภายในและภายนอกพลังงานที่ค่าเท่ากับศูนย์ หมายถึง 0/0 และ 0/1 หรือ 5/5 และ 3/2 หรือ 2/3 ความหมายของ 2 สายการผลิตหลัก หมายถึง ขั้วเหนือขั้วใต้ และ ขั้วบวกขั้วลบ

เราและโลกจะมีการทำงานร่วมกันและประสานกันและหนึ่งเดียวกันซึ่งหมายถึง การเชื่อมต่อ/การส่งต่อพลังงาน/ข้อมูลและการสะท้อนกลับมากลับไประหว่างพลังงาน/ข้อมูลจากเราถึงโลก และจากโลกถึงเรา ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงไม่มีอะไรที่เป็นความผิดพลาด เนื่องจากความผิดพลาดและความไม่ผิดพลาดก็หนึ่งในการทำงานที่ซ่อนอยู่ในระบบไม่เชิงเส้นที่มีสองระบบหรือสองด้านบนเชือกเส้นเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อและเปลี่ยนถ่ายจากระบบพลังงาน/ข้อมูลหนึ่งไปสู่อีกระบบพลังงาน/ข้อมูลหนึ่ง ซึ่งจะมีความมี/เป็นอยู่และไม่มี/ไม่เป็น/ไม่อยู่ของรูปแบบและลักษณะหนึ่งของการส่งต่อพลังงาน/ข้อมูล และ การสะท้อนกลับมากลับไประหว่างพลังงาน/ข้อมูลที่เรามีความจำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาระบบการรับส่ง เชื่อมต่อและเปลี่ยนถ่ายพลังงาน/ข้อมูลของตัวเราเองเพื่อยกระดับและขยายขอบเขตความรู้ความสามารถในการรับรู้รับส่ง เชื่อมต่อและเปลี่ยนถ่ายพลังงาน/ข้อมูล ผ่านการมองเห็นและสัมผัสได้ในระดับหนึ่งไปสู่การมองเห็นและสัมผัสได้ที่อยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปคือ จากระบบการทำงานในระดับของมนุษย์เข้าสู่ระบบการทำงานในระดับของควอนตัม ที่ความผิดพลาดจะแยกออกเป็นสองส่วนคือ ความผิดพลาดและความไม่ผิดพลาด และแยกออกเป็นสี่ส่วนภายในและภายนอกตัวเองคือ ความผิดพลาดคือความผิดพลาด ความไม่ผิดพลาดคือความไม่ผิดพลาด ความผิดพลาดคือความไม่ผิดพลาด และ ความไม่ผิดพลาดคือความผิดพลาด จากสี่เป็นแปด + มิติของเวลาที่ใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน

* T-34 หมายถึง ประเทศไทยและคนไทยทั้งประเทศ 3+4=7 อาถรรพ์หมายเลข 7 ประเทศไทยและคนไทยทั้งประเทศกำลังเดินออกจากอาถรรพ์หมายเลข 7 ซึ่งถ้าหากเรามองภาพรวมใหญ่ที่หมายถึง คณะรัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน ในปัจจุบันเราจะเห็นถึงความสับสนวุ่นวาย แต่ภายใต้ความสับสนวุ่นวายจะมีความไม่สับสนไม่วุ่นวายอยู่ และถ้าหากเรามองภาพรวมเล็กในระดับประชาชนเราจะเห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการดำเนินชีวิตของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น การจัดการวิ่งเพื่อการกุศลที่เริ่มต้นจากคนคนหนึ่งไปสู่คนทั้งประเทศ การที่คนไทยเริ่มหันมาวิ่งเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น และ การจัดการวิ่งมาราธอนที่คนไทยเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยทั้งภายในและภายนอกประเทศ การค้าขายสินค้าที่มีราคาถูกมากขึ้น+ปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นทั้งกับตัวสินค้าและผู้ขายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ การแสดงความมีน้ำใจ ความโอบอ้อมอารี การช่วยเหลือซึ่งกันและกันที่เป็นอุปนิสัยพื้นฐานของคนไทยและคนทั่วโลกที่กระจายอยู่ทั่วประเทศในทุกสาขาอาชีพทุกชนชั้น ในระดับควอนตัมถ้าหากเรามองจากภาพรวมใหญ่เราจะเห็นและไม่เห็นถึงความสับสนวุ่นวายและความไม่สับสนวุ่นวาย ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกมองหรือสังเกตด้านไหน ซึ่งการเลือกมองหรือเลือกสังเกตด้านใดด้านหนึ่งเราก็จะมองเห็นและสังเกตเห็นด้านที่เราเลือกและด้านที่เราไม่ได้เลือกจะยุบหายไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความไม่เข้าใจ การทะเลาะวิวาท และการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ซึ่งมาจากการยึดติดอยู่กับสิ่งที่แต่ละคนมีอยู่ แต่ถ้าหากเรามองจากภาพรวมเล็กที่ซ่อนอยุ่ภายใต้ภาพรวมใหญ่เราจะเห็นว่า ประเทศไทยและคนไทยกำลังก้าวเดินออกจากอาถรรพ์หมายเลข 7 เข้าสู่โลกแห่งควอนตัมที่ละนิดๆ ซึ่งเริ่มต้นและสิ้นสุดจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ที่ได้รับการสานต่อในรัชกาลที่ ๑๐ และประเทศอื่นทั่วโลก และเริ่มต้นและสิ้นสุดจากประชาชนตัวเล็กๆคนหนึ่งไปสู่คนทั้งประเทศและทั่วโลก ในระดับควอนตัม การเริ่มต้นและสิ้นสุดจากคนคนหนึ่งจะแยกออกเป็นสองส่วนคือ ใช่การเริ่มต้นและสิ้นสุดจากคนคนหนึ่งและไม่ใช่เริ่มต้นและสิ้นสุดจากคนคนหนึ่งในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน —-> สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน—->เวลาเดียวกันที่ใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน ซึ่งในระดับโลกใบใหญ่ในแต่ละส่วนก็จะแยกออกไปอีกจากสองเป็นสี่จากสี่เป็นแปดไปเรื่อยๆ แต่ในระดับโลกใบเล็กนั้นจะแตกต่างออกไปคือ การแยกออกในแต่ละส่วนของทั้งสองส่วนนั้นจะมีส่วนของการสิ้นสุดและการเริ่มต้นใหม่จากแปดเป็นสิบหกจากสิบหกเป็นสามสิบสองและจากสามสิบสองเป็นหกสิบสี่และวนกลับมาเริ่มต้นกระบวนการใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการทำงานอยู่ภายใต้ ความใช่และไม่ใช่ในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน —-> สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน—->เวลาเดียวกันที่ใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน หรืออีกนัยหนึ่งคือ มีการเข้าถึงความจริงซึ่งเป็นพื้นฐานอยู่ 2 แนวทาง อย่างแรกคือ มองจากเล็กไปใหญ่ (bottom-up) อีกแนวทางคือมองจากใหญ่ไปเล็ก (top-down) ซึ่งภายในภาพรวมใหญ่จะมีสองแนวทางให้เราเลือกมองคือ แนวทางภาครัฐ/สภาผู้แทนราษฎร และ แนวทางภาคประชาชน และในทางกลับกันภายในภาพรวมเล็กก็จะมีสองแนวทางให้เลือกมองเหมือนกันคือ แนวทางภาครัฐ/สภาผู้แทนราษฎร และ แนวทางภาคประชาชน แต่ในความเหมือนมีความต่างคือ เป็นการมองให้เห็นถึงสิ่ง/ภาพซ่อนอยู่ภายในและภายนอกภาพรวมใหญ่และภายในและภายนอกภาพรวมเล็กคือ แนวทางภาครัฐ/สภาผู้แทนราษฎร และ แนวทางภาคประชาชน ซึ่งในเล็กมีใหญ่ ในใหญ่มีเล็ก การมองทั้งหมดขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะเลือกหยิบเอาส่วนใดขึ้นมาขยาย ภาพที่เราหยิบขึ้นมาขยายจะกลายเป็นภาพแห่งความจริงสำหรับเรา so choose wisely ^-^



Create Date : 05 ธันวาคม 2562
Last Update : 5 ธันวาคม 2562 10:37:03 น.
Counter : 590 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3784113
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



จุกมุ่งหมายคือ การรู้แจ้งเห็นจริงในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง

There is no way to happiness, happiness is the way.

การปิดทองหลังพระ ถ้าเราไม่หยุดปิด วันหนึ่งทองก็จะล้นมาด้านหน้าพระเอง

คำพูดที่ปราศจากการกระทำนั้นได้ตายไปแล้ว