มิถุนายน 2561

 
 
 
 
 
1
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
18
20
22
25
26
27
28
 
All Blog
มนุษย์กับจิตวิญญาณ

มนุษย์เกิดจากสเปิร์มและไข่ของพ่อกับแม่รวมตัวกันและทำให้เกิดการปฏิสนธิของชีวิตหนึ่งชีวิตหรือมากกว่าในครรภ์มารดา ชีวิตที่ประกอบไปด้วยร่างกายและอวัยวะต่างๆ
จิตวิญญาณคือ จิต+วิญญาณ จิตหมายถึง สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคิด เหตุผล ตรรกะ จิตสามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความคิดกับปัญญาญาณ วิญญาณแปลว่า ความรู้แจ้ง วิญญาณคือ พลังงานที่ไม่สูญสลายและสามารเปลี่ยนแปลงสภาพได้ ดังนั้นจิตวิญญาณก็คือ สิ่งที่สามารถพัฒนาไปสู่นิพพานหรือความเป็นสูญญากาศโดยสมบูรณ์ (perfect vacuum) ได้ คำว่านิพพานใช้ในทางพุทธศาสนา คำว่าสูญญากาศโดยสมบูรณ์ (perfect vacuum) ใช้ในทางโลก
มนุษย์ กับ จิตวิญญาณคือ ผู้สร้างและผู้รักษาซึ่งกันและกัน มนุษย์ไม่สามารถนำพาตัวเองไปสู่การพ้นทุกข์และการหลุดพ้นแบบถาวรได้ แต่มนุษย์สามารถนำพาตัวเองเข้าสู่การพ้นทุกข์และการหลุดพ้นบางส่วน (partial vacuum) โดยการคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ภายในจิตวิญญาณ spirit ขั้วลบ (อดีต) และจิตวิญญาณ soul ขั้วบวก (อนาคต) การคืนความสมดุลย์ให้กับสามารถทำได้สองขั้นตอนคือการคืนความสมดุลย์ให้กับจิตวิญญาณ spirit ขั้วลบ (อดีต) หรือจิตวิญญาณ soul ขั้วบวก (อนาคต) อย่างใดอย่างหนึ่งเราก็จะได้รับการคืนความสุขและได้รับการปลดล็อกจากจิตดวงนั้นด้วยเช่นกัน ถ้าเราสามารถคืนความสมดุลย์จิตวิญญาณ spirit ขั้วลบ (อดีต) และจิตวิญญาณ soul ขั้วบวก (อนาคต) ได้ทั้งสองจิตวิญญาณทั้งสองจะทำให้มนุษย์ได้สัมผัสกับการรู้หรือปัญญาญาณ
คำถาม: ทำไมมนุษย์ไม่สามารถนำพาตัวเองไปสู่การพ้นทุกข์และการหลุดพ้นแบบถาวรได้?
คำตอบ: 1. เพราะมนุษย์มีขอบเขตและข้อจำกัดนั่นคือ ร่างกายและอวัยวะต่างๆที่เกิดมีขึ้นและเสื่อมสลายไปตามธรรมชาติ แต่มนุษย์สามารถนำพาความคิดและจิตวิญญาณที่ไร้ขอบเขตและข้อจำกัดเข้าสู่การรู้แจ้งเห็นจริงได้ การรู้แจ้งเห็นจริงไม่ใช่การรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแต่คือ การเข้าใจธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ซึ่งการรู้แจ้งเห็นจริงทางความคิดและจิตวิญญาณจะทำให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์และหลุดพ้นบางส่วน คำว่าบางส่วนในที่นี้คือ ชีวิตมนุษย์ที่หมายถึงร่างกายและอวัยวะต่างๆรวมทั้งสมองและเซลล์ประสาทรับรู้และสัมผัสได้ถึงความทุกข์และความสุขที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ต่างๆภายนอก แต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในใจจะไม่ทำให้มนุษย์รู้สึกเป็นทุกข์ได้อีกต่อไป
2. เพราะการพ้นทุกข์และการหลุดพ้นแบบถาวรจะสามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาที่มนุษย์พ้นจากความเป็นมนุษย์แล้วเท่านั้นซึ่งหมายถึง ตายแล้วหรือวิญญาณออกจากร่างนั่นเอง วิญญาณ=พลังงานที่ไม่สูญสลาย สถานะของพลังงานหลังจากสิ้นสุดความเป็นมนุษย์จะมีสองสถานะคือ สถานะของพลังงานที่มีความเป็นสูญญากาศโดยสมบูรณ์ (perfect vacuum) ในตัว=การพ้นทุกข์และการหลุดพ้นแบบถาวรจะไม่กลับเข้าสู่วัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป และสถานะของพลังงานที่มีความเป็นสูญญากาศบางส่วน (partial vacuum) ในตัว=การพ้นความทุกข์และหลุดพ้นบางส่วนจะกลับเข้าสู่วัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
ความเข้าใจในธรรมชาติของความเป็นมนุษย์อย่างท่องแท้+กับปัญญาญาณหรือการรู้จะทำให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตลอยตัวอยู่เหนือธรรมชาติในฐานะจิตวิญญาณและลอยตัวอยู่เหนือความดีความชั่วในฐานะมนุษย์ ความหมายของการใช้ชีวิตลอยตัวอยู่เหนือความดีความชั่วไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ทำดีหรือไม่ทำชั่วโดยธรรมชาติของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ภายใต้วัฏจักรของโลกและกฎแห่งธรรมชาติความดีกับความชั่วจะซ่อนอยู่ในกันและกันเสมอคือ ภายในการทำดีก็มีการทำไม่ดีอยู่ในนั้นด้วย และภายในการทำไม่ดีก็มีการทำดีอยู่ในนั้นด้วย แต่หมายความว่าทันทีที่เราหรือผู้อื่นพูดจบเราจะสามารถรับรู้ได้จากการรู้ภายในถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้นๆหรือเราจะได้รับคำตอบจากคำพูดหรือคำถามที่เราส่งออกมาภายนอกซึ่งทำให้เราเกิดความเข้าใจที่กระจ่างชัดด้วยตัวเองและทำให้เราสามารถแก้ไขคำพูดหรือแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ทันที
จิตวิญญาณ=ผู้อื่น=บรรพบุรุษของเราหรือตัวเราชาติก่อน
มนุษย์=ผู้อื่น=ตัวเราหรือคนอื่นในปัจจุบัน
โลกคือ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตมีระบบการทำงานเดียวกันทั้งภายนอกและภายในสิ่งไม่มีชีวิตก็คือสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตก็คือสิ่งไม่มีชีวิตเพราะฉะนั้นการเป็นผู้อื่นทั้งภายนอกและภายในหรือการเป็นตัวเราทั้งภายนอกและภายในก็คือ คนคนเดียวกัน เราคือวัฏจักรของตัวเราเอง และเราก็คือวัฏจักรของกันและกัน เราทำร้ายคนอื่นเท่ากับเราทำร้ายตัวเอง เราคิดร้ายกับคนอื่นเท่ากับเราคิดร้ายกับตัวเอง ถ้าเราไม่สามารถทำให้ภายในเกิดความรักและความสมานสามัคคีกันได้เราก็ไม่สามารถทำให้ภายนอกของเราเกิดความรักและความสมานสามัคคีกันได้เพราะ โลกภายนอกคือภาพสะท้อนของโลกภายใน และโลกภายในก็คือภาพสะท้อนของโลกภายนอก ซึ่งการสะท้อนอาจทำให้เราได้รับผลที่มีเหมือนกันหรือความขัดแย้งกันเองภายในโลกมนุษย์และโลกจิตวิญญาณก็ได้ ทั้งหมดล้วนเกิดจากระบบการทำงานของโลกและกฎธรรมชาตด้วยกันทั้งสิ้น เราไม่สามารถใช้ชีวิตลอยตัวอยู่เหนือธรรมชาติได้ด้วยการใช้ชีวิตตามธรรมชาติ การใช้ชีวิตตามธรรมชาติไม่ผิด แต่การใช้ชีวิตตามธรรมชาติด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจของเราเองคือการนำพาตัวเองเดินเข้าสู่เขาวงกตและเดินเข้าสู่ความหลงต่างๆที่นำมาซึ่งความทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมนุษย์ที่มีทั้งความสมบูรณ์พร้อมอยู่ในตัวเองและความไม่สมบูรณ์พร้อมอยู่ในตัวเองก็ต้องการผู้ช่วย (ความสมบูรณ์คือ มนุษย์มีความคิดเปรียบเสมือนอิเล็กตรอน (ขั้วลบ) และ กระแสไฟฟ้า (ขั้วบวก) ความรู้สึกเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่มีขั้วบวกกับขั้วลบ ความไม่สมบูรณ์คือ ภายในความคิด กระแสไฟฟ้า (ขั้วบวก) ก็มีพลังงานบวกมากหรือน้อยเกินไป ภายในความคิด อิเล็กตรอน (ขั้วลบ) ก็มีพลังงานลบมากหรือน้อยเกินไป และภายในความรู้สึกแม่เหล็กก็มีขั้วบวกมากเเกินไปหรือน้อยเกินไป ภายในความรู้สึกแม่เหล็กก็มีขั้วลบมากเเกินไปหรือน้อยเกินไป) ที่ทำให้มนุษย์สามารถเป็นได้ทั้งพระเจ้าและซาตาน การเดินตามสิ่งที่เรามีจะทำให้เราได้ในสิ่งที่เรามี แต่การเดินนำสิ่งที่เรามีจะทำให้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการคือความสุขและความสมบูรณ์พูนสุขทั้งภายนอกและภายใน



Create Date : 24 มิถุนายน 2561
Last Update : 24 มิถุนายน 2561 10:22:31 น.
Counter : 513 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3784113
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



จุกมุ่งหมายคือ การรู้แจ้งเห็นจริงในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง

There is no way to happiness, happiness is the way.

การปิดทองหลังพระ ถ้าเราไม่หยุดปิด วันหนึ่งทองก็จะล้นมาด้านหน้าพระเอง

คำพูดที่ปราศจากการกระทำนั้นได้ตายไปแล้ว