พฤษภาคม 2563

 
 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
การให้และรับในระดับควอนตัม


ให้ 1 (เรา) ให้ 2 (คนอื่น) รับ2 (คนอื่น) รับ 1 (เรา)
การให้ก็จะมีสองส่วนคือ ภายในและหรือภายนอก และมีสองระดับคือ จุลภาคและหรือมหภาค การให้ในระดับมหภาคคือ ให้บวกและหรือให้ลบ การให้ในระดับจุลภาคคือ ให้บวกหรือให้ลบที่อยู่ในด้านลบ และหรือ ให้บวกหรือให้ลบที่อยู่ในด้านบวก

การรับก็จะมีสองส่วนคือ ภายในและหรือภายนอก และมีสองระดับคือ จุลภาคและหรือมหภาค การรับในระดับมหภาคคือ รับบวกและหรือรับลบ การรับในระดับจุลภาคคือ รับบวกหรือรับลบที่อยู่ในด้านลบ และหรือ รับบวกหรือรับลบที่อยู่ในด้านบวก

ทั้งสองส่วนจะมีกระบวนการทำงานอยู่บนระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ที่แยกการทำงานออกเป็นสองส่วนคือ โมเมนตัมเชิงเส้นและโมเมนตัมเชิงมุม ที่แต่ละด้านจะมี/เป็นสองระบบคือ ระบบแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ (random/stochastic) และระบบแบบไม่สุ่ม หรือระบบที่มีระเบียบ (deterministic) แต่จะมีในลักษณะที่กลับด้านและหรือตรงกันข้ามกัน และแต่ละด้านก็จะมีกระบวนการแยกออกและไม่แยกออก (รวม) ย้อนกลับและไม่ย้อนกลับ (ส่ง/เชื่อมต่อ) เป็นสองส่วนคือ ไปในทิศทางเดียวกันและไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกจึงเป็นอย่างนั้นและไม่ได้เป็นอย่างนั้นในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน —> สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน—->เวลาเดียวกันใช่และไม่ใช่ในเวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน ดังตัวอย่างของรูปด้านบนที่ภายในรูปๆเดียวสามารถใช้อธิบายกระบวนการทำงานตั่งแต่ระดับจุลภาค-มหภาค (จักรวาล) ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งสมการของวงกลมจะเหมือนกับ null geodesics ที่จะวางตัวตามกรวยคู่



ซึ่ง null dual-cone นี้แทน "แนวการมองเห็น ถ้าเราขยายผลนี้เป็นปริภูมิสามมิติ null geodesics จะเป็นกรวย 4 มิติ หรือ ให้ 1 (เรา) ให้ 2 (คนอื่น/โลก) รับ2 (คนอื่น/โลก) รับ 1 (เรา) ระหว่างสมองทั้งสามส่วน และ DNA และ RNA และหรือระหว่างเรา คนอื่นและโลก ซึ่งจะมีการจับคู่สลับสับเปลี่ยนระหว่างคู่กันไปมาเช่นเดียวกับการทำงานภายในสมอง DNA และ RNA รูปด้านบนของผู้เขียนแสดงถึงความเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปกล่าวว่า วัตถุต่างๆ จะเคลื่อนที่ไปตามเส้นตรงในกาลอวกาศ 4 มิติ (ภายในและภายนอกจะมีอีก + 4 - มิติซ้อนทับและพัวพันอยู่) แต่มันก็ยังปรากฏเหมือนกับว่า เครื่องบินเองก็กำลังเคลื่อนที่ไปในเส้นทางโค้งของอวกาศ 3 มิติ (ภายในและภายนอกมี 2 มิติซ้อนทับและพัวพันอยู่) ด้วยเช่นกัน อีกนัยหนึ่งคือ ระหว่าง 4 มิติ และ หรือ + 4 - ที่ซ้อนทับและพัวพันอยู่จะมีและ 3มิติ และหรือ 2 มิติขั้นอยุ่ระหว่างกลางทั้งสองด้าน (บวกลบ) คำว่า สองด้าน จะแยกออกเป็นความคิด-ความรู้สึก และ ความรู้สึก-ความคิด ที่จะจับคู่สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งและโมเมนตัมระหว่างกันไปมาทั้งในนอก บนล่าง หน้าหลัง ซ้ายขวา จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะมีความใช่และไม่ใช่อยู่ในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน —> สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน—->เวลาเดียวกันใช่และไม่ใช่ในเวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน




null geodesics ที่วางตัวตามกรวยคู่ null dual-cone นี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อปรับเปลี่ยนสถานะและสภาวะภายในและภายนอกของเราให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับโลก ซึ่งภายในสมองของคนเราจะมีเซลล์ที่เป็นรูปกรวยอยู่ 2 ที่คือ สมองส่วนหน้าและสมองส่วนท้าย ซึ่งทั้งสองตำแหน่งจะมีการวางตัวอยู่ในลักษณะที่กลับด้านและไม่กลับด้าน (ตรงกันข้ามกัน) ซึ่งทั้งคำว่า กลับด้านและไม่กลับด้าน (ตรงกันข้ามกัน) และคำว่า ไปในทิศทางเดียวกันกับโลกจะมีความใช่และไม่ใช่อยู่ทั้งภายในและภายนอกตัวเองและภายในและภายนอกกันและกัน ความหมายคือ โลก/คนอื่น/เราเป็นและไม่ได้เป็นในสิ่งที่เราคิดว่าโลก/คนอื่น/เราเป็น จริงๆแล้วการมาของโควิด19 คือ ตัวเร่ง ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของแต่ละคนอยู่แล้วเพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นตัวเร่งเฉพาะบุคคลเท่านั้น แต่เป็นตัวเร่งสำหรับมนุษย์ทุกคนในการนำพาความคิด ความรู้สึกและการกระทำเดินออกจากศตวรรษที่ 20 (ควอนตัมมหภาค) เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 (ควอนตัมจุลภาค) ที่จะเป็นการยกระดับและขยายขอบเขตของความสามารถในการรับรู้ของมนุษย์ให้กว้างไกลออกไป (รู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการพูดคุยหรือสืบสวนสอบสวน) คำว่า “การเว้นระยะห่างทางสังคม” มีความหมายในระดับควอนตัมจุลภาคมากกว่าที่คุณคิด

ขออนุญาตยกอีกสองตัวอย่างคือ ผู้กองเบนซ์และดีเจภูมิที่ถูกโลกโซเชี่ยลเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมายในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อนำมาเป็นวิทยทานในการเรียนรู้และทำความเข้าใจในระบบควอนตัมที่ไอส์ไตนส์และเพื่อน สมมุติว่ามีอนุภาค 2 อนุภาคที่มีอันตรกริยาต่อกัน และในเวลาต่อมาได้ถูกแยกจากกัน ในมุมมองของกลศาสตร์ควอนตัมนั้น อนุภาคทั้งสองถือว่าเป็นองค์ประกอบของระบบเดียวกัน ในที่นี้ผู้โพสต์และผู้แสดงความคิดเห็นทั้งสองถือว่าเป็นองค์ประกอบของระบบเดียวกัน ในระดับมหภาคผู้ให้และผู้รับจะเป็นคนละคนกัน แต่ในระดับจุลภาคเราเป็นทั้งผู้ให้ของตัวเองและผู้ให้คนอื่น และในขณะเดียวกันและหรือในทางกลับกันเราก็เป็นผู้รับของคนอื่นและผู้รับของตัวเอง ในที่นี้ผู้โพสต์ก็คือ ตัวเร่งของตัวผู้โพสต์และเป็นตัวเร่งของผู้อ่านและผู้แสดงความคิดเห็น และในขณะเดียวกันและหรือในทางกลับกันผู้อ่านและผู้แสดงความคิดเห็นก็คือ ตัวเร่งของตัวผู้อ่านและหรือของตัวผู้แสดงความคิดเห็นและเป็นตัวเร่งของผู้โพสต์ ในอีกความหมายหนึ่งคือ ข้อมูลที่เราให้/ส่งต่อ/แสดงออกไปจะแยกออกเป็นสองส่วนคือ ให้คนอื่นและให้สิ่งตัวเราเอง แต่เป็นการให้ในสองลักษณะคือ ทางตรงและทางอ้อม ซึ่งจะมีการสลับตำแหน่งและโมเมนตัมระหว่างกันไปมา (ให้-รับ) ดังเช่นการออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษและกล่าวว่าจะนำความคิดเห็นที่ได้ไปปรับปรุงตัวเอง ซึ่งสิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามในที่นี้ก็คือ สิ่งที่เราไม่เข้าใจว่า ทำไมคนอื่นถึงคิดไม่ได้หรือเปลี่ยนไม่ได้หรือเลิกไม่ได้ คนอื่นก็คิดกับเราเช่นเดียวกัน ในเวลาที่เราให้ข้อมูลกับคนอื่นว่า ต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ ทำไมไม่ทำอย่างนั้น ไม่ทำอย่างนี้แทนที่จะทำอย่างนั้นอย่างนี้แล้วได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ ทำไม่ไม่เปลี่ยน ไม่เลิก ทำไมไม่คิดใหม่ ทำใหม่ เราไม่รู้หรอกว่านั่นคือ สิ่งที่เราเองก็ต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองด้วยเช่นกัน ซึ่งเราจะรู้ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับเรา ในที่นี้คือ การแสดงความคิดเห็นของผู้อ่าน (เปิดเผยตัว) ทำให้เรารู้ว่า เราอยู่ในสภาวะเป็นหรือตาย ซึ่งเราอาจจะแย้งว่า เราไม่เหมือนคนอื่นหรือเราแตกต่างจากคนอื่นเนื่องจากเราอยู่ในสถานะของผู้ให้และผู้อ่านอยู่ในสถานะของผู้รับ สิ่งที่เราไม่รู้คือ ในระดับควอนตัมสถานะของทุกสรรพสิ่งจะมีการเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงแยกออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนหนึ่งจะมีการเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติและอีกส่วนหนึ่งจะมีการเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงโดยการนำพาของแต่ละคนเอง ซึ่งคำว่า ส่วนหนึ่งจะมีความหมายแยกออกเป็นสองทางคือ ส่วนหนึ่งคือ ส่วนหนึ่ง และส่วนหนึ่งคือทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น พลังงานทั้งหมดมีค่าเท่ากับศูนย์ และมีค่าเท่ากับ 0/1 การเคลื่อนที่ของพลังงานไม่ได้เคลื่อนที่เฉพาะส่วนที่มีค่าเท่ากับศูนย์เท่านั้น แต่ยังเคลื่อนที่ในส่วนที่มีค่าเท่ากับ 0/1 ไปพร้อมๆกันด้วย ซึ่งคำว่า พร้อมกัน ก็จะแยกออกเป็นสองส่วนคือ พร้อมและไม่พร้อม ในทุกสรรพสิ่งจะมีกระบวนการทำงานตามธรรมชาติที่จะมีทั้งส่วนที่มีการแยกออกและไม่แยกออก ย้อนกลับและไม่ย้อนกลับ ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น การทำงานของอวัยวะต่างๆภายในร่างกายเป็นต้น Please do judges and do not judges a book by its cover in the same thing in the same time การนำเอาหลักการเติมเต็ม (complementarity principle) มาใช้

ความหมายในระดับควอนตัมจุลภาค
1. เราดีกว่าคนอื่นและเราก็ไม่ได้ดีกว่าคนอื่นในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน ความหมายคือ ถ้าหากเรายังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้วงจรหรือวัฏจักรหรือค่าอนันต์เดียวกันกับคนอื่นที่มีการตอบโต้ โต้แย้ง โต้เถียง การแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ = เราและคนอื่นคือ องค์ประกอบของระบบเดียวกัน เราและคนอื่นอาจมีความแตกต่างกันจากการสลับสับเปลี่ยนกันเป็นผู้นำและผู้ตาม ผู้ให้และผู้รับ แต่เราและคนอื่นก็ไม่แตกต่างกันในความเป็นองค์ประกอบของระบบเดียวกัน
2. เราดีกว่าคนอื่น ความหมายคือ การสร้างวงจรหรือวัฏจักรหรือค่าอนันต์ในทางบวกใหม่ๆไปเรื่อยๆให้กับตัวเองและให้กับคนอื่น Keep walking by making a new positive circles คำว่า positive และ negative จะมีมิติที่ซ้อนทับและพัวพันมากกว่าความรู้ความเข้าใจแบบปกติ It’s time to move from normal to new normal.

ความคิดและความรู้สึกอาจเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน แต่ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์จะแยกความละเอียดอ่อนของทั้งสองออกจากกันไม่ได้ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น ซึ่งการมาของโควิด 19 คือจุดเริ่มต้นหรือตัวเร่งที่ดี อย่าปล่อยให้จุดเริ่มต้นหรือตัวเร่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นหรือตัวเร่งที่สูญเปล่า นี่คือ เวลาที่ทุกคนจำเป็นต้องนำพาความคิด ความรู้สึกและการกระทำของตัวเองเดินออกจากศตวรรษที่ 20 (ควอนตัมมหภาค) เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 (ควอนตัมจุลภาค) / ศาสนาจักรวาล (cosmic religion) / สังคมแบ่งปัน โดยหลักการปิดความรู้สึกเพื่อเปิดความคิด/ลดความรู้สึกเพื่อเพิ่มความคิด และโดยหลักเปิดความคิดเพื่อปิดความรู้สึก/เพิ่มความคิดเพื่อลดความรู้สึก If you want to escape from your cage, you must die while you are alive ไม่ว่ามนุษย์จะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตามไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้เพราะนี่คือ สิ่งที่โลกต้องการ

การซ้อนทับระหว่างภาพแห่งความจริงและไม่จริง (ภาพลวงตา) อาจยากต่อการแยกแยะในระยะเริ่มต้น แต่ถ้าหากเรามีความพยายามเรียนรู้ ทำความเข้าใจและพัฒนาตัวอย่างอย่างต่อเนื่อง เราจะเห็นได้ว่า การแยกแยะกระบวนการทำงานระหว่างความคิด ความรู้สึกและการกระทำทั้งภายในและภายนอกตัวเราเอง/คนอื่น/โลกออกจากกันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง (การทำงานของระบบไม่เชิงเส้น) สมการคือ การแยกเพื่อรวม การรวมเพื่อแยก (การทำงานของแรงแม่เหล็กไฟฟ้าตามสมการแมกซ์เวล)

จริงๆแล้วโลกมีความพยายามที่จะเปิดเผยวิธีการใช้ชีวิตให้มนุษย์ได้รับรู้อยู่ตลอดเวลา (ซ่อนอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวัน) แต่เราไม่เคยนำพาความคิด ความรู้สึกและการกระทำของเราเข้าไปทำการสังเกต รับรู้และทำความเข้าใจ

#change

การเดินทางของแสง/ความคิด ความรู้สึก และการกระทำ




Create Date : 05 พฤษภาคม 2563
Last Update : 5 พฤษภาคม 2563 11:29:06 น.
Counter : 490 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3784113
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



จุกมุ่งหมายคือ การรู้แจ้งเห็นจริงในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง

There is no way to happiness, happiness is the way.

การปิดทองหลังพระ ถ้าเราไม่หยุดปิด วันหนึ่งทองก็จะล้นมาด้านหน้าพระเอง

คำพูดที่ปราศจากการกระทำนั้นได้ตายไปแล้ว