|
.... ธี .... (บทที่ ๑๑)
.... ธี ....
บทที่ ๑๑
ที่พักสำเร็จออกมาแบบแปลกๆด้วยกิ่งไม้และใบไม้แห้งเท่าที่จะหาได้...สโตนและสิงคาลยืนมองอย่างชื่นชม..ในใจคิดไปคนละทาง
สโตนยอมรับสถานการณ์รอบด้านอย่างจำใจ คิดว่าที่สุดของสรรพชีวิตก็คงเหมือนอย่างเขา..โดดเดี่ยว เปล่าเปลี่ยว ว้าเหว่ ในสถานที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเช่นขณะนี้ ยังดีที่เขารู้ตัวว่าเป็นใคร มาจากไหน
สิงคาลเองยินดีจะดำรงชีวิตอยู่ในป่าสักกะนี้...ในหมู่บ้านข้างล่างเขาไม่ต่างกับสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง เป็นที่รังเกียจ ไม่มีใครต้องการ..ที่นี่ถึงจะไร้ผู้คนแต่อบอุ่นมากกว่าหลายเท่านัก จากเพื่อนคนหนึ่ง คนแรกในชีวิตนอกจากพ่อแม่
เหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ สิงคาลเดินเข้าไปในป่า...สักครู่กลับออกมาพร้อมกิ่งไม้ลำตรงหอบใหญ่ เขากองลงบนลานหน้ากระท่อม หยิบหินก้อนหนึ่งมีด้านเรียบเรียวออกมาจากพกผ้า ถากปลายไม้ด้วยคมหินนั้นจนได้หลาวไม้หลายอัน...เขาเงยหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อยิ้มกับสโตนที่ยืนมองอยู่ แล้วหอบหลาวเข้าป่าไปอีกครั้ง
สโตนพอจะเดาได้ว่า สิงคาลเข้าป่าไปล่าสัตว์มาประกอบอาหาร..สโตนก้มมองดูสภาพตัวเองที่มีเพียงเศษผ้าชิ้นน้อยปกปิดร่างกาย มองที่พัก มองไปรอบๆ..รู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์ยุคหิน..เหมือนหนังฟลิ้นสโตนที่เคยดู...ฟลิ้นสโตน เฮนจ์...สโตนยิ้มให้กับ..กับ..กับอะไร..เขาไม่แน่ใจ
จะยืนเฉยอยู่ได้อย่างไร เพื่อนผู้อนาถาเข้าป่าไปหาอาหาร เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
สโตนหาหินสองก้อนขนาดพอมือมากระแทกตีใส่กันบนกองเศษหญ้าแห้ง ทุบเข้าไปตีเข้าไปจนเกิดประกายไฟ พยายามวางทิศทางของก้อนหินให้สะเก็ดไฟกระเด็นถูกหญ้าแห้ง ตีหินอยู่นานจนรู้สึกเจ็บมือหญ้าจึงเริ่มติดไฟ เขารีบก้มลงเป่าให้ไฟลุก ก่ายประสานกิ่งไม้เล็กๆ เหนือเปลวไฟ ตามด้วยกิ่งใหญ่ขึ้นตามลำดับ..ในที่สุดภาระกิจของลูกเสือเก่าก็สำเร็จ
เกือบค่ำ สิงคาลโผล่ออกมาจากชายป่าพร้อมกับซากสัตว์ตัวเขื่องบนบ่า ถึงจะเป็นคนต่ำต้อยแต่เขาก็ฉลาดพอที่จะชำแหละล้างสัตว์ตัวนั้นจากที่ไหนสักแห่ง อาจมีลำธารอยู่ใกล้ๆ เนื้อตัวผมเผ้าของสิงคาลเปียกโชก
“มาม่า!” สิงคาลตะโกนเรียกสโตน “บาต” (๑) ชูซากสัตว์ให้ดู ยิ้มฟันขาวมาแต่ไกล
“ยาบัค” สโตนตะโกนตอบ จำได้ลางๆ ว่าคือคำขอบคุณ แต่ความจริงต้องพูดว่า ดฮานยาบัค
“ดฮานยาบัค..มาม่า” สิงคาลยิ้มขำสโตน พี่ชายจากสวรรค์ที่พยายามพูดภาษาของเขา
“มาม่า” อีกครั้งที่สโตนใช้คำผิดๆ
“ฮะ..ฮะ..ฮะ..” คราวนี้สิงคาลถึงกับหัวเราะ นั่งลงข้างกองไฟ..มองเปลวไฟ นึกชมความมีน้ำใจ ความเข้าใจการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของสโตน..เขาฉีกเนื้อออกเป็นสองส่วนเสียบด้วยไม้หลาว ยื่นให้สโตนหนึ่งชิ้น
“ขอบคุณครับ” สโตนรับชิ้นเนื้อก้อนโตจากสิงคาล
“ขอบ คุณ” สิงคาลพูดตาม ลุกไปนั่งอีกฝั่งกองไฟ
สองคนนั่งย่างเนื้อกันไปเงียบๆ ทั้งที่อยากจะพูดคุยกัน..เท่าที่ทำได้คือคิดในใจ มองกัน ยิ้มให้กันเป็นครั้งคราว
“ปุ๊..ปุ้ง!” ก้อนเนื้อปะทุใส่สโตน “เฮ้ย!” สโตนทิ้งไม้ด้วยความตกใจ
“ฮะ..ฮะ..ฮา..” สิงคาลหัวเราะชอบใจ “เฮ้ย..” อุทานตามสโตน..ข้ามมาหยิบไม้เสียบชิ้นเนื้อของสโตนขึ้นปัดเศษเถ้าถ่าน เปลี่ยนยื่นไม้ของตัวให้แทน
“ขอบคุณ..” สโตนลังเลแต่ก็รับไม้นั้น..เขาจะเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวไหม?..คงไม่ เพราะชิ้นเนื้อของเขาที่เปื้อนเถ้าถ่านนั้น สิงคาลตั้งใจมอบส่วนที่ดีและใหญ่กว่าให้ แต่ในที่สุดก็ตกเป็นของสิงคาลเอง...คนดี ความดีย่อมเป็นของตัว..นายสิงคาล
เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้วเมื่อกินบาตเสร็จ สิงคาลพาสโตนไปที่ลำธารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อม..
สโตนลังเล แต่เมื่อเห็นสิงคาลดึงผ้าออกจากเอวเดินลงน้ำเขาจึงทำตาม สิงคาลกอบก้อนกรวดเล็กๆ ใต้ลำธารขึ้นถูตัวขจัดคราบเหงื่อไคล สโตนทำตาม ในใจนึกชมวิธีการนี้..ต่างคนต่างขัดถูชำระร่างกายของตัว ซักผ้าผืนน้อย ไม่มีใครแอบมองใคร...สโตนแวบคิดถึงเมื่อครั้งอยู่ที่อุ้มผางคีกับลายนอข่อ..เขาถอนใจสะท้อน..เฮือกใหญ่
“ทาไปไล กัสโต ชฮา?” (๒) สิงคาลเผลอถามคำถามยาว..รู้ว่าสโตนคงไม่เข้าใจ แต่เพราะความเป็นห่วง อยากรู้ว่าเป็นอะไร..ที่แท้สิงคาลแอบชำเลืองดูสโตนอยู่ ไม่ใช่ด้วยจิตอกุศล แต่ไม่แน่ใจว่าสโตนจะใช้ชีวิตแบบป่าๆ อย่างเขาได้หรือไม่ วรรณะของพี่ชายคนนี้อยู่สูงส่งกว่าเขามากนัก สิงคาลมั่นใจ
ขึ้นจากน้ำ สิงคาลบิดผ้าจนหมาดเช็ดร่างกายและเส้นผม..สโตนทำตาม..แน่นอนทั้งคู่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ร่างกายแข็งเรง กล้ามเนื้อสวยงามไม่แพ้กัน คนหนึ่งสมบูรณ์จากการฝึกฝนวิชาการทหาร อีกคนหนึ่งเพราะทำงานหนัก
“มาม่า!” สโตนสะดุ้งเมื่อสิงคาลหันมาเห็นเขากำลังมองอยู่..สโตนจึงเสเดินนำกลับที่พัก เพื่อรีบไปที่กองไฟเพราะอากาศเริ่มเย็นลงทุกที
เมื่อกลับถึงที่พัก สิงคาลตรงไปที่กองถ่านแดง..เขี่ย เติมฟืนจนไฟลุกขึ้นอีก พยักหน้าให้สโตนดูเขาผิงผ้ากับไฟ พอแห้งหมาดก็นำไปเช็ดผมแล้วกลับมาผิงอีกจนผมแห้ง...สโตนทำตามทุกขั้นตอน จนแห้งสนิททั่วทั้งร่างกาย
สิงคาลเข้าป่าไปอีก สโตนนั่งคอยสักพักไม่เห็นมา เขาตัดสินใจเติมฟืนสองสามดุ้นใส่กองไฟแล้วเข้ากระท่อม...ในนั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ มีหญ้าแห้งปูอยู่บนพื้น ทางเข้าออกพอลอดได้ ไม่มีประตูหน้าต่างแต่ไม่อับเพราะอากาศเข้าออกได้ตามช่องโหว่รอบๆกระท่อม ถ้ามีฝนตกก็คงเปียก ต้องใช้ดินโคลนพอกทับอีกครั้ง
สโตนนอนลงบนพื้น ประสานมือทั้งสองกับท้ายทอย แหงนมองท้องฟ้าลอดหลังคากิ่งไม้..ดาวดวงหนึ่งสีชมพูสุกสกาวอยู่ตรงช่องโหว่พอดี เขามองด้วยสายตาวิงวอน ปรารถนาให้ดวงดาวส่งพลังใจให้..เมื่ออยู่คนเดียว ไม่มีครั้งไหนที่ไม่ว้าเหว่ ชีวิตของสโตนเป็นอย่างนี้เสมอ..โดดเดียว เปล่าเปลี่ยว เหมือนต้องคำสาบ...
ครั้งหนึ่งที่ห้องอุ้มผางคี เขานอนมองดาวอย่างเหงาใจเช่นคืนนี้ บรรยากาศ ความรู้สึกภายนอกต่างกัน แต่ในใจไม่ผิดเพี้ยนกันเลย...
เวลาต่างกันสองพันห้าร้อยเจ็ดสิบกว่าปี..วิญญาณสองดวงกำลังอยู่ในภวังค์เดียวกัน...
ธี นอนบนที่นอนอ่อนนุ่ม แหงนมองท้องฟ้าหนือหลังคากระจกกว้าง..เขาเพิ่งมีโอกาสอยู่คนเดียว คิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาตลอดทั้งวันบนโลกใบใหม่ แน่ใจว่าเขาคงต้องอยู่ที่นี่กับผู้คนแปลกๆที่เชื่อมโยงกับเขาด้วยเหตุผลต่างกันไป ซึ่งเขายังจับสายใยความสัมพันธ์นั้นไม่ได้...คนเดียวที่เขารู้ คือเจ้าตาสีน้ำเงิน..แต่..นั่นมันเป็นความรู้สึกของเขาต่างหาก
เหมือนสวรรค์แกล้ง...เขาหลงรัก หลงเพ้อถึงดวงตาสีน้ำเงินมาตลอดชีวิต พอได้พบจริง ยิ่งกว่าสมใจ ยิ่งกว่าสมรัก สนิทแนบแน่นไม่ห่างกันสักเสี้ยววินาที...แต่..ได้แค่มอง..เหมือนมองเงาจากคมดาบเมื่อแรกเห็นก็ไม่ปาน
ดาวสีชมพูดวงหนึ่งทอแสงลงมา..ประกายแวบเข้าตา.. ธี รู้สึกวาบเข้าหัวใจ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาส่งสายตาขึ้นไป อยากจะเอื้อมคว้าดาวนั้นมาแนบอก
ท่ามกลางแสงดาวสีชมพู ธี มองเห็นตัวเอง มองเห็นเจ้าตาสีน้ำเงิน..ประสานสายตาต่อกัน...
คำชี้แจงเพื่มเติม
(๑) บาต หมายถึง มื้ออาหารหรือข้าวสวย (๒) ทาไปไล กัสโต ชฮา แปลว่า เป็นอย่างไร เป็นอะไร
Create Date : 25 มีนาคม 2564 |
Last Update : 25 มีนาคม 2564 8:47:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 685 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
BlogGang Popular Award#20
|
สมาชิกหมายเลข 2607062 |
|
|
|
|