เขียนไว้อ่านเรื่อยๆ ครับ

<<
มีนาคม 2568
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 มีนาคม 2568
 

๐ กมโลภิกขุ ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ๐ บทที่ 3

๐ กมโลภิกขุ ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ๐
.. บทที่ 3 ..




กลับจากทำวัตรเช้าโดยมีหลวงพี่อาจเป็นพี่เลี้ยงคุมเข้มทั้งการครองผ้าแบบมีผ้ากราบพาดไหล่คาดทับด้วยผ้าพันอก และศาสนพิธีที่พระใหม่จากกรุงเทพฯ ไม่ประสา


หลวงพี่อาจจอมกวนไม่ตอแยอะไรอีกทั้งเรื่องถูกผีหลอกและเรื่องฉันเช้าเพราะตัวเองก็ถูกหลวงตาใบตำหนิเหมือนกันที่ไม่ช่วยดูแล และเพราะผมแย็บไปหน่อยว่ามัวแต่ล้อเลียนจนเป็นเรื่อง

               “อยู่ในห้องอ่านหนังสือไปพลาง บทสวดต่าง ๆ ท่องให้ได้โดยเฉพาะบทแผ่เมตตา..” เก๊กหนังศีรษะดุไม่เหลือมาดตอนเช้ามืด “ผมจะไปทำงาน” หลวงพี่อาจสั่ง

               “ครับ..” จำวัดอะดิ..ตัวใหญ่อย่างนี้

               “ว่าอะไรผม” หันกลับมายิ้ม

               “เปล่าครับ” แค่คิดเฉย ๆ ดังออกมาได้ไง?

               “สี่โมงครึ่งเตรียมตัวฉันเพล ฉันเสร็จแล้วค่อยจำวัด บ่าย ๆ ทำงาน..” หยุดรอให้คนต่อคำ..แต่ผมนิ่ง “กวาดลานวัด..ทั้งสองท่าน..หลวงตาแนะนำ”

               “แนะนำ?” ท่านมหาซี่งนั่งอยู่กับผมเพิ่งเอื้อนเอ่ย

               “ถูกทำโทษไง” ผมกระซิบ

               “ถูกต้อง..พระนิด..555” หลวงพี่อาจลงจากศาลา เดินหัวเราะไปจนลับตา


.....

ยังอิ่มอยู่เลยเมื่อตอนฉันเพล พระรูปอื่นฉันตุ้ย ๆ ผมละเลียดเป็นพิธี แต่เมื่อนึกถึงความหิวเมื่อเย็นวานและฤทธิ์เดชของน้ำปานะทั้งกาทำให้ต้องพยายามกลืนอาหารให้ได้มากที่สุด..วินัยไม่ให้เก็บกักตุนอาหาร แต่ในกระเพาะไม่มีข้อห้ามอย่างใด

ผมไม่รู้สึกง่วงเพราะนิสัยไม่ชอบนอนกลางวัน..ทั้งวัดเงียบกริบ..นี่ถ้าบรรดาคุณ ๆ ในโกดังลุกขึ้นมาประท้วงยึดพื้นที่วัด..เสร็จเค้าแน่

จะไปเดินเที่ยวชมวัดอย่างเมื่อวานก็ใช่ที่ วันนี้แดดร้อนมาก..หัวโล้นโกนใหม่ ๆ ควักขี้ไก่ใส่หัวโล้นยังดีเสียกว่า ร้อนอย่างนี้อะไรจะดีกว่าอาบน้ำ เล่นน้ำในแม่น้ำ น้ำกำลังขึ้นใสสะอาด

ท่าน้ำใหญ่ค่อนข้างโล่งแจ้ง ร้อนแน่ ๆ ผมจึงไปที่ท่าท้ายศาลามีไม้ใหญ่คลุมอยู่ ลงบันไดแค่สองขั้นก็เจอน้ำ..หัวโล้นนี้ดีเหมือนกันเวลาอาบน้ำไม่ต้องห่วงเรื่องผม อาบเสร็จไม่ต้องเช็ด..ผมดำผุดดำว่ายอย่างเพลิดเพลิน

ผมไม่ได้หันไปมองบนท่าน้ำ แต่รู้ว่าหลวงพี่อาจตามมากวนอีก

               “เป็นพระนะคุณ จะเล่นจะหัวอะไรต้องพอประมาณ” เสียงเอฟเอ็มต่างจากที่เคยได้ยิน

               “อ้าว !” สลัดน้ำจากหัวอย่างเคยชิน..ไม่มีสักหยด

               “พระนิดใช่ไหม? ผมนัท..” หลวงพี่รูปหล่อที่วงฉันข้าวนั่นเอง “อยู่กุฏิเดี่ยวข้างศาลายาวที่คุณอยู่

               “เชิญอาบต่อได้เลยครับ ผมเสร็จพอดี” ความจริงเพิ่งลงไปแปบเดียวสบงยังไม่ทันเปียก..เว่อ !

               “อิจฉาคนกรุงเทพฯ ตัวขาว” พระนัทพูดแปลก ๆ

               “คนต่างจังหวัดโดนแดดผิวคล้ำแต่แข็งแรง..ขาว อ่อนแอไม่ดีหรอกครับ” พูดเป็นการเป็นงาน ไม่กล้าล้อเล่นอย่างหลวงพีอาจ..สถานการณ์ไม่เหมือนกัน..ผมขึ้นจากน้ำถกสบงขึ้นขยุ้มบิด..พวงหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง..หยิบอังสะที่พาดอยู่บนม้านั่งข้าง ๆ พระนัท กุมพวงหน้า เลี่ยงขึ้นศาลา..เหมือนหลวงพี่เอฟเอ็มจะมองตาม

ว่าจะไม่จำวัด แต่เพราะไม่อยากออกจากห้อง หยิบหนังสือสวดมนต์ขึ้นมาอ่าน สักครู่ก็ลืมวัด

               “ตูม !” เสียงระเบิดที่ประตูห้องพระมหาชัย..ได้ผล..สองประตูเปิดเกือบจะพร้อมกัน

               “กวาดวัด !”
 
จะใครเสียอีก

.....

ไม้กวาดทางมะพร้าวด้ามยาวอย่างเดียวกับที่ใช้กวาดถนน..เก้ ๆ  กัง ๆ เหมือนกันถ้าไม่เคยใช้ โดยเฉพาะพระมหาต้นเรื่องแทบไม่เคยจับไม้กวาดชนิดใด ๆ มาก่อน

อย่านึกว่าไม่เหนื่อยไม่เมื่อย..จะเลือกกวาดแต่ในร่มก็ไม่ได้ ตากแดดสักพักเหงื่อโทรมกายฝ่ามือแดงเถือก พระชัยหงายมือออกดู ขยำคลายเมื่อย..ผมอยากโชว์พลัง รู้ดีว่ามีสายตาหลายคู่แอบมองอยู่..ได้เรื่อง ฝ่ามือพองเมื่อหนึ่งชั่วโมงผ่านไป และเหมือนจะเคร่งมากเพราะไม่ใส่รองเท้า กรวดหินเล็ก ๆ ย้ำเท้าที่เจ็บระบมจากการเดินบิณฑบาตเมื่อเช้าให้ระบมมากขึ้น

               “แครก ๆ” หรือจะเป็นเสียงหลอนกลางแดดเปรี้ยง

ไม่ใช่แค่เสียง มีภาพหลอนตามมาด้วย

               “ทำหน้างั้น เห็นผีหรอ..” หลวงพี่ดำใหญ่กวาดพื้นเข้ามาใกล้ “มาช่วย..เดี๋ยวพรุ่งนี้จะอุ้มบาตรไม่ได้” มองมือพองแดงของผม

               “หลวงพี่..” กำลังงง..มีสิ่งยิ่งกว่างงตามมา “ของหลวงพี่และพระมหาชัย” นายดำวางแก้วน้ำบนแคร่ใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ

               “ขอบใจนะ..” ผมและพระชัยเข้าร่มไม้..ไม่รู้ต้องประเคนหรือเปล่า ยกขึ้นดื่ม..โอเลี้ยงเสียด้วย “หลวงตาใบให้หรือ?”

               “ไม่ใช่” ดำเดินหนี

               “ของใคร?” ร้องถามตามหลัง

              “ไม่รู้” วิ่งหายไป

               “เอะอะอะไร ใครเขาให้ก็ฉันเข้าไปเถอะ..” เสียงเหมือนรำคาญ “โน่นเด็กนักเรียนในสนามมองกันใหญ่แล้ว คงนึกว่าพระตีกัน”

               “เกินไปครับ..แค่ตะโกนเสียงดังหน่อย” ก็จริงละนะ นักเรียนที่เล่นเตะบอลยังไม่เลิกมอง

               “คงไม่เคยเห็นอะไรขาว ๆ มั้ง..หึ ๆ” หลวงอาจแวบมาที่ผม หัวเราะชอบกล

               “อะไรขาว ๆ” ผมก้มลงมองตัวเอง..อ้าว ! ลืมตัวถอดอังสะตั้งแต่เมื่อไหร่..คงถอดออกเช็ดเหงื่อเมื่อสักครู่ “อ๋อ ! ขาว ๆ” รีบใส่อังสะตามเดิม

               “โยมแม่มา” หลวงพี่อาจมองไปหน้าวัด โยมสูงอายุคนหนึ่งเดินเข้าวัดมาพร้อมหญิงสาวและบริวาร

               “แม่..เอ๊ย ! โยมแม่หลวงพี่หรือครับ?” ผมมองตาม “อ้าว ! ตายห่..” กลืนคำสุดท้ายลงคอ

               “ไม่ใช่แม่ผม..ท่านเป็นอะไร สำรวมหน่อย..พระนิด” กวาดต่อไปด้านอื่น

จะไม่ให้ตกใจจนหลุดสำรวมได้อย่างไร..จำได้ไม่ผิดหญิงสาวที่กำลังเดินไปทางศาลายาว แม่พิมพิลาไลนั่นเอง

               “หลวงพี่..เดี๋ยวผมมานะ” ตะโกนอีกแล้ว

               “พอก่อนก็ได้ ที่เหลือผมกวาดเอง”

ผมชวนพระชัยกลับศาลา แต่พระชัยจะไปดูพระเครื่องและเครื่องรางของขลังที่มีให้เช่าในโบสถ์

.....

คงไม่ได้มารายงานหลวงตาใบเรื่องความประพฤติของพระใหม่หรอกนะ ผมด้อม ๆ มอง ๆ บนศาลา..โยมแม่ที่หลวงพี่อาจเรียกนั่งอยู่แถวหน้าห้องผม..นี่กะจะให้คาหนังคาเขาเชียวหรือ ผมคะเนแม่พิมพิลาไลต่ำไปเสียแล้ว..ทำไงดี !

               “แอ๊ดด ด ด ด” เสียงประตูห้องเปิด..หลวงตาใบคงออกมารับฎีกา..แต่เอ๊ะ ! ห้องหลวงตาอยู่ด้านหน้าและเป็นห้องเดียวที่ไม่มีเสียงเอฟเฟ็คนี่นา ผมชะเง้อดูอีกที

               “สบายดีหรือท่าน” โยมแม่พนมมือไหว้อยู่บนพื้นศาลา..พระเขียดนั่งบนแท่นยาวหน้าประตู

               “อาตมาสบายดี..แต่..”

ที่แท้โยมแม่ของหลวงพี่เขียดมาเยี่ยมพระลูกชาย..ใจความที่ผมได้ยิน..ไม่ได้แอบแต่ฟังเฉย ๆ บนขั้นบันไดเพราะเข้าห้องไม่ได้ วงสนทนาขวางประตูอยู่..แหะ ๆ ข้ออ้าง

หลวงพี่เขียดบวชมาหลายพรรษา เกิดรู้สึกเบื่อหน่ายอยากจะลาสิกขาแต่โยมแม่มาทัดทานไว้ให้อยู่ต่อ..ที่สำคัญ เหตุผลหนึ่งที่อ้างคือเรื่องโยมผู้หญิงของหลวงพี่เขียด..อ๊ะ..อ๊ะ..มีกะเขาด้วยหรือเห็นเชย ๆ อย่างนั้น

เสียดายที่ฟังไม่ถนัดเรื่องหัวใจของหลวงพี่..แม่พิมพิลาไลนั่นนะหรือ? ..โยมแม่ก็อะนะพามาด้วยทำไมทั้งที่รู้ว่าคือสาเหตุหนึ่งที่พระลูกชายอยากออกไปอยู่ทางโลก..ก็ไม่ได้สวยอะไรสักเท่าไหร่ แต่คนจะรักน่ะนะ อย่างไรก็รัก

               “ท่านคะ !” เสียงหวาน ๆ อยู่เหนือบันได “ขอทางหน่อยค่ะ”

               “ครับ !” ผมสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นยืน คลี่อังสะบนบ่าออกคลุ่มแผ่นอก..ก็กำลังจะไปล้างเหงื่อที่ท่าน้ำท้ายศาลา

               “ท่านคงจะเป็นพระใหม่..” สายตาโยมแม่เหมือนตำหนิมากกว่าทักทาย

               “ฮึ !” แว่วเสียงพิมพิลาไลผ่านผมไป..หมั่นไส้ หรืออย่างไร


เธอจะจำพระที่แกล้งเธอเมื่อเช้าได้หรือเปล่า


               “พระนิด !” เสียงใครหว่าตำหนิผมในใจ..






Create Date : 29 มีนาคม 2568
Last Update : 29 มีนาคม 2568 15:15:20 น. 0 comments
Counter : 463 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

BlogGang Popular Award#21


 
สมาชิกหมายเลข 2607062
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add สมาชิกหมายเลข 2607062's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com