|
.... ธี .... (บทที่ ๖)
.... ธี ....
บทที่ ๖
“ผมไปนั่ง...” ธี พูดขึ้นมาลอยๆ ด้วนๆ ตามองไปที่นั่งด้านหลัง
“ข้างหน้าคงนั่งไม่สบาย..จ้าลายตัวยุ่งนั่งเบียดอยู่ ใช่ไหมครับ?”
“ใช่ไหมครับ” ธี รับคำตลกๆ
“ฮะ..ฮะ..คุณสโตนเป็นอะไรไป เหมือนฝรั่งหัดพูดไทย” ลายครามหัวเราะชอบใจ ตามองถนนหาที่เหมาะ ชะลอรถจอดข้างทาง
ธี เดาว่าตรงไหนคือที่เปิดสลักประตู เขาพยายามกด ดึง โยก อย่างไรประตูก็ไม่เปิด
“เดี๋ยวๆ ยังไม่ได้ปลดล็อค” ลายครามปลดล็อค ลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูทั้งหน้าและหลังให้สโตน
“พ่อๆ..พี่ฝรั่ง..พี่โตน..” ลายลักษณ์งัวเงียอยู่กับอก ธี
“ลายนี่น้า..กวนพี่เขาไม่เข้าเรื่อง” ลายครามช่วยส่งทั้ง ธี และลายลักษณ์เข้าเบาะหลัง
ทันทีที่เข้าในรถ ธี กวาดตามองหาเจ้าตาสีน้ำเงิน แต่ไม่พบ เขาไม่เข้าใจว่าหายไปไหนได้อย่างไร..ก่อนขึ้นรถยังเห็นอยู่
“พี่โตน..” ลายลักษณ์ไถลตัวลื่นลงนอนบนเบาะ หัวหนุนตัก ธี ...อ้อมแขนน้อยๆ กอดเอว ธี แน่น..ท่าเดียวกับวายร้ายลายลักษณ์นอนกอดสโตนบนโซฟาเมื่อครั้งก่อน
ธี ไม่โง่ถึงกับไม่รู้ว่าเขากำลังอยู่บนโลกมนุษย์เช่นเดียวกับที่จากมา หากวันเวลาต่างออกไป อะไรๆ แตกต่างกันลิบลับ..รถที่นั่งอยู่ เช่นเดียวกับเกวียนและรถศึกเทียมม้า แต่เจ้ารถนี้เร็วกว่ามาก ทางที่ใช้เดินทางนั้นเรียบดั่งปูด้วยหินขัดมันในอาศรมก็ไม่ปาน
ธี ก้มลงมองเด็กน้อยที่นอนหนุนตัก สงสัยว่ามีความสัมพันธ์ลึกล้ำอะไรกับเขาจึงติดแจไม่ยอมปล่อย ทั้งที่ผู้เป็นพ่อก็อยู่ใกล้ๆ..ลายครามเองก็สุภาพเรียบร้อยต่อเขาเหมือนเกรงใจอะไรสักอย่าง
ธี นึกย้อนไปถึงป่าหิมพานต์และความหนาวเย็นที่จากมา ยิ่งระยะหลังๆ พบกับความกันดาร อดอยากแทบทนไม่ได้..ขณะนี้ความหิวยังปรากฎอยู่ แต่ถูกบดบังด้วยความเหนื่อยล้าซึ่งมีมากกว่า..
ธี มองภูมิประเทศแปลกตาที่ผ่านไป..ความง่วงเริ่มเข้าครอบงำ เขาฟุบลงข้างเด็กน้อย จับหัวพิงกับอกและหลับลงในที่สุด...
ณ ป่าหิมพานต์...
ร่างของ ธี นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างสระใหญ่ไม่ไหวติง เธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่หลังจากถูกพายุหิมะหอบมาจากแดนหนาวเย็น...
เวลาผ่านไปจากวันเป็นคืน จวบจนอีกวัน
“ท่านมาณพเอย..” นักบวชอาวุโสท่านหนึ่งร้องทักร่างอันแน่นิ่ง “เราเห็นท่านนอนผ่านทิวาราตรี มิเคลื่อนกาย” นักบวชนั้นก้มลงรอมือใต้จมูกสูงชันแห่งมาณพ รู้สึกถึงแรงปะทะอันแผ่ว แม้ปุยโคนขนนกก็มิไหวปลิว
“สองวันก่อนเรามายังป่าสักกะ (๑) แห่งนี้ เพื่อนำร่างบุตรชายซึ่งเสียชีวิตมาล้างมลทิน ส่งสู่สรวงสวรรค์..” นักบวชเปลื้องผ้าผืนหนึ่งคลี่ออกคลุมร่างมาณพที่เขาพรรณาด้วย แม้รู้ว่ามิอาจรับรู้วาจาแห่งตน
“สิงคาลมาณพบุตรชายคือจัณฑาน (๒) ...ผลกำเนิดแห่งเราผู้ไม่ประมาณตน ข้ามไปรักอิสตรีต่างวรรณะ สิงคาลจัณฑานได้รับทุกขเวทนามากมายจากผู้คนรอบข้าง..” นักบวชเดินไปที่โคนไม้ใกล้ๆ กันนั้น อุ้มร่างบุตรชายด้วยแรงอันอ่อนล้ามาวางลงข้างมาณพวิไล
“แต่ก่อนที่เราจะสุ่มไม้ฟืนแลใส่ไฟให้สิงคาล บังเกิดลมหนาวพัดมาจากยอดหิมพานต์...เมื่อลมสงบเราได้เห็นร่างท่านนอนอยู่ตรงนี้ พร้อมๆ กับที่สิงคาลบุตรชายเริ่มปรากฎลมหายใจ” นักบวชเปลื้องผ้าอีกผืนหนึ่งแม้นกับผืนแรกคลุมร่างสิงคาลบุตรชาย
“มิใช่เพียงสิงคาลจัณฑานเท่านั้นที่ได้รับทุกขเวทนา แม้แต่เราผู้เป็นบิดาในวรรณะพราหมณ์แลมารดาสิงคาลผู้อยู่ในวรรณะแพศย์ก็ได้รับการเหยียดหยามไม่แพ้กัน..วันหนึ่งนางตรอมใจตายเหลือเราผู้เป็นบิดาเพียงลำพัง..”
นักบวชผู้อ่อนล้ามิได้สังเกตว่ามาณพที่มาด้วยลมเย็นแห่งหิมพานต์กำลังขยับกายรู้สึกตัวเพราะไออุ่นจากสิงคาลจัณฑาลผู้นอนเคียงข้าง
“เมื่อสิงคาลบุตรชายเสียชีวิตลง เรารู้ตัวดีว่ามิอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพราะความชราและสิ้นไร้ซึ่งพลังใจ จึงพยายามฝืนสังขารนำร่างสิงคาลมา ณ ป่าสักกะ เชิงหิมพานต์นี้เพื่อจะละวิญญาณจากร่างพร้อมกับบุตรชาย..” นักบวชยันมือทั้งสองกับพื้นดินเพื่อพยุงร่างที่กำลังจะสิ้นแรง ขณะเดียวกันมาณพหนุ่มได้ลืมตาขึ้น แว่วรับรู้ถ้อยพรรณาแห่งบิดาผู้กำลังอาวรณ์บุตรชาย
“แต่..บัดนี้สิงคาลบุตรชายปรากฎชีวิตขึ้นใหม่พร้อมกับท่านมาณพ ประหนึ่งท่านคือผู้คืนชีวิตให้ฉะนั้น...แม้รู้ว่ามิสมควร แม้ไม่ใช่กิจธุระอันใดแห่งท่าน..ข้าขอมอบสิงคาลจัณฑานให้เป็นสมบัติ..แล้วแต่ท่านมาณพจะเมตตาช่วยเหลืออุ้มชู..ขอท่านได้โปรดรับไว้..ได้โปรดเม ต ต า . .” สิ้นเสียง..นักบวชอาวุโสก็ล้มฟุบลง ขาดใจ...
บัดดลนั้นเกิดลมพายุหอบใบไม้กิ่งไม้ปลิวว่อนทั่วทั้งป่า..ลมพัดแรงขึ้นจนร่างมาณพแทบจะปลิวตาม..ลมเหมือนจะพาสติสัมปชัญญะกลับคืนสู่มาณพแห่งหิมพานต์ เขาพลิกตัวโอบร่างมาณพน้อยผู้เพิ่งกลายเป็นสมบัติแห่งเขาเพียงชั่วครู่นั้น ปกป้องจากพายุร้ายอันทวีความแรงขึ้นทุกทีจนประมาณมิได้ว่าร่างทั้งสองจะสลายไปตามลมหรือไม่...
“ธี!..ธี!..ธี!..”
ธี ร้องเรียกชื่อตัวเองเสียงดัง กอดเด็กน้อยแนบอกแน่น
“พี่โตน..พี่โตน..” ลายลักษณ์ขยับตัวขลุกขลักในอ้อมแขน ธี
“อือ..” ธี รู้สึกตัว ตื่นจากฝัน..ฝันที่เหมือนจริง..ในฝันนั้นคือตัวเขา หากที่เขากอดปกป้องอยู่มิใช่ลายเด็กน้อย..แต่คือมาณพผู้หนึ่ง จำได้ลางๆ ว่าชื่อสิงคาล
“สองคนเล่นอะไรกัน?.." ลายครามถามมาจากด้านหน้า ตามองตรงเพราะรถกำลังขวักไขว่ "อย่าบอกนะว่าเจ้าวายร้ายลายออกอาละวาด"
“เล่นอะไรกัน” ธี พูดตาม ลุกขึ้นนั่ง..เขาพยายามเลียนคำพูดและหาความหมายที่จะต้องใช้พูดจากับคนอื่น
“เล่นอะไรกัน” ลายลักษณ์หนุนตัก ธี นึกสนุกพูดตามบ้าง
“คุณสโตนเป็นอะไรไปหรือ?..สงสัยคงจะหิวข้าว ผมก็หิว ลายลักษณ์ก็ด้วยละซี ถึงได้พากันเพี้ยนไปหมดทั้งสองคน
“เพี้ยนไปหมด” ถึงอย่างไร ธี ก็ไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูดอยู่ดี
“เพี้ยนๆๆๆ” ลายลักษณ์ดูจะสนุกกว่าเพื่อน
“เอาเข้า!..เอาเข้า!..เดี๋ยวจะถึงโรงแรมแล้ว เราไปกินที่นั่นดีกว่านะครับคุณสโตน” ลายครามอยากเรียกว่า โตน หรือ หิน เหลือเกิน แต่เขาไม่อาจทำได้...เมื่อถึงโรงแรมเขาคงต้องกลายเป็นบอสใหญ่ลายครามผู้น่าเกรงขามของทุกๆ คน โดยเฉพาะคุณหมอวารุณี ภรรยาของเขา!
“เอาเข้า..”
“เอาเข้า..”
ลายครามเหลือบมองกระจกหลัง เกือบจะค้อน เกือบจะเคือง..แต่แล้วกลับยิ้มออกมากับภาพลายน้อยที่กำลังเล่น..หัวเราะกับหิน
ลายครามอยากจะขับรถเลยโรงแรมไปไกลแสนไกล กับหิน กับลาย กับความสุขในอดีตที่ฝังลึกอยู่ในใจ..ไม่มีวันลืมเลือน...
ข้อมูลชี้แจง
(๑) สักกะ เป็นดงไม้ที่อยู่ในชมพูทวีปตอนเหนือ แถบเทือกเขาหิมาลัยในเขตป่าหิมพานต์ (๒) จัณฑาน..ถ้ามีการแต่งงานข้ามวรรณะ บุตรที่เกิดมาจะกลายเป็น จัณฑาน (ในภาษาไทยคือ กาลกิณี) เป็นผู้อยู่นอกวรรณะ ซึ่งเป็นที่รังเกียจของทุกวรรณะ
Create Date : 10 มีนาคม 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 10 มีนาคม 2564 10:49:36 น. |
Counter : 486 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
BlogGang Popular Award#20
|
สมาชิกหมายเลข 2607062 |
|
|
|
|