วันนี้กระปุกดอทคอมขอแนะนำ "อุทัยธานี" เมืองเล็ก ๆ ที่สงบเงียบ เรียบง่าย โอบล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า ประเพณีและวัฒนธรรมอันงดงาม รวมถึงวิถีชีวิตริมน้ำและน้ำใจของผู้คน ด้วยระยะทางจากกรุงเทพฯ เพียง 220 กิโลเมตรนิด ๆ อุทัยธานีจึงเหมาะมากสำหรับเป็นที่เที่ยวช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ให้ทุกคนได้มาพักผ่อนกันชิล ๆ แล้วคุณหลงรักเมืองนี้เหมือนกับเรา ที่สำคัญตอนนี้การท่องเที่ยวในอุทัยธานีง่ายดายขึ้น เพราะ มีการใช้ QR Code ร่วมกับแผ่นพับและป้ายข้อมูลที่ติดตั้งตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ชอบเสาะแสวงหาข้อมูลการเดินทางอยู่เสมอ ต่อไปนี้ใครที่อยากเที่ยวเมืองอุทัยธานีก็หายห่วง ไม่ต้องกลัวหลงทาง มาดูกันว่าอุทัยธานีจะมีที่ไหนให้เราได้เที่ยวชมกันบ้าง รับรองว่าต้องมีที่ที่คุณตกหลุมรักอย่างแน่นอน เริ่มกันที่...
1. บ้านกะเหรี่ยงแก่นมะกรูด ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศเย็นสบาย ๆ โดยไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือ ต้องที่นี่เลย บ้านกะเหรี่ยงแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ บนพื้นที่สูงสุดของจังหวัดอุทัยธานี ที่นี่อากาศเย็นเกือบตลอดทั้งปี มาลองสัมผัสอากาศหนาว เคล้าสายหมอก กับดอกไม้และผลไม้เมืองหนาว ราวกับว่าได้ไปเยือนภาคเหนือ จนมีคนพูดว่า "อำเภอบ้านไร่ บรรยากาศเชียงใหม่ไม่ไกลกรุงเทพฯ"
2. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มาต่อกันที่สถานที่ยอดฮิตอีกที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นผืนป่าที่กว้างใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งภายในจังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดอุทัยธานี ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ จึงได้รับการประกาศให้ที่นี่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโก ร่วมกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่นี่เป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในประเทศไทย เพื่อน ๆ ที่ชอบเที่ยวชมธรรมชาติก็สามารถที่จะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมกับสัมผัสธรรมชาติกันแบบเต็มอิ่มได้เลย
3. หุบป่าตาด ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกแห่งที่พลาดไม่ได้เลย คือ
"หุบป่าตาด" ซึ่งเป็น UNSEEN THAILAND ของจังหวัดอุทัยธานี ที่นี่เราจะพบกับเขาหินปูนที่ขนาดเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ รายรอบไปด้วยป่าดงดิบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นตาดและไม้แปลกตาหายากหลายชนิดซ่อนตัวอยู่ ราวกับเดินทางย้อนกาลเวลาสู่ยุคดึกดำบรรพ์ นอกจากพันธุ์ไม้แปลกตาหายากแล้ว ยังพบสัตว์ป่า เช่น เลียงผา อีเห็น ไก่ฟ้า เต่าบก และที่โดดเด่นที่สุดคือ
"กิ้งกือมังกรสีชมพู" สีสันฉูดฉาดงามตา สายพันธุ์ใหม่ของโลก
4. ศูนย์ทอผ้าลายโบราณบ้านผาทั่ง นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลาย ๆ แห่งแล้ว ที่ต่อไปที่เราแนะนำให้มาเยี่ยมเยื่อนก็คือ ศูนย์ทอผ้าลายโบราณบ้านผาทั่ง ที่นี่เป็นศูนย์รวบรวมผ้าทอลายโบราณฝีมือชาวบ้านไร่ ซึ่งเป็นผลงานการสืบทอดของชาวลาวครั่งและลาวเวียงที่อพยพมาจากประเทศลาว ลวดลายผ้าของที่นี่สวยงามแปลกตา ทั้งเป็นผ้าถุง เสื้อ ปลอกหมอน ผ้าคลุมไหล่ รองเท้า เป็นต้น ด้วยฝีมือและความประณีตในการถักทอลวดลายผ้าแบบโบราณ เป็นผืนผ้าที่งดงาม จนได้รับรางวัลชนะเลิศจากยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี พ.ศ. 2547 ปัจจุบันนี้ผ้าทอจากเมืองอุทัยธานีมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศมีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนกลาง ๆ ต่อผืน นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของจังหวัดอุทัยธานี
5. วัดถ้ำเขาวง (ธรรมสถานวัดถ้ำเขาวง) จังหวัดอุทัยธานี เป็นอีกจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของวัดวาอาราม ผู้คนส่วนใหญ่เดินทางมาที่นี่ก็เพื่อไห้วพระทำบุญ วัดแรกที่เราจะแนะนำเพื่อน ๆ ก็คือวัดถ้ำเขาวง หรือธรรมสถานวัดถ้ำเขาวง วัดนี้มีความโดดเด่นที่ เรือนไทยโบราณ 4 ชั้น ซึ่งเป็นเรือนไม้สักและไม้มะค่า และการตกแต่งสวนไม้ดอกไม้ประดับที่งดงามลงตัวผสมผสานกับเหล่าบรรดาผีเสื้อและแมลงปอหลากสีสัน วัดถ้ำเขาวงถือเป็นวัดสำคัญของอำเภอบ้านไร่ ที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยือน
6. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) วัดท่าซุง เป็นวัดเก่าแก่คู่จังหวัดอุทัยธานีมาช้านาน มีเนื้อที่รวมนับพันไร่ มีศาสนสถาน สิ่งปลูกสร้างที่งดงามวิจิตรอลังการมากมาย จุดเด่นที่เพื่อน ๆ ห้ามพลาดเลยก็คือ
"วิหารแก้ว (ศาลา 100 เมตร)" และ
"ปราสาททองคำ" นอกจากนี้วัดท่าซุงยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายจุด เช่น ตึกสมเด็จองค์ปฐม หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา ตึกรับแขก แพปลาวังมัจฉา วัดนี้เป็นวัดสำคัญอีกวัดหนึ่งของจังหวัดอุทัยธานีที่ทุกคนไม่ควรพลาดที่จะแวะสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
7. วัดสังกัสรัตนคีรี วัดสังกัสรัตนคีรี เป็นวัดที่พุทธศาสนิกชนให้ความศรัทธากันอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง
"ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ" ซึ่งถือเป็นประเพณีสำคัญในวันออกพรรษาของจังหวัดอุทัยธานี จัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี พระสงฆ์ทุกรูปที่จำพรรษาในอำเภอเมืองอุทัยธานี ประมาณ 500 รูป จะเดินลงบันไดเป็นแถวจากยอดเขาสะแกกรังลงมารับบิณฑบาตข้าวสาร อาหารแห้ง จากพุทธศาสนิกชนที่ลานวัด บริเวณวัดสังกัสรัตนคีรี ที่เชิงเขาสะแกกรังทางทิศใต้ เป็นที่ประดิษฐาน
"พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุทัยธานี
8. วัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ วัดสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกวัดที่เราต้องไม่พลาดที่จะแวะเวียนเยี่ยมชม คือวัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ นั่นเอง ที่วัดนี้จะมีมณฑปแปดเหลี่ยมซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ริมน้ำ เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างงานศิลปะแบบไทย-จีน ใกล้กันมีมหาสถูปสามยุคสามสมัย เคียงคู่อยู่กับพระอุโบสถและวิหารสำคัญที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากร บริเวณท่าน้ำหน้าวัด มีแพโบสถ์น้ำซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแพรับเสด็จรัชกาลที่ 5 เมื่อคราเสด็จเยี่ยมเยือนหัวเมืองฝ่ายเหนือและเสด็จประพาสต้น
9. ชุมชนริมแม่น้ำสะแกกรัง ที่นี่เป็นชุมชนชาวแพ อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี แหล่งสุดท้ายของเมืองไทย เรียบง่ายแต่งดงาม ผู้คนที่นี่ดำรงชีพอยู่คู่กับสายน้ำ เราจะได้สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและไม่ได้พบเห็นจากในเมืองหลวง ชุมชนชาวแพที่นี่ยังคงประกอบอาชีพประมงและเลี้ยงปลาเสียเป็นส่วนใหญ่ กลายเป็นเสน่ห์ของชุมชนริมสายน้ำแห่งนี้ ที่มัดใจนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนเสมอ
10. ถนนคนเดินตรอกโรงยา ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงบ่ายยาวไปถึงช่วงค่ำ ๆ เราจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างพากันมาเดินเที่ยวเล่นแบบชิล ๆ กันที่นี่ "ถนนคนเดินตรอกโรงยา" ถนนสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวอุทัยธานีได้อย่างดี เราจะได้อิ่มใจไปกับประวัติความเป็นมาของชุมชนคนตรอกโรงยาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน และอิ่มท้องจากอาหารและขนมพื้นเมืองต่าง ๆ ฝีมือชาวอุทัยธานีที่อร่อยทุกร้านรวมทั้งของดีของฝากต่าง ๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงสุดสายปลายถนน
อ้อ...เราลืมบอกไปอีกอย่าง อุทัยธานี เป็นหนึ่งในจังหวัดที่สามารถนำใบเสร็จที่ใช้จ่ายกับการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2561 มาใช้หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2561 (ยื่นในช่วงต้นปี 2562) ได้นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ จังหวัดอุทัยธานี เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เราแนะนำให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยวแบบ คูล ๆ ชิล ๆ กันได้ในวันหยุดพักผ่อน รับรองได้เลยว่าคุณจะตกหลุมรักเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เหมือนเราแน่นอน
คุณKavanich96