bloggang.com mainmenu search


บล็อกแรกในหมวด Manga Lab ขอร่วมแกะรหัสเรื่อง King of Bandits Jing หรือจอมโจรจิ๊งค์ซึ่งภาษาไทยลิขสิทธิ์เป็นของบงกชและพิมพ์ภาคแรกออกมาครบเจ็ดเล่มหลายปีแล้ว นอกจากลายเส้นระดับเทพแล้วการ์ตูนเรื่องนี้ยังมีลูกเล่นการใช้ภาษาไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อตัวละครหรือการใส่วลีเข้าในเนื้อเรื่องหลัก รวมทั้งคำพูดของตัวละครซึ่งน่าเสียดายที่ส่วนนี้ถูกบั่นทอนไปมากในขั้นตอนการแปลภาษาไทย บล็อกนี้จึงขอรวบรวมโค้ดต่างๆที่ซ่อนอยู่ในเรื่องรวมทั้งแก้ไขตำแหน่งที่แปลผิดจนทำให้เสียอรรถรสการอ่าน ปกติไม่ค่อยบ่นเรื่องแปลเพราะการที่เราพบที่ผิดไม่กี่จุดมันง่ายกว่าการนั่งแปลทั้งเล่มเยอะ แต่เรื่องนี้พอแปลหลายๆช่องผิดแล้วเสียดายคำพูดเท่ๆเหมือนกันแฮะ คนอ่านเรื่องนี้น้อยมากถึงน้อยที่สุดบล็อกนี้อาจไม่มีใครสน แต่เอาเถอะ อยากมีบล็อกเท่ๆ (ท่ามกลางบล็อกปัญญาอ่อน) มานานแล้ว – แล้วใครจะมานั่งอ่านตูบ่นฟระ?

จอมโจรจิ๊งค์เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มชื่อจิ๊งค์ที่ว่ากันว่า “ทุกสิ่งที่เปล่งประกายแม้แต่ดวงดาว ทุกสิ่งที่ล้ำค่าแม้แต่ชีวิต จอมโจรสามารถช่วงชิงมาได้ในชั่วพริบตา” และนกคู่หูชื่อคีล ท่าไม้ตายของจิ๊งค์คือการรวมร่างคีลเข้าที่แขนแล้วปล่อยลูกพลังออกมาโจมตีศัตรูเรียกว่าหมัดพิฆาตคีล (Kir Royale) ทั้งสองเดินทางไปยังดินแดนต่างๆเพื่อช่วงชิงของที่จอมโจรหมายตาไว้และเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวมากมาย สิ่งที่น่าสนใจคือแต่ละฉากที่สร้างเป็นเรื่องราวในแต่ละตอนจะมีโลกทัศน์ที่ชัดเจนแตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นเมืองสวนองุ่นที่เต็มไปด้วยนาฬิกา, เมืองแห่งการประลองและหน้ากาก, เมืองไฟฟ้าที่ผู้ครอบครองกระแสไฟฟ้าตั้งตัวเป็นพระเจ้า, โลกในความฝัน ฯลฯ เรียกได้ว่าผู้เขียนใช้พลังของแฟนตาซีได้อย่างเต็มที่ทีเดียว




Tattooed Heart ตอนนี้เข้ากับบรรยากาศคริสมาสมากๆ แถมเป็นตอนที่ผมชอบที่สุดด้วย การ์ตูนที่ลายวาดสุดยอดมางวดนี้จะเป็นตอนที่เกี่ยวกับศิลปะซึ่งเป็นงานถนัดของผู้เขียน แถมฉากหิมะตกและบ้านเกิดของฟีโนก็ชวนให้เคลิ้มไม่น้อย

เนื้อเรื่องย่อ



พวกจิ๊งและคีลเดินทางมาถึงปอมเป เมืองแห่งสีสันที่ทุกสิ่งถูกแต่งแต้มสีสันจนตระการตา ทั้งบ้าน, ถนน, เสื้อผ้า หรือแม้แต่เหล้าก็มีหลากสี เป้าหมายของพวกเขาคราวนี้คือเบิร์ดออฟพาราไดซ์นกที่มีขนสวยงาม ว่ากันว่าขนของมันรวมทุกสีในโลกเอาไว้และเบิร์ดออฟพาราไดซ์จะถูกนำเข้ามาประมูลในคืนนี้


ในการประมูลมีดรันบุยเข้าร่วมด้วย เขาเป็นเจ้าของบริษัทคิงคริมสัน บริษัทค้างานศิลปะที่โด่งดังด้วยการผลิต”สีแดงของคิงคริมสัน” สีแดงที่เชื่อกันว่าแดงยิ่งกว่าสีแดงใดๆ ดรันบุยประมูลเบิร์ดออฟพาราไดซ์ไปด้วยราคาถึง 1500 เหรียญทอง แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือเด็กสาวที่ถูกนำมาประมูลด้วย เขาจ่ายถึง 40000 เหรียญทองสำหรับผลงานที่ “ไม่จำเป็นต้องบรรยายให้มากความ” ชิ้นนี้






คีลขโมยทั้งเบิร์ดออฟพาราไดซ์และเด็กสาวออกมาได้แต่ก็พลาดท่าร่วงลงจากตึกและจิ๊งค์เข้ามารับไว้ทันพอดี หลังปลอดภัยแล้วเด็กสาวชื่อฟีโนคนนี้เปิดเผยว่าตัวเธอเป็นหนึ่งในผลงานของแวนควอทซ์ จิตกรชื่อดังพ่อของเธอที่วาดภาพลงบนร่างกายของเธอ



ปัจจุบันพ่อทิ้งฟีโนและแม่ไปเพื่อออกเดินทางตามหา “สีแดงที่แท้จริง” มาสร้างสุดยอดผลงานของเขา Le Chef-d’oeuvre Inconnu ให้สมบูรณ์ ว่ากันว่าผลงานดังกล่าวเป็นสุดยอดผลงานของสุดยอดจิตรกรแต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นมันมาก่อน พอรู้เรื่องนี้จิ๊งก็หมายตาที่จะขโมยงานชิ้นนี้ให้ได้ ทุกคนตั้งใจจะพาฟีโนกลับบ้านของเธอที่ซึ่งเก็บซ่อนภาพวาดนี้อยู่

แม่ของฟีโนชอบเลี้ยงนก เบิร์ดออฟพาราไดซ์ก็เป็นหนึ่งในนกที่แม่เก็บมาเลี้ยง หลังถูกทอดทิ้งสองแม่ลูกใช้ชีวิตอย่างยากแค้น แต่แม่ก็สอนให้ฟีโนรู้จักหวัง เบิร์ดออฟพาราไดซ์ยังจำคำสอนที่แม่ท่องให้ฟีโนฟังอยู่เสมอได้อย่างแม่นยำ
“แม้จะอยู่ท่ามกลางสายฝนและปลักโคลน สิ่งดีจะมาเยือนด้วยปีกแห่งลมหลังก้าวผ่านห้วงเพลิงนับร้อยพัน”
แม่ท่องซ้ำไปซ้ำมาเหมือนจะบอกให้ตนเองและลูกสาวมีชีวิตอยู่ต่อไป

ฟีโนถูกชปาเติลเซ่ หมอฟันคาเมเลี่ยนอำพรางตัวได้ที่ดรันบุยขอให้มาช่วยจับตัวไป แต่พวกจิ๊งก็ลอบเข้าบริษัทคิงคริมสันมาชิงตัวเธอออกไปได้ ฟีโนบอกว่าไม่อยากกลับบ้าน เธออยากอยู่ที่นี่ตลอดไปในฐานะผลงานชิ้นหนึ่งของพ่อทำให้เบิร์ดออฟพาราไดซ์ต้องตบเตือนสติและบอกให้เธอคิดถึงแม่ เพราะสำหรับแม่แล้วเธอไม่ได้เป็นแค่ “ผลงานชิ้นหนึ่ง”




ขณะหนีออกมา พวกเขาใช้ทางใต้ดินของบริษัทและพบกับความลับในการผลิตสีแดง “คิงคริมสัน” อันขึ้นชื่อ นั่นคือบ่อเลือดที่เต็มไปด้วยซากศพของมนุษย์และสัตว์ ซึ่งถูกสกัดจนได้สีแดงน่าขนลุกออกมา ด้วยความโกรธแค้นที่ซากศพของพวกเขาถูกนำมาเพียงเพื่อผลิตสี คิง คริมสัน วิญญาณสวมมงกุฎสีโลหิตจะออกมาอาละวาด เล่นงานทุกคนที่เข้าใกล้บ่อเลือด จิ๊งรู้จุดอ่อนของพวกมันจึงให้พวกคีลโยนถังสีขาวลงในบ่อแล้วระเบิดถังสีย้อมให้มงกุฎสีแดงแปดเปื้อน และพวกมันก็จมกลับไปในบ่อเลือด “ครั้งนี้ขอให้ฝ่าบาทได้หลับอย่างเป็นสุขเสียทีเถอะนะ” จิ๊งกล่าวส่งวิญญาณให้เหล่าคนตายก่อนเดินจากมา




ฟีโนฝันถึงคืนที่เธอและแม่ออกจากบ้านเดินฝ่าลมหนาวของภูเขาหิมะ เพราะไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้หลังแวนควอทซ์ทอดทิ้งพวกเขาไป แม่ปล่อยนกที่เลี้ยงไว้ไปหมดแล้ว เหลือเพียงเบิร์ดออฟพาราไดซ์ซึ่งตอนนั้นยังเป็นลูกนกตัวเล็กยังบินไม่ได้ที่พวกเขาพามาด้วยกัน แม่ที่ป่วยหนักเสียชีวิตกลางภูเขาหิมะ ทุกครั้งที่ฟีโนมองเบิร์ดออฟพาราไดซ์ เธอจะคิดถึงเรื่องในตอนนั้น




คีลและจิ๊งนึกถึงคำพูดของแม่ฟีโน คำสอนนั้นแท้จริงแล้วเป็นคำใบ้บอกหนทางกลับบ้าน ฝนคือน้ำ โคลนคือดิน ลมคือลม เพลิงคือไฟ จิ๊งรู้ว่าคำพูดนี้ใบ้ถึงธาตุที่ห้าและหนึ่งในภาพเขียนของแวนควอทซ์ที่กล่าวถึง The Fifth Element จะบอกที่อยู่บ้านของฟีโน

หลังพวกเขามาถึงบ้านของฟีโนแล้ว พวกเขาพบทางลับลงห้องใต้ดินและพบกับชายที่ขังตัวเองอยู่ในก้อนน้ำแข็ง ฟีโนตกใจมาก เพราะนั่นคือพ่อของเธอ



หลังออกเดินทางตามหาสีที่เขาต้องการมายาวนานก็ยังไม่พบ แวนควอทซ์ได้จำศีลตัวเองอยู่ที่นี่มานับสิบปี เพื่อรอวันที่มนุษย์จะสร้างสรรค์สีที่เขาต้องการขึ้นมาได้ ฟีโนช็อคมากจึงวิ่งเข้าไปด้านในสุดของบ้านและพบกับ Le Chef-d’oeuvre Inconnu ที่ถูกเก็บอยู่ที่นี่ มันเป็นภาพเขียนบนแผ่นหินอ่อนขนาดยักษ์ที่ใช้ลวดลายของหินสร้างเป็นเมฆและแม่น้ำได้อย่างลงตัว มีการผสมผสานทั้งสีของธรรมชาติและสีที่มนุษย์สร้างขึ้น มีทั้งชีวิตและความตาย เป็นภาพที่บอกเล่าเรื่องราวทุกเรื่องของโลกด้วยสีทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก ฉากนี้ผู้เขียนสามารถวาด Le Chef-d’oeuvre Inconnu ออกมาได้อย่างสวยงาม ในการ์ตูนทำอาหารเราอาจได้เห็นฉากที่มีการบรรยายรสชาติอันยอดเยี่ยมของอาหาร ในการ์ตูนเพลงเราอาจได้ยินตัวละครกล่าวชื่นชมเสียงดนตรีอันยอดเยี่ยม แต่ในตอนนี้การ์ตูนเรื่องนี้กล้าที่จะสร้างภาพวาดสุดยอดเยี่ยมออกมาให้เห็นและภาพนี้ก็ทำให้ผู้อ่านรู้สึกได้ตามคำบรรยายที่กล่าวไว้จริงๆ ถือเป็นอีกหนึ่งในฉากที่น่าจดจำมากๆ




คีลสังเกตเห็นคำว่า Memento Mori ที่เขียนอยู่ที่ภาพ ในขณะเดียวกับที่พวกดรันบุยและดอกเตอร์ที่แอบตามมาก็เข้ามาเล่นงาน “Memento Mori แปลว่าจงอย่าลืมว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องตาย” คีลถูกดอกเตอร์แทงทะลุ




ดรันบุยได้หลอมน้ำแข็งและพาแวนควอทซ์เข้ามา เขานำสีแดงคิงคริมสันให้แวนควอทซ์เพื่อให้สร้างผลงานต่อให้เสร็จสมบูรณ์และเชื่อว่ามันคือสีแดงที่แวนต้องการ หลังเห็นคิงคริมสัน แวนควอทซ์หัวเราะออกมา “เนี่ยเหรอที่พวกแกเรียกกันว่าสีแดง? ...มันไม่มีอะไร...ไม่มีอะไรเลย นอกจากกลิ่นของความตาย...” แล้วเขาก็หยิบคบเพลิงขึ้นมาเผาภาพของตัวเอง “สีของไฟนี่ต่างหากเล่าคือสีแดงที่ฉันตามหา ฉันมันโง่เหลือเกินที่คิดว่ามนุษย์จะสามารถสร้างสีที่ทัดเทียมกับสีของไฟได้ ในเมื่อสีที่ฉันอยากได้มันไม่มีจริงในโลกนี้ ฉันก็จะไปตามหามันในโลกหน้า” ทั้งบ้านตกอยู่ในกองเพลิง การจำศีลมานานทำให้จิตกรควอตซ์เป็นบ้าไปแล้ว





คีลกำลังจะตาย จิ๊งไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายของเขาได้ “ขอวินิจฉัยว่า แกจะต้องหลับยาวซะแล้วเจ้าหนู” ดอกเตอร์เล่นงานจิ๊งจนย่ำแย่ คีลขอให้เบิร์ดออฟพาราไดซ์จูบเขาเพื่อนำพลังไปให้จิ๊ง เบิร์ดออฟพาราไดซ์ยอมทำตามแล้วเข้ามาทำหน้าที่แทนคีลทำให้จิ๊งสามารถใช้ท่าไม้ตายหมัดพิฆาตคีลเล่นงานดอกเตอร์ได้ “เฮ่ย! ฉันนอนไม่หลับฟ่ะ สงสัยจะเป็นโรคนอนไม่หลับละมั้ง วินิจฉัยพลาดครั้งใหญ่เลยดอกเตอร์!” ดอกเตอร์ถูกอัดไปชนกับภาพเขียน ความสามารถในการอำพรางตัวทำให้เขาดูดซับเอา“ความตาย”ในภาพเขียนเข้ามาและจบชีวิตลง คีลที่นอนอยู่กล่าวปิดท้าย “Memento Mori อย่างที่คุณบอกไงดอกเตอร์”







ฟีโนได้พบกับพ่ออีกครั้ง พ่อคืนสติในวินาทีสุดท้ายและเรียกชื่อฟีโนก่อนจมหายไปในกองเพลิง พวกจิ๊งพาฟีโนหนีออกมา “พ่อเธอออกเดินทางอีกแล้ว” แวนยังคงออกเดินทางตามหาสีที่เขาต้องการอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เขาทิ้งครอบครัวออกเดินทางมาแต่ยังไม่พบสีที่เขาต้องการ แวนได้แช่แข็งตัวเองเพื่อออกเดินทางข้ามกาลเวลาแต่ก็ยังไม่พบสีที่เขาต้องการ สุดท้ายเขาได้ออกเดินทางไปยังโลกหน้าเพื่อหวังว่าจะพบสีที่เขาต้องการเสียที
“จิ๊งพูดว่าพ่อออกเดินทางอีกครั้ง ฉันคิดถึงคำพูดนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะอยู่บนเลื่อนเดินทางกลับมา เราเดินทางมาหลายชม.จนมองเห็นปอมเป แต่เมืองก็ถูกปกคลุมด้วยหิมะอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับทั้งเมืองกำลังสวมชุดไว้ทุกข์ เมืองแห่งสีสันได้สูญเสียสีสันนั้นไปแล้ว”

หลายเดือนต่อมาเบิร์ดออฟพาราไดซ์และฟีโนได้รับจดหมายจากคีล ฟีโนบอกว่าตอนนี้คีลเป็นเหมือนพ่อเบิร์ดออฟพาราไดซ์เป็นเหมือนแม่ และเธออยากเป็นลูกของทั้งสองคน (ตอนอื่นมีแต่ Jing Girl ตอนนี้คีลถูกจับคู่ซะแล้ว) เบิร์ดออฟพาราไดซ์ชวนให้ฟีโนมองดูฟาร์มที่สวยงามเหมือนภาพวาดที่ถูกแต่งแต้มบนผืนฟ้า และนี่คือผลงานอันยิ่งใหญ่ที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์เสมอมา




Nomenclature
นามานุกรมตัวละคร ชื่อของตัวละครเกือบทั้งหมดในเรื่องจอมโจรจิ๊งค์มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น ส่วนชื่อเมืองจะมาจากค็อกเทลหรือกับแกล้มเหล้าต่างๆ (แต่คนแต่งเรื่องนี้ไม่ใช่ขี้เมานะ)

Jing
ชื่อของเด็กหนุ่มจอมโจรมาจาก gin (เหล้าที่ได้จากการกลั่นเมล็ดข้าวกับผล juniper) ในเนเธอร์แลนด์ใช้เป็นยาลดไข้ แต่แรกเริ่มจิ๊งค์เขียนว่า Ging แต่เพื่อกันไม่ให้ผู้อ่านสับสนอ่านว่า “กิ๊ง” จึงเปลี่ยนจากตัว G เป็น J




Kir
นกคู่หูจิ๊ง ได้ชื่อคีลมาจากค็อกเทลที่มีส่วนผสมของ Crème de Cassis (เหล้าที่กลั่นจาก Cassis แบล็คเบอรี่พันธุ์พื้นเมืองของยูเรเซีย) และไวน์ขาว




Kir Royale
ชื่อท่าไม้ตายของจิ๊งค์ที่รวมคีลเข้าที่แขนแล้วยิงลูกพลังออกมา Kir Royale แตกต่างจาก Kir ตรงที่ใช้แชมเปญแทนไวน์ขาว และคำว่า Royale ก็เข้ากับชื่อเรื่อง King of Bandits เป็นอย่างดี

Pompier
ค็อกเทลที่ผสม Crème de Cassis กับโซดา ถูกใช้เป็นชื่อเมืองแห่งสีสันเพราะรถขนสีที่ปรากฏในตอนต้นเรื่องนั้นลักษณะคล้ายรถดับเพลิง และ Pompier แปลว่าพนักงานดับเพลิงในภาษาฝรั่งเศสด้วย

Fino
ลูกเชอรี่สีอ่อน ใช้เป็นชื่อของตัวละครหญิงหลักในตอนนี้ นามสกุล Quart คือหน่วยตวงชั่งของอังกฤษ 1 quart = 946 ml





Drambuie
เหล้าชนิดแรกที่คิดค้นในอังกฤษ ใช้วิสกี้สกัดสมุนไพรหลายชนิด ดรัมบุยหน้าตาคล้ายตัวคิงในไพ่ป๊อกแต่เขาก็เป็นประธานบริษัทค้างานศิลป์ธรรมดาๆนี่เอง




Spatlese
ชื่อของดอกเตอร์คาเมเลี่ยนมาจากไวน์ขาวรสหวานดีกรีแรงของเยอรมันผลิตจากองุ่นงอม

Crimson King
ชื่อมาจากอัลบั้มเดบิวของวงร็อคอังกฤษวงหนึ่งในปี 1969 “Crimson King’s Palace” อัลบั้มที่เปิดแนวร็อคแนวใหม่เรียกว่า Progressive Rock เป็นชื่อทะเลสาปใต้ดินของปอมเป ส่วนบริษัทแห่งแรกของปอมเปใช้ชื่อ King Crimson

Vin
ชื่อของยอดจิตรกรมาจาก Wine ส่วน Le Chef-d’oeuvre Inconnu สุดยอดผลงานของเขาใช้ชื่อเดียวกับนิยายฝรั่งเศสของ Balzac เกี่ยวกับชายผู้หลงใหลงานศิลปะจนยอมทิ้งทุกอย่าง (เหมือนอีตาแวนนี่แหละ)




Tattooed Heart
ชื่อภาคนี้มาจากชื่ออัลบั้มของ Aaron Neville นักแต่งเพลงเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ชื่อภาคนี้ถูกกำหนดก่อนวางโครงเรื่องหลักด้วย

The Fifth Element
คำใบ้ถึงหนทางกลับบ้านฟีโนมาจากหนังไซไฟที่เราคุ้นหูกันดี

Memento Mori
คำที่เขียนอยู่ที่ภาพของแวนควอตซ์ เป็นภาษาละตินแปลว่า “จงอย่าลืมความตาย” เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่พยายามหาทางหลบหลีกความตายมาตั้งแต่โบราณกาล ถูกใช้บ่อยๆในยุคกลางที่มีสงครามไม่จบไม่สิ้น หลังฉลองชัยชนะและการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของนักรบโรมัน เหล่าทาสจะต้องทำหน้าที่เตือนให้แม่ทัพระลึกอยู่เสมอว่า “อย่าคิดว่าคราวหน้าท่านจะไม่ตาย” Respice post te! Hominem te memento!" Memento Mori เป็นเหมือนคำที่เตือนสติให้รู้ว่าสุดท้ายแล้วไม่มีใครหนีความตายพ้น สำหรับจิ๊งเขาถือว่าตัวเองตายแล้วเพราะแม่ผู้เป็นผู้นำทางหัวใจของเขาได้เสียไปตั้งแต่ตอนเขายังเด็กมาก


ที่มา:
- King of Bandit Jing vol.5, TOKYO POP - English version
- King of Bandit Jing vol.7, TOKYO POP - English version
- M.Regan, The Bartender’s Best Friend
- //en.wikipedia.org/wiki/Memento_mori
Create Date :23 ธันวาคม 2549 Last Update :7 สิงหาคม 2560 22:52:22 น. Counter : Pageviews. Comments :18