bloggang.com mainmenu search


ต้อนรับเทศกาลบอลโลก วันนี้ขอเขียนเรื่องราวของทีมชาติญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงปี 90s ที่ทีมชาติญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลกอันน่าทึ่ง จนมีคนเอาไปถ่ายทอดเป็นการ์ตูนหลากหลายเรื่องราว และเรื่องที่ผสมผสานเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในช่วงนี้เข้ากับเรื่องราวในการ์ตูนได้อย่างกลมกลืน อีกทั้งเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่คอการ์ตูนกีฬายกให้เป็นการ์ตูนฟุตบอลที่ดีที่สุดตลอดกาลก็คือการ์ตูนเรื่อง "ยิงประตูสู่ฝัน" ที่จะมาเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ครับ



ยิงประตูสู่ฝัน (Our Field of Dreams) เป็นมังกะเรื่องเยี่ยมของเคนอิจิ มุราเอดะ ที่เขียนขึ้นในปี 1992 - 1998 ความยาว 34 เล่มจบ (+1 เล่มพิเศษ) เนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตนักฟุตบอลของทากาสุงิ คาซึยะ ที่หลงใหลในเกมฟุตบอลตั้งแต่เด็กตามรอยพ่อที่เป็นนักฟุตบอลชื่อดัง เนื้อเรื่องเล่าตั้งแต่ฟุตบอลโรงเรียนประถม ฟุตบอลนักเรียนมัธยม ไปฝึกฝนที่อาร์เจนติน่า ฟุตบอลเจลีก ไปจนถึงฟุตบอลโลก เนื่องจากช่วงที่แต่งเป็นช่วงที่ทีมญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการพัฒนาฟุตบอลมาก มีทั้งการก่อตั้งเจลีก ลีกฟุตบอลในประเทศเพื่อพัฒนาขีดความสามารถนักเตะ เหตุการณ์เกือบได้ไปฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 94 และการกรุยทางไปสู่การไปฟุตบอลโลกครั้งแรกที่ฝรั่งเศส (ฟรองซ์ 98) และผู้แต่งก็นำเรื่องราวของทีมชาติที่เกิดขึ้นจริง ร้อยเรียงกับเนื้อหาดราม่าเข้มข้น และศึกฟุตบอลที่ทรงพลัง ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้นอกจากจะเป็นการ์ตูนกีฬาที่สนุกแล้วยังเป็นบันทึกถึงช่วงเวลาอันขมขื่นและน่าภาคภูมิใจของญี่ปุ่นยุค 90s ด้วย



บล็อกนี้จะขอสรุปเรื่องราวของยิงประตูสู่ฝันตามไทม์ไลน์เนื้อเรื่องและเพื่อนๆที่พบเจอระหว่างทางจนรวมตัวเป็นทีมชาติญี่ปุ่น คู่ขนานไปกับเหตุกาณณ์จริงในประวัติศาสตร์ฟุตบอลครับ

**ภาพการ์ตูนในบล็อกนี้อ่านจากขวาไปซ้ายแบบญี่ปุ่น**
**ภาพประกอบผลการแข่งขันเป็นภาพตัวละครที่เด่นที่สุดของแต่ละฝั่งครับ ทีมด้านซ้ายคือทีมของตัวเอก ไม่ได้เรียงตามเหย้า-เยือนนะ**



ฟุตบอลโรงเรียนประถม (เล่ม 1-2)

ทากาสุงิ คาซึยะ ตัวเอกของเรื่อง เป็นลูกชายของนักฟุตบอลทากาสุงิ คังอิจิ นักเตะดังของทีมยามากิ ยิโค ในลีก JSL ของญี่ปุ่น (ยุคก่อนก่อตั้งเจลีก) เขาใฝ่ฝันจะเป็นนักฟุตบอลเหมือนพ่อ และชื่นชอบท่าไม้ตายโอเวอร์เฮดกบเหินเวหา (ตีลังกาชู้ตบอล) ของพ่อมาก ตัวคาซึยะเองเล่นกับซากุระมิจิ คิกเกอร์ส ทีมของโรงเรียน และได้ร่วมทีมกับคิบะ ทาคุมะ นักเรียนใหม่ผู้มีพรสวรรค์ด้านฟุตบอล



ผลงานของทีมกำลังไปได้ดี คาซึยะก็ยิ่งฝันถึงอนาคตที่จะได้ไปเล่นบอลลีกกับพ่อมากขึ้น แต่โศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นเมื่อพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะไปช่วยเด็กที่ลงไปเก็บลูกฟุตบอลบนถนน ด้วยความเศร้าครั้งนี้ทำให้เขาตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอล

เพื่อนในช่วงนี้: คิบะ ทาคุมะ

ผลการแข่งที่สำคัญ:


- (ซ้อมแข่ง)  ซากุระมิจิ คิกเกอร์ส 7 - 5 เองาวะ โชว

Facts

ในช่วงปี 80s ฟุตบอลยังไม่เป็นที่สนใจของคนญี่ปุ่น ที่กีฬายอดนิยมคือเบสบอล จนกระทั่งการ์ตูนเรื่องสึบาสะ ปลุกกระแสฟุตบอลฟีเวอร์ขึ้น มีนักเตะหลายคนได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนเรื่องนี้จนกลายเป็นนักบอลอาชีพในเวลาต่อมา


ฟุตบอลโรงเรียนมัธยม (เล่ม 2-6)

คาซึยะเข้าเรียนมัธยมฮนโจโดยไม่แตะฟุตบอลที่เขาเคยชอบมากแต่ก็ยังคงฝึกฝนร่างกายอยู่ตลอดเวลา คิบะเป็นตัวหลักในการแบกทีมฟุตบอลของโรงเรียนเข้ารอบมาตลอด จนในที่สุดคาซึยะก็ได้พบกับสุเอซึงุ โคอิจิโร่ เด็กที่ถูกพ่อของคาซึยะช่วยไว้ ตอนนี้เขาเล่นตำแหน่งโกล์มือหนึ่งของโรงเรียนทาคาชิมิสุที่เป็นคู่ชิงชนะเลิศระดับจังหวัดกับทีมฮนโจ บวกกับการชักชวนของคิบะทำให้คาซึยะกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งและสามารถพาทีมชนะเลิศเป็นตัวแทนโตเกียว ได้เข้าไปแข่งในสนามกีฬาแห่งชาติตามที่เขาใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งจะแข่งร่วมทีมกับพ่อของเขาที่สนามแห่งนี้

ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโรงเรียนมัธยม ทีมฮนโจได้เจอกับคาริอาเกะ ซุยซัง ตัวแทนจังหวัดคุมาโมโตะ ที่มีอิโซโนะ ทาคุโร่ นักเตะความเร็วสูงตัวป่วน แต่ก็สามารถเอาชนะไปได้ด้วยลูกยิงท่าไม้ตายของพ่อ สุเอซึงุที่ดูอยู่ข้างสนามได้เห็นภาพนี้ก็ถึงกับน้ำตาไหลคิดถึงคนที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้เมื่อครั้งนั้น



จากการแข่งขันนี้ฝีมือของคาซึยะและทาคุโร่ไปเข้าตาอากิระ แมวมอง ทั้งคู่จึงถูกชวนไปฝึกฝีมือที่ประเทศอาร์เจนติน่า ประเทศในอเมริกาใต้ที่บ้าฟุตบอลแบบสุดๆ

เพื่อนในช่วงนี้: สุเอซึงุ โคอิจิโร่ , อิโซโนะ ทาคุโร่

ผลการแข่งที่สำคัญ:

- (รอบคัดเลือก)  ฮนโจ 1 - 0 ทาคาชิมิสุ

- (รอบ 4 ทีมสุดท้าย) ฮนโจ 2 - 1 ชิอินะโค

- (รอบชิงชนะเลิศ) ฮนโจ 4 - 3 คาริอาเกะ ซุยซัง


ฟุตบอลลีกอาร์เจนติน่า (เล่ม 6-9)

แม้จะถูกคัดค้านจากไอโกะเพื่อนสาว และห่วงคุณแม่ที่จะต้องอยู่คนเดียว แต่พลังฟุตบอลระดับโลกของอาร์เจนติน่าก็ดึงดูดให้คาซึยะไปตามคำชวนของอากิระ เขาและทาคุโร่ได้เข้ามาเล่นทีมโบคาเซ็นทรัล แต่ได้เล่นทีมในดิวิชั่น 4 เป็นทีมระดับล่างที่รวมตัวนักเตะญี่ปุ่นซึ่งฝีมือยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก และกำลังจะถูกยุบทีม ตอนคาซึยะและทาคุโร่ลงสนามนัดแรกทีมดิวิชั่น 4 จะต้องเตะกับทีมพรีเมียร์ลีกของโบคาเซ็นทรัล ซึ่งมีดาเมียน โลเปซ นักเตะอาร์เจนไตน์ที่เกลียดคนญี่ปุ่นขนาดหนักเนื่องจากธุรกิจของครอบครัวเขาล้มละลายเพราะนายทุนจากญี่ปุ่น ดาเมียนฝีมือร้ายกาจแบบที่คาซึยะไม่เคยเจอที่ญี่ปุ่นทำให้เขารู้ความแตกต่างของฟุตบอลญี่ปุ่นที่ยังห่างจากระดับโลกหลายขุม แต่ก็ได้เรียบรู้วิธีเล่นบอลแบบอาร์เจนติน่าที่มีความรุนแรงและตุกติกจนเกือบฟาวล์ด้วย

เจ้าของทีมเห็นฝีมือของคาซึยะและทาคุโร่ จึงย้ายทั้งสองคนขึ้นไปเล่นพรีเมียร์ลีก ดาเมียนไม่ยอมรับการตัดสินใจนี้จึงลาออกจากทีม และย้ายไปอยู่ริเวอร์แปซิฟิค ทีมจากเมืองคู่แข่ง ทำให้ดาเมียนถูกชาวโบคาต่อต้านอย่างหนัก เป็นบรรยากาศที่คาซึยะที่มาจากญี่ปุ่นประเทศที่ตอนนั้นไม่ได้อินฟุตบอลอะไรมากจึงไม่เข้าใจ คาซึยะได้ช่วยน้องสาวของดาเมียนจากแก๊งอันธพาลทำให้ดาเมียนมองคาซึยะเป็นมิตรขึ้นนิดหน่อย

ถึงกระนั้นคาซึยะและทาคุโร่ก็ยังฝีมือไม่พอที่จะเผชิญการแข่งขันที่หนักหน่วงสไตล์อาร์เจนติน่าได้ จึงถูกดรอปเป็นตัวสำรองยาว เขาตั้งใจจะสู้ให้ได้สูสีกับคนอาร์เจนติน่าเสียก่อนจึงจะยอมรับแล้วกลับญี่ปุ่น จนกระทั่งโบคาได้โคจรมาพบกับริเวอร์ ซึ่งตอนนี้มีดาเมียนเป็นเอสของทีม และยังมีเทพผู้รักษาประตูอย่างลิคัลโด้ ก็อดมัน แถมนักเตะตัวหลักของโบคาหลายคนยังเจอสภาพการจราจรและฮูลิแกนล้อมรถไว้จนมาถึงสนามแข่งไม่ทันเวลาทำให้โค้ชจำเป็นต้องเอาคาซึยะและทาคุโร่ลงเล่น และทั้งสองโดยเฉพาะคาซึยะได้ถูกฟุตบอลอาร์เจนติน่าปลุกทักษะที่หลับใหลขึ้นมา เขาระเบิดฟอร์มช่วยทีมเสมอกับริเวอร์ได้อย่างสุดมันส์ ทำให้ดาเมียนจดจำชื่อของนักเตะจากแดนไกลคนนี้ไว้ตั้งแต่นั้นมา ก่อนคาซึยะและทาคุโร่จะเดินทางกลับญี่ปุ่นไป



ก่อนจากกันดาเมียนได้บอกกับคาซึยะว่า "อาดิโอส คนญี่ปุ่น ไม่สิ....." เขาหันมายิ้มท้าทายคาซึยะ เหมือนเป็นการบอกว่านี่ไม่ใช่การจากลา ถ้าทั้งสองคนเก่งกาจขึ้น สักวันโลกของฟุตบอลก็จะพาพวกเขามาพบกันอีกครั้ง

ผลการแข่งที่สำคัญ:

- (แข่งภายในทีม) โบคาเซ็นทรัล (ดิวิชั่น 4) 2 - 3 โบคาเซ็นทรัล (พรีเมียร์ลีก) ยุติการแข่งขันเนื่องจากเกิดจลาจล

- (พรีเมียร์ลีกอาร์เจนติน่า) โบคาเซ็นทรัล 2 - 2 ริเวอร์แปซิฟิค


ฟุตบอลชิงถ้วยนาบิสโก้ (เล่ม 9-17)

ตอนนี้ญี่ปุ่นได้ก่อตั้งเจลีกขึ้นมาแล้ว ฟุตบอลก็ได้รับความนิยมมากขึ้นด้วยในญี่ปุ่น ความตั้งใจแรกของคาซึยะเมื่อกลับมาที่ญี่ปุ่นคือการร่วมทีมยามากิยิโคที่พ่อเขาเคยอยู่คว้าแชมป์ของเจลีกให้ได้ แต่ทีมยามากิตอนนี้ตกต่ำ นักเตะไม่มีกะใจเล่น คิบะที่แบกทีมมาตลอดก็กำลังจะย้ายทีม อันดับทีมอยู่อันดับท้ายๆในเจวัน ลีกระดับรองลงมา ถึงกระนั้นคาซึยะก็ยังยืนกรานว่าจะไปเจลีกด้วยทีมยามากินี่แหละ! ความเลือดร้อนของคาซึยะที่ไล่เคี่ยวเข็ญคนอื่นๆก็ทำให้คนอื่นในทีมไฟติดขึ้นมาด้วย

ยามากิต้องลงเตะชิงถ้วยนาบิสโก้ ซึ่งเป็นศึกระหว่างทีมในเจวัน และทีมจากเจลีก ทีมเจวันที่ผลงานดีจะมีโอกาสได้เลื่อนขึ้นไปเล่นเจลีกมาก การแข่งขันแบ่งเป็นสาย A และ B ทีมยามากิอยู่สาย A ร่วมกับ เวอร์ดี้ แอนต์เลอร์ส เรย์โซล ฟลูเกลส์ ซานเฟรช (จากเจลีก) และเดลฟิเนส (ทีมอันดับ 1 จากเจวัน) แม้นัดแรกจะแพ้เวอร์ดี้ทีมอันดับ 1 ของเจลีกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทีมทำผลงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนผู้บริหารยามากิที่ตั้งใจจะยุบทีมในทีแรกเปลี่ยนใจ ยามากิชนะ 5 แพ้ 1 ได้อันดับสองในสาย A เข้าไปแข่งกับมารินอสในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาสามารถเอาชนะ และเข้าไปล้างตากับเวอร์ดี้ในรอบชิงชนะเลิศได้

ช่วงนั้นตัวจริงของเวอร์ดี้หลายคนเป็นตัวทีมชาติญี่ปุ่นไปเตะรอบคัดเลือกบอลโลก ซึ่งอิบุ เคนสุเกะ เอสของทีมเวอร์ดี้และทีมชาติญี่ปุ่นก็ร่วมขบวนไปด้วย ครั้งนี้ญี่ปุ่นทำผลงานได้ดีผิดกับที่ผ่านมาและมีโอกาสได้ไปบอลโลกครั้งแรก แต่ก็ถูกทีมอิรักยิงดับฝันไปก่อนหมดเวลาไม่กี่วินาที อิบุเก็บเรื่องนี้ไปฝันร้ายยาวนานจนกว่าจะถึงโอกาสแก้มือในบอลโลกครั้งต่อไป



"จะมาถามทำไมว่ารู้สึกยังไง! ก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องเศร้าใจ ต้องเจ็บใจ! มาเขียนป้ายว่าขอบคุณสำหรับความฝันแบบนั้นจะให้ตอบว่ายังไงเล่า!" -- จากคำให้สัมภาษณ์ของอิบุ

ในขณะเดียวกันพวกคาซึยะ คิบะ และทาคุโร่ ก็ถูกเรียกไปเก็บตัวในแคมป์คัดตัวเข้าทีมชาติชุดต่อไป พวกเขาได้ฝึกร่วมกับอิบุและได้เห็นความเก่งกาจในระดับทีมชาติ เป็นกำแพงอีกชั้นหนึ่งที่คาซึยะต้องการก้าวข้ามเพื่อไปสู่ระดับโลก





ผู้บริหารยามากิตัดสินใจเอาจริงเรื่องทีมฟุตบอล ก่อสร้างสนามใหม่และเปลี่ยนชื่อทีมเป็นแบนดิตส์โตเกียว ทีมแบนดิตส์เข้าชิงชนะเลิศกับเวอร์ดี้ที่มีตัวทีมชาติทั้งอิบุและรามอสกลับมาเล่นให้ทีม แต่แบนดิตส์ที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนก็สามารถเอาชนะไปได้ 3-2 ได้ถ้วยนาบิสโก้ และเข้าไปเล่นในเจลีกได้ในที่สุด หลังทีมประสบความสำเร็จแล้ว ตัวหลักอย่างคิบะ และทาคุโร่ ที่ต่อสู้ร่วมกับคาซึยะมาตลอดก็ขอย้ายทีมไป เพราะอยากแข่งกับทีมของคาซึยะในอนาคต

เพื่อนในช่วงนี้: ซึจิยะ กุนยิ , เทระโมโตะ โทคุยิ , อิบุ เคนสุเกะ

ผลการแข่งที่สำคัญ:

- (รอบแรกสาย A) ยามากิ 2 - 3 เวอร์ดี้

- (รอบแรกสาย A) ยามากิ 3 - 0 เดลฟิเนส

- (รอบแรกสาย A) ยามากิ 2 - 1 แอนต์เลอร์ส

- (รอบแรกสาย A) ยามากิ 3-0 เรย์โซล

- (รอบแรกสาย A) ยามากิ 1-0 ซานเฟรช

- (รอบแรกสาย A) ยามากิ 1-0 ฟลูเกลส์

- (รอบรองชนะเลิศ) ยามากิ 4 - 3 มารินอส

- (รอบรองชนะเลิศ) เวอร์ดี้ 3-1 เอสพัลส์

- (รอบชิงชนะเลิศ) แบนดิตส์ 4 - 3 เวอร์ดี้

Facts

โศกนาฏกรรมที่โดฮา
คือเหตุการณ์อดไปฟุตบอลโลกปี 94 ที่ดับฝันคนญี่ปุ่นทั้งประเทศ ครั้งนั้นญี่ปุ่นทำได้ดีในรอบคัดเลือก จนโอกาสไปฟุตบอลโลกอยู่แค่เอื้อม หากพวกเขาสามารถเอาชนะอิรักได้ในการแข่งที่โดฮาประเทศการ์ตา แล้วญีปุ่นก็ออกนำไป 2-1 จนกระทั่งเข้าช่วงต่อเวลาพิเศษ อิรักได้ยิงตีเสมอ 2-2 ทำให้คะแนนรวมญี่ปุ่นกลายเป็นที่สาม ตกรอบคัดเลือกไปทั้งที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงนาที!





ฟุตบอลเจลีก (เล่ม 18-21)

คิบะย้ายไปอยู่กับเซเรสโซ โอซาก้า แถมพาทีมขึ้นชั้นมาเล่นเจลีกในปีต่อมาได้ด้วย ส่วนทาคุโร่ไปอยู่ทีมเดลฟิเนสที่เคยสู้กันมาก่อน ในฤดูกาลต่อมานี้เวอร์ดี้ได้แชมป์เจลีก (แล้วอิบุก็ถูกยืมตัวไปเล่นซีเรียอาของอิตาลีทันที) ซึ่งในการ์ตูนช่วงนี้ไทม์สคิปไป 1 ปี 6 เดือนเลยครับ

ฤดูกาลต่อมามีสมาชิกมาเข้าทีมแบนดิตส์เพิ่มเติม ที่สำคัญคือลีจัสโตรนีก ยูริ จากอุซเบกิสถาน ซึ่งเพิ่งแยกประเทศมาจากอดีตสหภาพโซเวียต ที่เขาตัดสินใจเลือกสัญชาติอุซเบแทนที่จะเป็นรัสเซียที่มีทีมชาติแข็งแกร่งกว่าเพราะคนรักของเขาถือสัญชาตินี้ และเธอออกเดินทางมาทำงานที่ญี่ปุ่น นีกจึงมาเล่นฟุตบอลที่นี่ด้วย แม้ในทีแรกเขาจะดูถูกมาตรฐานฟุตบอลญี่ปุ่น แต่เพื่อนร่วมทีมก็ทำให้นีกเปิดใจ จนมีบทบาทเป็นปราการหลังคนสำคัญของทีม

อีกแมทช์ที่ยากเย็นที่สุดในเจลีกฤดูกาลนี้คือการแข่งกับเซเรสโซของคิบะในครึ่งฤดูกาลหลัง ซึ่งเพิ่งได้ตัวทีมชาติรัสเซียมา 3 คน แถมตัวคิบะเองยังฝึกจนเกินขีดจำกัดเดิมเพื่อรักษาตำแหน่งตัวจริงในทีม ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก แต่นีกที่เล่นเข้าขากับทุกคนในทีม และลบคำสบประมาทตัวทีมชาติทั้งสามที่เคยเหนือกว่าเขามาตลอด ก็เป็นตัวแปรสำคัญให้แบนดิตส์เอาชนะไปได้อย่างเฉียดฉิว



แมทช์สุดท้าย แบนดิตส์ยังคงตามหลังเวอร์ดี้อยู่ 3 คะแนน ต่อให้เอาชนะได้ ก็ต้องลบผลต่างประตูได้เสีย 13 ประตู นั่นคือหากทีมแบนดิตส์ต้องการเป็นแชมป์จะต้องยิงเวอร์ดี้ถึง 7 ประตู!! ....ซึ่งฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่ไหนๆก็เดินเรื่องมาทั้งฤดูกาลซะขนาดนี้ จะไม่ให้ได้แชมป์เดี๋ยวเนื้อเรื่องก็จะไม่ไปไหนกันพอดี ก็จัดไปครับ ทีมเวอร์ดี้ขาดอิบุที่อยู่อิตาลีแต่มีมิโดริคาว่า คาโอรุ สไตรเกอร์หนุ่มเจ้าสำอางค์มาสร้างสีสันแทน โดนแบนดิตส์อัดไป 7-0 ตามที่คาด ทำให้แบนดิตส์ได้แชมป์เจลีกครั้งแรกในที่สุด



เพื่อนในช่วงนี้: มิโดริคาว่า คาโอรุ

ผลการแข่งที่สำคัญ:

- (เจลีก) แบนดิตส์ 1 - 0 เซเรสโซ

- (เจลีก) แบนดิตส์ 3 - 2 เดลฟิเนส

- (เจลีก) แบนดิตส์ 5-0 เรย์โซล

- (เจลีก) แบนดิตส์ 4 - 3 เซเรสโซ

- (เจลีก) แบนดิตส์ 7 - 0 เวอร์ดี้

Facts

ลีกสูงสุดของญี่ปุ่นเดิมคือ JSL และเปลี่ยนเป็นเจลีกในปี 1993 ดึงคนเก่งๆเข้ามาเล่นในลีกญี่ปุ่นมากมาย โดยเฉพาะนักเตะบราซิลที่ใกล้เกษียณอายุ ที่โด่งดังในยุคแรกคือรุย รามอส (Ruy Ramos) มิดฟิลด์ชาวบราซิลที่มาเล่นให้ทีมเวอร์ดี้ และเป็นนักเตะต่างชาติคนแรกๆที่เข้ามาเล่นในญี่ปุ่น จนถือสัญชาติญี่ปุ่นและได้ร่วมทีมชาติชุดที่พลาดไปฟุตบอลโลกปี 94 เขาไปปรากฏตัวในการ์ตูนหลายๆเรื่องที่เขียนในยุคนี้ด้วย



การมีเจลีกช่วยพัฒนาฝีเท้าของนักเตะชาวญี่ปุ่นขึ้น และทีมชาติญี่ปุ่นก็ผ่านรอบคัดเลือกได้ไปฟุตบอลโลกหลังก่อตั้งเจลีกเพียง 4 ปี

ทีมเวอร์ดี้คาวาซากิประสบความสำเร็จมากในช่วงต้น 90s ถือเป็นยุคทองของทีม ในช่วงที่เริ่มก่อตั้งเจลีก ทีมนี้ได้แชมป์เจลีก 3 ฤดูกาลติดต่อกัน (ปี 92-94) ก่อนจะตกต่ำลงอย่างรวดเร็วหลังนักเตะชุดเก่งผลัดใบ ปัจจุบันทีมเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียวเวอร์ดี้ เตะอยู่ลีก J2 ครับ

ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก (เล่ม 21-31)

อิบุกลับมาจากอิตาลีพร้อมพาดาเมียน โลเปซ ซึ่งตอนนี้เล่นกับทีมจูเวนตุสมาด้วย ดาเมียนโชว์เชิงบอลที่เหนือชั้น ทั้งเลี้ยงบอลฝ่าฝูงชนด้วยความเร็ว เลี้ยงบอลขึ้นลงบันได แบบที่คาซึยะไม่มีปัญญาแย่งบอลมาได้แม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้ฝีมือของทั้งสองคนฉีกห่างออกไปเหมือนอยู่คนละโลกอีกครั้ง ความเก่งกาจที่เพิ่มขึ้นของคาซึยะเทียบกับดาเมียนไม่ได้แม้แต่น้อยจนดาเมียนสงสัยว่า "สองปีที่ผ่านมาแกมัวไปทำอะไรอยู่?" นอกจากนี้เขายังไปแข่งกับนักเตะดาวรุ่งคนอื่นๆ ทั้งพวกทาคุโร่และคิบะต่างถูกตีแตกพ่ายกระจุยกระจาย ดาเมียนยอมมาญี่ปุ่นครั้งนี้ตามคำขอของอิบุก็เพื่อช่วยกระตุ้นให้นักเตะดาวรุ่งของญี่ปุ่นเห็นความต่างชั้นของฟุตบอลญี่ปุ่นกับระดับโลกทำให้พวกคาซุยะต้องฝึกให้เก่งยิ่งขึ้นกว่านี้ ก่อนไประดับโลก เพราะตัวดาเมียนเองก็อยากสู้กับคาซึยะในฟุตบอลโลกเช่นกัน



ถึงจะประสบความสำเร็จสูงสุดในญี่ปุ่น แต่มันก็ยังไม่พอสำหรับระดับโลก พวกเขาต้องทำอะไรสักอย่าง!

อิบุเรียกดาวรุ่งที่มาแรงในญี่ปุ่นมารวมตัวกันที่สนามฮนโจ เพื่อให้แข่งขันกับทีมเยาวชนของเอซีมิลาน ที่มีโกล์สุดเก่งกาจ ผลการแข่งขันทีมเอซีมิลานเอาชนะไปได้ 1-0 แถมโกล์ยังเซฟลูกจุดโทษที่คาซึยะเคยใช้ยิงประตูลิคัลโด้มาแล้วได้ด้วย ประตูคนนี้คือสุเอซึงุ โกล์ที่คาซึยะเคยแข่งด้วยสมัยฟุตบอลมัธยม และเป็นคนที่พ่อของคาซึยะเคยช่วยชีวิตเอาไว้ อิบุบอกเหล่าดาวรุ่งว่าเขาจะตั้งทีมชาติเงาชื่อรีเสิร์ฟด็อก โดยให้สุเอซึงุเข้าร่วมด้วย



รีเสิร์ฟด็อก ช่วยฝึกฝนกันเอง รวมทั้งเข้าแข่งกับทีมแกร่งประเทศต่างๆ เพื่อฝึกฝีมือ โดยนัดแรกเจอกับซาอุดิอาระเบียที่มีอับดุลอัลฮาซาลีเป็นอาวุธลับของทีม นอกจากทีมที่เจอจะแข็งแกร่งแล้วสภาพอากาศของบางประเทศที่ร้อนระอุก็ทำให้การเดินสายฝึกนั้นราวกับทัวร์นรก ขณะเดียวกันทีมชาติญี่ปุ่นตัวจริงก็ต้องลงทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบแรก อิบุยอมส่งตัวคาซึยะและมิโดริคาว่ากลับไปช่วยทีมชาติ และศึกกับโอมานก็เป็นครั้งแรกที่คาซึยะได้ลงสนามในฐานะทีมชาติ ได้รับรู้ถึงความกดดันของการลงสนามในนามของทีมชาติ ได้พบเจอปีศาจในสนามฟุตบอลที่โผล่มาในวันที่เล่นยังไงก็ไม่ชนะ และได้สัมผัสถึงความคาดหวังจากผู้คนมากมาย โดยเฉพาะบอลโลกครั้งต่อไป (ปี 2002) จะจัดโดยมีญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ นั่นคือญี่ปุ่นจะได้ไปเล่นฟุตบอลโลกโดยอัตโนมัติ และจะถูกค่อนขอดว่าเป็นประเทศที่ได้ไปบอลโลกครั้งแรกด้วยอำนาจเงิน! จึงเกิดความหวังของคนทั้งประเทศอย่างรุนแรงว่าญี่ปุ่นจะต้องไปฟุตบอลโลกในครั้งนี้ให้ได้

อย่างไรก็ดีพวกเขาก็สามารถเอาชนะทีมรองบ่อนอย่างโอมาน มาเก๊า และเนปาล ทั้งเหย้า-เยือน ผ่านรอบแรกได้แบบสบายๆ แม้จะดูเหมือนญี่ปุ่นใกล้จะได้ไปฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส แต่ศึกหนักที่แท้จริงยังไม่เริ่มต้น อีกด้านหนึ่งรีเสิร์ฟด็อกที่ฝึกฝนมาจนเก่งกาจถึงขั้นเอาชนะจูเวนตุสได้ก็กลับมาท้าแข่งกับทีมชาติญี่ปุ่นชุดปัจจุบัน และเป็นรีเสิร์ฟด็อกที่สามารถเอาชนะไปได้ 3-2 ทั้งสองทีมได้รวมตัวกันเพื่อลุยศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 10 ทีมสุดท้าย ซึ่งญี่ปุ่นต้องอยู่ในสายแกร่งร่วมกับอุซเบกิสถาน เกาหลีใต้ อิหร่าน และซาอุดิอาระเบีย แม้ในทีแรกจะมีความไม่ลงรอยกันระหว่างทีมชาติชุดเดิมกับรีเสิร์ฟด็อก แต่ด้วยการเชื่อมเกมของคาซึยะที่เป็นคนกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย ทำให้ญี่ปุ่นมีผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ

ญี่ปุ่น vs. อุซเบกิสถาน ญี่ปุ่นต้องเจอกับอุซเบกิสถานที่มีนีกเป็นกองหลังตัวสำคัญ แม้จะเข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งแรก แต่อุซเบก็เป็นทีมที่แข็งแกร่ง ญี่ปุ่นเฉือนเอาชนะไปได้ 1-0 แลกกับโดนใบแดงใบเหลืองสะบักสะบอมกันถ้วนหน้า เป็นชัยชนะราคาแพง

ญี่ปุ่น vs. เกาหลีใต้ ศึกระหว่างสองประเทศที่แข่งขันกันมาตลอด เกาหลีใต้มีกองหลังที่เก่งกาจอย่างยูเมียงอู ในขณะที่ญี่ปุ่นนัดนี้เทพสุเอซึงุเล่นเป็นโกล์ ทำให้ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันไป 0-0 สองประเทศนี้เจอกันทีไรไม่ค่อยมีใครกล้าเขียนให้ญี่ปุ่นชนะหรอกนะ เดี๋ยวเจอเกาหลีเผาหนังสือ

ญี่ปุ่น vs. อิหร่าน หนึ่งในศึกที่โหดและกดดันอย่างถึงขีดสุด ต้องเจอกับทีมอิหร่านที่มีอาลีเดอี นักเตะระดับโลก เนื้อเรื่องถูกเล่าผ่านมุมมองของไอโกะที่ตามมาดูที่สนามช้า เมื่อมาถึงสนามก็พบว่าญี่ปุ่นกำลังตามหลังอยู่ 1-2 เหลือเวลาอีก 5 นาที อาจหมดสิทธิ์ไปฟุตบอลโลก แถมอิหร่านยังได้เตะลูกโทษ ในช่วงที่กองเชียร์ทุกคนหมดหวังไปแล้วก็มีเพียงไอโกะที่ตะโกนเชียร์ด้วยความเชื่อมั่นว่าญี่ปุ่นจะไม่แพ้ สุเอซึงุเห็นคุณแม่ของคาซึยะที่ยืนข้างๆไอโกะก็ปลุกความกล้าขึ้นมา เขาเคยบอกกับแม่ไว้ว่าเขาเชื่อว่าชีวิตที่คังอิจิช่วยไว้มีพลังล้นเหลือที่จะสามารถก้าวขึ้นไปคว้าความฝันได้ แล้วเขาก็เซฟลูกจุดโทษของดาอีได้ จากนั้นญี่ปุ่นก็สวนกลับจนยิงประตูตีเสมอได้ในที่สุด



ญี่ปุ่น vs. ซาอุดิอาระเบีย ญี่ปุ่นได้พบกับซาอุดิอาระเบียที่นำโดยอับดุลอีกครั้ง หลังจากพบกันครั้งแรกช่วงที่รีเสิร์ฟด็อกเดินสายฝึกฝน แต่ครั้งนี้ซาอุมาฟูลทีม แม้อิบุจะระเบิดฟอร์มเก่งในนัดนี้ แต่ทุกครั้งที่ยิงได้ อับดุลก็จะตามมายิงตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว อิบุทุ่มสุดตัวกับการแข่งนัดนี้เพื่อลบล้างความทรงจำอันเลวร้ายที่โดฮา เขายิงให้ญี่ปุ่นขึ้นนำ 3-2 ก่อนเขาจะบาดเจ็บจนถูกหามออกไป หากนัดนี้ญี่ปุ่นชนะจะได้ไปฟุตบอลโลกในฐานะทีมอันดับหนึ่งของสายทันที แต่ถ้าถูกตีเสมอก็ต้องไปลุ้น โชคดีที่คนอื่นๆในทีมช่วยกันสู้ต่อจนญี่ปุ่นนอกจากจะไม่เสียประตูแล้วยังยิงเพิ่มได้อีก

ภาพที่อิบุออกจากห้องพยาบาลมาดูผลการแข่งขันแล้วเห็นสกอร์ญี่ปุ่นเอาชนะได้ 4-2 ได้ไปฟุตบอลโลกที่รอคอยมายาวนาน เป็นหนึ่งในภาพที่ประทับใจที่สุดในการ์ตูนเรื่องนี้เลยทีเดียว เชื่อว่าแฟนๆญี่ปุ่นในโลกแห่งความจริงก็รอนาทีนี้มานานแสนนานเช่นกัน



อีกด้านหนึ่งอาร์เจนติน่าผลงานรอบคัดเลือกกำลังย่ำแย่ นักเตะตัวเก่งอย่างดาเมียนถูกดรอปยาวเนื่องจากมีปัญหากับโค้ช แต่พอรู้ข่าวว่าญี่ปุ่นผ่านรอบคัดเลือกมาแล้วตามที่สัญญาเขาก็ยอมอ่อนข้อให้โค้ชขอลงเป็นตัวสำรอง และพาอาร์เจนติน่าผ่านรอบคัดเลือกมาได้ในที่สุด

คาซึยะและดาเมียนที่เป็นคู่แข่งกันมายาวนานจะได้กลับมาพบกันอีกครั้งในเวทีระดับโลก แม้โอกาสที่ญี่ปุ่นจะได้พบกับอาร์เจนติน่าจะน้อยนิด แต่เหมือนฟ้าบันดาลให้ญี่ปุ่นได้อยู่สายเดียวกับอาร์เจนติน่า ตรงตามสายจริงๆในฟุตบอลโลกปี 98 และคู่แข่งทีมแรกที่ญี่ปุ่นจะได้เจอในฟุตบอลโลกครั้งแรกของพวกเขาก็คือทีมอาร์เจนติน่า!!



เพื่อนในช่วงนี้: โคคุบุ เรซึ , ฮามาดะ เอจิ , อามาซากิ โคทาโร่

ผลการแข่งที่สำคัญ:

- (ซ้อมแข่ง) รีเสิร์ฟด็อก 0 - 1 ทีมเยาวชนเอซีมิลาน

- (ซ้อมแข่ง) รีเสิร์ฟด็อก 4 - 2 ทีมคนแก่ซาอุดิอาระเบีย

- (ซ้อมแข่ง) รีเสิร์ฟด็อก 0-3 แคเมอรูน

- (กระชับมิตร) ญี่ปุ่น 1 - 0 อุซเบกิสถาน

- (รอบคัดเลือก รอบแรก) ญี่ปุ่น 4 - 1 โอมาน

- (รอบคัดเลือก รอบแรก) ญี่ปุ่น 5-0 มาเก๊า

- (รอบคัดเลือก รอบแรก) ญี่ปุ่น 7-0 เนปาล

- (รอบคัดเลือก รอบแรก) ญี่ปุ่น 5-0 มาเก๊า

- (รอบคัดเลือก รอบแรก) ญี่ปุ่น 3-0 โอมาน

- (ซ้อมแข่ง) ทีมชาติชุดเก่า 2 - 3 รีเสิร์ฟด็อก

- (กระชับมิตร) ญี่ปุ่น 0-3 กาน่า

- (ซ้อมแข่ง) ญี่ปุ่น 6-0 ทีมท้องถิ่นของอุซเบกิสถาน

- (รอบคัดเลือก 10 ทีม) ญี่ปุ่น 1 - 0 อุซเบกิสถาน

- (รอบคัดเลือก 10 ทีม) ญี่ปุ่น 0 - 0 เกาหลีใต้

- (รอบคัดเลือก 10 ทีม) ญี่ปุ่น 2 - 2 อิหร่าน

- (รอบคัดเลือก 10 ทีม) ญี่ปุ่น 4 - 2 ซาอุดิอาระเบีย

Facts

ทั้งโศกนาฏกรรมที่โดฮาและทิฐิที่จะไม่ยอมให้ใครมาหาว่าญี่ปุ่นไปบอลโลกครั้งแรกด้วยอำนาจเงิน ทำให้ญี่ปุ่นจริงจังกับรอบคัดเลือกบอลโลกปี 98 มาก ในรอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบแรกญี่ปุ่นอยู่สายเดียวกับโอมาน มาเก๊า และเนปาล ตรงตามการ์ตูนทุกประการครับ แต่สกอร์และผลการแข่งขันต่างกัน ยังไงญี่ปุ่นก็เข้ารอบเป็นที่หนึ่งของสายได้แบบสบายๆ สำหรับรอบ 10 ทีมสุดท้าย ในการ์ตูนใช้การเตะรอบเดียว แต่ในความเป็นจริงเจอกันแบบเหย้า-เยือนนะครับ ญี่ปุ่นอยู่สายเดียวกับเกาหลีใต้ เอมิเรตส์ อุซเบกิสถาน และคาซัคสถาน (ส่วนในการ์ตูนอยู่สายเดียวกับเกาหลีใต้ อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย และอุซเบกิสถาน ก็เพื่อให้รอบนี้มันโหดมันส์ฮานี่แหละ) ซึ่งเกาหลีใต้ได้เป็นแชมป์ของสาย ส่วนญี่ปุ่นได้ที่สอง ต้องไปเตะตัดสินกับอิหร่าน ที่สองของอีกสายหนึ่งที่โจโฮร์บะฮ์รู ประเทศมาเลเซีย แม้ญี่ปุ่นจะตกเป็นฝ่ายตามหลัง แต่ก็ยิงแซงชนะได้ด้วยโกลเด้นโกล์ 3-2 ได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกในที่สุด ญี่ปุ่นเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ความสุขสันต์แห่งโจโฮร์บะฮ์รู" (เรียกยากเฟ้ย!)

ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แข่งขันเรื่องฟุตบอลกันมาตลอด แต่เป็นเกาหลีใต้ที่เหนือกว่า โดยเฉพาะทศวรรษ 80s ที่เกาหลีใต้ก่อตั้งเคลีก ญี่ปุ่นก็ถูกทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ แต่ก็มีแผนการสร้างทีมระยะยาวค่อยๆพัฒนาความสามารถเริ่มจากการเล่นด้วยทีมเวิร์ค จนกระทั่งยุค 90s ฟุตบอลของญี่ปุ่นเริ่มแข็งแกร่งขึ้นมาทัดเทียมเกาหลีใต้ ในรอบคัดเลือกบอลโลกปี 94 ญี่ปุ่นทำคะแนนได้ดีและมีโอกาสไปฟุตบอลโลกมาก แต่เหตุการณ์พลิกผันเมื่อถูกอิรักตีเสมอในช่วงต่อเวลา ทำให้เกาหลีใต้ที่ชนะเกาหลีเหนือกลับเป็นฝ่ายได้ไปบอลโลกแทน ทั้งสองทีมได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในปี 2002 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเจ้าภาพร่วมกันสองประเทศ แถมเป็นประเทศคู่รักคู่แค้นกันอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย

นักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นที่มีบทบาทพาทีมไปสู่ฟรองซ์ 98 ที่เรารู้จักกันดีก็เช่น ฮิเดโตชิ นากาตะ หรือชินจิ โอโนะ แต่ไม่มีในเรื่องนี้นะครับ ที่มีในเรื่องก็เช่นมาซาคิโยะ มาเอโซโนะ (แต่เปลี่ยนชื่อเป็นมากิโซโนะ) อีกคนที่มีส่วนสำคัญทำให้ญี่ปุ่นไปบอลโลกได้คือมิอุระ คาซุโยชิ ผู้มีสมญา "คิงคาซู" ต้นแบบของตัวละครอิบุ เคนสุเกะ เขาเคยไปฝึกฝีมือที่บราซิล เคยเล่นที่เวอร์ดี้ เคยเกือบพาทีมญี่ปุ่นไปบอลโลกปี 94 ได้ และมีบทบาทสำคัญในการพาทีมไปบอลโลกปี 98 แต่ขัดแย้งกับโค้ชเลยไม่ได้เล่นในรอบจริง ดูแล้วก็คล้ายอิบุหลายอย่างนะเนี่ย...



คิงคาซู นักบอลในตำนาน



ฟุตบอลโลกฟรองซ์ 98 (เล่ม 31-34)

และแล้วมหกรรมฟุตบอลโลกก็เปิดฉากขึ้น ในเนื้อเรื่องนี้คือฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสปี 1998 นะครับ ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน สมัยที่เรื่องนี้ยังตีพิมพ์อยู่ ก่อนแข่งฟุตบอลโลกทีมญี่ปุ่นเตะอุ่นเครื่องรายการสุดท้ายคือถ้วยคิรินคัพ โดยเชิญอาร์เจนติน่ามาแข่งด้วย แล้วอาร์เจนติน่าก็ยำญี่ปุ่นให้ชม 3-0 เละคาบ้าน แม้จะผ่านทีมชั้นนำของเอเชียมาได้ แต่กับอาร์เจนติน่าเท่านี้ก็ยังไม่พอ คาซึยะและคนอื่นๆต่างต้องฝึกฝนมากขึ้นกว่านี้อีก โดยคาซึยะทำฟิสิคอลคอนดิชั่นจนทะลุขีดจำกัดของร่างกาย ตอนนี้พวกเขาพร้อมลงสนามฟุตบอลโลกนัดแรกในประวัติศาสตร์ทีมชาติญี่ปุ่นแล้ว

อาร์เจนติน่ามาฟูลทีม ทั้งดาเมียนและก็อดมัน แถมด้วยนักเตะชื่อดังในยุคนั้นตัวจริงอย่างบาติสตูต้า ซิโมเน่ และเครสโป (แต่บทตัวประกอบแท้ๆ... ทีอาบังอาลีดาอีละเก่งจัง!) เพื่อต้านรับอาร์เจนติน่า นักเตะญี่ปุ่นต้องทุ่มสุดตัวจนเกินขีดที่ร่างกายจะรับไหว ต้องเปลี่ยนตัวจนหมดโควต้าก็ยังได้แค่สูสี อิบุที่เพิ่งหายเจ็บก็ยังสภาพไม่เต็มร้อย มีจังหวะที่ดาเมียนหลุดเดี่ยวจนสุเอซึงุต้องยอมทำฟาวล์ แต่ก็ทำให้เขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนามไป คาซึยะอาสารับบทเป็นโกล์แทน และสามารถเซฟลูกจุดโทษของดาเมียนได้อย่างปาฏิหาริย์ ญี่ปุ่นได้สวนกลับเป็นโอกาสสุดท้าย แล้วคาซึยะก็ขึ้นมาดวลกับดาเมียนหน้าประตู ก่อนเขาจะสับท่ายิงกบเหินเวหาส่งลูกไปนอนก้นตาข่ายทำให้ญี่ปุ่นเอาชนะไปได้ในที่สุด



ในช่วงท้ายของเกมนี้เหล่ากองเชียร์ญี่ปุ่นที่พากันมาดูถึงฝรั่งเศสตะโกนเชียร์ทุกคนที่กำลังต่อสู้อยู่ ทั้งกองเชียร์ขาประจำ เพื่อนร่วมทีมแบนดิตส์ เพื่อนร่วมทีมโรงเรียน ทีมที่แพ้ญี่ปุ่นมา และคนที่ดูถ่ายทอดสดทั่วทุกมุมโลก ทั้งแม่ที่รออยู่ที่บ้าน โค้ชสมัยประถม รุ่นน้องที่โรงเรียน เพื่อนชาวญี่ปุ่นที่อาร์เจนติน่า "ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้อยู่ด้วยเกมฟุตบอลอยู่ในสนาม ณ ขณะนี้... ในฐานะตัวแทนของคนทุกคนที่หลงใหลในลูกหนัง ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้โดยพยายามแต่งเติมชิ้นส่วนเล็กๆของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลให้เป็นรูปเป็นร่าง พวกเขาก็คือเราทุกคน"



ผลการแข่งที่สำคัญ:

- (กระชับมิตร) ญี่ปุ่น 0 - 3 ทีมสำรองอาร์เจนติน่า

- (รอบแรก) ญี่ปุ่น 3 - 2 อาร์เจนติน่า

Facts

ในการแข่งฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นอยู่สายเดียวกับอาร์เจนติน่า โครเอเชีย และจาเมก้า ตรงตามในการ์ตูน ซึ่งการ์ตูนจัดสายตามผลการจับฉลากจริงนั่นแหละ แต่ที่ลงตัวเหมือนฟ้าบันดาลก็คือแมทช์แรกของฟุตบอลโลกในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นต้องมาพบกับอาร์เจนติน่า ประเทศที่การ์ตูนเรื่องนี้เขียนให้เป็นคู่แข่งของคาซึยะตั้งแต่ปี 1993!! แมทช์สุดท้ายของการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นดรีมแมทช์ที่มีที่มาที่ไปลงตัวทุกกระบวนความ ถึงในเรื่องญี่ปุ่นจะเอาชนะไปได้ 3-2 แต่ในความเป็นจริงญี่ปุ่นแพ้ 0-1 จ้า ส่วนอีกสองนัดการ์ตูนแค่เล่าว่าแพ้ ซึ่งในความเป็นจริงก็แพ้จริงๆครับ ญี่ปุ่นแพ้โครเอเชีย 0-1 และแพ้จาเมก้า 1-2 ถึงจะเก็บศูนย์แต้ม แต่ก็แพ้แบบเฉียดฉิวทุกนัด ถือว่าทำได้ดีสำหรับทีมที่มาฟุตบอลโลกครั้งแรก



ยูทากะ อาคิตะ เบียดแย่งบอลกับ กาเบรียล บาติสตูต้า ในฟรองซ์ 98 และเป็นบาติโกล์นี่แหละที่ยิงประตูชัยสยบญี่ปุ่น 1-0 (ภาพจาก alamy.com)



ส่วนอาร์เจนติน่าเข้ารอบ 16 ทีมไปชนะจุดโทษอังกฤษในแมทช์ฝันร้ายของเดวิด เบ็คแฮม ที่ไปเตะซิโมเน่จนโดนไล่ออก ในรอบ 8 ทีมอาร์เจนติน่าเจอกับอัศวินสีส้มเนเธอร์แลนด์ และแพ้ 1-2 ด้วยลูกยิงสุดคลาสสิคตลอดกาลของเดนิส เบิร์กแคมป์


แม้ญี่ปุ่นจะเอาชนะอาร์เจนติน่ามาได้ แต่ก็สะบักสะบอมจนแพ้รวดในอีกสองนัดต่อมา ตกรอบแรกไปในที่สุด ถึงกระนั้นทุกคนในทีมรีเสิร์ฟด็อกก็ถูกทาบทามไปเล่นสโมสรใหญ่ๆดังๆระดับโลก โดยคาซึยะเล่นอยู่กับทีมฟิออเรนติน่าในอิตาลี ได้แข่งกับดาเมียนที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่อินเตอร์มิลานแบบไม่ต้องรอฟุตบอลโลกครั้งต่อไป

คาซึยะแต่งงานและมีลูกกับไอโกะ และลูกชายคนนี้ก็อยากเล่นฟุตบอลเหมือนที่เขาเคยหลงใหลคังอิจิพ่อของเขาในสมัยก่อน แล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึงฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ตอนนี้ญี่ปุ่นไม่ใช่สมันน้อยในเวทีโลกแล้ว แม้แต่ทีมชั้นนำของโลกก็ไม่กล้าสบประมาทญี่ปุ่นอีกต่อไป

Facts

คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชื่นชอบทีมชาติบราซิล แต่ถ้าเป็นฟุตบอลลีกพวกเขาชอบบอลกัลโช่มากกว่าพรีเมียร์ลีกเสียอีก ทำให้มีการ์ตูนฟุตบอลหลายเรื่องที่ตัวเอกเข้าไปเกี่ยวข้องกับทีมสโมสรในอิตาลี แม้แต่ยิงประตูสู่ฝันเรื่องนี้ก็มีการแข่งกับมิลาน อินเตอร์ หรือจูเวนตุส รวมถึงตอนจบคาซึยะก็ได้ไปเล่นกับทีมฟิออเรนติน่าด้วย

ในปี 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ญี่ปุ่นเข้าได้ถึงรอบ 16 ทีม ก่อนไปแพ้ตุรกีครับ ส่วนเกาหลีใต้โกงเข้าไปถึงรอบ 4 ทีมก่อนโดนเยอรมันตบกบาล และถูกตุรกีกระทืบซ้ำในนัดชิงที่ 3



แม้ฟุตบอลโลกหนนี้ทั้งญี่ปุ่นและอาร์เจนติน่าต่างก็ไม่ได้เป็นทีมที่โดดเด่นอะไร แต่สเน่ห์ของฟุตบอลโลกไม่ได้อยู่ที่ทีมใดทีมหนึ่ง

...มันคือความหลงใหลที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

...มันคือเกมที่เชื่อมโยงผู้คนจากทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน

ขอให้สนุกกับการชมฟุตบอลโลกนะครับ
Smiley





Create Date :27 มิถุนายน 2561 Last Update :27 มิถุนายน 2561 21:34:41 น. Counter : 8229 Pageviews. Comments :64