bloggang.com mainmenu search


หลังน้ำท่วมก็ทยอยซื้อการ์ตูนที่เสียหายกลับมาและจัดชั้นการ์ตูนใหม่ สบโอกาสเช็คยอดการ์ตูนซะเลยครับ อยากรู้อยากเห็นเป็นส่วนตัวว่าการ์ตูนที่บ้านเรานี่มันมีทั้งหมดกี่เล่มกันแน่ เห็นกระทู้ในห้องเฉลิมไทยถามบ่อยๆว่าที่บ้านแต่ละคนมีการ์ตูนกันเท่าไหร่ บางคนก็ตอบล่อไปหลักหมื่นโน่นเลย (เอาเวลาที่ไหนไปอ่านฟะ?) หนนี้ลองตั้งใจนับจริงๆเผื่อท่านใดมีชั้นการ์ตูนหน้าตาคล้ายๆกันจะได้กะได้ว่าจริงๆแล้วบ้านตัวเองมีการ์ตูนมากน้อยแค่ไหน

ผมเก็บการ์ตูนไว้สองบ้าน มีชั้นหนังสือทั้งหมด 9 ชั้น โดนน้ำพังไปอันนึง เหลือ 8 ชั้น การ์ตูนส่วนนึงกองไว้กับพื้น รอสั่งชั้นวางอันใหม่ครับ ที่เก็บเริ่มเต็มส่วนใหญ่เลยวางบนชั้นแบบซ้อนสองแถว




นับเฉพาะการ์ตูนญี่ปุ่น (ไม่ว่าจะภาษาไทย,ญี่ปุ่น หรืออังกฤษ), การ์ตูนไทย นิตยสารการ์ตูน, หนังสือข้อมูลและอาร์ตบุ๊คภาษาต่างประเทศ ไม่รวมหนังสือข้อมูลภาษาไทย, บทสรุปเกม, ขายหัวเราะ, การ์ตูนดิสนีย์ ครับ
ไล่เช็คกรอกชื่อเรื่อง-จำนวนเล่ม-ราคาปก ลงไฟล์ excel พอซื้อเพิ่มก็เข้ามาอัพเดทเรื่อยๆ



อัพเดทเดือน มี.ค. 2012 ยอดการ์ตูนทั้งหมด 4,291 เล่ม คิดเป็นเงินทั้งหมด 226,010 บาท

แบ่งเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น 379 เรื่อง 3,711 เล่ม 148,301 บาท
นิตยสารการ์ตูน 13 หัว 331 เล่ม 9,972 บาท (ไม่รวม TV Magazine, Zenshu, MEGA, GAMEMAG)
การ์ตูนภาษาต่างประเทศ 36 เรื่อง 97 เล่ม 38,845 บาท (คิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 0.4 บาท/เยน, 32 บาท/USD ไม่รวมค่าส่ง)
การ์ตูนไทย 63 เรื่อง 128 เล่ม 12,913 บาท (ไม่รวมขายหัวเราะ-มหาสนุก)
หนังสือข้อมูลเกม-การ์ตูน-อาร์ตเวิร์คต่างประเทศ 24 เล่ม 16,029 บาท (คิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 0.4 บาท/เยน, 32 บาท/USD ไม่รวมค่าส่ง)
*ไม่นับการ์ตูนที่ซื้อซ้ำ, การ์ตูนที่ขนไปให้คนอื่นแล้ว และการ์ตูนที่ซื้อใหม่จากน้ำท่วม และไม่นับส่วนลด

....นี่ค่าการ์ตูนตูดาวน์บ้านได้เลยเรอะ?!



ลองมาดูว่าการ์ตูนซีรี่ยส์ไหนทำเราเสียทรัพย์มากที่สุด ผลออกมาเป็นดังนี้ครับ

อันดับ 10 เซนต์ เซย์ย่า 2,880 บาท



รวมทั้งภาคหลัก, Lost Canvas และ Next Dimension บวกกับฉบับตั้งแต่สมัยยุคไพเรทที่ยังคงเหลือตกทอดมาถึงปัจจุบัน ถือว่าสิ้นเปลืองน้อยกว่าที่คิดมากๆ เพราะผมไม่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์นำเข้าของการ์ตูนเรื่องนี้เลยนะสิ! เล่มที่แพงที่สุดก็คือ Next Dimension ที่พิมพ์ 4 สีครับ เป็นการ์ตูนที่คุณค่าทางจิตใจเมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มค่าที่สุด


อันดับ 9 JoJo 3,475 บาท



เป็นอีกเรื่องที่โคตรคุ้ม ความสนุกและปริมาณเนื้อหาเกินราคาไปมากๆ ชื่อเรื่องโจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ คนซื้อก็ซื้อกันข้ามศตวรรษ การ์ตูนเรื่องนี้พิมพ์ในไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2538 ยุคแรกที่ลิขสิทธิ์การ์ตูนญี่ปุ่นเข้าประเทศไทย ราคาปก 25 บาท ซึ่งในบูมตอนนั้นล่อไปภาค 4 แล้ว โจโจ้เขียนก่อนหน้านั้น 5 ปีครับ หลายท่านอาจคุ้นกับฉบับที่ไพเรทเอามาพิมพ์ในชื่อหน้ากากทมิฬ จวบจนตอนนี้เรื่องนี้ก็ยังไม่จบ (ปัจจุบันกำลังเขียนภาค 8) ฉบับภาษาไทยมีทั้งหมด 104 เล่ม


อันดับ 8 นิตยสาร ROBOT 4,000 บาท



ไม่ได้ซื้อเยอะอะไรนะครับ แต่มันเล่มละ 25 เหรียญ! มีแค่ 5 เล่มก็ทำเอาสิ้นทรัพย์จนหน้ามืด แต่ราคานี้ถือว่าปกติเพราะมันคือการ์ตูนมังกะที่มีคุณภาพเท่าอาร์ตบุ๊ค พิมพ์บนกระดาษอาร์ต 4 สีทั้งเล่ม แต่ละเรื่องวาดโดย Illustrators ที่โด่งดัง อาทิเช่น Range Murata, Hanaharu Naruco, Hiroyuki Asada, Yoshitoshi Abe, Yasuto Miura, etc. ซื้อมาดูภาพเฉยๆยังคุ้ม ชุดนี้เป็นชุดที่ DMP นำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกทอดหนึ่ง แต่ก็นิ่งแค่ 5 เล่ม ไม่ยอมออกต่อ


อันดับ 7 Street Fighter 4,076 บาท



การ์ตูนจากเกมไฟติ้งที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ มีออกมาหลายภาคหลายคนเขียน แต่ถือว่าอยู่ใต้แบรนด์ Street Fighter เลยนับรวมกัน ราคาหนักๆไปตกอยู่กับชุดของ UDON (Street Fighter 6 เล่มจบ, Street Fighter Legends 3 เล่ม) แต่ก็ถือว่าไม่แพงมาก พิมพ์ 4 สีบนกระดาษอาร์ตทั้งเล่ม (ภาพสวยด้วย) ราคาแค่เล่มละ 10 - 14 เหรียญ ซึ่งเท่ากับการ์ตูนฉบับภาษาอังกฤษขาวดำทั่วๆไปครับ
ส่วนฉบับของไทยที่สมบูรณ์ที่สุดกลับเป็นชุดของไพเรทที่เอาหลายๆซีรี่ยส์มาต่อกันเป็นชุดใหญ่ 4 เล่ม มีสตรีทไฟเตอร์ภาคที่เขียนโดยมาซาโอมิ เคนซากิ ซึ่งเราคุ้นเคยกันเพราะเข้าไทยตั้งแต่เกมออกใหม่ๆ, Ryu Final และตอนย่อยๆอีกหลายตอน น่าแปลกที่ลิขสิทธิ์บ้านเรามีแค่สตรีทไฟเตอร์ของฮ่องกง (ลิขสิทธิ์บูรพัฒน์) ซึ่งผมไม่ได้ซื้อ


อันดับ 6 จอมโจรจิ๊งค์ 4,250 บาท



การ์ตูนแฟนตาซีจ๋าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้เป็นราชาแห่งโจรทั้งปวง ออกมาสองภาคความยาวภาคละ 7 เล่มจบ แต่ที่เสียเงินไปเยอะเพราะภาษาไทยมันแปลไม่รู้เรื่องเลยเก็บภาษาอังกฤษ ส่วนฉบับภาษาไทยจมน้ำไปแล้ว หาซื้อใหม่ได้แค่ภาคแรกครับ


อันดับ 5 Ikkitousen 5,731 บาท



ไม่อยากเชื่อว่าผมเปลืองตังค์กับการ์ตูนลามกเรื่องนี้ขนาดนี้ (อาย) เรื่องของเรื่องคือตอนที่ sic พิมพ์ออกมาแล้วเกิดปรากฏการณ์หลุมดำ เฝ้าระวังการ์ตูนติดเรต ทำให้เรื่องนี้หยุดชะงักที่เล่ม 5 นานมาก จนผมคิดว่ามันไม่พิมพ์ต่อ ประกอบกับตอนนั้นไปเรียนที่เมกา ไม่มีการ์ตูนอ่านเลยซื้อเรื่องนี้ฉบับ Eng ต่อตั้งแต่เล่ม 6 มาเรื่อยๆซะเลย และสุดท้าย sic มันก็พิมพ์ต่อ (ฮึ่ม...) แต่ไหนๆเก็บ Eng แล้วก็เลยเก็บมาเรื่อย ทีนี้ Tokyopop สำนักพิมพ์ที่พิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษก็ดันเจ๊งไปซะอีก เลยไปตามฉบับภาษาญี่ปุ่นต่อ (ขึ้นปกใหม่ตั้งแต่เล่ม 15) เรื่องนี้ถึงจะโป๊เยอะแต่มันก็สนุกดีนะ


อันดับ 4 นิตยสาร BOOM 6,120 บาท



นิตยสารการ์ตูนที่ติดตามมายาวนานตั้งแต่ปี 94 หลังจากบอมบ์บอมบ์ปิดตัวไปเพราะลิขสิทธิ์ที่เข้ามาในประเทศไทยผมก็เริ่มซื้อบูมเพราะชอบลัคกี้แมนและโจโจ้ หลังๆนี้กลับไปอ่านการ์ตูนที่เคยลงในบูมยุคนั้นไม่ว่าจะเป็น บอย, ทาร์จัง, แสลมดังค์, ฯลฯ ก็ล้วนสนุกโคตรๆจนต้องทยอยตามเก็บฉบับรวมเล่มทีละเรื่อง บางเรื่องก็หายากเย็น (ก็เขาพิมพ์ไปสิบกว่าปีแล้วคู้ณ...) ผมเลิกซื้อบูมต้นยุค 2000 เลิกติดตามเก็บนิตยสารการ์ตูนด้วย เพราะบ้านชักจะไม่มีที่เก็บ เรื่องไหนสนุกก็รอซื้อรวมเล่มเอา ผมไม่อ่านสปอยล์ในเน็ต หลังๆเลยชักตามที่คนห้องการ์ตูนเขาคุยกันไม่ทัน ได้แต่ตอบกระทู้การ์ตูนที่มันจบไปนานแล้วอย่างเซย่า, ดราก้อนบอล หรือโจโจ้ภาคเก่าๆ
ท่านที่เก็บบูมฉบับเก่าๆไว้ก็เก็บต่อไปเถอะครับ บางอย่างหาในรวมเล่มไม่ได้นะ เช่นมีดที่ 13 ฉบับดั้งเดิมก่อนแก้ไข (คนเขียนทำต้นฉบับหายไปแล้วด้วย)


อันดับ 3 หนังสือข้อมูลเกม Final Fantasy VII 6,245 บาท



ประกอบด้วยหนังสือข้อมูล FINAL FANTASY VII ADVENT CHILDREN - Reunion Files -, FINAL FANTASY VII 10th ANNIVERSARY ULTIMANIA, ข้อมูลและบทสรุปเกม FINAL FANTASY VII ULTIMANIA OMEGA, DIRGE OF CERBERUS FINAL FANTASY VII Official Complete Guide, CRISIS CORE FINAL FANTASY VII ULTIMANIA, FINAL FANTASY VII Dismantling, นิยาย FINAL FANTASY VII On the Way to a Smile, และหนังสือที่มันเอาโฆษณามาพิมพ์ขาย Cloud Vol.1 กับ Cloud Message
มีแค่ 9 เล่ม แต่ราคามหาโหด (ก็ราคาไกด์บุ๊คนี่นะ) นอกจาก reunion files ที่พิมพ์สองภาษาแล้วนอกนั้นอ่านไม่ออกสักเล่ม แต่เก็บไว้ประกอบการอ้างอิงตอนทำข้อมูลเกมนี้ลงเว็บ สามารถหาคำแปลบางส่วนได้ตามเว็บต่างประเทศ หรือถ้าอยากรู้ท่อนไหนที่ไม่มีแปลก็แสกนส่งให้เพื่อนที่รู้ญี่ปุ่นแปลให้ ชะลาล่า~
ซีรี่ยส์ FF อื่นๆ ยังมีเล่ม 20th anniversary กับโปสการ์ดบุ๊คของดิสสิเดีย แต่ไม่นับมารวมนะครับ


อันดับ 2 ซุยโคเด็น 7,532 บาท



Suikoden III ของ อากิ ชิมิซุ เป็นมังกะจากเกมที่เขียนได้ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา แต่ไม่มีพิมพ์เป็นภาษาไทย (เซนชูเคยเจรจาแต่สู้เงื่อนไขไม่ไหว) เลยซื้อฉบับ Eng 11 เล่มจบครับ คุณภาพการพิมพ์ก็งั้นๆ หน้าสีก็ไม่ค่อยจะมีให้ ผมเคยทำ scanlation ลงเว็บ suikofriend (แต่เว็บล่มไปแล้ว สักวันอาจเอามาลงที่นี่) ผมชอบเล่มสุดท้ายมากๆจนต้องซื้ออีกเล่มมาหั่นเพื่อแสกนแปลทั้งเล่มเลยทีเดียว
นอกนั้นยังมีมังกะภาค 5 แต่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ 4 เล่มจบ แต่เนื้อหายังไปไม่ถึงครึ่งเกม ไม่มีฉบับแปล Eng เลยซื้อฉบับภาษาญี่ปุ่นแสกนส่งไปให้เพื่อนแปล ทำ scanlation ลงเว็บเหมือนเดิมครับ ส่วนมังกะของภาค 1-2 ลายเส้นสาวแตกเกินไป ทำใจซื้อไม่ลง
นอกจากนั้นก็มีอาร์ตบุ๊คกับหนังสือข้อมูลอีกนิดหน่อย (อ่านไม่ออก)


อันดับ 1 โดราเอม่อน 8,304 บาท





อันดับหนึ่งนี่คือการ์ตูนที่ผมติดตามมายาวนานอย่างแทื้จริงและเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องแรกที่ได้อ่านครับ ที่บ้านมีทั้งหมด 297 เล่ม ทั้งฉบับลิขสิทธิ์ 45 เล่ม, ตอนพิเศษ, บิ๊กบุ๊ค, พลัส, คัลเลอร์, โดราเอม่อนแอนด์เดอะแก๊งค์ และฉบับไพเรทสารพัดสำนักพิมพ์ สารพัดความหนา สารพัดราคา ตั้งแต่ปก 5 บาท, 8 บาท, 10 บาท ...ไปจนถึง 50 บาท
มีฉบับภาษาญี่ปุ่นสองเล่ม นอกนั้นเป็นภาษาไทยหมด ถือว่าเยอะด้วยปริมาณ ไม่ได้เยอะด้วยราคาต่อเล่มแบบอันดับ 2-3, 5-8
เอ้า พวกเธอจงบูชาเจ้าแมวสีฟ้า บูชา! บูชา! บูชา! บูชา! //(- . -)//




Create Date :24 มีนาคม 2555 Last Update :7 สิงหาคม 2560 22:08:49 น. Counter : Pageviews. Comments :74