bloggang.com mainmenu search

การ์ตูน One-Shot คือการ์ตูนจบในตอน ซึ่งจะมีเนื้อหาสมบูรณ์ในตัวของมันเอง ไม่จำเป็นต้องเท้าความ เหมาะสำหรับการ์ตูนสายนิเทศน์ที่ต้องการแสดงพลังของความคิดไอเดียหนึ่งๆ ผิดกับการ์ตูนยาวที่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอของเจ้าของผลงานซึ่งหากไม่คิดจับอาชีพการ์ตูนหากินก็คงสร้างสรรค์ผลงานที่ได้รับคำชื่นชมได้ยาก

ด้วยการที่ one-shot มักเป็นสุดยอดไอเดียที่ตกผลึกออกมา และถูกอัดให้จบภายในหนึ่งตอน ทำให้การ์ตูนตอนเดียวจบเหล่านี้เข้มข้นไปด้วยอารมณ์ที่ผู้เขียนเรื่องนั้นๆต้องการสื่อออกมา โดยเฉพาะสำหรับคนที่เพิ่งเข้าวงการ หรือนักเขียนการ์ตูนที่เพิ่งสุกงอม คนเหล่านี้จะอยู่ในช่วงที่สร้างสรรค์ผลงานจากไอเดียตัวจี๊ดยิ่งกว่าคนที่อยู่ในวงการด้วยสัญญานักวาดประจำ ซึ่งต้องปั่นงานให้ทันเดดไลน์เป็นครั้งๆ ยากที่จะหาสุดยอดไอเดียมาผลิตผลงานชิ้นเยี่ยมได้ต่อเนื่องแบบเดียวกับผลงานเปิดตัวที่ทำให้พวกเขาโด่งดัง

เอ็นทรี่นี้จะขอพูดถึงการ์ตูนไทยจบในตอนที่ผมชอบที่สุด 3 อันดับครับ

**SPOIILER ALERT: บล็อกนี้มีสปอยล์ของทุกเรื่องนะครับ**


อันดับ 3 ผีหลอก

อันนี้ที่จริงไม่ใช่ one shot (ตอนเดียวจบ) แต่เป็นจบในตอนมากกว่า "ผีหลอก" เป็นตอนหนึ่งของซีรี่ยส์ My Negative Space ผลงานของคุณ nummon ชายหน้าโหดแต่กลับมีผลงานอ่อนหวานอันโด่งดังที่ชื่อ Love on 20 Pages ที่ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน) เซเว่นบุ๊คอวอร์ดครั้งที่ 8 และรางวัลบทการ์ตูนยอดเยี่ยมจากงาน Core Cartoon

Love on 20 Pages มีตอนที่น่าประทับใจมากมาย จนอยากจะเลือกเอาสักตอนนึงมาติดอันดับ แต่อารมณ์มันก็เฉลี่ยๆกันไป ไม่ได้รู้สึกพีคกับตอนไหนขึ้นมาเป็นพิเศษ ผมติดใจกับเรื่อง "ผีหลอก" ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้อ่านผลงานของคุณน้ำมนต์มากกว่า

เรื่องนี้ลงครั้งแรกใน Let's Comic เล่ม 2 (ฉบับปี 2552) ซึ่งก็นับเป็น Let's เล่มแรกที่ผมซื้อด้วย และด้วยความถูกใจการ์ตูนทุกเรื่องในเล่มนี้เลยซื้อต่อเนื่องมาปีกว่าๆ จนกระทั่งเล่มหลังๆนักเขียนมือฉมังก็คงหมดมุกกันไปเรื่อยๆ นักเขียน 4-5 คนที่ผมชื่นชอบก็ไม่ได้มาลงบ่อยเหมือนเมื่อก่อน การ์ตูนเล่มหลังๆเริ่มสนุกลงๆจนผมเลิกซื้อไปเมื่อไม่นานมานี้เอง อันที่จริง My Negative Space เป็นงานที่เขียนหลัง Love on แต่ผมได้อ่านงานนี้ก่อน เลยเป็น first impression ต่อผลงานคุณน้ำมนต์ด้วยครับ

เรื่อง "ผีหลอก" นี้เป็นเรื่องที่ผมเก็บไว้อ่านเป็นลำดับสุดท้ายในเล่ม เพราะลายเส้นดูเผินๆไม่ได้ชวนให้อ่านเลย แต่พออ่านจบแล้วมันกลับเป็นเรื่องที่ผมชอบที่สุดในเล่ม ทั้งที่ตัวการ์ตูนก็ไม่ได้ขายความอบอุ่นประทับใจหรือออกดาร์คไซด์กันจะๆแบบที่การ์ตูน one-shot นิยมทำเพื่อดึงอารมณ์ขึ้นมาให้พีคในจำนวนหน้าไม่กี่สิบหน้านี้ แต่เหมือนที่ใครบางคนเคยชมคุณน้ำมนต์ไว้บนเว็บบอร์ดของ Let's ว่าเรื่องนี้เขียนอย่าง "หลักแหลม" แบบที่คนอ่านคาดไม่ถึง


เรื่องเริ่มต้นขึ้น เมื่อนายตัวเอก (ไม่มีชื่อ) รู้สึกตัวขึ้นในโรงพยาบาล และพบว่าคนอื่นๆในโรงพยาบาลแห่งนี้ มองไม่เห็นเขา แถมเขายังเดินทะลุตัวคนอื่นได้อีกต่างหาก!! ผีสาวประจำโรงพยาบาลได้ออกมาบอกพระเอกว่าเขาตายไปแล้ว จึงทำให้สามารถเดินทะลุทั้งคนและฝาผนังต่างๆได้ ตัวเอกได้สนุกกับค่ำคืนแบบผีๆกับผีสาวและได้ประสบการณ์ใหม่มากมาย แต่ก็รู้ว่าอีกไม่นานเขาก็ถึงเวลาต้องไปที่ชอบๆ และปล่อยให้ผีสาวอยู่คนเดียวต่อไป


เรื่องนี้คงเป็นการ์ตูนผีสาวขี้เหงาที่ขยันยิงมุกฮาสะบั้นเกือบทุกช่อง เพียงแต่สุดท้ายเรื่องก็หักมุมกลับมาเป็นดาร์คคอเมดี้เข้าธีมของซีรี่ยส์ My Negative Space ซึ่งเป็นผลงานที่ระบายความโรคจิต หลังจากเขียนแต่ Love on ที่สว่างเต็มทนมาเยอะ

ตอนที่ผีสาวชวนพระเอกเล่นวิ่งทะลุรถนั้น พระเอกทำตามอย่างไม่ได้สงสัยอะไร แต่แล้วเขาก็ต้องพบความจริงที่ว่า "เขายังไม่ตาย" พระเอกโดนรถชนจนนอนจมกองเลือด ที่แท้ผีสาวก็แกล้งหลอกว่าพระเอกตายแล้ว แถมพวกคนในโรงพยาบาลนั้นที่แท้เป็นผีพวกเดียวกับผีสาวที่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นพระเอกด้วย นั่นทำให้พระเอกที่ยังไม่ตายสามารถเดินทะลุตัวพวกนี้ได้ไงล่ะ ส่วนพวกกระจกต่างๆก็ถูกถอดออกไว้ล่วงหน้า ทำให้พระเอกเข้าใจว่าตัวเองเดินทะลุได้ แถมผีสาวยังหลอกว่าถ้ามีประตูไหนที่ทะลุไม่ได้ นั่นเป็นเพราะมันถูกเจิมไว้ แต่ยังคงเอามือเปิดลูกบิดได้ปกติ (ปิดช่องโหว่มุกอำสุดเลวร้ายได้หมดจด)


สุดท้ายพระเอกที่โดนหลอกว่าตายแล้ว ก็ตายจริงๆ ก่อนตายเขาพยาบาทผีพวกนี้ และขอจองเวรให้ถึงที่สุด ....นั่นทำให้เขากลายเป็นผีอยู่ที่โรงพยาบาลนี้กับผีสาวไปอีกนานเลย เฮๆ....

"นี่แหละ เขาถึงเรียกว่าผีหลอกไง แบร่~"


ว่าแต่เมื่อไหร่เรื่องนี้จะรวมเล่มซะทีฟะ?


อันดับ 2

เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะได้อ่านเรื่องนี้ เพราะ ๑ (หนึ่ง) เป็น 1 ใน 10 ผลงานการ์ตูนที่ชนะรางวัล PTT Comic Contest ที่ ปตท. ร่วมกับ A Day จัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนส่งผลงานการ์ตูนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพลังงานทดแทน และได้พิมพ์ 10 เรื่องที่ชนะรางวัลเป็นพ็อคเก็ตบุ๊คแจกพนักงานที่ส่วนใหญ่อ่านการ์ตูนสไตล์มังกะไม่เป็น (เสียของจริงๆ) ส่วนหนึ่งแจกพร้อมนิตยสาร A Day ฉบับเดือน ก.ย. 54 ด้วยนะ บางเรื่องก็อัดความรู้เข้ามาทื่อๆเหมือนสารคดีมีภาพการ์ตูนประกอบ ในขณะที่หลายๆเรื่องก็ดำเนินเรื่องได้สนุกโดยแฝงสาระเรื่องพลังงานไว้อย่างแนบเนียน ในเล่มนี้มีผลงานของนักเขียนที่หลายๆคนคุ้นกันอย่างคุณม่อนหรือคุณน้ำที่มีผลงานตีพิมพ์มากมายด้วย

อ่านไปได้กลางๆเล่มมีเรื่อง ศึก 5 ฮีโร่โม่น้ำมันปะทะหมูหมึกถล่มโลก แล้วชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะมันปัญญาอ่อนบัดซบ! Smiley กะว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดในเล่มแต่พออ่านจนถึงเรื่องสุดท้ายก็เปลี่ยนใจครับ เพราะเรื่อง "๑" ผลงานของทีมปีกกา (คุณบุลวัชร และคุณวรินท์ลดา นักศึกษาจุฬา) นี้ นอกจากจะสร้างโลกในยุคขาดแคลนพลังงานได้อย่างมีมิติแล้วยังสะท้อนปรัชญาในการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตได้อย่างน่าประทับใจ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นผลงานของมือสมัครเล่นที่แทบไม่มีใครเคยได้ยินชื่อในวงการการ์ตูนมาก่อน


เริ่มเรื่องเล่าถึงอดีตกาลที่มนุษย์ได้เดินทางมายังโลก ในทีแรกพวกเขายังอ่อนแอ เหล่าต้นไม้จึงให้ที่กำบัง อาหาร และอาวุธแก่มวลมนุษย์ จนกระทั่งวันที่เข้มแข็งขึ้น ต้นไม้ได้มอบ "ไฟ" ให้มนุษย์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ ปัจจุบันมนุษย์ใช้พลังงานกันมากจนโลกขาดแคลนพลังงาน ต้องเลี้ยงพืช GMO ไว้ในท้องเพื่อสร้างพลังงานให้มนุษย์ เด็กผู้หญิงตัวเอกเองก็มีต้นไม้ชราอยู่ต้นหนึ่ง เธอได้พูดคุยและได้ฟังเรื่องราวในอดีตที่ต้นไม้เรียนรู้มา


แบ็คกราวด์โลกของเรื่องนี้ใช้แบตเตอรี่แทนเงิน (มีหน่วยเงินว่าวัตต์) สามารถปั่นไฟไปฝากธนาคารได้ และเดินทางโดยอาศัยแรงโน้มถ่วง โลกที่ขาดแคลนพลังงานและทรัพยากรธรรมชาตินี้มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก พวกชาวบ้านได้แต่ก่นด่าบรรพบุรุษที่ไม่รู้จักใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ตอนนี้ยานอวกาศของชาติต่างๆได้พยายามหาดาวดวงใหม่อย่างเอาเป็นเอาตาย

และในที่สุดยานอวกาศของประเทศไทยก็สามารถค้นพบดาวที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์เหมือนยุคบรรพบุรุษ พวกมนุษย์พากันไปยังดาวแห่งนี้โดยประกาศว่าจะได้กลับมาใช้ชีวิตที่อิ่มหนำเหมือนบรรพบุรุษเสียที ผู้คนต่างยินดีที่จะได้ล่าสัตว์และเผาผลาญทรัพยากรแบบไม่ต้องรัดเข็มขัดตามคติที่สั่งสมกันมาว่าใครแข็งแกร่งคนนั้นก็อยู่รอด มันเป็นกฎของธรรมชาติที่ต้องจำใจยอมรับ พร้อมทั้งพากันกินยาเพื่อฆ่าต้นไม้ GMO ที่เลี้ยงไว้ในท้อง เพราะมันไม่จำเป็นอีกต่อไป


แต่เด็กน้อยไม่กินยาที่ว่า เธอตั้งใจจะใช้ชีวิตกับต้นไม้ของเธอต่อไป "ใครแข็งแกร่งกว่า คนนั้นรอดงั้นเหรอ? เพื่ออยู่รอด เลยเอาเปรียบเพื่อนร่วมโลก ทำลายดาวบ้านเกิด เลยต้องออกมาเร่ร่อนเดียวดายแบบนี้ แล้วมนุษย์จะเป็นผู้แข็งแกร่งไปเพื่ออะไรล่ะ"

มนุษย์กลับมาเฮฮาหน้ากอง "ไฟ" ที่พวกพืชหวาดกลัวกันอีกครั้ง แต่เด็กน้อยพูดกับต้นไม้อย่างมีความหวังว่า ครั้งนี้คงไม่แย่นักหรอก เพราะอย่างน้อยพวกเราก็เคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อนแล้ว...


PTT Comic Contest ปี 2 ได้จัดประกวดไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน หัวข้อเกี่ยวกับพลาสติกชีวภาพ ผมยังไม่ได้ไปหาอ่านเลยครับ หนนี้เขาไม่แจกพนักงานแล้ว


อันดับ 1 รูปถ่าย


อันดับหนึ่งในใจผมแบบไร้ข้อโต้แย้ง เพราะเรื่องนี้มีทั้งความหลักแหลมในการสร้างและคลายปม อีกทั้งยังมีความประทับใจอยู่เต็มเปี่ยมในเนื้อหา 43 หน้า

"รูปถ่าย" เป็นตอนหนึ่งของซีรี่ยส์ "สัมผัส" ผลงานสยองขวัญของคุณเกษม อภิชนตระกูล ผู้โด่งดังจากเรื่อง "ชมรมวารสาร ตำนานสถาบัน" ที่ลงใน Error Hour ของค่ายสยาม คุณเกษมเป็นนักเขียนมากฝีมือที่เพิ่งจะขึ้นมาโด่งดังน่าจับตาเมื่อไม่นานมานี้ แถมเขียนลงนิตยสารการ์ตูนไทยทั้ง Error Hour (รั่ว), Horror Hour (สยอง) และ Love Hour (รัก) ที่แตกต่างแนวกันไปเลย และยังเขียนได้ดีทั้งสามแนวซะด้วย หลังเขียนงานไปสักพักก็เริ่มใช้ชื่อ Bell แต่คนส่วนใหญ่จำชื่อเกษมไปซะแล้ว

"สัมผัส" ลงครั้งแรกใน Horror Hour ก่อนออกรวบเล่ม เป็นซีรี่ยส์สยองขวัญที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการสัมผัสถึงภูติผีด้วยสัมผัสทั้งห้าคือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ในแต่ละตอนจะมีตัวละครหญิง 1 คน เป็นตัวดำเนินเรื่อง มีทั้งหมดสี่ตอนคือ "เสียงเพรียก" "โชยกลิ่น" "รสชาด" และ "รูปถ่าย" ก่อนจะรวมเล่มและเพิ่มตอน "สัมผัส" เข้ามาให้ครบทั้งห้าสัมผัส (ทีแรกผมไม่คิดว่าจะมีตอนที่สัมผัสผีด้วยรสชาดนะเนี่ย... แต่ก็อุตส่าห์มี Smiley) ตัวเอกหญิงในแต่ละตอนจะมีชื่อเกี่ยวกับสัมผัสต่างๆ ได้แก่ เนตรนภา, รสสุคนธ์, เกสร, พิณ แต่ชื่อตัวเอกแต่ละตอนจะลำดับย้อนกลับกับสัมผัสที่ตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องนะครับ (เนตรนภาเป็นตัวเอกของตอนเสียงเพรียก ในขณะที่พิณเป็นตัวเอกของตอนรูปถ่าย)


พิณ เด็กผู้หญิงที่ชอบเอามือถือถ่ายรูปข้างทางเรื่อยเปื่อยได้ถ่ายไปติดวิญญาณเด็กหัวขาดเข้าโดยบังเอิญ เพื่อนที่เชี่ยวชาญด้านวิญญาณได้แนะนำว่าอย่าแสดงตัวให้วิญญาณรู้ว่าเราเห็น ให้ลบรูปทิ้งแล้วลืมเรื่องนี้ไปซะ แต่ที่ขัดใจเพื่อนก็คือพิณข้องใจว่าทำไมวิญญาณในรูปถึงชี้มาที่คอตัวเอง คิดว่าเขาคงกำลังตามหาหัวที่ขาดหลุดไปอยู่ เลยตอบวิญญาณไปว่า "ไว้หาเจอแล้วจะบอกนะ" (ซะงั้น!)


พื้นเพของพิณเป็นเด็กที่พ่อแม่ฝากมาอยู่บ้านญาติ ซึ่งไม่ได้สนใจกันเลย แม้จะเจอหน้าก็พยายามทำเหมือนมองไม่เห็น พิณเกลียดบรรยากาศแบบนี้มาก หลังรับปากว่าจะช่วยตามหาหัวแล้วก็ไปรวบรวมข่าวเด็กหัวขาด แต่ก็ได้มาแต่ข่าวลือ จนกระทั่งวันหนึ่งพิณได้เห็นเด็กหัวขาดด้วยตาเปล่า จึงวิ่งตามเข้าไปในป่า พอเอะใจที่เด็กหัวขาดชี้มาที่คอตัวเองก็นึกออกว่ามันอาจไม่ได้หมายถึงให้ช่วยตามหาหัว แต่มันเหมือนกับชี้ให้พิณรู้ตัวว่ามีอะไรอยู่ที่คอพิณเองนั่นแหละ พอหันเอามือถือมาถ่ายตัวเองก็พบว่ามีวิญญาณอีกตนมาเกาะอยู่ที่คอ!

แม้จะหวาดกลัวสุดๆและนึกถึงคำแนะนำที่ห้ามให้พวกผีรู้ว่าเธอสัมผัสพวกเขาได้ แต่อีกใจหนึ่งพิณก็เกลียดความเหงาที่ตนเองเข้าใจเป็นอย่างดีและต้องการช่วยเหลือดวงวิญญาณที่น่าสงสารตนนี้

อ่าน 9 หน้านี้แบบเต็มๆเลยดีกว่าครับ










สรุปว่าเด็กที่ถูกฝังอยู่นั้นพยายามเรียกคนมาช่วยเป็นเวลานาน ส่วนเด็กอีกคนที่ประสบอุบัติเหตุหัวขาดก็พยายามช่วยบอกให้พิณรู้ตัว เแม้แต่พวกผียังช่วยเหลือกัน พิณนึกขึ้นได้ก็โทรหาพวกน้าๆที่บ้าน และชวนไปกินข้าวกัน



นอกจากสามตอนนี้แล้วยังมีการ์ตูนไทยเรื่องสั้นอีกหลายเรื่องที่ประทับใจและน่าเขียนถึง อีกเรื่องนึงที่ชอบมากๆคือ 13 เกมสยองของคุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ แต่อันนั้นยกให้เป็นอันดับที่ 0 ไปเลยครับ (ที่จริงตอนจัดอันดับลืมไปน่ะ)

จากที่สมัยก่อนเมื่อนึกถึงการ์ตูนไทยสไตล์มังกะเรื่องยาวเราจะนึกถึงมีดที่ 13 กันส่วนใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้ได้มีการสนับสนุนคนไทยรุ่นใหม่ให้วาดการ์ตูนเป็นอาชีพมากขึ้น อย่าง cartoonthai studio ของสยามนั้นผลิตผลงานคุณภาพดีออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องสั้นเรื่องยาว และการนำภาพยนตร์ของ GTH มาเขียนเป็นการ์ตูนก็ช่วยให้คอหนังส่วนหนึ่งเริ่มหันมาสนใจสื่อรูปแบบหนังสือการ์ตูนมากขึ้นด้วย นอกจากนี้การ์ตูนสายนิเทศน์ก็กำลังมาแรงในร้านหนังสือชั้นนำ มีทั้งนิตยสารและรวมเล่มของนักเขียนดังๆออกมามากมาย แม้แต่บรรลือสาส์นที่พิมพ์การ์ตูนคู่สังคมไทยแนวขายหัวเราะมายาวนานก็เปิดตลาดการ์ตูนตลกโดยนักวาดรุ่นใหม่ ออก "อะไรๆก็ฮา" (แต่ผมอ่านยังไงก็ไม่ฮา) และรวมเล่มการ์ตูนแก๊กเจ้าประจำต่างๆหลายเล่ม

มาอุดหนุนการ์ตูนไทยกันเถอะครับ
Create Date :06 มีนาคม 2556 Last Update :7 สิงหาคม 2560 21:33:56 น. Counter : 9489 Pageviews. Comments :32