bloggang.com mainmenu search
อายาโกะ เป็นผลงานของ อ.เทะสึกะ โอซามุ บิดาแห่งการ์ตูนญี่ปุ่น ที่คนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นทุกคนรู้จัก อ.โอซามุ มีผลงานที่โดดเด่นอย่างเรื่องเจ้าหนูปรมาณู, ริบบ้อนเจ้าอัศวิน, เลโอ, ฯลฯ ซึ่งเป็นแนวแฟนตาซีคล้ายการ์ตูนของดิสนี่ย์ ก่อนจะกลับมาโด่งดังอีกครั้งกับผลงานที่มีแนวทางเป็นของตนเองมากขึ้นและดราม่ามากขึ้นอย่างแบล็คแจ็ค, สามตาปาฏิหารย์, บุดดา หรือฮิโนโทริตอนหลังๆ

แต่ช่วงเวลาราวปลายยุค 60s - ต้นยุค 70s ถือเป็นยุคมืดของ อ.เทะสึกะ ผลงานต่างๆที่เกิดในช่วงนั้นถูกพูดถึงน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ การ์ตูนในยุคมืดของเทะสึกะนี้ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาที่ซับซ้อนและรุนแรง อย่างอายาโกะ, อะลาบาสเตอร์, บทเพลงอะพอลโล, คำสรรเสริญแด่คิริฮิโตะ, ฯลฯ ประกอบกับการ์ตูนกีฬาเข้ามาได้รับความนิยมในช่วงนั้น ในประเทศไทยเองก็ยังไม่มีสำนักพิมพ์ไหนพิมพ์การ์ตูนในยุคนี้ออกมาเป็นภาษาไทยเลยแม้แต่เรื่องเดียว แต่ทุกเรื่องที่กล่าวมา ถูกสำนักพิมพ์ Vertical นำมาจัดพิมพ์ขึ้นใหม่เป็นฉบับภาษาอังกฤษเล่มเท่าเขียง สำหรับคอการ์ตูนคลาสสิค และผมก็ได้มีโอกาสสัมผัสความยอดเยี่ยมของการ์ตูนเหล่านี้เอาตอนนี้เอง

อ่านแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าการ์ตูนเหล่านี้ถูกเขียนออกมาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว!

สมัยนี้การเขียนการ์ตูนอาจนำไอเดียบางส่วนจากทีม บก. หรือผู้อ่านที่ให้ความเห็นผ่านจดหมายหรือสื่อออนไลน์ต่างๆ อีกทั้งข้อมูลประกอบก็ยังสามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก ผิดกับสมัยก่อนที่การ์ตูนเกือบทั้งหมดถูกสร้างสรรค์ออกมาโดยผู้เขียนโดยตรง และตลาดการ์ตูนยังไม่กว้างขวางมากนัก ทำให้การ์ตูนส่วนใหญ่มีเนื้อหาไม่สลับซับซ้อน และมักใช้สัญลักษณ์ทำให้ตัวการ์ตูนโดดเด่นมากกว่าการลงมิติของตัวละครอย่างจริงจัง แต่การ์ตูนของ อ.เทะสึกะ ในยุค 70s นี้ คงจะล้ำยุคเกินไป โดยเฉพาะเรื่อง "อายาโกะ" และ "คำสรรเสริญแด่คิริฮิโตะ" นั้น เทียบชั้นได้กับหนังสืบสวนชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว

ผมเคยอ่านเรื่องย่อคร่าวๆของการ์ตูน อ.เทะสึกะ มาหลายสิบเรื่อง (จากทั้งหมด... เจ็ดร้อยกว่าเรื่อง) รู้ว่าอายาโกะเป็นเรื่องของ "เด็กผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงอยู่ในห้องใต้ดิน" ฟังพล็อตก็รู้สึกหดหู่แปลกๆ แถม อ.เทะสึกะยังได้ผนวกเอาเหตุการณ์จริงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเข้ามาในพล็อตเรื่อง โดยตัวอาจารย์นั้นได้ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาแล้ว การ์ตูนเรื่องนี้จึงเหมือนกับสะท้อนเอาอดีตเมื่อยี่สิบปีก่อนกลับมา (สำหรับพวกเราคือ 60 ปีก่อน)

ทั้งเรื่องไม่มีฉากสงคราม ไม่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันโครมครามให้เห็นเลือดเห็นเนื้อของฝูงชนแบบการ์ตูนที่เน้นช่วงสงครามโดยตรงเรื่องอื่นๆ แต่จะสะท้อนความลำบากของผู้คนที่ได้รับผลกระทบหลังสงคราม ผนวกกับความเลวร้ายของผู้คนที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์บีบคั้นเหล่านั้น

สำหรับเล่มที่พิมพ์ขึ้นใหม่โดยสำนักพิมพ์ Vertical นี้ปกหน้าเป็นรูปสาวสวยยืนเปลือยกาย ปกหลังเป็นเงาผู้หญิงแขวนคอ บอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่การ์ตูนสำหรับเด็กแน่ๆ ส่วนรูปที่ห้อยอยู่ท้ายชื่อของสมาชิกทุกท่านที่เข้ามาเม้นท์ในบล็อกนี้จะเป็นเงาเด็กผู้หญิง ซึ่งก็คือเงาของอายาโกะที่หน้าเปิดของการ์ตูนเรื่องนี้ครับ



ถ้าหันไปมองด้านบนบล็อกนี้จะเห็นแถบตัวการ์ตูนที่ผมเปลี่ยนทุกปีตามบล็อกหลักที่ตั้งใจจะอัพของปีนั้นๆ สำหรับปีนี้คือบรรดาตัวละครของ อ.เทะสึกะ ที่เค สุวาเบะ นำมาวาดใหม่ครับ และแม่สาวผมดำยาวหน้าตามืดมนด้านขวานั่นแหละคืออายาโกะ ที่ผมใช้ธีมนี้เพราะตั้งใจว่าบล็อกหลักที่ผมจะเขียนในปีนี้คือ "อายาโกะ" บล็อกนี้ครับ

เรื่องอายาโกะจะเริ่มขึ้นในปี 1949 ตั้งแต่ช่วงที่อายาโกะยังเป็นเด็ก หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงไม่นาน และญี่ปุ่นถูกแทรงแซงทางการเมืองการปกครองโดยสหรัฐ โดยเฉพาะการปฏิรูปการถือครองที่ดิน ที่มีผลต่อตระกูลใหญ่เจ้าของที่ดินต่างๆในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก อายาโกะเป็นลูกสาวของตระกูลเท็นเงอันยิ่งใหญ่ แต่ถูกจับขังไว้ในห้องใต้ดินกว่ายี่สิบปีเพื่อปกปิดความผิดของครอบครัว จากนั้นเรื่องนี้จะเล่าไปถึงปีปัจจุบันที่อาจารย์เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาคือต้นยุค 70s ที่อายาโกะเติบโตเป็นสาวแล้ว ช่วงเวลากว่ายี่สิบปีที่หายไปนั้นบ้านเมืองญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไปมาก สาวน้อยอายาโกะที่เติบโตมาโดยไม่รู้ความเป็นไปของโลกภายนอก อีกทั้งผู้คนใจดีที่เคยช่วยเหลือก็ล้วนจากไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่ญาติๆที่ต่างคนล้วนมีเรื่องราวที่ไม่น่าเอามาอวดใครนัก เธอจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างไรเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังในบล็อกสามตอนจบนี้ครับ

*ทุกภาพ แสกนจาก Ayako ฉบับภาษาอังกฤษของ Vertical และนำมาใส่คำแปลเป็นภาษาไทยครับ (อ่านจากซ้ายไปขวาแบบไทยปกติ)

อยากให้ดูงานภาพเรื่องนี้ จะเห็นว่ารายละเอียดมากกว่าเรื่องอื่นๆที่อาจารย์เขียนพอสมควรเลยครับ แถมสีหน้าตัวละครจะจริงจัง และไม่มี comic relief อย่างพวกเฮียวตั้น ก๊อง หรือสาวอ้วนบ้าพลังออกมาทำฮาด้วย

ญี่ปุ่นหลังสงครามโลก

วันที่ 13 ม.ค. 1949 เหล่าทหารญี่ปุ่นที่ถูกปล่อยตัวจากค่ายกักกันเชลยได้ลงเรือมายังท่าโยโกฮาม่ากลับมาหาครอบครัวของพวกเขา หนึ่งในนั้นคือจิโร่ ลูกชายคนรองของซาคุเอม่อน หัวหน้าตระกูลเท็นเงอันโด่งดัง เขาคุยเรื่องความเป็นไปในครอบครัวกับนาโอโกะน้องสาว และคุณแม่ที่มารับ และได้รู้ว่ามีสมาชิกครอบครัวคนใหม่เกิดขึ้น แต่เธอเป็นลูกสาวของซาคุเอม่อนกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่แม่ของจิโร่ แล้วพวกเขาก็พากันกลับมาบ้านที่เขาโยโดยามะ





แค่ตอนแรกก็ได้เค้าลางแห่งความเน่าหนอนของตระกูลเท็นเงแล้วใช่ไหมครับ ก่อนจะอ่านต่อ ขอแนะนำตัวละครในตระกูลเท็นเงป้องกันงงสักนิด


อิจิโร่ได้พาจิโร่ไปสักการะศาลเจ้าอินาริบนที่ดินของพวกเขา แล้วก็ตัดพ้อเรื่องนโยบายปฏิรูปการถือครองที่ดินของรัฐบาลให้ฟัง ตรงนี้อิงจากประวัติศาตร์จริงครับ





การปฏิรูปการถือครองที่ดินของญี่ปุ่น
ในปี 1946 นายพลดักลาส แม็คอาเธอร์ ได้ออกกฎปฏิรูปเกษตรกรรมของญี่ปุ่นผู้แพ้สงคราม ให้เจ้าของที่ดินที่มีพื้นที่มากกว่า 12.5 เอเคอร์ ต้องแบ่งพื้นที่เพาะปลูกให้คนอื่น และสามารถเปิดพื้นที่ให้ผู้อื่นเช่าได้เพียง 2.5 เอเคอร์ จากกฎนี้ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกแบ่งสรรให้เกษตรกร และมีกำลังผลิตอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการ แต่ก็ทำให้ตระกูลใหญ่เจ้าของพื้นที่จำนวนมากไม่พอใจ การเข้าแทรกแซงของสหรัฐหลังญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกนี้เป็นไปเพื่อลดกำลังทหาร กระจายอำนาจไม่ให้รวมอยู่ที่ส่วนกลาง และทำให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นประชาธิปไตย
อีกไม่นานซาคุเอม่อนจะเสียชีวิตตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวและมรดกจะตกเป็นของอิจิโร่ ลูกชายคนโต และพ่อก็ไม่ค่อยพอใจที่จิโร่ไปอยู่ในค่ายกักกันเชลย แทนที่จะได้สละชีพเพื่อองค์จักรพรรดิ เขาจึงไม่ยกสมบัติให้จิโร่ แต่เมื่อจิโร่ถามเรื่องอายาโกะ อิจิโร่จะไม่พอใจ ความจริงแล้วอิจิโร่ได้เสนอซูเอะ ภรรยาของตัวเอง ให้พ่อของเขาสำเร็จความใคร่ เพื่อแลกกับทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูล และทั้งสองคนก็มีเพศสัมพันธ์กันมาเรื่อยโดยคนในตระกูลต่างก็รู้เรื่องนี้

จิโร่แปลกใจที่ทุกคนต่างไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องนี้ อีกทั้งอิจิโร่ยังเกลียดขี้หน้าและชอบทำร้ายอายาโกะอย่างไม่มีเหตุผลบ่อยๆ จิโร่รู้สึกว่าเขาไม่ควรกลับมาที่นี่เลย ตระกูลเท็นเงที่มีความเป็นมากว่า 500 ปี อาจถึงคราวต้องสิ้นสุดลงแล้วก็ได้ แต่เสียงก้องจากจิตสำนึกของเขาก็บอกว่าตัวเขาเองไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นๆในครอบครัวเลย เพราะเขาทำงานสปายเพื่อเอาชีวิตรอดในค่ายกักกัน และต้องทรยศผู้คนไปมากมาย


จิโร่พยายามปิดบังไม่ให้ทุกคนในครอบครัวรู้ว่าเขาทำงานสปาย ตอนที่ชิโร่ชวนให้เขาเล่นเป็นเกมพิพากษาและให้เขาแพ้คดีถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตนั้น จิโร่เผลอโมโหใส่น้องชายที่ดันให้บทเขาเป็นสปายที่ถูกจับได้

ทางด้านซูเอะ หลังถูกจิโร่พบว่าเธอมีเพศสัมพันธ์กับซาคุเอม่อน ก็ตัดสินใจแขวนคอกับต้นไม้หลังศาลเจ้า แต่นาโอโกะก็ไปพบเข้าและช่วยไว้ได้ทัน นาโอโกะมีทัศนคติที่แตกต่างกับซูเอะซึ่งเป็นแม่ศรีเรือนตามแนวญี่ปุ่นยุคศักดินาที่ต้องคอยรับใช้สามี สำหรับนาโอโกะนั้นเธอกล้าเผชิญหน้าต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และยุคที่ผู้หญิงต้องเป็นช้างเท้าหลังมาตลอดนั้นจบลงไปแล้ว

บนรางรถไฟ

จิโร่ได้รับคำสั่งจากกองทัพสหรัฐให้ทำงานอีกภารกิจหนึ่ง หนนี้เขาต้องขับรถที่มีศพอยู่ท้ายรถไปทิ้งให้รถไฟทับ ซึ่งเป้าหมายของเขาคือชายผู้เป็นแกนนำแนวร่วมพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progress Party มีแนวร่วมเป็นผู้สนับสนุนคอมมิวนิสต์หรือ The Reds ...จะเรียกว่าพวกเสื้อแดงหรือฝ่ายซ้ายก็ได้) ฝั่งตรงข้ามของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ควบคุมญี่ปุ่นอยู่ คนกลุ่มนี้ถูกกองทัพสหรัฐตามกำจัดจึงต้องสุมหัวกันอย่างหลบๆซ่อนๆ หลังสะกดรอยตามชายคนนี้มาจิโร่ก็พบว่านาโอโกะน้องสาวของเขาเองก็เป็นแนวร่วมของพรรคนี้อยู่ด้วย แถมยังเป็นแฟนกับชายที่พวกเขาต้องสังหารอีก!

หลังแยกย้ายกับคนรักแล้วนาโอโกะได้มาพบกับจิโร่ที่ชานชลาแห่งหนึ่ง จิโร่ขอให้เธอเลิกกับชายคนนี้เพราะไม่อยากให้น้องสาวต้องเสียใจ แต่นาโอโกะก็ปฏิเสธแล้วขึ้นรถหนีกลับบ้านไป เมื่อรู้ว่าอีก 1 วัน ร่างของชายที่นาโอโกะรักต้องถูกทิ้งลงมาบนรางรถไฟแห่งนี้แล้วจิโร่ก็ได้แต่ขอให้น้องสาวยกโทษให้สิ่งที่เขาจะต้องทำด้วย

16 มิ.ย. 1949 ประชาชนได้ออกมาเดินขบวนประท้วงนโยบายการปลดคนงานการรถไฟญี่ปุ่น 9.5 หมื่นคนภายในสามสัปดาห์ ซึ่งนโยบายนี้มีกองทัพสหรัฐเป็นคนผลักดัน แต่หนังหน้าไฟก็คือนายชิโมคาว่าที่ถูกแต่งตั้งเป็นประธานการรถไฟในตอนนั้น นายชิโมคาว่าคนนี้แปลงบทบาทมาจากนายชิโมยาม่า ซึ่งมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ครับ






การรถไฟ
ในปี 1949 การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่นได้มีการแปรรูปเป็นบริษัทเอกชน และแต่งตั้งนายซาดาโนริ ชิโมยาม่า อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในวันที่ 1 มิ.ย. 1949 หลังได้รับแต่งตั้ง 1 เดือน ชิโมยาม่าได้ปลดคนงานออก 3 หมื่น จาก 9.5 หมื่นคน วันที่ 6 ก.ค. 1949 มีคนพบร่างของชิโมยาม่าบนทางรถไฟเชื่อมโตเกียว-มิยางิ และในฤดูร้อนปีเดียวกัน มีคนถอดรางออกสองครั้งติดกัน เพื่อต่อต้านนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่น
และแล้วก็มาถึงวันที่ 17 มิ.ย. 1949 วันที่จิโร่ต้องปฏิบัติภารกิจทิ้งศพ วันนี้ซาคุเอม่อนชวนจิโร่เล่นหมากล้อมแล้วขอให้เขาลืมสิ่งที่เห็น (ว่ามีเซ็กส์กับแฟนลูก) โดยเขาจะยกที่ดินบางส่วนให้จิโร่ด้วย และแนะนำยูระ ลูกสาวเจ้าของที่ดินข้างเคียงให้เป็นภรรยาของจิโร่ แต่จิโร่ปฏิเสธ แถมพูดจาดูถูกว่า "พ่อเล็งจะเอาหญิงคนนี้อีกคนใช่ไหมล่ะ?" ทำให้ซาคุเอม่อนโกรธมากและเลิกคิดแบ่งสมบัติให้เขาทันที

จิโร่มาพบพรรคพวกตามนัดหมาย เขาขับรถนำศพของเป้าหมายไปทิ้งให้รถไฟทับเรียบร้อย ซึ่งก็นับเป็นโชคดีที่คืนนี้พายุเข้า ทำให้ปฏิบัติการเป็นไปอย่างง่ายดาย โดยรถไฟที่แล่นผ่านมาไม่ได้สังเกตว่าทับศพไป ทางด้านนาโอโกะที่ออกมารอคนรักก็รอแล้วรอเล่าโดยไม่รู้ว่าเขาถูกฆ่าตายไปแล้ว










หลังจากนี้จิโร่ที่เหมือนจะดูดีกว่าคนอื่นในบ้านจะเผยความเลวร้ายออกมาเรื่อยๆ และการมาเห็นรอยเลือดที่เสื้อของจิโร่นี้เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นโศกนาฏกรรมของทั้งโอเรียว และอายาโกะ...

ฆาตกรรม

จิโร่นำเสื้อเปื้อนเลือดใส่ถุงฝังดินไว้ รุ่งเช้าของวันต่อมามีคนมาพบร่างที่แหลกเป็นชิ้นบนรางรถไฟ จากการตรวจสอบพบว่าชายคนนี้ชื่อทาดาชิ เอโนะ ซึ่งเมื่อนาโอโกะรู้ข่าวก็เสียใจเป็นอย่างมาก ข่าวลือกันไปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่นาโอโกะเชื่อว่าเอโนะไม่ใช่คนที่จะจากไปทั้งที่ไม่ได้บอกอะไร และเธอจะต้องหาตัวคนร้ายเพื่อล้างแค้นให้คนรักให้ได้

นอกจากจะต้องรู้สึกผิดกับนาโอโกะแล้ว จิโร่ยังกลัวสาวสติไม่ดีอย่างโอเรียวจะเผลอพูดเรื่องเสื้อเปื้อนเลือดขึ้นมา จึงขู่ไม่ให้เธอและอายาโกะพูดเรื่องเลือดนั่นอีก ไม่งั้นเขาจะฆ่าเธอทิ้งซะ ถึงจะสติไม่ดีแต่โอเรียวยังอยากมีชีวิตอยู่ จึงให้สัญญากับจิโร่ว่าเธอจะปิดปากสนิท ไม่พูดเรื่องเสื้อเปื้อนเลือดอีก






กลับมาทางด้านชิโมคาว่าที่ต้องรับสถานการณ์คนงานการรถไฟสไตรค์ทั่วประเทศ เพื่อประท้วงที่เขาปลดคนงานจำนวนมาก และวันที่ 5 ก.ค. 1949 (ตรงกับวันในประวัติศาสตร์ที่เกิดคดีชิโมยามะ) ชิโมคาว่าก็หายสาบสูญไป จนกระทั่งมีคนพบศพเขาถูกรถไฟทับบนรางโจบันบริเวณอายาเสะ แถมคืนนั้นฝนก็ตกล้างหลักฐานต่างๆไปหมด คดีนี้คล้ายคลึงกับคดีของเอโนะเมื่อเดือนที่แล้วมาก ทำให้นักสืบเกตะให้ความสนใจเป็นพิเศษ และเขาเชื่อว่าคดีเอโนะเป็นการทดลองอำพรางคดีเพื่อใช้จริงในคดีชิโมคาว่านี่แหละ


ครอบครัวของอายาโกะมาเที่ยวงานเทศกาล มีตำรวจมาหาซาคุเอม่อนเพื่อขอสอบสวนเนื่องจากนาโอโกะเป็นหนึ่งในแนวร่วมพรรคประชาธิปไตยและเกี่ยวข้องกับเอโนะผู้เสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว หลังรู้ว่าลูกสาวของเขาเป็นพวกฝ่ายซ้ายก็ทำให้ซาคุเอม่อนโกรธมาก ที่ร้ายกว่านั้นคือคนขายปลาไหลย่างเผลอสับปลาไหลจนเลือดกระเด็นมาเปื้อนเสื้อของอายาโกะ ทำให้อายาโกะเผลอหลุดปากเรื่องเลือดบนเสื้อของจิโร่ออกมาให้พ่อและตำรวจฟัง


ซาคุเอม่อนรู้สึกเสียเกียรติเป็นอย่างมากที่ลูกชายและลูกสาวของเขาทำเรื่องเลวร้ายลงไป วันต่อมาเขาเรียกนาโอโกะมาไต่สวนในครอบครัวตามธรรมเนียมของตระกูล เขาไม่ยกโทษให้นาโอโกะที่เข้าร่วมเป็นฝ่ายซ้ายที่เขาแสนเกลียด จึงสั่งให้ไปให้ปากคำกับตำรวจแล้วไล่ออกจากครอบครัวไปโดยไม่ฟังคำอธิบายของลูกสาวแม้แต่น้อย

หลังจบคดีนาโอโกะไปแล้วก็เข้าสู่คดีหลัก เรื่องของจิโร่ จิโร่ถูกเรียกตัวมาไต่สวนพร้อมกับโอเรียว...


ซาคุเอม่อนพยายามเค้นเอาความจริงจากโอเรียวว่าเธอเห็นจิโร่สักเสื้อเปื้อนเลือดจริงหรือไม่ แต่โอเรียวไม่กล้าตอบเพราะถูกจิโร่ขู่ไว้ จิโร่เห็นดังนั้นก็นึกเรื่องโกหกที่แสนชั่วช้าได้ เขาหัวเราะออกมาแล้วบอกกับพ่อว่า "ถึงจะถามยังไงโอเรียวก็ไม่ตอบหรอกน่า" เขาขอให้พ่อสั่งให้คนอื่นออกไปให้หมด เพราะเรื่องที่เขาจะเล่านี้อาจทำให้ตระกูลต้องเสื่อมเสียมาก ซาคุเอม่อนจึงสั่งให้พวกคนใช้ออกไปให้หมด ให้เหลือเพียงเขา อิจิโร่ จิโร่ และโอเรียวเท่านั้น

แล้วจิโร่ก็เล่าเรื่องที่เขากุขึ้นมาให้พ่อฟังว่าคืนนั้นโอเรียวเข้ามายั่วสวาทเขา และจิโร่ก็ยินยอมมีเซ็กซ์กับโอเรียวแต่โดยดีเพราะร่างกายเธอยั่วยวนมาก โอเรียวยังบริสุทธิ์อยู่ คืนนั้นเป็นครั้งแรกทำให้มีเลือดออก และเลือดนั้นก็มาเปื้อนเสื้อเขา จิโร่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องน่ารังเกียจนี้จึงเอาเสื้อไปซัก และได้ขู่ไม่ให้โอเรียวบอกเรื่องนี้กับใคร ทำให้โอเรียวกลัวเขามาก

ซาคุเอม่อนและอิจิโร่สลดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น (แม้ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องที่จิโร่กุขึ้นมาเองก็ตาม) แถมคนสติไม่ดีอย่างโอเรียวก็ไม่มีปัญญาจะแก้ต่างอะไร ทำให้คดีจบลงด้วยชัยชนะของจิโร่ แต่ชิโร่ที่รออยู่ด้านนอกขู่เขาว่าถ้าตำรวจเอาเสื้อนั่นไปตรวจแล้วหมู่เลือดไม่ตรงกับโอเรียว จิโร่จะซวยเอาได้ง่ายๆ

พอได้ยินแบบนั้นจิโร่ก็วิตกจนต้องขุดเสื้อที่ฝังไว้เอาขึ้นมาเผา แต่ชิโร่ที่แอบตามมาก็บอกว่าชาวบ้านอาจเห็นควันไฟผิดสังเกตแล้วแห่กันมาดู ชิโร่อาสาขอจัดการกับเสื้อเปื้อนเลือดแทน ซึ่งจิโร่ก็ยอมแต่โดยดี แต่ในใจก็ระแวงเจ้าน้องชายหัวดีคนนี้ไม่น้อย...

จิโร่ได้พบกับหญิงสาวตัวแทนจากรัฐบาลสหรัฐคนหนึ่ง จิโร่รู้ว่าการที่เขาทำงานพลาดจนเหลือหลักฐานให้คนอื่นเห็นทำให้สหรัฐส่งคนมาเก็บเขา แต่จิโร่ไหวตัวทันและเอาปืนขู่ให้เธอขับรถเข้าไปในเมือง จากนั้นก็ร่วมเสพสังวาสจนฝ่ายหญิงติดใจลีลาและเลิกคิดที่จะรายงานเจ้านาย (จิโร่มันร้ายกาจมาก! Smiley) เธอยินดีหนีไปเมืองอื่นและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับจิโร่ แต่ขอให้จิโร่จัดการสองพยานที่อาจขัดขวางอนาคตของพวกเขาซะก่อน แม้ทั้งสองจะเป็นแค่หญิงไม่เต็มบาทกับเด็กอายุสี่ขวบก็ตาม

เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ จิโร่ต้องยอมสวมบทฆาตกรอีกครั้ง...











หลังเสียโอเรียว พี่เลี้ยงที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาไปแล้ว การใช้ชีวิตในความมืดที่ยาวนานกว่า 20 ปีของอายาโกะก็เริ่มต้นขึ้น...

ขอลาพักบล็อกเพื่อเที่ยวอินเดีย 6 วันครับ อีกสองสัปดาห์มาต่อตอนหน้าครับ Smiley


อัพเดท

อ่านตอนต่อไปได้ตามลิงค์นี้เลยครับ

[Tezuka Osamu's Ayako] 2/3 - ในห้องใต้ดิน
[Tezuka Osamu's Ayako] 3/3 - โลกอันมืดมิดนี่แหละคือที่ของฉัน


Create Date :04 ธันวาคม 2555 Last Update :7 สิงหาคม 2560 21:54:45 น. Counter : 16374 Pageviews. Comments :46