bloggang.com mainmenu search
ต่อจากตอนที่แล้วครับ


ก่อนอ่านต่อเพื่อกันลืม ขอสรุปความสัมพันธ์ในตระกูลและสมาชิกตระกูลหลักทั้ง 8 คน ดังภาพครับ



เนื้อหาในบล็อกที่สองนี้จะเป็นการใช้ชีวิตในห้องใต้ดินที่ยาวนานกว่าสิบปีของอายาโกะ เรียกได้ว่าเป็นแก่นของเรื่องนี้เลยก็ได้ ใครจะช่วยเหลือเด็กผู้หญิงน่าสงสารคนนี้ได้เรามาชมกันเลยดีกว่า...

ในห้องใต้ดิน

หลังจบงานศพของโอเรียวไปแล้ว ซาคุเอม่อนได้เรียกประชุมตระกูล ซึ่งทุกคนก็มากันพร้อมหน้า (ยกเว้นนาโอโกะที่ถูกอัปเปหิจากตระกูลไปแล้ว) เพื่อขอความเห็นว่าจะทำอย่างไรกับอายาโกะที่รู้ความลับซึ่งอาจทำให้ชื่อเสียงตระกูลด่างพร้อยได้

อิจิโร่เสนอให้ทำเสมือนว่าอายาโกะตายไปแล้ว และออกใบมรณะบัตรปลอมเพื่อตบตาตำรวจซะ หลังทำการโหวตลงมติ ทุกคนในตระกูลรวมทั้งจิโร่เองต่างก็เห็นด้วยกับอิจิโร่ เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตระกูลที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของพวกเขา มีเพียงซูเอะที่ทำใจโหวตไม่ลง และชิโร่ที่เป็นผู้เดียวที่โหวตไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ และเขาก็นำใบออกความเห็นของนาโอโกะมาด้วย ซึ่งเธอเองก็โหวต "ไม่เห็นด้วย" เช่นเดียวกับชิโร่

ตอนนี้ความหวังของเรื่องนี้ตกมาอยู่กับชิโร่ เด็กน้อยผู้เฉลียวฉลาดพี่ชายคนเดียวที่จะช่วยเหลืออายาโกะได้แล้วครับ


ชิโร่นำหลักฐานเสื้อเปื้อนเลือดของจิโร่ที่เขาเก็บมาแสดงให้ทุกคนดู และเขายังรู้ข่าวเรื่องคดีศพบนรางรถไฟเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ด้วย แต่ก็ถูกอิจิโร่ชิงเสื้อหลักฐานไปเสียก่อน อิจิโร่ขอให้จิโร่ออกจากเมืองนี้ไป แล้วเขาและพ่อจะคอยปกปิดหลักฐานทั้งหมดเอง อิจิโร่สั่งให้คนโบกปูนกลบช่องอากาศจากห้องใต้ดิน ไม่ให้เสียงของอายาโกะเล็ดลอดออกมาได้ และให้แม่ช่วยจัดงานศพปลอมของอายาโกะโดยหลอกคนอื่นๆว่าเธอเสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบแล้ว แถมหมอยามาซากิซึ่งเป็นญาติห่างๆกับตระกูลเท็นเงก็ยืนยันกับตำรวจว่าอายาโกะเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ ทำให้ตำรวจยอมกลับไป แต่ก็ยังไม่เชื่อปากคำของพวกเท็นเงนัก

นอกจากนั้นอิจิโร่ยังเผาเสื้อเปื้อนเลือดหลักฐานทิ้ง แล้วเอาเลือดไก่ทาลงบนผ้าที่คล้ายๆกัน สร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา ชิโร่ได้แอบเข้าห้องอิจิโร่มาเอาเศษเสื้อ(ปลอม)ไปแจ้งความกับตำรวจ แต่พอตรวจสอบพบว่าเป็นแค่เลือดไก่ ก็ทำให้สิ่งที่ชิโร่คิดไว้แทบจะหมดความน่าเชื่อถือไปในทันที

แต่สวรรค์ก็ยังไม่ได้ทอดทิ้งพวกอายาโกะเสียทีเดียว เมื่อชายหน้าเสียโฉมคนหนึ่งเข้ามาให้ปากคำกับตำรวจว่าเขาเคยมีหน้าตาคล้ายเอโนะ เหยื่อขององค์กร ในวันเกิดเหตุ เขาถูกขอให้ปลอมตัวเป็นเอโนะไปปรากฏตัวในที่ต่างๆเพื่อบิดเบือนรูปคดี แต่หลังสังหารเอโนะตัวจริงไปแล้วทางองค์กรกลับต้องการปิดปากเขาจึงทำให้หน้าเสียโฉมและเตรียมกำจัด แต่เขาหนีออกมาได้ แม้ไม่รู้ตัวจริงขององค์กรผู้จ้างวาน แต่เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าชายที่วางศพบนรางรถไฟชื่อ "จิโร่ เทนเง"

ซูเอะได้เปิดห้องใต้ดินลงมาหาอายาโกะ แต่น่าเศร้าที่เธอไม่มีโอกาสได้บอกให้อายาโกะรู้ว่าเป็นแม่ แม้แต่ตัวอายาโกะยังเข้าใจว่าเธอเป็นพี่สาวคนหนึ่งเท่านั้น






และแล้วก็เสร็จไอ้จิ้งจอกเฒ่าอีกเช่นเคย Smiley

ต่อมามีคนงานเข้ามาปรับปรุงห้องใต้ดินให้มีทั้งห้องน้ำ ห้องส้วม และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้อายาโกะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก นั่นทำให้อายาโกะรู้ว่าจะต้องอยู่ในคุกใต้ดินแห่งนี้ไปอีกนานแสนนาน




อิจิโร่เริ่มเข้ามามีบทบาทในตระกูลแทนพ่อ เขาไล่คนงานที่อยู่กับตระกูลมานานอย่างไทอิจิและโกสุเกะออก ทั้งที่ไม่ได้ขอความเห็นชอบจากพ่อ และซาคุเอม่อนก็ไม่พอใจที่ตระกูลไม่ได้เป็นแบบที่เขาหวังอีกต่อไปแล้ว

ซาคุเอม่อนมองลงมายังที่ดินอันกว้างใหญ่ของตระกูลแล้วตัดพ้อกับตัวเอง
"อิจิโร่ จิโร่ นาโอโกะ ชิโร่... ฉัน ซาคุเอม่อน เท็นเง ยังมีชีวิตเหลืออีกหลายปี จะอีก 10 หรือ 20 ปี ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ยกทรัพย์สินของฉันให้ใครเด็ดขาด และเมื่อเวลามาถึงฉันจะมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้ลูกรักเพียงหนึ่งเดียวของฉัน อายาโกะ... อดทนอีกนิดเถอะนะ พ่อจะพาตัวลูกออกมาให้ได้"


วันที่ 15 ก.ค. 1949 หรือ 10 วันหลังคดีชิโมคาว่า มีรถไฟที่ไม่มีผู้โดยสารวิ่งตกราง มีผู้เสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บ 14 คน เชื่อกันว่าเป็นฝีมือพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น ทำให้คนของพรรคนี้ที่สังกัดการรถไฟทั้งหมดถูกจับกุมตัว และวันที่ 16 ส.ค. ก็เกิดเหตุการณ์รถไฟตกรางอีก ทำให้พนักงานรถไฟเสียชีวิต 3 คน รัฐบาลจึงใช้สถานการณ์นี้เป็นข้ออ้างในการปราบปรามพวกฝ่ายซ้าย

แต่ข่าวสารจากโลกภายนอกทั้งหมดไม่เคยมาถึงอายาโกะเลย เธอได้เพียงมองท้องฟ้าผ่านกระจกบนเพดานเท่านั้น

คนเดียวที่อายาโกะได้คุยด้วยคือซูเอะที่นำอาหารลงมาให้อายาโกะกินเป็นประจำ วันเวลาล่วงไปถึงปลายเดือนธันวาคม ซึ่งซูเอะเคยบอกอายาโกะไว้ว่าในวันปีใหม่ คุณพ่อจะพาอายาโกะออกมาข้างนอก 1 วัน เพื่อไม่ให้พวกพี่ๆจับได้ แต่เคราะห์ร้ายที่ซาคุเอม่อนล้มป่วยลงเสียก่อน เขาเป็นอัมพาตไม่สามารถส่งเสียงหรือขยับตัวได้แล้ว ซูเอะพยายามกระซิบบอกว่าเขาเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยให้อายาโกะได้ออกมาสู่โลกภายนอก แต่ซาคุเอม่อนก็ไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ ส่วนอิจิโร่นั้นสนใจเรื่องมรดกของพ่อมากกว่า


พินัยกรรมของซาคุเอม่อน

ทางด้านจิโร่และหญิงสายลับที่หนีมาด้วยกัน (เพิ่งรู้ชื่อว่ามาจิโกะ) ได้หนีมาถึงโอซาก้า จิโร่ยังต้องหลบๆซ่อนๆ ในขณะที่มาจิโกะไปเป็นเมียเก็บทหารสหรัฐเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้องของทั้งสองคน วันเวลาผ่านไปจนถึง วันที่ 24 มิ.ย. 1950 ชาวเกาหลีชื่อคินโจได้เสนอพาจิโร่หลบหนีออกนอกประเทศ โดยจะแถมเงินให้อีก 5 แสนเยน แลกกับการให้ภรรยาของจิโร่ไปลอบวางระเบิดฆ่าเดฟทหารอเมริกันที่เธอคบอยู่ ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งเดฟก็บอกรักและตั้งใจจะมอบสัญชาติอเมริกันให้มาจิโกะทำให้เธอรู้สึกชอบชายคนนี้ขึ้นมา

เมื่อกลับถึงบ้าน มาจิโกะปฏิเสธไม่ยอมหลอกเอาเงินจากเดฟอีกต่อไป ทำให้จิโร่ตัดสินใจยุติชีวิตคู่แบบหลอกๆกับผู้หญิงคนนี้ และเอาระเบิดที่คินโจให้มาบอมบ์ฆ่ามาจิโกะทิ้งซะ ก่อนส่งเงิน 5 แสนเยนที่ได้มาให้อายาโกะ หากอายาโกะไม่สามารถมารับเงินได้ให้ส่งเงินให้อิบะ เท็นเง แม่ของเขาแทน เรียกว่าจิโร่ยังรักษาภาพลักษณ์คนเลวที่แสนดีไว้ได้อย่างมั่นคง


หากสงสัยว่าชาวเกาหลีอย่างคินโจจะฆ่าทหารสหรัฐไปทำไม ตรงนี้อิงประวัติศาสตร์ครับ ปี 1950 เป็นปีที่เกิดสงครามเกาหลีขึ้น โดยกองทัพเกาหลีเหนือได้บุกเกาหลีใต้ จึงถูกโต้ตอบโดยกองกำลังของสหประชาชาติ นำโดยสหรัฐอเมริกาและอีก 17 ประเทศ

วันหนึ่งนาโอโกะได้แอบกลับมาบ้าน ซูเอะพาเธอลงมาพบกับอายาโกะที่ถูกขังอยู่ใต้ดิน



แต่สถานการณ์ของตัวนาโอโกะเองก็ไม่สู้ดีนัก เธอทำได้เพียงให้กำลังใจอายาโกะและฝากความคิดถึงชิโร่ด้วย

พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progress Party หรือ DPP) เป็นพรรคที่เอียงซ้าย ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันในสังคม สำหรับกลุ่ม the reds ซึ่งนาโอโกะสังกัดอยู่นั้นหมายถึงผู้สนับสนุนคอมมิวนิสต์ (อาจงงนิดๆนะครับที่พรรคที่มีคำว่าประชาธิปไตยในชื่อดันสนับสนุนคอมมิวนิสต์) ซึ่งตระกูลเท็นเงเกลียดมาก เพราะเป็นพวกที่ทำให้ตระกูลต้องสูญเสียที่ดิน ตามกฎหมายปฏิรูปการถือครองที่ดิน และคนกลุ่มนี้ยังถูกรัฐบาลตอนนั้นตามกำจัดอยู่ด้วย
จากนี้ไปผมขอเรียก the reds ว่าฝ่ายซ้าย แทนที่จะเรียกว่าเสื้อแดงแบบบล็อกที่แล้วนะครับ ไม่งั้นอาจสับสนกับเสื้อแดงบ้านเรา

วันเวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆ อายาโกะได้แอบขุดผนังออกวันละน้อยๆเพื่อออกไปจากที่นี่ แล้ววันหนึ่งคนอื่นนอกจากซูเอะก็ลงมาพบเธอ นั่นคือพี่ชิโร่ที่อายาโกะไม่ได้พบมานาน เธอดีใจมากที่ได้พบพี่ชายที่พึ่งพาได้คนนี้อีกครั้ง ที่เขาลงมาแทนเพราะวันนี้ซูเอะล้มป่วย และชิโร่ก็ได้บอกความจริงที่อายาโกะไม่เคยรู้มาก่อนว่า "ซูเอะคือแม่แท้ๆของเธอ" ซึ่งเหตุผลที่ซูเอะต้องปิดบังนั้นอายาโกะยังไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ที่แน่ๆคือครอบครัวเท็นเงกำลังเน่าเฟะ และบาปทั้งหมดได้มาตกอยู่กับอายาโกะ ชิโร่ขอให้อายาโกะปิดเรื่องนี้ไว้ และเรียกซูเอะว่าพี่สาวต่อไป ชิโร่ยังบอกอีกว่ามีเงินส่งมาให้อายาโกะเป็นระยะๆหลังจาก 5 แสนแรกแล้วก็ยังมีมาอีกครั้งละ 2-3 แสน โดยแม่ (อิบะ) ได้เก็บเงินไว้ในบัญชีของอายาโกะแล้ว แม้คนส่งจะใช้ชื่อปลอมว่ากิบเบอริช แต่ชิโร่รู้ทันทีว่านั่นคือพี่จิโร่

ตอนนี้อายาโกะรู้แล้วว่าผู้หญิงคนที่คอยปลอบโยนเธอมาตลอดตั้งแต่เธอลงมาอยู่ที่นี่แท้จริงแล้วคือแม่ของเธอเอง เมื่อรู้ดังนั้นอายาโกะก็ยิ่งรู้สึกอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด



ทางด้านจิโร่ได้ทำธุรกิจค้าอาวุธกับคินโจจนร่ำรวยเป็นเสี่ย ตรงนี้อิงผลกระทบจากยุคสงครามเกาหลี ซึ่งตอนนั้นอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดขึ้นมาเพราะมีการผลิตระเบิดจำนวนมากครับ

ซูเอะและชิโร่ได้ผลัดกันลงมาสอนเรื่องราวต่างๆให้อายาโกะ แต่ซูเอะไม่ค่อยชอบที่ชิโร่เอานิตยสารผู้หญิงให้อายาโกะอ่านเท่าไหร่ เพราะมันจะทำให้อายาโกะอยากออกไปเป็นโลกภายนอก และถ้าออกไปเธอจะต้องถูกฆ่าตาย






อายาโกะอยากมีความรักดูสักครั้ง คืนวันนั้นตอนที่ชิโร่ลงมาหา เธอจึงเปลื้องผ้า และขอให้พี่ชิโร่ที่เป็นผู้ชาย ช่วยทำกับเธอแบบที่ชายหญิงทั่วไปทำกันด้วย แม้การมีเพศสัมพันธ์กับน้องสาวตัวเองจะเป็นเรื่องเลวทราม แต่อายาโกะอ้างว่าห้องใต้ดินเป็นที่ไม่ปกติอยู่แล้ว จะมีเรื่องไม่ปกติแบบนี้ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน ในที่สุดชิโร่ก็ยอมพาอายาโกะขึ้นสู่สรวงสวรรค์


(อันนี้เป็นวิธีใช้ศิลปะและจินตนาการบรรยายให้ตื่นตา มากกว่าจะเขียนฉากโจ๊ะพรึมๆชัดๆ ถ้าเป็นบทกวีต้องเรียกว่าบทอัศจรรย์ครับ) Smiley

เป็นอันว่าการ์ตูนแบบค้ำคอร์นั้นมีมาแต่โบราณกาลครับ ในสมัยนี้มีโอตาคุเสื่อมๆบางคนชื่นชอบการ์ตูนที่มีเนื้อหาพี่ชายซ่ำน้องสาวมาก แต่สำหรับการ์ตูนในสมัยนั้น และในความเป็นจริงของทุกยุคสมัย การมีเพศสัมพันธ์กับครอบครัวเดียวกันถือเป็นเรื่องน่าอับอายมาก เพราะนอกจากจะขัดธรรมเนียมประเพณีแล้วมันยังฝืนกฎธรรมชาติที่คนในตระกูลจะไม่ชอบกันเอง เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์ในตระกูลซึ่งจะทำให้ลูกออกมาปัญญาอ่อน แล้วชิโร่คนดีศรีตระกูลเท็นเงก็ตกลงสู่ความเน่าหนอนของตระกูล ด้วยตำแหน่ง "ไอ้ซ่ำน้องสาว" ไป

อย่าเพิ่งเลิกอ่านเพราะทนความเสื่อมของการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ไหวนะครับ เดี๋ยวตอนคลายปมท้ายเรื่องอายาโกะจะหลุดพ้นจากหนทางแสนมืดมิดไปสู่แสงสว่างปลายอุโมงค์ได้อย่างน่าทึ่งและประทับใจเองครับ

เช้าวันต่อมาอิจิโร่รู้เรื่องน่าอดสูนี้จึงลากตัวชิโร่ไปสั่งสอน
"ผู้หญิงที่ตายแล้วไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายหรอก!"
"ผมว่าที่ผมทำก็ยังดีกว่าเอาเมียตัวเองให้พ่อเพื่อแลกกับที่ดินนะ"
(แน่นอนว่าพอชิโร่พูดจบก็โดนอิจิโร่อัด) ชิโร่บอกว่าเขาได้ศึกษาผังตระกูลก็รู้ว่ามีการเอากันเองในตระกูลมานานนมแล้ว แม้แต่โอเรียวก็เป็นลูกที่ซาคุเอม่อนไปมีสัมพันธ์กับภรรยาของโกสุเกะ คนสวนของตัวเอง (เสื่อมโค่ดๆ) ชิโร่ก็แค่อยากให้อายาโกะที่ถูกขังอยู่ใต้ดินถึง 11 ปี ได้มีความสุขบ้างเท่านั้นเอง


และแล้วก็มาถึงวันที่อายาโกะอายุครบ 15 ปี วันที่จะอ่านพินัยกรรมของซาคุเอม่อนที่นอนนิ่งไม่ไหวตัวมาถึง 11 ปีแล้ว พวกญาติต่างมารวมตัวกันเพื่อฟังพินัยกรรมนี้





และนี่คือจุดพลิกผันครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของเรื่องนี้ครับ คนที่ซาคุเอม่อนมอบมรดกให้คือแม่แท้ๆผู้ให้กำเนิดอายาโกะ ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าหมายถึงอิบะ เท็นเง ภรรยาของซาคุเอม่อน แต่ความจริงแล้วซาคุเอม่อนได้มอบมรดก 80% ให้กับซูเอะ!! ทำเอาอิจิโร่ตาค้างที่พ่อไม่ได้มอบมรดกให้เขาซึ่งเป็นลูกชายคนโต แถมยังอุตส่าห์ก่อกรรมทำชั่วสารพัดเพื่อเอาใจป๊า เมื่อรู้แบบนั้นอิจิโร่ก็บังคับให้ซูเอะลงนามโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้สามีทันที

แม้ซูเอะจะเป็นผู้หญิงที่ยอมทำตามสามีสั่งมาตลอด แต่ครั้งนี้เธอปฏิเสธ พร้อมขอหย่าเพื่อยุติชีวิตที่ถูกใช้สารพัดราวกับเธอเป็นสิ่งของ การใช้ชีวิตกับลูกสาวเป็นสิ่งที่มอบความกล้าให้กับเธอ จากนี้ไปเธอจะนำมรดกที่ซาคุเอม่อนให้ไว้และไปใช้ชีวิตกับอายาโกะสองคน

แต่ถ้าซูเอะทำแบบนั้นเรื่องนี้ก็จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งง่ายดายสิครับ วันที่เธอเก็บของเตรียมพาอายาโกะออกไปนั้นอิจิโร่ได้ขาดสติและรัดคอซูเอะจนถึงแก่ความตาย




อิจิโร่บอกกับอิบะว่าซูเอะเดินทางจากไปแล้ว และเธอขอยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ตัวเขา เพราะเธอใช้เงินไม่เป็น ก่อนจะกลับมาห่อศพซูเอะขนไปฝังนอกหมู่บ้าน แต่ความสำนึกผิดที่มีต่อซูเอะก็ตามหลอกหลอนอิจิโร่มาตลอดนับแต่นั้น

บ้านตุ๊กตา

ปี 1961 นับเป็นเวลา 12 ปีแล้วที่อายาโกะถูกขังอยู่ใต้ดิน ตอนนี้คนที่คอยดูแลอายาโกะเหลือเพียงชิโร่และอิบะ หมอยามาซากิหมอประจำตระกูลที่คอยดูแลอาการของซาคุเอม่อนอยู่ ได้แอบลงมาหาอายาโกะที่โตเป็นสาวแล้วและตั้งใจจะข่มขืน แต่ชิโร่ก็มาช่วยไว้ได้ เขาคิดว่าถึงแก่เวลาแล้วที่อายาโกะควรได้ออกมาข้างนอก เพราะพ่อก็ง่อยไปแล้ว ส่วนพี่อิจิโร่ตอนนี้ก็เมาหัวราน้ำเพราะสำนึกผิดที่พลั้งมือฆ่าซูเอะไป (ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้) แต่พอจูงมือเธอกำลังจะพ้นบันไดขึ้นมาอายาโกะเห็นแสงสว่างด้านนอกก็รู้สึกกลัว กลัวว่าหากออกไปข้างนอกแล้วจะต้องตาย มันเป็นความกลัวที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็ก ทั้งที่ตอนนี้คนที่คอยคุกคามอายาโกะเหล่านั้นทำอะไรเธอไม่ได้แล้ว สุดท้ายอายาโกะก็ไม่ยอมออกมาจากห้องใต้ดินนั้น

ด้วยความสงสารน้องสาวจับใจทำให้ชิโร่สาบานว่าจะต้องส่งไอ้พวกเลวที่ทำให้อายาโกะต้องเป็นแบบนี้ไปลงนรกให้หมด!

ตอนที่ชิโร่ฟัดกับยามาซากิที่ห้องใต้ดินนั้น เขาทำหีบเก็บเสื้อผ้าตกลงมา และพบเสื้อผ้าของซูเอะที่อิจิโร่เอามาซ่อนไว้ เขาสงสัยมานานแล้วว่าซูเอะเดินทางจากไปจริงหรือเปล่า แต่ชิโร่ก็บอกกับอิจิโร่ว่าเขาเลิกคิดทำตัวเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมเหมือนตอนเด็กๆแล้ว ตัวเขาที่ซ่ำกับน้องสาวตัวเองก็เป็นแค่หนึ่งในขยะบ้านเท็นเง และไม่มีหน้าจะไปตัดสินลงโทษใคร

เมื่อชิโร่ยอมรับเช่นนี้ก็เท่ากับความยุติธรรมสุดท้ายของเท็นเงได้ตายจากไปแล้ว ในวันเดียวกันนั้นเอง ซาคุเอม่อน ผู้นำตระกูลเท็นเงที่นอนเป็นอัมพาตอยู่ถึง 12 ปี ก็หมดลมหายใจลง

ในงานศพของพ่อ นาโอโกะได้กลับมาบ้าน เธอได้พบกับทุกคนยกเว้นอายาโกะที่ยังอยู่ในห้องใต้ดิน พอนาโอโกะไปที่ห้องใต้ดินก็พบตะปูตอกตรึงฝาทางเข้าไว้จึงปีนขึ้นไปชะโงกส่องจากหน้าต่างบนหลังคาเห็นอายาโกะอยู่ในห้อง แต่เธอไม่ยอมคุยด้วยและหลบหน้านาโอโกะ ชิโร่อธิบายว่าเป็นความต้องการของอายาโกะที่จะไม่ออกมาข้างนอก ไม่สนเดือนสนตะวัน ราวกับเป็นตุ๊กตาที่ถูกเก็บไว้ในตู้ เขาเป็นคนตอกตะปูปิดทางเข้าออกเพื่อไม่ให้มีไอ้พวกเลวลงไปรังควาญอายาโกะอีก ส่วนอาหารเขาจะเป็นคนส่งให้โดยโรยเชือกจากหลังคาเหมือนเลี้ยงหมีในบ่อยังไงยังงั้น และชิโร่ก็ไม่ต้องการให้ใครเข้าหาอายาโกะอีกต่อไป ทำได้เพียงชื่นชมความงดงามของเธอผ่านทางหน้าต่างเพดาน นาโอโกะโกรธมากที่แม้แต่ชิโร่ก็ทำกับเธอแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะนั่นเป็นความต้องการของตัวอายาโกะเอง...



บล็อกต่อไปจะเป็นตอนจบของเรื่องแล้วครับ หลังมองชีวิตของอายาโกะที่จมอยู่ในความมืดมิด ทั้งความมืดของห้องใต้ดินและความมืดภายในตระกูลเท็นเงแล้ว ตอนหน้าจะเป็นการออกมาพบโลกภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำในวัยเด็กราวฟ้ากับดิน พร้อมด้วยฉากจบที่สวยงามแบบไม่น่าเชื่อครับ

ปีหน้าเจอกัน โปรดติดตามจ้า



อัพเดท

อ่านตอนจบได้ที่นี่เลยครับ

[Tezuka Osamu's Ayako] 3/3 - โลกอันมืดมิดนี่แหละคือที่ของฉัน

Create Date :22 ธันวาคม 2555 Last Update :7 สิงหาคม 2560 21:52:36 น. Counter : 19002 Pageviews. Comments :51