bloggang.com mainmenu search



เผยชีวิตต่างแดนอดีตพระยันตระ หลังหลบหนีคดีหมิ่นพระสังฆราช-ทำหญิงท้อง-อนาจารสีกา เข้าซุกตัวในอเมริกาเมื่อ 19 ปีก่อน ระบุเคยเข้าคุก ขับรถชนคนตาย แต่ยังมีสาวกติดตาม เปรยอยากกลับเมืองไทย รอได้พาสปอร์ตอเมริกันก่อน

       วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา(ตามเวลาท้องถิ่น) เว็บไซต์ Alittlebuddha.com ของวัดไทย ลาสเวกัส ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์และภาพถ่ายของนายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ อัมโร ที่ถูกมหาเถรสมาคมขับออกจากความเป็นพระ และหลบหนีไปอยู่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2537 โดยทีมงาน Alittlebuddha.com ได้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553 แต่ยังไม่เคยมีการเผยแพร่ จนกระทั่งเกิดกรณีอดีตพระเณรคำหลบหนีคดีเข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาและมีการเชื่อมโยงไปถึงกรณีอดีตพระยันตระ จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวมาเผยแพร่

alittlebuddha.comระบุว่า ได้เข้าไปสัมภาษณ์อดีตพระยันตระ ระหว่างทางไปเยี่ยมวัดพุทธจักรมงคลรัตนาราม เมืองเอสคอนดิโด (Escondido) รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีแขกจากยุโรปเดินทางไปด้วย ซึ่งก่อนถึงวัดดังกล่าว ต้องผ่านเส้นทางเข้าสู่วัดสุญญตาราม ของอดีตพระยันตระ ที่อยู่ในเมืองเดียวกัน แขกที่มาจากยุโรปจึงขอให้พาแวะเข้าไปดู

       เมื่อเข้าไปในวัดสุญญตาราม พบว่ามีพระที่พำนักอยู่หลายรูปได้ออกมาต้อนรับ พร้อมกับบอกว่า "วันนี้ถือว่าโชคดี เพราะพระอาจารย์ยันตระท่านเพิ่งกลับมา" แล้วบอกว่า โดยปกติอดีตพระยันตระจะขึ้นไปอยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย และหาตัวยากมาก นานเป็นปีถึงกลับมาเยี่ยมสุญญตารามสักครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นศิษย์ของอดีตพระยันตระได้นำชาผู่เอ๋อร์ ซึ่งเป็นชาชั้นดีและราคาแพงมาให้ดื่ม ก่อนที่จะเชิญอดีตพระยันตระมาพบและให้สัมภาษณ์

       อดีตพระยันตระได้เล่าประสบการณ์เดินทางไปรอบโลกให้คณะของ alittlebuddha.com ฟัง จนเวลาผ่านไป 30 นาที จึงได้โอกาสถามว่า"ตกลงว่าเดี่ยวนี้อาจารย์เป็นอะไร ?" อดีตพระยันตระครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนตอบว่า "ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ เป็นอย่างที่เป็น"

       อดีตพระยันตระยังเล่าว่า ในชีวิตเคยติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง และโดนรถชนปางตายอีก 2 ครั้ง โดยติดคุกครั้งแรก ตอนที่เข้าไปในเขตพม่า ติดอยู่นานกว่าจะออกมาได้ ส่วนครั้งที่สองก็ตอนที่ขับรถชนคนตาย (เหตุเกิด พ.ศ.2543 ที่รัฐมินิโซตา)

       อดีตพระยันตระเล่าอีกว่า "ผมขับรถชนคนในครั้งแรกที่มินิโซตานั้น เพราะรีบไปทำพิธี ไม่มีเวลาพักผ่อน ก็เลยเกิดอุบัติเหตุน่าเศร้าใจ" ซึ่งครั้งนั้นมีหญิงสาวอเมริกันวัย 21 ปี ถึงกับเสียชีวิต แต่เคราะห์กรรมยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น เพราะช่วงที่กลับมาพักอยู่ที่สุญญตาราม เอสคอนดิโด้ วันหนึ่งตนเอง เกิดใจร้อน ขับรถออกไปนอกวัดแล้วเกิดอุบัติเหตุ กว่าจะรู้สึกตัวก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

       จากนั้นอดีตพระยันตระได้เล่าประสบการณ์ต่างๆ ให้แขกฟัง ก่อนพาไปชมบนชั้นสองของอาคารวัดสุญญตาราม โดยช่วงหนึ่งได้เปรยว่า "กำลังรอเวลาเพื่อกลับไปเมืองไทย" ซึ่งอาจจะเป็นเวลาที่ได้พาสปอร์ตอเมริกันแล้วแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อใด

       ทั้งนี้ เว็บไซต์ alittlebuddha.com ได้เผยแพร่ภาพของอดีตพระยันตระที่ถ่ายภายในวัดสุญญตาราม เมืองเอสคอนดิโด้ ในวันที่ไปสัมภาษณ์ รวมทั้งภาพกระดานกิจกรรมของวัด ซึ่งมีภาพของฆราวาสและพระสงฆ์ที่มาร่วมงานของวัด โดยพระสงฆ์ส่วนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ที่อดีตพระยันตระเคยเลี้ยงมาแต่เด็ก

       สำหรับ อดีตพระยันตระ หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ เป็นชาวนครศรีธรรมราช เกิดเมื่อปี 2497 ช่วงเป็นวัยรุ่นได้ปฏิบัติตัวเป็นนักพรตฤาษีไว้ผมและเครายาวจนเป็นที่รู้จักอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นจึงบวชเป็นพระที่วัดพัทธสีมาวัดรัตนาราม อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2517

       เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักเนื่องจากเป็นพระรูปงาม และมีลีลาการเทศที่สุขุมนุ่มลึก ทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย มีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายหลายแห่ง โดยทุกวัดในสำนักจะใช้คำว่า "สุญญตาราม" ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามในต่างประเทศอีกหลายแห่ง

       พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างต้องการที่จะได้เข้าไปนมัสการกราบพระหนุ่มรูปงามนามไพเราะรูปนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตสักครั้งหนึ่ง เรียกได้ว่าในบ้าน 10 หลังคาเรือนนั้น 8 หลัง ต้องปรากฏภาพพระยันตระไว้บูชา แต่ถัดจากความดังเป็นพลุแตกได้ไม่นาน ราวปี 2537 ปรากฏข่าวช็อกความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน เมื่อมีสีกากลุ่มหนึ่งทำหนังสือร้องเรียนขึ้นทูลสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก รวมทั้งยังร้อนเรียนโดยตรงไปยังอธิบดีกรมการศาสนาถึงการปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกับความเป็นพระของพระยันตระ

       ในหนังสือร้องเรียนของกลุ่มสีกามีหลักฐานเป็นเทปการสนทนาระหว่างพระยันตระกับนางจันทิมา ซึ่งเป็นหนึ่งในสีกาที่ร้องเรียนว่าพระยันตระได้ล่อลวงไปเสพเมถุนด้วยจนตั้งครรภ์ และคลอดออกมาเป็นบุตรสาวในนาม “ด.ญ.กระต่าย” คดีนี้ เกิดการท้าพิสูจน์และฟ้องร้องกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต โดยนางจันทิมา และด.ญ.กระต่าย ยอมเจาะเลือดตรวจดีเอ็นเอ แต่พระยันตระกลับปฏิเสธไม่ยอมเจาะเลือดตรวจพิสูจน์ การฟ้องร้องดำเนินคดีหยุดอยู่ที่ชั้นอัยการ เนื่องจากพระยันตระเดินทางหลบหนีออกไปต่างประเทศเสียก่อน

       นอกจากนี้ ยังมีเอกสารบางประการของหม่อมดุษฎี บริพัตร โยมอุปัฏฐากคนสำคัญของพระยันตระเป็นหลักฐานร้องเรียนถึงความไม่เหมาะสมต่อความเป็นสมณะสารูประหว่างที่พระยันตระเดินทางไปต่างประเทศด้วย อาทิ พระยันตระมีเพศสัมพันธ์กับนางแก้วตา (ขอสงวนนามสกุล) บนดาดฟ้าเรือเดินสมุทรไวกิ้งไลน์ ระหว่างทางจากกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ไปยังกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ รวมทั้งข้อกล่าวหาว่าพระยันตระจับต้องกายนางสาวซูซานด้วยความกำหนัด ณ กุฏิริมน้ำ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน ประเทศออสเตรเลีย พระยันตระเข้าไปหานางสาวอีวา ในรถตู้ของเธอบนท้องถนนกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และร่วมหลับนอนกับนางสาวอีวา และพร่ำพูดถึงความรัก ต่ออีวาทางโทรศัพท์ ซึ่งมีหลักฐานเป็นเทปบันทึกเสียง

       รวมทั้งหลักฐานที่สื่อในขณะนั้นนำออกมาเปิดเผย อาทิ สลิปบัตรเครดิตที่โยมอุปัฏฐากถวายให้พระยัตนตระถูกนำไปซื้อบริการทางเพศที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมทั้งหลักฐานการเปิดโรงแรมและเช่ารถร่วมกับสตรีเพียงสองต่อสอง

       สุดท้ายราวปี 2537 พระยันตระถูกฟ้องร้องหลายข้อหา รวมทั้งถูกตั้งอธิกรณ์(ข้อกล่าวหาผิดวินัยร้ายแรง)ว่า ล่วงละเมิดเมถุนธรรม ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ ตามพระธรรมวินัย ซึ่งในที่สุดมหาเถรสมาคมได้พิจารณาอธิกรณ์ดังกล่าวแล้วปรับให้พระยันตระเป็นปาราชิก ไม่สามารถดำรงตนในฐานะพระภิกษุได้อีกต่อไป แต่อดีตพระยันตระไม่ยอมรับมติมหาเถรสมาคมดังกล่าว จากนั้นจึงได้หันไปนุ่งห่มผ้าที่คล้ายจีวรย้อมเป็นสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นที่มาของฉายา “จิ้งเขียว” อีกสมญาหนึ่งของอดีตพระยันตระ นอกเหนือจาก“สมียันดะ” เป็นต้น

       อดีตพระยันตระยังได้พูดวิพากษ์วิจารณ์มติมหาเถรสมาคมดังกล่าวและก้าวล่วงไปถึงขั้นหมิ่นองค์สมเด็จพระสังฆราชฯ ทำให้ต้องถูกดำเนินคดี เจ้าตัวพร้อมผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งจึงต้องหลบหนีออกนอกประเทศ ต่อมาได้ตั้งสำนักวัดป่าสุญญตาราม ที่เมืองเอสคอนดิโด้ ห่างจากบ้านพักส่วนตัวของนายวีรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำในเมืองเลก เอลซินอร์ ไม่ถึง 100 กิโลเมตร

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น นายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยัตระ อัมโร ที่วัดสุญญตาราม เมืองเอสคอนดิโด รัฐแคลิฟอร์เนีย (ภาพจาก alittlebuddha.com)




กลุ่มฆราวาสที่ยังสนับสนุนอดีตพระยันตระ ร่วมกิจกรรมที่วัดสุญญตาราม เมืองเอสคอนดิโด (ภาพจาก alittlebuddha.com)

พระสงฆ์ที่ยังเป็นศิษย์ของอดีตพระยันตระ (ภาพจาก alittlebuddha.com)





อดีตพระยันตระ ณ มุมหนึ่งของวัดสุญญตาราม เมืองเอสคอนดิโด (ภาพจาก alittlebuddha.com)

//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087927
Create Date :17 กรกฎาคม 2556 Last Update :17 กรกฎาคม 2556 21:10:09 น. Counter : 6869 Pageviews. Comments :0