bloggang.com mainmenu search


รอบแรกอยู่เมืองตากมาตั้ง 5 ปี มีเรื่องตลก ๆ ขำ ๆ เยอะ คนอื่นอาจจะไม่ขำ แต่เราก็ขำของเราน่ะ จังหวัดตาก จะเหนือก็ไม่ใช่ จะกลางก็ไม่เชิง ก็เลยเป็นครึ่ง ๆ กลาง ๆ จนผู้ว่าฯ บอกว่าสำเนียงคนตากเวลาพูดเหนือ มันเหมือนเหนือปนอิสานยังไงก็ไม่รู้ เพราะว่ามันไม่ไพเราะ เสนาะหู เหมือนกับชาวเหนือแต๊ ๆ คนที่จะพูดเหนือก็จะอยู่ อ.สามเงา อ.บ้านตาก เพราะอยู่ติดกับ จ.ลำปาง ส่วนอำเภออื่น ๆ ก็ไม่ค่อยพูดกัน




บ้านเช่าที่ตาก ก็ย้ายหลายครั้ง ตอนแรกอยู่หอพักเด็กนักเรียนมัธยม แล้วก็ย้ายมาอยู่หอพักนักเรียนเทคนิค ต่อมาก็ย้ายอีกไปเป็นบ้านเช่า ซึ่งป้าเจ้าของบ้านแกมีห้องว่างแบ่งให้เช่า 2 ห้อง ก็เลยเช่าอยู่กับเจ้าติ๋มคนละห้อง ลุงเจ้าของบ้านเวลาวันเสาร์ – อาทิตย์แกชอบเข้าป่า ล่าสัตว์ วันดีคืนดีแกก็จับตัวตะกวดได้ ก็เอามันมาผูกไว้ในห้องน้ำ เวลาเข้าห้องน้ำทีก็วิ่งกันกระเจิง โดนป้าว่าบ่อย ๆ ว่า เอามาผูกในนี้ทำไม ให้เอาไปไว้ใต้ถุนบ้าน ตัวมันไม่ใช่เล็ก ๆ นะ ขอบอก อีกอย่างที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ คือแย้ เวลาไปตลาดนี่ แม่ค้าเค้าจะผูกเอาไว้เป็นพวง ๆ ยังวิ่งไปวิ่งมาอยู่เลย เดินตลาดเพลิน ๆ เจอเจ้าพวกนี้เข้า กระโดดตัวลอยเลย แม่ค้าหัวเราะชอบใจกันใหญ่ บางทีเจ้าติ๋มก็ซื้อมา ถามว่าจะเอามาทำอะไร พี่ไม่กินนะ เจ้าติ๋มบอกว่า จะส่งไปให้พ่อที่ จ.อุตรดิตถ์ ก็ถามว่าจะส่งไปยังไง เจ้าติ๋มก็บอกว่า ส่งทางพัสดุไปรษณีย์ เจาะรูให้มันหายใจ ก็เลยบอกว่า แล้วมันก็ดิ้นขลุกขลักกันอยู่อย่างนี้นะ บุรุษไปรษณีย์คงนึกในใจ ตัวอะไรอยู่ในนี้หว่า หุหุ... แต่ก็มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่มากินเป็นตอนอยู่ตาก เพราะเจ้าติ๋มทำให้กิน ก็คือกบทอดกระเทียมพริกไทย ตอนมันเป็น ๆ ขายอยู่ที่ตลาดก็ไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไหร่ แต่พอเอามาทอดกระเทียม โห...อร่อยมาก แต่ก็กินได้อย่างเดียวเท่านั้น บางคนกินแย้ งูสิงห์ ฯลฯ แต่เรากินเป็นอย่างเดียวก็พอนะ





จากบ้านเช่าหลังนี้ ก็ย้ายไปอยู่บ้านเช่าอีกหลังหนึ่ง เดินไปทำงานได้ ถ้าเดินลัดสนามกีฬา อยุ่รวมกันหลายคน มี 1 ครอบครัว 5 สาว 1 หนุ่ม อยู่กันคนละหน่วยงาน ครอบครัวทำงานอยู่สรรพสามิต 2 สาว 1 หนุ่ม นี่อยู่แรงงาน ส่วนอีก 3 สาว อยู่สำนักงานจังหวัด ตกเย็นก็ทำกับข้าวกินกัน มีพวกพี่ ๆ เพื่อน ๆ ชายโสด แต่ไม่สด หมายถึงโสดที่นี่ มาฝากท้องกินข้าวที่บ้านด้วย เพราะฉะนั้นตอนเย็นที่บ้านจะคึกคักมาก สาว ๆ แต่ละคนก็ทำกับข้าวกันอร่อย ๆ ทั้งนั้น ที่ทำอร่อยเพราะทำกับแกล้ม กินเหล้ากันเป็นประจำ ยกเว้นเราคนเดียวที่กินเหล้าไม่เป็น ส่วนเราที่ทำอร่อยคือ กุ้งแช่น้ำปลา ถูกใจบรรดาคอเหล้าทั้งหลาย พี่ ๆ ที่ทำงานยังถามเลยว่า อยู่กับเค้าได้ยังไง แต่ละคนทั้งเที่ยว ทั้งกินเหล้า เล่นไพ่ก็มี ก็บอกว่า เค้าก็กิน เล่น เที่ยวกันบ้างเป็นบางเวลา แล้วน้อง ๆ ก็เกรงใจเรา เพราะเราเป็นพี่รองในบ้าน ไปเที่ยวมา กลับดึก ๆ ดื่น ๆ จะย่องเข้าบ้านกันอย่างเงียบกริบ เพราะเคยบอกไว้ว่า บ้านเราไม่ได้อยู่กลางป่า กลางเขา นึกจะทำอะไร จะส่งเสียงดังก็ทำได้ตามใจ ต้องเกรงใจบ้านใกล้เรือนเคียงเค้าบ้าง น้อง ๆ พวกนี้ชอบเล่นไพ่รัมมี่กันมาก ไม่ได้เอาตังค์กันหรอก จดแต้มเอา บางทีก็เอาตังค์นิด ๆหน่อย ๆ พอสนุก ๆ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ นั่งเล่นกันได้ทั้งคืน ไม่หลับไม่นอน เราตื่นขึ้นมายังนั่งเล่นกันอยู่เลย ไพ่รัมมี่ต้องเล่นกันสี่ขา บางทีขาขาด ก็เอาเรามาเล่น สอนให้เราเล่น เราก็บอกว่า ถ้าเราเล่นได้ เราเอาตังค์ ถ้าเราแพ้ ห้ามเอาตังค์เรานะ ทุกคนตกลง บางทีก็น๊อคตั้งหลายครั้ง แต่ไม่รู้ จนน้องมันมาดูให้ หัวเราะกันก๊ากเลย ก็เล่นไม่เป็นจริง ๆ นี่ อยากเอาเรามาขัดขาทำไมล่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง วันลอยกระทง น้อง ๆ และเพื่อน ๆ ก็เล่นรัมมี่กัน มีการเล่นเอาตังค์กันด้วย เราออกไปเที่ยวงานกับน้องอีกคนหนึ่ง ขากลับซื้อลูกกระเทียม ที่ปาลงพื้นแล้วจะมีเสียงดังมาด้วย พอมาถึงบ้าน เห็นบ้านปิดเงียบ นึกในใจเล่นไพ่กันแหง ๆ เลย ก็เลยตะโกนกับน้องว่า ตำรวจมา แล้วก็เอาลูกกระเทียมปาลงพื้นดังสนั่น พวกในบ้านวิ่งหลบกันกระเจิง อิอิ ...ได้แกล้งเค้าสนุกดี เล่าให้พี่ๆ ที่ทำงานฟัง เค้าบอกว่า เห็นเรียบร้อยแบบนี้ ก็แสบไม่เบาเหมือนกันนะ







บ้านใกล้เรือนเคียงฝั่งตรงข้ามกับบ้านเช่า เป็นอาจารย์ หน้าตาดี หล่อเชียวล่ะ ตอนย้ายมาอยู่กันใหม่ ๆ สาว ๆ บ้านเราก็แอบมองเค้า เค้าก็แอบมองบ้านเรา มองกันไปมองกันมา สาว ๆที่บ้านต่างก็คุยกันว่า เค้าแอบสนใจใครหนอ จนกระทั่งวันหนึ่ง ความจริงก็เปิดเผย เพราะพวกเราได้ยินเค้าร้องวี๊ดว๊าย อยู่ในบ้าน ที่แท้..ไอ้ที่มอง ๆ น่ะ ไม่ใช่สาวเสยคนใดในบ้านหรอก หากแต่เป็นหนุ่มเดียวในบ้านเราต่างหาก หุหุ ...หมดกัน ทำม๊าย ทำไม คน ๆ หล่อ มักจะเป็นแบบนี้กันซะส่วนใหญ่น๊อ...เฮ้อ ...แต่ว่าเวลาเค้าแต่งเครื่องแบบข้าราชการ เค้าดูดีมากเลย ตอนหลังทราบมาว่า เค้าลาออกจากเป็นอาจารย์ มาเป็นสไตล์ลิส




พูดถึงหนุ่มเดียวในบ้านเช่า คงสงสัยกันล่ะซิว่ามาอยู่รวมกับสาว ๆ ได้ไง ก็เพราะเค้าบรรจุมาพร้อมกันสามคน มาอยู่ที่สำนักงานแรงงานจังหวัด สองสาว หนึ่งหนุ่ม เพื่อนๆก็ไม่อยากทิ้ง ก็เลยขอให้มาอยู่ด้วย เค้าก็เรียบร้อยดี ตัวสูง ๆ ขาว ๆ เป็นคนเชียงใหม่ ชื่อใหญ่ เค้าเล่าให้ฟังว่า ก่อนจะมาอยู่ที่นี่ เค้าอยู่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครสวรรค์ แต่ยังไม่ค่อยชอบงานที่ทำอยู่ ก็เลยมาสอบที่แรงงาน แต่ความจริงแล้วเค้าอยากเป็นตำรวจมาก ทำงานได้สักพัก เค้าก็สอบเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ ไปบรรจุที่สำนักงานจังหวัดพิจิตร พอต่อมาเค้าก็ส่งข่าวมาว่า เค้าโอนไปอยู่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดลำปางแล้ว ต่อมาไปอยู่ขนส่งจังหวัดสุโขทัย โอนไปอยู่กรมสรรพสามิตในส่วนกลาง เค้าเป็นคนหัวดี เรียนเก่ง สอบที่ไหนก็ได้ และข่าวคราวล่าสุดเค้าได้เป็นตำรวจสมใจ และบอกกับเราว่า เค้าจะไม่โอนไปที่ไหนแล้ว ตอนนี้น่าจะอยู่ จ.ชลบุรี ทำงานเกี่ยวกับงานพิสูจน์หลักฐาน เพราะเคยอ่านข่าวเจอบ่อย ๆ





ตอนเช้า ๆ ในซอยบ้าน จะเป็นทางลัดที่เด็กนักเรียนจะเดินผ่านไปโรงเรียนซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน มีอยู่ช่วงหนึ่ง ข้าราชการต้องแต่งเครื่องแบบทุกวัน พี่รัช ชอบแกล้งเด็ก ตอนเช้า พอเด็ก ๆ เดินผ่านหน้าบ้าน แกก็จะออกมายืนหน้าบ้าน เด็ก ๆ ก็นึกว่าเป็นคุณครู ยกมือไหว้ เดินแถวกันไปอย่างเรียบร้อย เราก็เลยร่วมแจมด้วย มายืนด้วยกัน สงสารเด็ก ..ว่ามั๊ย คุณครูตั้งสองคน อิอิ พอใกล้ ๆ 8 โมงเช้า ก็จะเดินลัดสนามกีฬาไปทำงานกับเจ้าติ๋ว น้องที่อยู่ห้องแรงงาน ไปทำงานทุกเช้าจะมีคนไปส่ง เอ๊ะ... ไม่ใช่คนซิ มันคือสุนัขของน้องข้างบ้าน ชื่อเจ้า dark มันต้องไปส่งเราถึงหัวบันไดศาลากลางจังหวัดทุกวัน พอเราขึ้นบันไดไป มันก็กลับ น่ารักจริง ๆ นะ เจ้านี่ วันหลังเวลาเดินไปทำงาน ก็มักจะร้องเพลงกับเจ้าติ๋วว่า “ ชีวิตฉันมีแต่หมาพาไป จะไปหนใดมีหมานำ ชีวิตฉันมีแต่หมานำ จะเดินก้าวตาม ตามหมาเดิน ชีวิตฉันแสนจะเพลิดเพลิน ....” อิอิ





แหล่งบันเทิงของชาวตากสมัยก่อน นอกจากโรงแรมเวียงตาก ซึ่งจะมีไนท์คลับให้เต้นรำแล้ว ก็ไม่ค่อยมีอะไร ไนท์คลับในโรงแรมเวียงตาก ชื่อ รมย์มณีไนท์คลับ ในช่วงหัวค่ำ จะเป็นลีลาศ แต่พอเที่ยงคืนถึงตีสองจะเป็นการดิ้นตามสไตล์ใครสไตล์มัน พี่ ๆที่ทำงานชอบพาเราไปเหมือนกัน บอกว่าให้ไปเปิดหูเปิดตาซะมั่ง เต้นลีลาศก็เป็นอยู่จังหวะเดียวคือรุมบ้า แล้วก็มีพี่อยู่คนหนึ่ง ชื่อพี่โย่ง ทำงานอยู่สำนักงานโยธาฯ ไม่รู้แกเป็นอะไร ชอบชวนเราไปเต้นลีลาศคู่กับแก ตัวแกก็โย่งสมชื่อ ไอ้เรารึ ก็เตี้ย เวลาไปเต้นลีลาศ มีความรู้สึกว่าตัวเองเหมือนลูกลิงชิมแปนซียังไงยังงั้นเลย นึกภาพออกมั๊ยจ้ะ เพื่อนๆ แทนที่จะแตะไหล่ พอสวยงาม เรากลับต้องยืดแขนจนสุด แต่แกก็มีความสุขมากจริง ๆ ไม่ได้สนใจอะไรเล้ย แต่เรากลับรู้สึกสมเพชตัวเองจัง พอถึงเวลาดิ้น เราก็ดิ้นไม่เป็น แข็ง ๆ ทื่อ ๆ จนใคร ๆ บอกว่าเหมือนหุ่นยนต์ ก็อ่ะนะ ใจมันไม่ชอบน่ะ ไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนี้เท่าไหร่ เพราะไม่กินเหล้า เหม็นกลิ่นบุหรี่ หนวกหู คุยอะไรกันก็ไม่ได้ยิน ต้องตะโกน มีอยู่ครั้งนึง ไปกับน้อง ๆ ที่บ้าน เค้าออกไปดิ้นกันหมด เรานั่งเฝ้าโต๊ะ เราก็เลยขอกระดาษจากพนักงาน เขียนโน้ตทิ้งไว้ว่า กลับบ้านแล้ว แล้วก็นั่งสามล้อกลับบ้านนอนดีกว่า ตอนหลัง ๆ ก็เลยไม่มีใครคะยั้นคะยอให้ไป ถ้าเราอยากไป เราก็จะไปเอง





นอกจากแหล่งบันเทิงที่ว่าแล้ว ก็จะมีงานบอลล์ ซึ่งมักจะจัดโดยชมรมศิษย์เก่าสถาบันต่าง ๆ มีการขายบัตร ลีลาศ เต้นรำ ประกวดขวัญใจ อะไรทำนองนี้ ความที่มีเจ้านายหลายคน แต่ละคนก็จบคนละสถาบัน ถ้าอยู่สำนักงานจังหวัดก็จะต้องไปช่วยหน้างาน แจกของชำร่วยบ้าง อื่น ๆ บ้าง หลายสถาบัน เช่น จุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตร รามคำแหง ม.เชียงใหม่ คนที่ไปงานก็คนรู้จักกันทั้งนั้น ก็ข้าราชการที่ทำงานอยู่ในจังหวัดนั่นแหล่ะ พอเจอเรา เค้าก็มักจะแซวเราว่า นี่จบสถาบันไหน เห็นทุกงานเลย เราก็เลยบอกว่า เราอยู่ทบวงมหาวิทยาลัย ครอบคลุมทุกสถาบัน อิอิ...




อยากจะเล่าถึงเรื่องขำ ๆ ของตนเองบ้าง หัดขี่มอเตอร์ไซต์ใหม่ ๆ ก็ขี่วนไปวนมาอยู่แถวบ้าน นานนนนนนนนนมาก จนป้าเจ้าของบ้านเช่าเค้าต้องออกมาดู ว่าเมื่อไหร่จะเข้าบ้านซักที พอแกเห็นเราขี่มอเตอร์ไซต์ผ่านหน้าซอย แกก็ตะโกนถามว่า “ไอ้เปี๊ยก เมื่อไหร่เอ็งจะเข้าบ้านซะที มันเย็นมากแล้ว” เราก็ตะโกนตอบมาว่า “ป้า หนูเลี้ยวขวาไม่ได้ ใครก็ได้ช่วยหนูที” เท่านั้นแหล่ะ ป้าแกหัวเราะแทบกลิ้งเลย ให้เจ้าติ๋มวิ่งออกไปเอาเราเข้าบ้าน เล่าเรื่องนี้ทีไรก็ขำกันทุกที พอหัดมอเตอร์ไซต์เป็นใหม่ ๆ ไปงานศพกับเจ้าติ๋ม เราเป็นคนขี่ ติ๋มเป็นคนซ้อน พอจะถึงทางเข้าวัด ก็บังเอิญมีรถบรรทุกจอดขวางอยู่ ทำให้เรากะไม่ถูกเวลาจะเลี้ยว ก็เลยเลี้ยวขึ้นไปบนฟุตปาท รถก็ล้ม เราก็ล้ม โดยมีเจ้าติ๋มล้มลงมาทับอยู่บนตัวเรา ผู้ชายสองคนที่เดินมาพอดี ก็รีบวิ่งเข้ามาช่วย พอช่วยเสร็จเค้าก็ถามว่า “นึกยังไงถึงได้ขี่ขึ้นไปบนฟุตปาต” เราก็บอกว่า มันกะไม่ถูก เพราะรถใหญ่มันบังอยู่ ขับมอเตอร์ไซต์นี่ได้แผลเป็นประจำ ต้องมาทายาแดงที่ทำงานอยู่เรื่อย จนพี่ ๆ เค้าบอกว่า วันไหนไม่มีแผล แสดงว่าไอ้เปี๊ยกมันเดินมาทำงาน แล้วก็ขับชนกับคนอื่นบ่อยมาก จนหลัง ๆ เกิดความกลัว ไม่กล้าจับรถมอเตอร์ไซต์อีกเลย ต้องเป็นคนซ้อน ขนาดเป็นคนซ้อนยังเกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ ตกจากรถมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่กลางถนน เฮ้อ..ไม่รู้เป็นอะไร ดวงไม่ค่อยถูกกับมอเตอร์ไซต์เอาซะเลย จนพี่ ๆ แซวว่า มอเตอร์ไซต์ทำหล่น



น้อง ๆ ที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน มักจะมีเรื่องจากการทำงานมาเล่าให้ฟังบ่อย ๆ แต่ที่รู้สึกสนุก มีรสชาติที่สุด ก็เห็นจะเป็นเรื่องของชาวสรรพสามิต เพื่อน ๆ ของน้องที่เช่าบ้านอยู่ เป็นนายตรวจสรรพสามิต มักจะมากินข้าวเย็นที่บ้าน ก็มาเล่าให้ฟังว่า เค้าไปทำอะไรมาบ้าง การจับการต้มเหล้าเถื่อน พวกนายตรวจสรรพสามิตมักจะเดินไปตามคันนา มีไม้คนละอัน ทิ่มไปตามคันนา ถ้ามีเสียงดัง “โผล๊ะ” เมื่อไหร่ นั่นแหล่ะ ไหเหล้าฝังอยู่ตรงนั้น ขุดลงไป รับรองว่าเจอ นายตรวจสรรพสามิตก็มีผู้หญิงเหมือนกัน มักจะให้เป็นสายล่อซื้อซะมากกว่า ทำทีไปหาซื้อเหล้า จะเอามาเลี้ยงในงานที่บ้าน พอเอาไหเหล้ามาให้ ก็ใส่กุญแจมือฉับเลย ของกลางอยู่เห็น ๆ น้องผู้หญิงเล่าให้ฟัง ป้าแกโวยวาย บอกว่า “กูนึกแล้ว กูนึกแล้ว” บางทีเค้าก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นเล่าให้ฟังเหมือนกัน ออกจับคนต้มเหล้าเถื่อน พวกต้มเหล้าหนีข้ามไปฝั่งพม่า ซึ่งมันข้ามง่ายอยู่แล้ว เพราะแม่น้ำเมยตื้น ๆ แคบ ๆ ก็ข้ามตามไป นายตรวจสรรพสามิต พกอาวุธปืนได้ เป็นเหมือนเจ้าพนักงาน ก็เกิดการยิงต่อสู้กัน แต่พวกนั้นมีอาวุธร้ายแรงกว่า พวกมากกว่า หัวหน้าของน้องคนนี้จึงให้พวกลูกน้อง รีบหนีข้ามกลับมาฝั่งไทย ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วย ส่วนตัวแกถูกยิงเสียชีวิตที่ฝั่งพม่า กว่าจะข้ามไปเอาศพมาได้ก็เย็น เวลาน้องเค้าเล่าเรื่องนี้ทีไร ก็น้ำตาซึมทุกที


เอ..หัวข้อว่าเรื่องขำ ๆ แต่ทำไมจบด้วยเรื่องเศร้า ๆ ก็ไม่รู้























Create Date :24 กันยายน 2553 Last Update :19 สิงหาคม 2558 12:47:23 น. Counter : Pageviews. Comments :15