bloggang.com mainmenu search

เมืองตากเมืองระแหง แต่ไม่เคยแล้งน้ำใจ (ตอนที่ 1)

 


พอเรียนจบมหาวิทยาลัย ก็เดินวิจัยฝุ่นอยู่เกือบ 2 ปี เพราะไม่ได้ไปสมัครงานตามบริษัทเอกชนเลย มุ่งแต่สอบเข้ารับราชการอย่างเดียว  ไปสอบ ก.พ. ได้ลำดับที่ 200 จากคนที่สมัครสอบในตำแหน่งนี้ 4,000 คน ขึ้นบัญชีไว้ 400 คน สมัยก่อนคนสมัครเป็นพันก็ว่าเยอะแล้วนะ สมัยนี้เป็นหมื่นเป็นแสน การแข่งขันยิ่งสูงกว่าเมื่อก่อนหลายร้อยหลายพันเท่า น่าเป็นห่วงเด็กรุ่นหลัง ๆ จริง ๆ หลังจากที่สอบ ก.พ.ได้ปีกว่า ๆ ก็มีการเรียกตัวไปสัมภาษณ์ ก่อนหน้านี้ก็มีส่วนราชการอื่น ๆ ที่ขอใช้บัญชีของ ก.พ.เรียกไปสอบอยู่หลายครั้ง ไปสอบข้อเขียนใหม่ก็มี แต่ก็ไม่ได้ จนครั้งล่าสุด ก.พ.เรียกไปสอบสัมภาษณ์ ดวงคนเรานะ มันจะต้องไปทางนี้ แค่สัมภาษณ์อย่างเดียว พอวันประกาศผลสอบ ปรากฏว่าสอบได้ที่ 2 ตอนนั้นเท่าที่รู้ เค้ามีตำแหน่งว่างอยู่ต่างจังหวัดทั้งนั้น พี่สาวบอกว่าเลือกไปศูนย์รับผู้อพยพ อ.ฟากท่า จ.อุตรดิตถ์เลย ตอนนี้เรายังเด็กไปอยู่ไกล ๆ หาประสบการณ์ชีวิตดีกว่า วันที่ ก.พ.ให้ไปรายงานตัว  ฉันได้เลือกเป็นคนแรก เพราะคนที่สอบได้ที่ 1 สละสิทธิ์  วันนั้นก็ได้รู้เพิ่มเติมว่า มีตำแหน่งว่างใน กทม.ด้วย  พี่ของสำนักงาน ก.พ. ก็บอกให้พวกเรามาคุยกันก่อน เพราะบางคนอาจจะไปต่างจังหวัดไม่ได้ บางคนไปได้ไม่มีข้อขัดข้อง ก็ให้มาคุยกัน ตกลงกันซะให้ดี ก็ปรากฏว่ามีคนหนึ่งเค้าคงคิดว่าฉันคงเลือกสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมแน่ ๆ เพราะอยู่ใน กทม. ก็มาคุยกับฉัน บอกว่าเค้าไปต่างจังหวัดไม่ได้ ทางบ้านคงไม่ให้ไป ถ้าหากเค้าไม่ได้ลงใน กทม.ก็คงต้องสละสิทธิ์ แต่มันก็น่าเสียดายมาก ก็เลยบอกเค้าว่า สบายใจได้ ฉันเลือกศูนย์รับผู้อพยพ อ.ฟากท่า จ.อุตรดิตถ์ พอพี่ที่ ก.พ.ถามฉันว่าจะเลือกลงที่ไหน เพราะเป็นคนแรกที่มีโอกาสได้เลือกก่อน พอฉันบอกว่าศูนย์รับผู้อพยพ อ.ฟากท่า จ.อุตรดิตถ์ ทุกคนในห้องร้องโอ้โห  เพราะฉันตัวเล็กนิดเดียว พี่เค้าบอกว่า เก่งจัง ไปอยู่ได้แน่นะ เพราะที่นั่นติดชายแดนประเทศลาว  ส่วนคนนั้นเค้าก็เลือกลงสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  เห็นมั๊ย win - win กันทั้งคู่เลย  แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยที่ได้มาอยู่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจนกระทั่งทุกวันนี้

 


หลังจากนั้นพวกเราที่เลือกลงบรรจุเข้ารับราชการที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ประมาณ 30 คน ก็ต้องมาปฐมนิเทศก่อนแยกย้ายกันไปทำงานตามที่ตัวเองเลือก ที่ศูนย์สื่อสาร วิสุทธิกษัตริย์ เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 - 26 กันยายน  2527 ก็มีพี่ๆ มาให้ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ แก่พวกเรา เช่น สิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ระเบียบกฎหมายเกี่ยวกับข้าราชการพลเรือน ส่วนฉันและเพื่อน ๆ พวกเราต่างก็ศึกษาหาข้อมูลของจังหวัดที่ตัวเองจะต้องไปทำงาน ฉันเองก็ศึกษาว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชื่ออะไร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชื่ออะไร อะไรเป็นของดีของเด่นของจังหวัด คำขวัญ ฯลฯ  แล้วก็ซื้อตั๋วรถทัวร์ไปอุตรดิตถ์เรียบร้อยโดยมีพี่สะใภ้ไปเป็นเพื่อนครั้งนี้

 


จนกระทั่งวันสุดท้ายของการปฐมนิเทศ กองการเจ้าหน้าที่ ก็แจกหนังสือส่งตัว ปรากฏว่าฉันได้รับหนังสือที่เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ฉันงงมาก ก็เลยถามพี่เค้าว่า ฉันเลือกไปอุตรดิตถ์ ทำไมถึงได้รับหนังสือให้ไปตาก พี่เค้าก็บอกว่า  อ้าว...ไม่มีใครบอกน้องเลยหรือว่า ศูนย์รับผู้อพยพ อ.ฟากท่า น่ะ มันยุบไปแล้ว  เวร..ล่ะซิ ต้องเดินทางคืนนี้ เพราะต้องเดินทางไปรายงานตัวที่จังหวัดวันที่ 27 กันยายน ก็เลยต้องรีบไปเปลี่ยนตั๋ว มาลงที่สุโขทัย แล้วก็ต่อรถไปตากอีกทีนึง ไปถึงตากตอนเช้า ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดข้าราชการ เพื่อรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชา ตอนที่เอาหนังสือส่งตัวมาให้ที่งานสารบรรณลงรับ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาเลียบ ๆ เคียงๆ อยู่ เป็นคนตัวสูงใหญ่ สูงประมาณ 180 กว่า เมื่อฉันซึ่งสูงเพียง 145 ซม. มายืนเทียบกัน แลดูตัวเล็กไปเลย  หลังจากนั้นก็ขึ้นไปที่ห้องสำนักงานจังหวัดตาก พอเดินเข้าไปพวกผู้ชายที่ยืนจับกลุ่มตรงโต๊ะข้างหน้า ก็พากันแตกฮือ ฉันก็ไม่ได้สนใจ แต่ก็นึกอยู่ในใจเหมือนกันว่าเป็นอะไรกัน  มารู้ทีหลังจากการไขข้อสงสัยจากพี่แมว เจ้าหน้าที่การเงินฯ เค้าเล่าให้ฟังว่า เจ้าต๋อง(ชายตัวสูง) เที่ยวมาบอกใคร ๆ ในห้องสำนักงานจังหวัดว่า คนที่มาใหม่ รูปร่างสูง เพรียว สวยน่ารักเชียวล่ะ  พวกพี่ๆผู้ชายก็เลยจับกลุ่มคุยกัน แต่พอฉันเดินเข้าห้องมา ก็แตกฮือ เพราะตรงกันข้ามกับเจ้าต๋องบอกโดยสิ้นเชิง ไอ้ต๋องบ้า....อยากจะกระโดดเตะก้านคอนายนัก (แต่ก็เตะไม่ถึง) ต่อมาภายหลังเราสองคนกลายเป็นเพื่อนซี้กันไปเลย เพราะเราทำงานอยู่ฝ่ายกิจการพิเศษ (งานเกี่ยวกับผู้อพยพและชนกลุ่มน้อย) เหมือนกัน

 


หลังจากที่รายตัวกับผู้ว่าราชการจังหวัดตาก( กาจ รักษ์มณี) แล้ว ก็ไปหาบ้านเช่า ก็ได้หอพักนักเรียนมัธยม ใกล้ ๆ ศาลากลางจังหวัด เดินมาทำงานได้สบาย  ช่วงนั้น เป็นช่วงปิดเทอมพอดี หอพักก็เลยเงียบมาก  เป็นหอพักไม้เก่า ๆ ห้องน้ำก็อยู่นอกอาคาร ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ แล้วก็มีสัตว์(ที่ไม่ได้เลี้ยง)เยอะ (ตุ๊กแกไง) ไปห้องน้ำที สายตาก็ต้องสอดส่องไปทั่ว  เพราะเห็นแล้วมันสยอง ชวนขนลุกยิ่งนัก กลางคืนก็มีเสียงเจ้านี่ขับกล่อม ทำลายความเงียบดีนักแล

 


รายงานตัววันพฤหัสฯ หัวหน้าบอกว่าให้เริ่มมาทำงานอาทิตย์หน้าละกัน  ฉัน พี่สะใภ้แล้วก็พี่ใหญ่ ที่มาจากลำปาง ก็เลยไปเที่ยวแม่สอดกัน พอพี่ ๆ กลับกันไปหมด ก็เข้าสู่ภาวะแห่งความเหงา นึกในใจว่าต้องอยู่ให้ได้สิน่า แต่ก็อ่ะนะ.. มันเงียบมาก กลางวันก็ไม่เป็นไร อยู่ที่ทำงาน ถึงจะไม่ใช่คนช่างพูด แต่มันก็มีอะไรให้ทำ แต่พอเลิกงาน กลับมาที่หอ  เหมือนอยู่ตัวคนเดียว  เหมือนเป็นเจ้าแม่หอ เพราะไม่มีเด็ก ๆ อยู่เลย แต่ก็ดีนะ..บ้านตรงข้าม เป็นบ้านพักของนายช่างโยธา เค้ามีลูกสาวเล็ก ๆ เด็ก ๆ มักจะตะโกนถามว่า พี่อยู่ได้มั๊ยคะ ให้หนูไปนอนเป็นเพื่อนมั๊ย  พ่อกะแม่เค้าคงบอกให้ลูกเค้าถามอีกทีน่ะ  ช่างน่ารักซะจริง ครอบครัวนี้ นี่แหล่ะน๊า...ความเอื้ออาทรของคนต่างจังหวัด

 


ช่วงที่ไปตากตอนนั้น เป็นช่วงสิ้นปีงบประมาณ ใคร ๆ ก็เลยพากันยุ่งไปหมด เพราะต้องปิดงบ ก็เลยไม่ค่อยได้มีใครมาสอนงานฉันเท่าไหร่ ก็ได้แต่มองพี่ ๆ ช่วยเค้าทำมั่งแล้วแต่เค้าจะให้ช่วยอะไร อาทิตย์แรก บ่ายวันศุกร์ ก็ขอ หัวหน้าลากลับ กทม. หน.ก็ใจดี๊ ใจดี ให้กลับ คงเป็นเพราะเอ็นดู เพราะฉันเป็นน้องเล็กของที่ทำงาน อีกอย่างเห็นมันนั่งหงอย ๆ มาเกือบอาทิตย์แล้ว  กลับรถเที่ยวบ่าย มาถึงหมอชิตก็ค่ำพอดี ตากห่างจาก กทม. 421 กม. รถวิ่งประมาณ 6  ชม. กลับมาถึงบ้าน แม่ทักเลยว่าทำไมผอมลง น้ำหนักลดลงตั้ง 2-3 กก. ก็แหม...แม่ ที่โน่นไม่มีอะไรอร่อย ๆ แบบที่แม่ทำเลย กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ แม่ก็เลยทำแกงส้ม กะต้มข่าไก่ ของโปรดให้กินซะหนำใจ แถมยังทำน้ำพริกเผาไปให้กระปุกใหญ่ ๆเลย ไม่มีอะไรกิน ก็คลุกข้าวกินก็ได้ ทาขนมปังก็ยังได้นะSmiley

 



Free TextEditor





Create Date :26 พฤษภาคม 2552 Last Update :2 สิงหาคม 2553 11:17:01 น. Counter : Pageviews. Comments :5