bloggang.com mainmenu search
lozocatlozocatlozocat


มาอยู่อ่างทองในช่วงแรกๆ ทำงานอยู่ชั้นล่างของสถานีสื่อสารจังหวัด มีสองฝ่ายอยู่ที่นี่ คือ ฝ่ายนโยบายและแผน กับฝ่ายข้อมูลและติดตามประเมินผล ส่วนฝ่ายอำนวยการกับหัวหน้าสำนักงานจังหวัด เค้าอยู่บนอาคารศาลากลางจังหวัดกัน เราอยู่ฝ่ายข้อมูล มีเพื่อนที่ไปอยู่ที่เดียวกันพร้อมกันอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนที่บรรจุเข้ารับราชการพร้อมกัน เราสองคนมาเจอกันอีกทีก็ตอนที่ย้ายมาอยู่อ่างทองนี่แหล่ะ แต่ปรากฏว่าเค้าได้ย้ายเข้ากระทรวงก่อนเรา เราก็อยู่อ่างทองไปเรื่อยๆ นับไปนับมา 5 ปี เต็มๆ อยู่ตั้งแต่ศาลากลางหลังเก่า จนได้ย้ายขึ้นมาศาลากลางใหม่ 5 ชั้น จากที่เคยอยู่ใต้ถุน เอ้ย...ไม่ใช่ ชั้นล่างของสถานีสื่อสาร ก็ขึ้นมาอยู่ชั้น 5 เลย สำนักงานจังหวัด จองชั้น 5 ทั้งชั้นเลย ห้องกว้างขวาง เรียกว่า ตีแบตกันได้เลย 555 แต่ที่ไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่งคือ ไฟชอบดับเป็นประจำ เวลามาทำงาน ต้องเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น 5 อยู่บ่อย ๆ เล่นเอาเกือบเป็นลม ดีที่ว่ายังสาวอยู่...อิอิ ถ้าเป็นตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะไต่มาถึงชั้น 3 ได้หรือเปล่า


มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนมีโครงการมิยาซาว่า (โครงการเงินกู้ญี่ปุ่น) ก็มีการจ้างงานเด็กๆ ที่ยังไม่มีงานทำ กลุ่มของเราได้มา 3 คน เป็นปริญญาตรี 2 คน ปวส. 1 คน ส่วนฝ่ายอื่นๆ ก็มีหลายคน ช่วงนั้นเด็กๆ หนุ่ม ๆสาวๆ วัยละอ่อน มีอยู่เกือบทุกส่วนราชการ พวกพี่ๆ หนุ่ม(แก่) ทั้งหลายพากันกระชุ่มกระชวยเพราะมีอะไร ๆ สวยๆ งามๆ มาให้พอได้เจริญหูเจริญตามั่ง ไม่ใช่ว่า...เงยหน้าทีไร เจอแต่ยายแก่ หน้าเดิมๆ อิอิ บ้านพักของเรามีห้องว่าง ก็เลยเอาน้องผู้หญิงสองคนมาอยู่ด้วย ตกเย็นก็ทำกับข้าวกินกัน น้องที่มาอยู่ด้วยคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย มีหนุ่มๆ มาจีบเยอะ แต่ละคนต้องมาทำความรู้จักกับพี่ใหญ่อย่างเราก่อน แหะๆ...คือว่าเราทำตัวเหมือนแม่เค้าน่ะ ก็เอาลูกเค้ามาอยู่ที่บ้าน ก็ต้องดูแล พ่อแม่เค้าจะได้สบายใจ เพราะเค้าไม่ใช่คนอ่างทอง เป็นคนสิงห์บุรี แต่ว่า..น้องเค้าก็น่ารัก เป็นเด็กดี รักเราอย่างกับแม่แน่ะ แต่อ่ะนะ เด็กสาวๆ หน้าตาดี ก็ย่อมจะมีชายหนุ่มมาหมายปอง แต่เจ้าหนุ่มคนนี้ที่ชนะใจสาวเจ้า เค้าฉลาด เข้าทางผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วก็ทำงานทำการเป็นหลักเป็นฐานแล้ว อยู่สาธารณสุข หน้าตาก็หล่อด้วย มีลักยิ้ม หน้าตาถ้าเป็นสมัยนี้ ก็ออกแนวเกาหลีๆ หน่อย เหมาะสมกันทั้งคู่เลย หญิงก็สวย ชายก็หล่อ


น้องผู้ชายที่อยู่สาธารณสุข เค้ามักจะทำอะไรตลกๆ ให้เราแปลกใจเสมอ ความจริงคืองานของเค้าน่ะ บางวันเค้าแต่งตัวซะล้อหล่อ แต่บางวันก็โทรมสุดๆ เวลาเค้ามาที่บ้าน ในตอนเย็น วันไหนที่แต่งตัวโทรม ๆ ไม่ใส่เสื้อขาวแบบสาธารณสุข เราก็มักจะถามว่า วันนี้จะไปไหนเหรอ เค้าก็บอกว่า “วันนี้ ผมจะไปล่อซื้อยา” เราก็ตกใจ ถามว่า “จะไปล่อซื้อยาบ้าเหรอ” เค้าก็บอกว่า”เปล่า ผมจะไปล่อซื้อยาลูกกลอน” เพราะช่วงนั้นยาลูกกลอน ผสมสารสเตียรอยด์(สะกดถูกหรือเปล่าหว่า) ซึ่งเป็นอันตรายมีอยู่เยอะ เค้าไปล่อซื้อมา แล้วก็เอาไปตรวจ ถ้าเจอสารสเตียรอยด์ ก็ไปยึด บางวันเด็กสองคนก็ไปตามเขียงหมูในตลาด ซื้อมาเจ้าละนิดละหน่อย กลับมาบ้าน ก็เอาสารเคมีชนิดหนึ่งหยดลงไป เราก็ไม่รู้หรอกว่าคือสารอะไร แต่ถ้าเกิดปฏิกิริยา แสดงว่า เนื้อหมูนั้น ฉีดฟอร์มาลีน บางทีก็เป็นลูกชิ้น ซื้อเอาตรวจดูว่า ใส่สารกันบูดหรือสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายหรือเปล่า


เราเคยพาเด็กสองคนไปเที่ยวบ้านพี่สาวเราที่เชียงใหม่ เจ้าเด็กผู้หญิง ชีวิตเค้าน่าสงสารมาก แม่ตายตั้งแต่ยังเล็กๆ พ่อก็ไปมีแม่ใหม่ ตัวเองอยู่กับป้าพี่สาวของแม่ เค้าก็เลี้ยงมาจนโต มีน้องชายอีกคน เค้าไม่เคยนั่งรถไฟ เราก็เลยพาน้องผู้หญิงกับแฟนเค้านั่งรถไฟตู้นอนไปเชียงใหม่ เพราะสัญญากับเค้าไว้ว่าจะพาไป พี่สาวเราเห็นหน่วยก้านของน้องผู้ชายคนนี้ ยังบอกกับเราเลยว่า เป็นคนดีมากๆ สุภาพ อ่อนน้อม ใครได้เป็นแฟนนี่ โชคดีมากๆ เลยนะ เรายังคิดเลยว่า สองคนนี่ คงไม่แคล้วกัน แต่ว่า...อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน พอเราย้ายกลับมากรุงเทพฯ น้องผู้หญิงก็ได้งานที่อื่นทำ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง น้องผู้ชายก็โทรมาหาเราที่ทำงาน ไม่รู้ว่าเค้าหาเบอร์ที่ทำงานใหม่ของเราเจอได้อย่างไร เบอร์มือถือของเราก็เปลี่ยนใหม่แล้ว เราได้ยินผู้ชายร้องไห้เป็นครั้งแรก น้องผู้หญิงไปมีแฟนใหม่ เจ้าน้องผู้ชายเลยเสียใจมากๆ เราก็ไม่คาดคิดนะว่า ...จะลงเอยแบบนี้ แต่ว่า...เค้าคงไม่ใช่เนื้อคู่กัน ความรัก บางทีมันก็ไม่มีอะไรแน่นอน นี่ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว ป่านนี้ทั้งสองคนคงจะแต่งงานกันไปแล้ว...คิดถึงอยู่เหมือนกัน


ทำงานที่อ่างทอง มีหัวหน้าฝ่ายเป็นผู้ชาย ลูกน้องเป็นผู้หญิงหมด แต่รู้สึกว่า จะเป็นผู้หญิงที่นิสัยค่อนข้างเป็นผู้ชายไปซะหมด รวมทั้งเราด้วย คือไม่ชอบอะไรจุกจิก ทำได้ทำเลย ร่วมมือร่วมใจกันดี แต่แย่หน่อยตรงหัวหน้าฝ่าย ไม่ค่อยจะนึกถึงพวกเรากัน ทั้งๆ ที่ทำงานให้อย่างเต็มที่ พวกเราก็แสบเหมือนกัน เห็นอะไรไม่ยุติธรรม โวยเลยทันที แหม...เป็นหัวหน้าเค้านี่ ใช่ว่าจะทำงานสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวซะเมื่อไหร่ ต้องมีลูกน้องเป็นแขน ขา ต้องนึกถึงใจเค้าใจเรา น้ำจิต น้ำใจ ต้องมีให้ แม้เพียงเรื่องเล็กๆ น้อย ๆ ตอนที่ทำงานที่อ่างทอง งานกาชาดมักจะจัดในช่วงสิ้นปี – ปีใหม่ แล้วก็ฝ่ายเรามักจะได้อยู่เวรร้านกาชาดในช่วงนี้ทุกปี ไม่เคยได้กลับบ้านในช่วงปีใหม่เลย ทำนะ แต่ก็แอบบ่นกันเองทุกปี ทำไมไม่เอาฝ่ายอื่นมาอยู่บ้าง สลับกันไป ใคร ๆ เค้าก็เลยแซวว่า คงเป็นเพราะฝ่ายเราบริการดี เสริฟน้ำ กาแฟ อาหารว่าง ให้คนที่มาประจำร้านกาชาดแบบเต็มที่ คนทำคำสั่งเค้าเลยติดใจมั้ง เพราะช่วงสิ้นปี – ปีใหม่ คนจะมาเที่ยวงานเยอะ ทำงานถ้าเห็นเป็นเรื่องสนุก มันก็สนุกดี แม้ว่าจะเบื่อๆ กันบ้าง เราเลยบอกให้น้อง ๆ ใส่ชุดทีมกันมา ลงทุนไปซื้อเสื้อลายสก๊อตมาใส่กันหมด แต่ไม่ซื้อให้ หัวหน้าฝ่าย ...อิอิ (เรื่องอะไรจะซื้อให้ ไม่ได้ช่วยทำอะไรสักอย่าง) นิสัยไม่ดีเนอะ นินทาหัวหน้า แหะๆ คือว่า จะจำเอาไว้ ถึงคราวเรา จะได้ไม่ทำแบบนี้


ทำงานที่อ่างทองได้ 5 ปีเต็มๆ ก็ย้ายเข้ากระทรวง ไม่ได้ทำเรื่องขอย้ายด้วย มีคนทำให้เสร็จ ก็คุณซะมีนั่นแหล่ะ เพราะว่าเค้าได้ย้ายไปเป็นหัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ที่ จ.มุกดาหาร เค้าก็เลยไปวิ่งให้เราย้ายเสร็จสรรพ เพราะเราเคยคุยกันไว้ว่า หากมีคนใดคนหนึ่งต้องย้ายออกต่างจังหวัด อีกคนต้องอยู่กับลูกใน กทม. หลังจากย้ายจากอ่างทองได้ไม่นาน ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดอ่างทอง ท่วมมาถึงศาลากลางจังหวัด ถึงขนาดต้องเอาเรือมาพายกันเลยทีเดียว ตอนเราย้ายไป น้ำก็ท่วม พอเราย้ายออกมา น้ำก็ท่วมอีก เราย้ายเข้ามาอยู่ในกระทรวง ตั้งแต่ปี 2544 – 2551 ก็ย้ายออกมาอยู่ จ.นครนายก เป็นครั้งที่สอง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะต้องระเหเรร่อน ย้ายไปไหนอีกหรือเปล่า นี่ก็อยู่นครนายกรอบที่สอง มาเกือบจะ 3 ปีแล้ว...............ถ้าจะย้าย ก็ขอให้ได้ย้ายไปที่ที่ดีกว่าเดิม เจอคนดีๆ เพื่อนร่วมงานดีๆ เหมือนที่ใครๆ หลายคน เคยอวยพรไว้ก็แล้วกันนะ.....



lozocatlozocat
















Create Date :07 กรกฎาคม 2554 Last Update :7 กรกฎาคม 2554 15:59:33 น. Counter : Pageviews. Comments :31