bloggang.com mainmenu search






หลายสัปดาห์ก่อน คุยกับน้องโอ(เนินน้ำ) เธอบอกว่า โจทย์เดือนนี้เป็นของน้องดาว simplyusana ให้ทำขนมไทย จะเป็นขนมไทยแท้ ๆ หรือจะเป็นขนมไทยฟิวชั่นก็ได้ พี่เปี๊ยกลองทำขนมไทยง่ายๆ ก็ได้นะ จะได้มาร่วมสนุกกัน 


คำตอบโดนใจอย่างแรง เพราะดองบล๊อกค้างเติ่งมาหลายเดือน เปลี่ยนบ้างก็ดีนะ เลยเกิดไอเดียทำขนมบัวลอยระลึกถึงความหลังดีกว่า   อยากรู้กันล่ะซิ...ว่ามีความหลังอย่างไร ต้องตามอ่านจนจบค่ะ แล้วจะรู้....อิอิ





ว่ากันว่า ขนมบัวลอยนั้น ดั้งเดิม เป็นขนมของชาวจีน กล่าวกันว่า เทศกาลไหว้ขนมบัวลอย(วันตังโจ๋ย) ก่อนถึงวันตรุษจีน ก็จะมีเทศกาล ตังจี่ (ตังโจ๊ย) หรือที่เรียกกันว่าสารท ขนมอี๊ (ขนมบัวลอย) กล่าวกันว่า ในวันเริ่มตังโจ๊ยนี้ พระอาทิตย์อยู่ทางทิศใต้สุดขั้ว เงาของพระอาทิตย์ยาวที่สุด ในสมัยโบราณจึ่งเรียกวัน ๆ นี้ว่า เฉี่ยงจี่ (สุดยาว) เป็นหลักการโคจรของพระอาทิตย์ ในแต่ละปี ภายหลังสารท ชิวฮุง (ปีนี้ตรงกับวันที่ 23 กันยายน) พระอาทิศเริ่มเคลื่อนลงสู่ทางทิศใต้ ถึงเส้นแวงที่ 23 องศา 26 ลิปดา 59 พิลิปดา ดังนั้น ทางขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ดินฟ้าภูมิอากาศย่อมมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แสงแดดยามกลางวันนั้นสั้น แสงมืดแห่งยามราตรีนั้นยาว แต่ที่ทางขั้วโลกใต้นั้นกลับตรงกันข้าม วัน ตังโจ๊ย เป็นวันที่พระอาทิตย์อยู่ทางขั้วใต้สุด ๆ ดังนั้น วัน ตังจี่ ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น่ำจี่ (สุดใต้) และเมื่อผ่านวัน ตังโจ๊ย ล่วงไปแล้ว พระอาทิตย์ก็จะเริ่มโคจรตามปกติสู่ทางด้านทิศเหนือ วันเวลายามกลางวันก็จะเริ่มต้นยาวขึ้นตามลำดับ วัน ตังโจ๊ย จึงถือเป็นวันตายตัวของวันที่ 22 หรือวันที่ 23 ธันวาคม ตามปฏิทินทางสุริยะคติสากล แต่ปฏิทินจีน ได้ใช้หลักตามจันทรคติ ดังนั้น เมื่อถือตามหลักของปฏิทินจีน วัน ตังโจ๊ย จึงไม่มีการตายตัวทุก ๆ ปี (ตังโจ๊ย) ปีนี้ปฏิทินจีนเป็นวันที่ 22 เดือนที่ 11)





ในสมัยโบราณ เมื่อถึงวันเทศกาล ตังโจ๊ย คนจีนต่างให้ความสำคัญไม่แพ้วันตรุษจีน เพราะเป็นวันใกล้จะสิ้นปี ต่างกุลีกุจอเตรียมการการฉลองวันสิ้นปีและวันตรุษจีน ดั่งเช่นที่เมือง โซวจิว ชาวเมืองต่างตื่นกันแต่เช้า รีบ ๆ กันไปไหว้เจ้าที่ศาลเจ้าตังเก๊กเซี่ยอ่วงเบี่ย (ศาลเจ้าหลักเมือง) ร้านรวงค้าขายต่างหยุดกิจการ ชาวเมืองต่างพร้อมใจกันร่วมฉลองดั่งเช่นวันตรุษจีน มีคำกล่าวขวัญกันว่า ตังโจ๊ยท่วงจื้อ, นี่โจ๊ยกอ แปลว่า ตังโจ๊ย ฉลองขนม ท่วงจื้อ (เป็นขนมทรงกลมชนิดหนึ่ง), ตรุษจีนฉลองขนม กอ (ขนมโก๋) นี่เป็นธรรมเนียมทำขนมกินกันตามสารท แต่ตามพิธีการของคนจีนส่วนใหญ่ทั่วทั้งประเทศ ในวันตังโจ๊ย นี้ คนจีนทางภาคเหนือมักกินเกี๊ยวน้ำ ส่วนคนจีนทางภาคใต้มักกินขนม ท่วงจื้อ ตามธรรมเนียมของคนจีนทางภาคใต้ ขนม ท่วงจื้อ ซึ่งเป็นขนมรูปเม็ดทรงกลม ได้ถูกพัฒนามาเป็นขนม อี๊ (ขนมบัวลอย) ดั่งเช่นที่เห็น ๆ คนจีนส่วนใหญ่กินกันในประเทศไทย เพราะว่าขนม อี๊ (บัวลอย) รูปเม็ดทรงกลม คนจีนเชื่อกันว่า เมื่อกินขนมชนิดนี้ตอนเทศกาลวัน ตังโจ๊ย จะทำให้บุคคลในครอบครัว ต่างสมัครสมานรักใคร่กลมเกลียวกันยิ่ง ๆ ขึ้น แม้ในวันพิธีมงคลที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ ขนม อี๊ ย่อมเป็นที่ขาดเสียมิได้





ในกาพย์แห่ชมเครื่องคาวหวาน (พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2) บรรยายถึงบัวลอยไว้ว่า


“รังไรโรยด้วยแป้ง เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมีรัง
ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง แต่ลำพังสองต่อสอง
งามจริงจ่ามงกุฏ ใส่ชื่อดุจมงกุฏทอง
เรียนร่ำคำนึงปอง สอิ้งน้องนั้นเคยยล
บัวลอยเล่ห์บัวงาม คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม"


ดังนั้น ตามประเพณีไทยนั้น บัวลอยเป็นขนมที่จะขาดไม่ได้เลยถ้ามีงานบุญต่างๆ


ข้อมูลจาก Internet ค่ะ



ส่วนผสมและวิธีทำ ลอกจากน้องโอค่ะ 

แป้งข้าวเหนียว 4 ช้อนโต๊ะ (น้อยไปป่ะ ตอนที่พี่ทำ ใส่โครมๆ เลย ไม่ได้กะซักกะติ๊ด)
แป้งมัน 1/2 ถ้วย (แต่ตอนทำจริงๆ ไม่ได้ใส่ค่ะ 555 แป้งข้าวเหนียวอย่างเดียวเลย ผิดสูตรรึป่าวเนี่ยะ)
เผือกนึ่งบด 1 ถ้วย ฟักทองนึ่งบด 1 ถ้วย
น้ำ 4-5 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง ทำไข่หวาน
มะพร้าวอ่อน หั่นชิ้นเล็กๆ บางๆ ข้าวโพดต้มแกะเป็นเม็ดๆ อีกหน่อย
-----------------
กะทิ (ใช้กะทิกล่อง ค่ะ มิได้คั้นเอง 555 )
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
เกลือ 1 ช้อนชา








1. ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน ปั้นกลมเป็นลูกเล็ก ๆ เตรียมไว้













2. ตั้งน้ำให้เดือด นำบัวลอยลงไปต้ม พอสุกลอยตักขึ้นแช่น้ำเย็น

3. ผสมกะทิ น้ำตาล เกลือ คนให้เข้ากันนำขึ้นตั้งไฟกลาง
พอเดือดใส่บัวลอยลงต้ม ใส่หัวกะทิคนให้เข้ากัน พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ ใส่ไข่หวาน กับมะพร้าวอ่อน ข้าวโพดต้ม แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย ยกเสริฟได้เลย 









ยังค่ะ ยังไม่จบ ก็เกริ่นบอกไว้แล้วตั้งแต่ต้นว่า....บัวลอยนี้...มีความหลัง

อ้าว...พร้อมกันรึยังจ้ะ เด็กๆ มานั่งล้อมวง ฟังป้าเล่าเรื่องกันเร็วววววว....

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อ๊ะ...ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่นิทาน นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 กว่าปี ก่อนโน้น สมัย จขบ.ยังสาวๆ ...อิอิ เมื่อเป็นแฟนกับคุณซะมีใหม่ๆ เพื่อนคุณซะมี เค้าก็มีแฟน แต่แฟนเพื่อนคุณซะมี เธอเป็นแม่ศรีเรือนตัวจริง ทำเป็นสารพัด คุณซะมีก็อยากให้เราเป็นแบบนั้นบ้าง บอกว่าอยากจะกินโน่นกินนี่ ให้เราทำให้กิน แต่เราไม่เคยทำกับข้าว เพราะเป็นลูกคนเล็ก แม่ทำให้กินตลอด ไม่เคยสนใจงานในครัว วิ่งปุเลงๆ เล่นกับพี่ ๆ ผู้ชาย อยู่นอกบ้านตลอด คุณซะมีเธอเกิดปิ๊งไอเดีย ให้เราหัดทำบัวลอย เพราะเธอชอบกินขนมบัวลอย เราก็ไปซื้อแป้งบัวลอยที่เค้าผสมสีเรียบร้อยกันมา มานั่งปั้นกันเป็นลูกกลม ๆ แต่ว่า...คุณซะมี เธอกินยาผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอว่า...ปั้นกลมๆ มันพื้นๆ ไป ไม่โดดเด่นโดนใจ ว่าแล้ว...เธอก็ปั้นบัวลอยออกมาเป็นแบบนี้ เหมือนโคลนนิ่งใบหน้าของเธอมาไม่มีผิด










วันนั้น....บัวลอยของเรา จึงเป็นบัวลอยลูกกลมๆ ที่มีหูกางเต็มไปหมด....นึกถึงตอนนั้นแล้ว ยังขำไม่หายเลย....555 เล่าจบ ทุกคนคงพอจะเดาออกใช่มั๊ยคะว่า...คุณซะมี เธอหน้าตาเป็นอย่างไร หลายคนเคยเห็นแล้ว และคงคิดในใจว่า...อืม...เป็นจริงดังนั้น













เพื่อน ๆ เลือกทานกันเองนะจ้ะ บัวลอยธรรมดา ๆ หรือว่าบัวลอยแบบหูกางเป็นมิคกี้เม้าส์....อิอิ


















ขอบคุณบล๊อกแก้งค์ที่หากิจกรรมดีๆ สนุกๆ มาให้สมาชิกได้ร่วมสนุกกัน
ขอบคุณของตกแแต่งบล๊อกน่ารักๆ จากบล๊อกยายเก๋า(ชมพร)

ที่สำคัญ...ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่มาเยี่ยมเยือนและไม่เคยลืมกัน
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ



...
























Create Date :24 เมษายน 2560 Last Update :25 เมษายน 2560 15:06:55 น. Counter : 2543 Pageviews. Comments :11