bloggang.com mainmenu search
lozocatlozocat


จากนครนายก พวกเราก็หอบหิ้วย้ายไปอยู่สุพรรณบุรีกัน ตอนย้ายครั้งนั้นขนของหนึ่งคันรถหกล้อ ก็ของสองบ้านมารวมกันนี่นะ ขยันซื้อของกันทั้งคู่ จนบ้านช่องไม่มีที่จะเก็บ ย้ายทีก็วุ่นวาย ไปทำงานที่สุพรรณบุรีทำงานที่เดียวกัน แต่อยู่คนละฝ่าย คุณซะมีอยู่ฝ่ายอำนวยการ ส่วนเราอยู่ฝ่ายแผนและโครงการ ทำงานที่สุพรรณบุรี ยอมรับว่าเหนื่อยสุดๆ ยิ่งมาอยู่ฝ่ายแผนและโครงการด้วยแล้ว โครงการต่างๆ เยอะแยะไปหมด แล้วมิหนำซ้ำยังมีเจ้าของเมืองตัวจริงอีกด้วย (ท่านบรรหาร) ซึ่งท่านคิดแผนงานโครงการ หางบประมาณมาพัฒนาจังหวัดบ้านเกิดของท่านเต็มไปหมด จนพวกเราทำกันไม่หวาดไม่ไหว บางครั้งต้องทำงานกันจนดึกจนดื่น แม้จะไปอยู่ใหม่แค่ปีเดียว แต่ก็กลายเป็นคนเก่าไปซะนี่ เพราะต้องทำงานแทนคนเก่าที่ย้ายไปถึงสองคน โดยไม่มีใครมาแทน ยอมรับว่าตอนนั้น ทำงานหนักมากๆ จนแอบร้องไห้เลยทีเดียว จากคนที่ไม่รู้เรื่องงานแผนซักอย่าง กลายเป็นคนที่รู้ไปเกือบหมด เพราะใครๆ ก็มักจะมาถามเรา ถ้าหัวหน้าฝ่ายไม่อยู่ แล้วหัวหน้าก็ไม่ยอมมอบให้เด็กใหม่ทำ จนเราบอกว่า แล้วเมื่อไหร่น้องๆ มันจะทำงานกันเป็น มัวแต่ไม่เชื่อใจ ไม่เชื่อมือกันแบบนี้ แบ่งภาระเราไปบ้างเถอะ เรารับไม่ไหวแล้ว บางครั้งนึกน้อยใจ เพราะจะไปสอบเลื่อนระดับ ขอลาพักผ่อนเพื่ออ่านหนังสือสอบ ก็ไม่ให้ลา แถมสอบเสร็จก็ให้รีบกลับมา


แต่ช่วงนั้น หัวหน้าสำนักงานจังหวัดก็ดีมากๆ เราย้ายมาอยู่สุพรรณกันได้หนึ่งปี คุณซะมีก็สอบได้ในตำแหน่งที่สูงขึ้น ต้องย้ายไปอยู่พิษณุโลก ตอนนั้นลูกยังเล็ก ประมาณขวบกว่าๆ เราจะขอย้ายตามไป แต่หัวหน้าสำนักงานจังหวัด ขอไว้ บอกว่าอย่าเพิ่งไป รออีกสักพักหนึ่ง เพราะว่าเพิ่งจะมีน้องๆ บรรจุใหม่มาอีก 3 คน เราจะได้ช่วยสอนงานเด็กๆ ได้ ช่วงนั้นคุณซะมีเป็นฝ่ายเทียวพิษณุโลก – สุพรรณ ทุกอาทิตย์ น้องๆ ที่มาใหม่ เป็นผู้ชายหมด สรุปแล้วฝ่ายแผนและโครงการซึ่งมีทั้งหมด 7 คน เป็นผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 2 คน น้องๆ ก็น่ารักดีกันทุกคน ขยันกันมากๆ


งานราชการ บางทีก็มืโครงการชื่อแปลกๆ อย่างเช่นที่ สุพรรณในสมัยนั้น มี “โครงการยกศาลากลางไปกลางหมู่บ้าน กินนอนค้างศาลา แก้ปัญหาประชาชน” เป็นโครงการของฝ่ายปกครอง พอเค้าไปกัน เราก็มักจะแซวเพื่อนๆ ฝ่ายปกครองที่ไปกันว่า ยกศาลากลางไปแล้ว อย่าลืมยกกลับมาด้วยล่ะ เดี๋ยวไม่มีที่ทำงานกัน...อิอิ สมัยนี้ก็คงจะคล้ายๆ กับ โครงการจังหวัดเคลื่อนที่ นั่นแหล่ะ


อยู่สุพรรณบุรี ใช่ว่าชีวิตจะรันทดซะทีเดียว มันก็ยังมีอะไรน่ารัก ๆ เกิดขึ้นเสมอ นั่นก็คือ ความมีน้ำใจไมตรี ความเอื้ออาทรของคนต่างจังหวัด มีให้เห็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเพื่อนบ้าน เค้าน่ารักมากๆ ไม่อยู่ ก็คอยดูแลบ้านช่องให้ บ้านตรงข้ามเป็นโรงงานทำขนมเปี๊ยะ เค้ามีแต่ลูกชาย น้องเมย์จึงเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนบ้านนี้มาก ๆ เพื่อนบ้านละแวกเดียวกันก็น่ารัก ไม่เว้นแม้แต่พ่อค้าแม่ค้าในตลาด กระทั่งคนขับรถสามล้อ ก็สนิทคุ้นเคยกันดี เพราะพอคุณซะมีย้ายไปพิษณุโลก ก็ต้องไปทำงานเอง ก็อาศัยรถสามล้อรับจ้างนี่แหล่ะ จำได้ว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทำงานเสร็จ ไปตลาด ขากลับจะกลับบ้าน มีคนขับรถสามล้อคนหนึ่ง พอเห็นเรา ก็บอกเพื่อนๆ เค้าว่า เราเป็นญาติเค้าเอง เราก็ขำ อมยิ้มอยู่ในใจว่า เราเป็นญาติกับคนขับรถสามล้อไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มันดูตลก ซื่อๆ ดี เราก็มองคนอื่น ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสามล้อที่เราเคยใช้บริการทั้งนั้น ตอนหลัง ๆ เวลาขึ้นรถสามล้อ ก็จะไปกับคันโน้นมั่งคันนี้มั่ง ขึ้นไปไม่ต้องบอก ไปส่งถึงที่เลย เพราะว่านั่งกันทุกวัน


ไม่นานหัวหน้าสำนักงานจังหวัดก็ย้าย ก่อนจะไป หัวหน้าบอกกับเราว่า อยากย้ายไปไหนก็ไปเถอะ เราก็เลยขอย้ายไปพิษณุโลก แต่ไม่มีตำแหน่งว่าง เลยได้ลงที่ตาก เราได้กลับไปอยู่ตาก จังหวัดที่เราเคยทำงานครั้งแรกอีกครั้ง คนเก่าๆ ที่เคยทำงานด้วยกันเมื่อเราทำงานใหม่ ๆ ก็ยังอยู่หลายคน ทุกคนดีใจมากๆ ที่เราย้ายกลับไป แถมยังบอกว่า เราคุยเก่งขึ้นเยอะ เมื่อก่อนเรียบร้อยไม่ค่อยพูดค่อยจา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดก็เคยเป็นหัวหน้าฝ่าย เมื่อตอนที่เราอยู่ตากครั้งแรก หัวหน้าคนนี้ก็ใจดีมากๆ ตลก รักลูกน้องทุกคน ใครๆ ก็รักหัวหน้า พอบ่ายวันศุกร์ แกก็จะไล่ให้เรากลับพิษณุโลก เพราะตอนนั้นเอาลูกไปอยู่กับพ่อเค้าที่พิษณุโลก มียายไปช่วยเลี้ยง เราเป็นฝ่ายเทียวตาก – พิษณุโลก ทุกอาทิตย์ แต่...เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก เราไปอยู่ตากได้แค่ 6 เดือน คุณซะมีก็ได้ย้ายกลับสุพรรณ เวรจริงๆ ชีวิตช่างวุ่นวายจริงๆ ช่วงนั้น ที่เค้าได้ย้ายกลับไป เพราะคนที่สุพรรณดึงตัวไป ตอนแรกบอกว่าจะให้กลับไปทั้งคู่ แต่ปรากฏว่า เราต้องค้างเติ่งอยู่ที่ตากคนเดียว ขนของจากพิษณุโลก ไปสุพรรณเที่ยวนี้ ถึงขนาดรถสิบล้อเลย 555


ตอนนั้นเราเป็นฝ่ายเทียวตาก – สุพรรณ ชีพจรลงเท้าจริง ๆ เลย มีคนเคยบอกว่า คนที่เดินทางบ่อย ๆ มักจะมีไฝแดงที่เท้า เราก็ไม่เคยสนใจ พอครั้งนั้นลองดูเท้าตัวเอง โอ...แม่เจ้า มีไฝแดงที่เท้าทั้งสองข้างเลย ทำงานที่ตากก็สนุกดี เพราะล้วนแต่เป็นคนที่คุ้นเคยกันมาก่อน ลำบากก็ช่วงเดินทางแค่นั้นแหล่ะ เพราะต้องไปต่อรถที่นครสวรรค์ ช่วงนั้นน้องเมย์อายุได้สองขวบกว่า ๆ ก็ไปเข้าเรียนเตรียมอนุบาล ส่วนเราก็อยู่ตากต่อไป พอดีท่านฮึกหาญ ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้ตรวจราชการฯ ไปตรวจราชการที่ตากพอดี เราเลยขอให้ท่านช่วยให้เราย้ายกลับ กทม. เพราะลูกเริ่มจะเข้าเรียนแล้ว อยากจะอยู่เป็นหลักแหล่ง ปรากฏว่า ได้ย้ายเข้ากระทรวงทั้งคู่เลย แต่อยู่คนละหน่วยงาน เราอยู่สำนักนโยบายและแผน ส่วนคุณซะมีอยู่สถาบันดำรงราชานุภาพ แต่...เราก็อยู่ในกระทรวงได้แค่ 6 เดือนเอง เราก็สอบเลื่อนระดับได้ ย้ายอีกรอบ คราวนี้ขอใกล้ๆ กทม.หน่อย ได้ไปลงที่อ่างทอง.....



lozocatlozocat











Create Date :28 มิถุนายน 2554 Last Update :28 มิถุนายน 2554 17:01:53 น. Counter : Pageviews. Comments :40