"ในเด็กปกติทุกคนในโลก พ่อแม่สามารถสอนให้เรียนรู้ 2 ภาษาได้พร้อมๆกัน ตั้งแต่ขวบปีแรก"

หลายๆคนอาจยังไม่คุ้นกับคำว่า Verbal IQ หรือระดับความสามารถทางภาษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจวัดระดับสติปัญญา (IQ) ในเด็ก หากเด็กมีพัฒนาการทางภาษาดี ช่างซักช่างถาม จะช่วยส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้มากขึ้น และถ้าพ่อแม่ขยันพูดคุย ขยันตอบคำถามของเด็กก็จะเป็นการต่อยอดการเรียนรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และภาษาก็มีความสำคัญมากๆต่อพัฒนาการด้านอื่นๆ และการเรียนรู้ ในอนาคตเมื่อเด็กไปโรงเรียน เด็กที่มีทักษะทางภาษาดีมักจะประสบผลสำเร็จทางการเรียนที่ดีกว่า

แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า ทารกจะมีพัฒนาการที่ดีได้นั้น ต้องมีความพร้อมในเรื่องของสุขภาพกายที่สมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคและการเจริญเติบโตสมวัย คือต้องได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างเพียงพอครบถ้วนและสารอาหารแต่ละชนิดก็มีผลต่อการเจริญเติบโตของสมองเป็นอย่างมาก ซึ่งสมองของทารกจะเติบโตถึง 80% ในช่วงตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึง 3 ปีแรก ถือเป็นโอกาสทองแห่งพัฒนาการที่จะเกิดขึ้นในช่วง 1,365 วันนี้ เท่านั้น ซึ่งในช่วงนี้หากได้อาหารไม่ครบถ้วนหรือขาดสารอาหารจะมีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของเซลล์สมองอย่างมาก ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อระบบพัฒนาการในทุกๆด้านอย่างแน่นอน

นอกจากความพร้อมในเรื่องของสุขภาพกายแล้ว ทารกยังต้องได้รับอาหารใจที่เหมาะสมด้วย คือต้องได้รับความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ ความเอาใจใส่จากพ่อแม่หรือคนเลี้ยง เด็กจึงจะมีพัฒนาการได้สูงสุดเต็มศักยภาพ

เด็กทารกจะสามารถเรียนรู้และมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีได้นั้น ต้องอาศัยปัจจัยใหญ่ๆที่สำคัญ คือพัฒนาการของสมองและสภาพแวดล้อมในการเลี้ยงดู และการได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสมตามวัย โดยปกติเด็กจะเริ่มมีพัฒนาการด้านการพูดในวัยที่ใกล้เคียงกันและมีพัฒนาการที่เป็นขั้นเป็นตอนเหมือนกันทุกชาติทุกภาษา จะต่างกันก็ในรายละเอียดเท่านั้น เช่น อาจพูดได้ช้า หรือพูดเร็วต่างกัน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามเด็กจะมีพัฒนาการทางด้านการรับรู้ภาษา (Receptive) และการพูดหรือการแสดงออก (Expressive) ไปพร้อมๆกัน เริ่มจากเด็กแรกเกิดใช้เสียงร้องในการสื่อความหมาย เพื่อบอกความต้องการของร่างกายและสภาพอารมณ์ เช่น เมื่อหิว เจ็บ ไม่สบาย เริ่มส่งเสียง อืออา อ้อแอ้ พ่นน้ำลาย เล่นริมฝีปากออกเสียง เริ่มเล่นเสียง เริ่มพูด

เด็กที่มีความสมบูรณ์พร้อมทางร่างกาย และมีเซลล์สมองที่เติบโตเต็มที่ก็จะมีพัฒนาการด้านภาษาที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากๆ ในช่วง 3 ปีแรกหรือ 1,365 วัน นับตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ โดยความสามารถที่น่ามหัศจรรย์ในเรื่องพัฒนาการทางภาษาของเด็กนั้น คือ เด็กที่มีพัฒนาการในเกณฑ์ปกติทุกชาติทุกภาษามีความสามารถมากพอที่จะเรียนรู้ได้ถึง 2 ภาษาในเวลาเดียวกัน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบปีแรก...นั่นแสดงว่ายิ่งคุณพ่อคุณแม่ให้เวลาในการพูดคุยสื่อสารกับทารกมากแค่ไหน พัฒนการทางภาษาของทารก ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้นไปด้วย

คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสนใจ เอาใจใส่ พูดคุยกับเด็กบ่อยๆ ควรทำตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อสร้างสายใยรัก ความผูกพัน และการจดจำถ้อยคำน้ำเสียงต่างๆ ที่ได้รับการสื่อสารจากคุณพ่อคุณแม่ และพูดคุยต่อเนื่องไปจนหลังคลอด เมื่อเด็กสามารถเปล่งเสียงได้ให้เปล่งเสียงเล่นโต้ตอบ เพื่อให้เด็กเลียนเสียง และพยายามเลือกคำง่ายๆพูดคุยกับเด็กบ่อยๆ กระตุ้นให้พูดตาม ค่อยๆเพิ่มจำนวนคำมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความเหมาะสมของวัยในการเรียนรู้ ก็จะสามารถมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีได้ ยิ่งคุณพ่อคุณแม่พูดคุยสื่อสารกับทารกมากแค่ไหนพัฒนาการทางภาษาของทารกก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้นไปด้วย เป็นสิ่งมหัศจรรย์เล็กๆในบ้าน ที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนสามารถช่วยให้เกิดขึ้นได้กับลูกน้อยของตัวเองค่ะ

การทุ่มเท และการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่ ช่วยต่อยอดพัฒนาการทางภาษาของลูกได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด นับตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ โดยความสามารถที่น่ามหัศจรรย์ในเรื่องพัฒนาการทางภาษาของเด็กนั้น คือ เด็กที่มีพัฒนาการในเกณฑ์ปกติทุกชาติทุกภาษามีความสามารถมากพอที่จะเรียนรู้ได้ถึง 2 ภาษาในเวลาเดียวกัน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบปีแรก...นั่นแสดงว่ายิ่งคุณพ่อคุณแม่ให้เวลาในการพูดคุยสื่อสารกับทารกมากแค่ไหน พัฒนการทางภาษาของทารก ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้นไปด้วย

Create Date : 08 มีนาคม 2551
Last Update : 17 มีนาคม 2551 21:25:50 น.		0 comments
Counter : 610 Pageviews.
Share Tweet