ลำดับเหตุการณ์สำคัญ
1516 นักสำรวจชาวสเปน Juan Díaz de Solis ถูกฆ่าตายโดยคนพื้นเมือง
ในขณะที่สำรวจ Rio de la Plata การตายของเขา
ทำให้ตกเป็นอาณานิคมของยุโรปล่าช้าไปอีกนานกว่า 100 ปี
1726 ชาวสเปนพบเมือง Montevideo
และมีชัยเหนืออุรุกวัยที่ปกครองโดยโปรตุเกส
ทำให้คนพื้นเมืองหลายคนถูกฆ่า
1776 อุรุกวัยกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองโดยอุปราช La Plata
ที่มีเมืองหลวงอยู่ที่บัวโนสไอเรส Buenos Aires
1808 - อุรุกวัยก่อการกบฏกับอุปราช La Plata
ตามด้วยการล้มล้าง/บดขยี้ระบอบกษัตริย์สเปน
โดย นโปเลียนโบนาปาร์ (จักรพรรดิ์นโปเลียนของฝรั่งเศส)
1812-1820 คนตะวันออก Orientales หรือชาว Uruguayans
จากฝั่งตะวันออกของแม่น้ำพลาตา
ต่อสู้กับผู้รุกรานชาวอาร์เจนตินาและชาวบราซิล
อุรุกวัยได้แชมป์ฟุตบอลโลกด้วยการชนะประเทศเื่พื่อนบ้านอาร์เจนตินา
ด้วยผลคะแนน 4-2 ในรอบชิงชนะเลิศปี 1930
เอกราชและสงคราม
1828 - บราซิลและอาร์เจนตินายอมสละ
สิทธิเหนือดินแดนซึ่งกลายเป็นสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย
1830 - ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
1838-1865 - สงครามกลางเมืองระหว่าง Blancos หรือพวกขาว
(พรรคอนุรักษ์นิยมในเวลาต่อมา)
และ Colorados หรือพวกแดง (พรรคเสรีนิยมในเวลาต่อมา)
1865-1870 - อุรุกวัยร่วมมืออาร์เจนตินาและบราซิล
ในการทำสงครามที่มีชัยชนะเหนือปารากวัย
1903-1915 นักปฏิรูป José Batlle y Ordonez (พรรค Colorados)
ออกกฎหมายให้ผู้หญิงได้รับสิทธิพิเศษทางการเมือง
และประกาศเป็นรัฐสวัสดิการ
ยกเลิกอำนาจศาสนาจักรและยกเลิกโทษประหารชีวิต
ในช่วงสองสมัยที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
1933 - กลุ่มฝ่ายค้านถูกห้ามดำเนินทางการเมือง
ผลจากการรัฐประหารของทหาร
1939-1945 - สงครามโลกครั้งที่ 2 อุรุกวัยวางตัวเป็นกลาง
ในช่วงต้น ๆ ของสงครามเป็นส่วนมาก
แต่ต่อมาเข้าร่วมกับพันธมิตร
1951 ประธานาธิบดีถูกทำหน้าที่แทนด้วย
คณะกรรมาธิการจำนวนเก้านาย ผลจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เมืองหลวงที่มีสถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม หาดทรายและท่าเรือที่คับคั่ง
เผด็จการ สงครามกองโจร และการหวนกลับคืนสู่ระบบประชาธิปไตย
1962 - โฆษณาชวนเชื่อของกองโจรติดอาวุธฝ่ายซ้าย Tupamaros
เริ่มต้นและสิ้นสุดในปี 1973
1971 เอกอัครราชทูตอังกฤษในอุรุกวัย เจฟฟรีย์ แจ็คสัน Geoffrey Jackson
ถูกลักพาตัวไปโดยกองโจรติดอาวุธฝ่ายซ้าย Tupamaros
และถูกปล่อยตัวเป็นอิสระในเวลาแปดเดือนต่อมา
เขาเป็นอิสระหลังจากการแหกคุกครั้งใหญ่ที่นำโดยนักโทษ Tupamaros
แต่เจ้าหน้าที่รัฐปฏิเสธในเรื่องนี้ว่าไม่เกี่ยวกับการแลกกับการปล่อยตัวประกัน
1972 มีผู้รอดชีวิตจำนวนสิบหกคน จากเครื่องบินอุรุกวัยตกในเทือกเขา Andes
พวกเขามีชีวิตอยู่ด้วยการกินเนื้อของผู้โดยสารที่เสียชีวิต
ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของทีมรักบี้อุรุกวัยรักบี้
หลังจากที่ติดอยู่บนเขาเป็นเวลา 10 สัปดาห์
1973 - กองทัพยึดอำนาจและให้สัญญาว่า
จะส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
แต่นำไปสู่ช่วงการปราบปรามที่รุนแรงทีสุด ในระหว่างช่วงนี้
อุรุกวัยกลายเป็นที่ รู้จักในฐานะประเทศที่มีชื่อว่า
"ห้องทรมานละตินอเมริกา"
1984 มีการประท้วงอย่างรุนแรงต่อต้านการปราบปราม
และไม่พอใจกับสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายมากขึ้น
1985 กองทัพและผู้นำทางการเมืองเห็นพ้องต้องกันว่า
รัฐบาลควรกลับไปสู่การปกครองตามรัฐธรรมนูญ
และเริ่มปล่อยตัวนักโทษการเมือง
มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับทหาร/สมาชิกกองกำลังติดอาวุธ
ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ในช่วงการปกครองของระบอบ
เผด็จการทหารที่มีประธานาธิบดีชื่อ อูลี มารี แซงกียแนตตี Julio Maria Sanguinetti
1989 - มีการลงประชามติรับรองการนิรโทษกรรม
สำหรับการกระทำความผิดโดยไม่ชอบต่อสิทธิมนุษยชน
และ ลากาเย เรลา Lacalle Herrera ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
1994 - Julio Maria Sanguinetti ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
1999 - โฮเซ่ว่าเกส Jorger Batlle ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
2000 - คณะกรรมการเริ่มต้นสืบสวนชะตากรรมของคนจำนวน 160 คน
ที่สูญหายไปในระหว่างช่วงปีที่ปกครองโดยเผด็จการทหาร
2002 เมษายน อุรุกวัยยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบา
หลังจากคิวบากล่าวหาว่าเป็นสุนัขรับใช้สหรัฐ
ในการให้การสนับสนุนมติสหประชาชาติ
ที่เรียกกันว่า ฮาวานา Havana ในการปฏิรูปการใช้สิทธิมนุษยชน
วิกฤตการณ์ทางการเงิน
2002 พฤษภาคม - มาตรการฉุกเฉิน ได้แก่ การเพิ่มภาษี ที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Batlle ในความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้
เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินจากที่ลุกลามข้ามพรมแดน
2002 สิงหาคม รัฐบาลสั่งให้ธนาคารปิดทำการให้บริการเกือบหนึ่งสัปดาห์
เพื่อจะหยุดยั้งการถอนเงินฝากสะสมของประชาชน
มีการประท้วงเกิดขึ้นทั่วไปกับการเกิดขึ้นของภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
2003 เมษายน - ธนาคารโลกอนุมัติเงินกู้มีมูลค่ามากกว่า $ 250m (7,500,000,000.-บาท
2003 ธันวาคม - มีการลงประชามติปฏิเสธแผนการที่
จะเปิดเสรีประเทศจากการผูกขาดน้ำมันของรัฐ
เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้
2004 พฤษภาคม วุฒิสภาไม่รับรองกฎหมายที่ให้มีการทำแท้งได้
โรงงานผลิตเยื่อกระดาษ
การเมืองเปลี่ยนขั้วเป็นพรรคฝ่ายซ้าย
2004 พฤศจิกายน - พรรคฝ่ายซ้าย Tabare Vazquez ชนะการเลือกตั้ง
เป็นประธานาธิบดีทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
2005 มีนาคม - ประธานาธิบดี Vazquez ให้คำมั่นสัญญาว่าภายในไม่กี่ชั่วโมง
เขาจะเริ่มคืนดีในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับคิวบา
และได้ลงนามข้อตกลงทางด้านพลังงานกับเวเนซุเอลา
พร้อมประกาศประชานิยมรัฐสวัสดิการ
เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาความยากจน
2005 ธันวาคม ผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์พบซากศพมนุษย์
ที่คาดว่าเป็นเหยื่อของการปกครองโดยเผด็จการทหาร
ประธานาธิบดี Vazquez สั่งการให้ค้นหาข้อเท็จจริงโดยเร็วหลังจากที่เริ่มทำงาน
2006 กรกฎาคม - ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศปฏิเสธคำร้อง
ของประเทศอาร์เจนตินาที่ให้ระงับการก่อสร้างโรงงาน
ผลิตเยื่อกระดาษทั้งสองแห่งของอุรุกวัย
ขณะที่อุรุกวัยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าโรงงาน
จะก่อให้เกิดมลภาวะในเขตพื้นที่ชายแดน
2006 พฤศจิกายน อดีตประธานาธิบดีที่เคยเป็นเผด็จการ
และกลับมาสู่ระบบการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย
Julio Maria Bordaberry และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ
ในยุคของเขาถูกจับกุมในข้อห้าร่วมกันฆ่า
คู่แข่งทางการเมืองจำนวนสี่นายในปี 1976
2006 ธันวาคม อุรุกวัยจ่ายคืนหนี้จำนวนพันล้านดอลลาร์
ที่กู้ยืมมาจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF
2007 พฤษภาคม รัฐสภาของประเทศในกลุ่มตินอเมริกา
ประกาศการเข้าร่วมมือกันทางการค้า
แบบกลุ่มความร่วมมือกัน Mercosur
โดยมีสถานที่ตั้งในเมืองหลวงมอนเตวิเด
2007 กันยายน - ชาว Argentineans หลายร้อยคน
ข้ามเข้าไปในเขตแดนประเทศอุรุกวัย
เพื่อประท้วงโรงงานผลิตเยื่อกระดาษกระดาษ
ซึ่งประเทศอาร์เจนตินาและนักวิชาการสิ่งแวดล้อม
กล่าวหาว่าทำให้แม่น้ำเป็นมลพิษ
2008 มิถุนายน ประธานาธิบดีวาสเกซ
ประกาศการค้นพบสิ่งที่อาจเป็นหลุมก๊าซธรรมชาติ
ขนาดใหญ่ออกของอุรุกวัยนอกชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
ผู้นำกองทัพในช่วงปี 1970
Julio Maria Bordaberry
อดีตเผด็จการถูกตัดสินจำคุก
2009 ตุลาคม - ศาลฎีกาชี้ขาดว่าว่ากฎหมายป้องกัน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลทหารพ้นจากการถูกดำเนินคดี
ในการละเมิดสิทธิมนุษยชน ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
อดีตนายทัพทหาร Gregorio Alvarez ถูกตัดสินจำคุก 25 ปี
ในข้อหาฆาตกรรมและละเมิดสิทธิมนุษยชน
กลุ่มพันธมิตร Frente Amplio ชนะการเลือกตั้งเข้าสู่รัฐสภา
2009 พฤศจิกายน อดีตกบฎฝ่ายซ้ายกบฎหันหน้ามาร่วมมือกัน
กับ Frente Amplioทำให้ Jose Mujica โฮเซ่ หมู่ฮิก่า
ผู้บริหารของ Frente Amplioชนะการเลือกตั้ง
ได้รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี
2010 กุมภาพันธ์ อดีตประธานาธิบดี Julio Maria Bordaberry
ถูกตัดสินจำคุก 30 ปีในข้อหาฆาตกรรมและ
การละเมิดรัฐธรรมนูญ ในการทำรัฐประหาร ปี 1973
แต่เพราะอายุที่มากของเขา ทำให้เขาต้องโทษจำคุก
ภายในบ้านพักของตนเองและเสียชีวิตในปี 2011
2010 มีนาคม - Jose Mujica หมู่ฮิก๊า รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี
2011 ตุลาคม - รัฐสภาลงมติยกเลิกกฎหมายนิรโทษกรรม
ที่ป้องกันทหารจากการถูกดำเนินคดีการก่ออาชญากรรม
ภายใต้การปกครองของเผด็จการทหารใน 1975-1983
2012 กรกฎาคม - รัฐบาลเริ่มทำการศึกษาเรื่อง
การเสพย์กัญชาไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย
2012 ตุลาคม อุรุกวัยจะกลายเป็นประเทศแรกในละตินอเมริกา
หลังจากประเทศคิวบาที่อนุญาตให้เป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย
ในการทำแท้งสำหรับผู้หญิงทุกคน
วุฒิสภาลงมติให้จำกัดเพียงภายใน
12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์