VIDEO Credit Kdunagin จาก Pantip.com ที่มีมุมมองอีกแบบหนึ่ง ยังมีคนให้ราคากับคำพูดของ Noam Chomsky อีกหรือคะ เมื่อ 20-30 ปีก่อนคำพูดของแกดูน่าตื่นเต้นดีค่ะ เพราะดูต่างจากคนอื่นดี แต่พอนานๆ เข้า ยิ่งฟังแกพูด สิ่งที่เห็นชัดเจนอย่างแรกเลยแกเป็นคนที่ negative ในทุกเรื่อง อย่างที่ 2 แกนั่งอยู่บนหอคอย ไม่เคยรู้จริงๆ เลยว่า โลกบนพื้นดินจริงๆ เขาเป็นกันอย่างไร อย่างแกบอกว่า genocide ในกัมพูชาไม่เคยเกิดขึ้นจริง holocaust สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาจาก propaganda ของนาซี และไม่เคยเกิดขึ้นจริง แกบอกว่าI see no antisemitic implications in denial of the existence of gas chambers, or even denial of the holocaust. (จากนิตยสาร Quadrant เดือนตุลาคม ปี 1981) อย่างกรณีพอลพตในการฆ่าล้างชาติของกัมพูชา แกเคยเขียนว่าอย่างนี้ค่ะthe evacuation of Phnom Penh, widely denounced at the time and since for its undoubted brutality, may actually have saved many lives. It is striking that the crucial facts rarely appear in the chorus of condemnations. (จาก South End Press, 1979 หน้า 160) เรื่องของเรื่องคือ Chomsky thrives on ด้านลบของทุกเรื่อง คนบางกลุ่มชอบเพราะเอาไปสร้างเป็น conspiracy theory ได้ง่าย แล้วแกก็ลอยตัวเองอยู่เหนือปัญหา ระหว่างคนที่เจอปัญหาแล้วต้องลงมือแก้จริงๆ กับคนที่เป็นแต่วิจารณ์มันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ อย่างแกเคยวิจารณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐเข้าไปวุ่นวายกับอิสราเอลมากเกินไป ก็นี่ไง รัฐบาลโอบามาเริ่มถอยห่างออกมาแล้วเป็นผู้ดูแล้ว แกก็ยังหาเรื่องวิจารณ์อีกจนได้ แกวิจารณ์รัฐบาลสหรัฐสมัยที่ประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ว่าใช้จ่ายเงินกับการทหารมากเกินไป เหมือนค้าสงคราม โอบามายุติสงครามอิรักแล้ว กำลังจะยุติสงครามในอัฟกานิสถานด้วย ตัดงบประมาณการทหารจากที่เคยเป็น 1 ใน 3 ของงบประมาณทั้งประเทศลงตามลำดับ อ้าว เฮ้ย แกยังไม่พอใจอีก นักเขียนและนักวิจารณ์ชื่อ Stefan Kanfer เคยเขียนไว้ว่า ในอเมริกาคนเรามีชื่อเสียงได้ 2 ทางคือ ในแนวนอนและในแนวตั้ง คนทั่วไปมักจะสร้างชื่อเสียงในแนวนอน คือค่อยเป็นค่อยไป ค่อยสะสมสิ่งที่สร้างชื่อเสียง อย่างเช่นนักประดิษฐ์ทั้งหลาย ศิลปินที่มีพรสวรรค์จริงๆ คนที่มีชื่อเสียงในแนวนอนจะไม่สร้างชื่อให้ตัวเองได้ภายในคืนเดียว แต่บางคนพยายามสร้างชื่อเสียงแนวตั้ง คือทำอะไรที่ช็อกผู้คน อย่างเช่น Chomsky ซึ่งเป็นนักภาษาศาสตร์เคยค้านความเชื่อที่มีมาแต่เดิมว่า ภาษาที่เด็กๆ ได้มาเกิดจากการเรียนรู้ แต่แกกลับบอกว่าภาษานั่น hardwired มาในคนเราทุกคนแล้วตั้งแต่เกิด คนเราเรียนรู้ไวยากรณ์ทาง genetic ผู้คนก็ฮือฮากันสิคะ ที่สำคัญคือ นับแต่นั้นมาแกกู่ไม่กลับอีกเลย เพราะมองเห็นวิธีสร้างความเป็น "ดาราแสดงนำ"ให้ตัวเองแล้ว
Chomsky เป็นพวก anarchist ค่ะ
เมื่อ 30-40 ปีที่แล้วนี่เห็นด้วยกับแนวคิดของแกนะคะ แม้ว่าแกจะเป็นแต่คิดและวิจารณ์ ไม่เคยเสนอแนวทางไหนที่ปฏิบัติได้จริงเลย เพราะตัวแกมีประสบการณ์จริงกับเรื่องที่แกพูดถึงน้อย แต่พอเอาสิ่งที่แกเคยพูดไว้มาทบทวนดู เห็นเลยว่าคนนี้มีความเข้าใจอะไรๆ ที่เป็นไปตามความเป็นจริงน้อยมาก ที่ยิ่งกว่านั้นคือด้วยความที่แกมีความเชื่อมั่น ในความคิดของตัวเองค่อนไปทางหลงตัว จนไม่ฟังความคิดเห็นที่ขัดแย้ง แต่พอใครแสดงหลักฐานให้เห็นกันจะๆ ว่าตรงข้ามกับสิ่งที่แกแสดงความคิดเห็นไป แกก็หาทาง 'แถ' ไปจนได้ ตัวอย่าง อย่างแกเคยชมนโยบายที่ปฏิบัติ ในชนบทของเมาเซตุงว่าเป็นสิ่งที่เที่ยงธรรม และเหมาะสมกับสภาพสังคมของประเทศจีนที่สุด แกพูดแบบนั้นโดยไม่รู้เลยว่าแค่ 5 ปีก่อนหน้านั้นเอง จีนอยู่ในสภาพที่ผู้คนอดหยากและล้มตายที่เรียกกันว่า The Great Chinese Famine of 1958-1962 ในหน้าประวัติศาสตร์นั่น คือ ความหายนะที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ คราวนั้นมีชาวจีนตายทั้งหมด 30 ล้านคน ต่อมาพอมีคนชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น รวมทั้งเหตุการณ์คล้ายกันที่เกิดในเวียตนาม แกก็แถไปว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจำเป็น การที่รัฐสร้างความหวาดกลัวในหมู่ชาวบ้าน การที่เจ้าของที่ดินถูกฆ่าเพื่อรัฐ จะได้ยึดที่ดินมาเสียบางครั้งก็เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าต้องการพาประเทศให้ก้าวต่อไปได้ง่ายๆ คือตอนที่แกพูดไปคราวนั้นแกยังไม่รู้เรื่องราว ความเป็นไปในประเทศจีน แต่ก็แสดงความคิดเห็นไปก่อนแล้ว จะแก้ทีหลังก็เสียหน้า เหอะๆ หรืออย่างที่แกชื่นชมนโยบายของพอลพตเสียนักหนา แรกๆ แกไม่เชื่อว่ามีการฆ่าหมู่ประชาชนกัมพูชาจริง แสดงชัดว่าแกรู้ถึงเหตุการณ์ในประเทศอื่นที่เกิดขึ้นจริงช้ามาก แต่ขอให้ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกไปก่อน พอมีคนชี้ให้เห็นการฆ่าหมู่ชาวกัมพูชาเป็นล้าน เป็นการฆ่าหมู่อย่างเป็นระบบเสียด้วย ทีนี้ทำไง ในเมื่อแกเคยแสดงความชื่นชม รัฐบาลพอลพตไปแล้ว บอกไปแล้วว่าไม่มีหลักฐานอะไรแสดง ให้เห็นว่ามีการฆ่าหมู่จริง แกก็แถไปอีกว่าในการเปลี่ยน regime และการปฏิวัติทางสังคม บางครั้งนั่นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ยังไม่ยอมรับตรงๆ หรอกนะคะว่า ยอมจำนนต่อหลักฐานว่า genocide ในกัมพูชานั้นเกิดขึ้นจริง ยิ่งทบทวนสิ่งที่แกเคยแสดงความคิดเห็นไว้มากเท่าไหร่ ความศรัทธาที่เคยมีให้ยิ่งหดหายค่ะ ยิ่งความคิดเห็นทุกวันนี้ของแกยิ่งแล้ว คือ แก get stuck อยู่แค่ประมาณทศวรรษที่ 50s- 60s เท่านั้นเอง แกไม่มีความคิดอะไรใหม่ๆ ที่ปรับเปลี่ยน ไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลกเท่าที่ผ่านมาตลอด 50 ปีอีกเลย อ้อ! อีกอย่าง Chomsky เป็นยิวค่ะ เคยมีคนเรียกแกว่า self-hating Jew มีความรู้สึกคล้ายๆ ฮิตเลอร์ที่มีเชื้อสายยิว แต่กลับทำลายคนที่เชื้อสายเดียวกับตัวเอง เหมือนรู้สึกว่าเป็นคนมีปมด้อยที่ มีเชื่้อสายนี้หรือยังไงก็ไม่ทราบ กรณีพอลพตกับกัมพูชา ถ้าเป็นคนอื่นคงรู้สึกเสียหน้าเพราะเหตุการณ์คราวนั้น เรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ยุคใกล้นะคะ แต่ไม่ใช่สำหรับ Chomsky ความคิดของแกมีแนวเดียวคือ ทุกอย่างที่ต่อต้านนโยบายของรัฐบาลอเมริกันถือเป็นเรื่องดีหมด แกชื่นชมพอลพตก็เพราะคิดว่าพอลพตกล้าท้าทายรัฐบาลอเมริกัน เรื่องของเรื่องมีอยู่แค่นั้นเอง แกบอกว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกัมพูชาในปีที่เรียกว่า year zero คือความสำเร็จของ Cambodian revolutionaries ตอนนั้นแกยังไม่รู้ว่ารัฐบาลกำลังใช้นโยบายฆ่าประชากรยังไง มีคนตายไปแล้วมากน้อยแค่ไหน จนมีหนังสือเล่าเรื่องราวความเป็นไปในกัมพูชา ในช่วงเวลานั้นออกมา 2 เล่ม ซึ่งแสดงถึง ความทารุณโหดร้ายของพอลพตกับรัฐบาลกัมพูชาเวลานั้น Chomsky บอกว่าทั้งหมดที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนั้น ไม่เป็นความจริง หนังสือ 2 เล่มนั้นเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ของพวกต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์เท่านั้นเอง เหตุผลของแกก็คือหนังสือนั่นพิมพ์โดย Reader's Digest ซึ่งแกว่าเป็นสื่อของพวกอนุรักษ์นิยม แล้วบอกว่า 2 คนนั่นไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วจะรู้ได้ยังไง จนต่อมาไม่นานนักข่าวชาวฝรั่งเศสชื่อ Francois Ponchaud เขียนหนังสือชื่อ Cambodia Year Zero เล่าประสบการณ์ของตัวเองตอนที่อยู่ในกัมพูชาตั้งแต่ปี 1965 จนถึงวันที่กรุงพนมเปญถูกยึด รวมทั้งสัมภาษณ์ผู้อพยพที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เอาละซี ทีนี้ทำไง เมื่ออ้างว่าเล่มก่อนๆ คนเขียนไม่มีประสบการณ์จริง คราวนี้เจอของจริง แกก็แถไปได้อีกว่าจะเอาความจริงจากผู้อพยพได้ที่ไหน "Refugees are frightened and defenseless, at the mercy of alien forces. They naturally tend to report what they believe their interlocutors wish to hear. จนหลังจากนั้นรายงานเรื่องความโหดเหี้ยมของรัฐบาลพอลพต มีตามกันออกมาเรื่อยๆ เสียงคัดค้านว่าเป็นความพยายาม ของพวกต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่จะลบล้างความสำเร็จของพอลพต จะเริ่มอ่อนลงเพียงเถียงกับหลักฐานไม่ขึ้น แต่แกก็ยังไม่วายแถต่อไปได้อีก ด้วยการบอกว่านั่นไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลกัมพูชาในเวลานั้น แต่เป็นการแก้แค้นของชาวนากับทหารที่ขาดวินัยทำกันเอง "the deaths in Cambodia were not the result of systematic slaughter and starvation organized by the state but rather attributable in large measure to peasant revenge, undisciplined military units out of government control, starvation and disease that are direct consequences of the US war, or other such factors." เอากับแกสิ คนแก่ๆ เวลารั้นนี่สุดฤทธิ์สุดเดชจริงๆ นะคะ ยิ่งคนแก่ที่หลงติดอยู่แต่กับความคิดของตัวเองยิ่งไปกันใหญ่
กด LIKE ให้เลยค่ะ