MONICA CORCORAN : นานแค่ไหนแล้วที่คุณถ่ายภาพชีวิตสัตว์ป่า
และใช้วิธีการ/ทำงานอย่างไร จึงยิงภาพถ่ายเหล่านี้ได้
PAUL SOUDERS : ผมทำงานเป็นช่างภาพอาชีพมาเกือบ 30 ปีแล้ว
มันเป็นงานเดียวที่ผมทำ ผมไม่เคยทำงานอื่น
หรือยุ่งเกี่ยวกับการเติมน้ำมันหรือการใช้เครื่องตัดหญ้า
แต่เดิม ผมไม่เคยคิดหรือตั้งใจที่จะเป็นช่างถ่ายภาพธรรมชาติ
ผมอยากจะเป็นช่างภาพข่าวกีฬา
และผมเริ่มงานครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์รายวันขนาดเล็ก
ใน Rockville , Montgomery รัฐ Mayland
ด้วยความฝันถึงความรุ่งโรจน์ของการเป็นช่างภาพหนังสือพิมพ์
ผมถ่ายภาพมากมายเกี่ยวกับ กีฬาในโรงเรียนมัธยม ภาพถ่ายคน
ภาพถ่ายภูมิประเทศและภูมิอากาศทั่ว ๆ ไป
มันเหมือนกับการบอกเล่าเรื่องราวของชุมชนแห่งหนึ่งของผม ในวันหนึ่งในเวลาหนึ่ง
และแล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนชีวิต
ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงการถ่ายภาพ
โดยไม่เหลือทางเลือกอื่นอีกต่อไปแล้ว
ผมบรรทุกสัมภาระและข้าวของที่จำเป็น
ต้องใช้ในการเดินทางและย้ายที่อยู่ขึ้นบนรถยนต์ของผม
แล้วขับแล่นออกไปไกลถึง 4,300 ไมล์(6,920.18 กิโลเมตร)
ไปที่ Anchorage รัฐ Alaska
เพื่อทำงานที่หนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดของรัฐนั้น
อุณหภูมิในวันที่ผมเดินทางมาถึง
มันติดลบ 27 องศาเซนเซียสต่ำกว่าศูนย์
แต่มันเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่และเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์
ผมมองเห็นกวางมูสตัวหนึ่งอยู่บนสนามหญ้าหลังบ้านของผม
และผมยังได้เห็นนกอินทรีหัวล้าน
บินอยู่เหนือหัวของผมในตอนเช้าของการเดินทาง
หลังจากนั้น ผมก็เริ่มทำงานห่างไกลจากการเป็นช่างภาพข่าวหนังสือพิมพ์
แต่เริ่มเดินหน้าถ่ายภาพชีวิตสัตว์ป่า
แต่ก็ยังเป็นภารกิจที่เหมือนกัน
คือการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่และชีวิตสัตว์ป่าที่ผมพบเห็น
ผมไม่ได้ใช้กระดาษมากว่า 20 ปีแล้ว
แต่ผมยังเดินทางและยังทำงานเป็นช่างภาพชีวิตสัตว์ป่า
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
MONICA : รางวัลที่คุณชนะเลิศจากการประกวดภาพถ่ายประจำปี 2013
เป็นภาพชีวิตสัตว์ป่ากับสิ่งแวดล้อม ช่วยบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของภาพนี้ได้ไหม
PAUL : ผมมีภาพถ่ายหมีใต้น้ำที่คมชัดสองภาพ และกรอบภาพ(เฟรม)
มีความแตกต่างกันเป็นเพียงเล็กน้อย
ผมส่งภาพเข้าประกวดชิงรางวัลที่ BBC ทันกำหนดเวลาเส้นตาย
แต่ยังไม่เคยนำภาพทั้งสองภาพนี้มาเปรียบเทียบกันก่อนส่งภาพเข้าประกวด
(ผลคือภาพถ่ายที่ส่งไม่ได้รับรางวัลชนะเลิศ)
ผมเลยลองสังเกตที่มุมด้านล่างด้านขวาของขอบน้ำแข็งที่มีรอยตัด
ภาพนี้มันเริ่มทำให้ผมต้องใจจดใจจ่อกับมัน ผมชอบกรอบภาพนี้
เพราะในภาพมีขอบน้ำแข็งเกือบทั้งหมด
มันเป็นภาพเดียวที่มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูดีกว่ามาก
เป็นภาพที่ผมไม่เคยสังเกตมาก่อน หรือสนใจอย่างจริงจังในตอนแรก
หมีตัวนั้นกำลังว่ายน้ำขึ้นบนก้อนภูเขาน้ำแข็ง
แล้วหลบลงอยู่ใต้น้ำเป็นเวลาหลายวินาที
ในขณะที่ผมค่อย ๆ แล่นเรือยางติดเครื่องยนต์ไปในตำแหน่งที่เหมาะสม
แล้วถือกล้องถ่ายภาพซูมขนาดหกฟุต ใกล้กับหลุมที่หมีขึ้นลง
ผมไม่ได้ยิงภาพถ่ายจนกระทั่งหมีได้ขึ้นมาหายใจ และจ้องมองดูที่ผม
ผมกดชัตเตอร์(ยิงภาพถ่าย)อีกครั้ง ขณะที่หมีได้จมอยู่ใต้น้ำอีกครั้ง
หมีลอยตัวอยู่ที่นั่นด้านล่างพื้นผิวน้ำแข็ง กำลังจ้องมองผม
แล้วก็ขึ้นมาหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะว่ายน้ำหนีออกไป
ผมเลยไม่สามารถมองเห็นหมีได้จากที่นั่งในเรือยางติดเครื่องยนต์ของผม
ผมเลยยิงภาพถ่ายแบบคนตาบอดในมุมกว้างไปก่อน
ผมรู้สึกว่ามันเป็นสถานการณ์ที่พิเศษอย่างยิ่ง
ความคิดครั้งแรกในใจของผมคือ
ผมไม่ต้องการพลาดโอกาสถ่ายภาพนี้เลยจริง ๆ
ผมเลยจุ่มชุดส่งสัญญาณระยะไกลด้วยวิทยุ remote radio trigger
พร้อมกับกล้องถ่ายภาพลงไปในน้ำทะเล
แล้วใช้สายระโยงเรือแทนสายเคเบิลเป็นการชั่วคราว
มัดรวมเข้ากับสายเคเบิ้ลที่มีสายทองแดงอยู่ข้างใน
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำลงไปอย่างไร แต่มันทำงานได้
MONICA : คุณพอจะมีคำแนะนำสำหรับช่างภาพชีวิตสัตว์ป่าคนอื่น ๆ บ้างหรือไม่ ?
PAUL : สำหรับคำแนะนำตามมาตรฐานของผมคือ การแต่งกับงาน
อย่าทอดทิ้ง/ละเลยการทำงานทุก ๆ วัน
แน่นอนเรื่องจริงก็คือ
มันเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะใช้ชีวิตแบบนี้
แต่ผมค่อนข้างโชคดีที่เริ่มต้นอาชีพช่างภาพในเวลาที่เหมาะสม
คุณพอจะมีรายได้บ้างเล็กน้อยสำหรับการทำงานในอาชีพนี้
แต่เงินเดือนของช่างภาพหนังสือพิมพ์ไม่มากนัก
แต่อย่างน้อยมันก็เป็นงานและเป็นการฝึกอบรม
ที่น่าตื่นตาตื่นใจเกือบทุกวัน (เป็นการสร้างสมประสบการณ์)
ผมออกไปถ่ายภาพทุกวัน ผมยังทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ
ช่างภาพที่ดีจะช่วยให้ผมได้พัฒนาเรียนรู้ฝีมือถ่ายภาพของผม
และผมพร้อมจะทุ่มเทอย่างเต็มที่สำหรับการถ่ายภาพ
ผมกังวลเหมือนกัน และกังวลเป็นอย่างมากว่า
อาชีพนี้มันเริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ
ในการเป็นช่างภาพของคนรุ่นต่อไป
ในการใช้ชีวิตและการทำเป็นอาชีพ
ผมคิดว่า ตัวผมเองโชคดีมากที่ใช้ชีวิตทำงานกับงานที่ผมรักจริง ๆ
MONICA : อะไรคือความคิดของคุณที่ส่งภาพเข้าแข่งขันชิงรางวัล
PAUL : ผมชอบคิดว่า ผมได้ใช้ชีวิตผ่านจุดที่ผมยังมีชีวิตอยู่
แล้วสิ้นสุดลงด้วยผลการประกวดภาพถ่ายชิงรางวัล
นี่เป็นการเพิ่มอัตตาชั่วครั้งชั่วคราวของผม
จากการได้รับรางวัลที่พวกเขามอบให้
สิ่งที่ผมชื่นชอบจริง ๆ ก็คือ
วิธีการแข่งขันสามารถนำรูปถ่ายไปเล่าเรื่องราวต่าง ๆ
ให้ผู้ชมได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
และเป็นวิธีการที่สามารถจับใจผู้ชมอีกนับล้านคน
ที่จะได้มองเห็นความสวยงามของธรรมชาติที่เปราะบางของโลก
เป็นการกระตุ้นเตือนให้พวกเขาหันมาดูแลเอาใจใส่
กับประสบการณ์ในภาพถ่าย แล้วร่วมมือกันปกป้องธรรมชาติ
ชื่นชมช่างภาพมากค่ะ
แต่ละภาพดูมีความลึก มีความหมาย
ไม่ใช่ประเภทภาพสวยงามธรรมดา
เหมาะสมกับรางวัลจังค่ะ
ขอบคุณคุณ ravio ที่นำมาให้ชมนะคะ