ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
เมืองร้าง เมืองผี

มหานครของผีและเมืองผีต่างเป็นสองชื่อ
ที่รู้จักกันดี
สำหรับผู้ที่แสวงหาความแปลกใหม่ให้กับชีวิต
กับ
สถานที่เป็นโศกนาฎกรรม/จุดจบ/เมืองร้าง/หาผี
นี่คือรายการ 10 สถานที่ที่น่าตระหนกตกใจ
ที่
ถูกทอดทิ้งเพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติ
หรือเกิดจากฝีมือของมนุษย์
หลายสถานที่ได้รับการเผยแพร่
บางแห่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
เพราะการเชื่อมโยงจากการคมนาคม
หรือจากการภัยพิบัติจากธรรมชาติ
ฯลฯ
ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามนี่คือ
สถานที่สำหรับผู้สนใจจะไปท่องเที่ยวทั่วโลก

10. San Zhi ซาน จรือ
ไต้หวัน


สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1978 (2521)
คาดหวังว่าจะเป็นที่พักผ่อนของพวกทหารอเมริกัน
ที่มาตั้งฐานทัพในแถบเอเซียตะวันออก
โครงการถูกทิ้งร้างไปในปี 1980 (2523)
เพราะขาดเงินทุนหมุนเวียนโครงการ
รวมทั้งปัญหาอุบัติเหตุในการก่อสร้างหลายครั้ง
มีผู้คนล้มตายและบาดเจ็บในระหว่างการก่อสร้าง
ทำให้มีข่าวลือว่ามีคนตายเพราะอุบัติเหตุแล้ว
คนตายกลายเป็นผีอาศัยอยู่ที่ในที่นั่น

ชาวบ้านแถวนี้ต่างเชื่อว่า
การตัดถนนเข้าไปในโครงการ
กระทบถูกมังกรที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้
ทำให้มังกรไม่พอใจ
เลยอาละวาดทำลายโครงการนี้
หรือ ผีทหารดัตช์ไม่พอใจที่ถูกรบกวน
เพราะเคยเป็นสถานที่ฝังศพของทหารดัตช์
หรือชาวเนเธอร์แลนด์ที่เคยยึดไต้หวัน
เป็นอาณานิคมในช่วงปี  1624

สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในโครงการนี้คือ
บ้านยูเอฟโอ: ซากปรักหักพังแห่งอนาคต
ในช่วงที่ถูกทอดทิ้ง Sanzhi  
ได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยม
ในการถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่อง
รวมทั้งถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำของ MTV
และได้รับการถ่ายภาพนับครั้งไม่ถ้วน
ดังปรากฏอยู่ในบทความจำนวนมาก
และมีการพูดคุยในออนไลน์สม่ำเสมอ

ในปี 2008 มีกลุ่มนักพัฒนาเข้ามาครอบงำ Take Over โครงการ
จะพัฒนาใหม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่มีโรงแรม ชายหาดและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ
แม้จะมีกระแสเรียกร้องทางออนไลน์และหลายแห่ง
ให้อนุรักษ์หนึ่งในอาคารยูเอฟโอให้เป็นพิพิธภัณฑ์ก็ตาม
ในปี 2010 ได้มีการรื้อถอนซากปรักหักพังในโครงการ
เพื่อเริ่มลงมือก่อสร้างโครงการขึ้นมาใหม่
ตามแผนการของนักลงทุนรายใหม่
(ไม่มีข้อมูลว่าสร้างเสร็จแล้วหรือไม่)





















9. Bodie โบดี้ แคลิฟอร์เนีย

ก่อตั้งขึ้นในปี 1876(2419)
มีคนเกือบ 10,000 คนอาศัยอยู่ที่นั่น
รวมถึง
ผู้ย้ายถิ่นชาวจีนนับร้อย ๆ คน
ในศตวรรษที่ยี่สิบ ในปี 1932(2475)
ไฟไหม้ได้
ทำลายร้านค้ากับบ้านเรือนเกือบทั้งหมด
ในปี 1961(2504) ทางการได้ประกาศให้เป็น
อุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ
และตอนนี้มันจึงกลายเป็นเมืองร้าง






















8. Gunkanjima กังคานชิมะ ญี่ปุ่น

รู้จักกันในชื่อ เกาะ Hashima ฮาชิมะ ในญี่ปุ่น
เคยเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นมาก
หลังจากปี 1890(2433) บริษัท มิตซูบิชิ จำกัด
ได้ซื้อเกาะแห่งนี้ทำเหมืองแร่ถ่านหินจากบริเวณท้องทะเล
แต่ในทศวรรษที่ 1960 (2503)
ถ่านหินได้
ถูกทดแทนด้วยปิโตรเลียม
(เพราะราคาถูกกว่าและใช้สะดวกกว่า)
เหมืองถ่านหินจึงเริ่มปิดกิจการลง
ในไม่ช้าในปี 1974(2517) บริษัท มิตซูบิชิ จำกัด
ประกาศปิดกิจการเหมืองแร่เมืองนี้อย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่นั้นมาสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ร้าง





















7. Varosha วาโรชา ไซปรัส

ตั้งอยู่ในเมืองของ Famagusta ฟามากุสตา ในไซปรัส
ซึ่งเป็นที่ตอนนี้ตกเป็นของพวกเติร์ก
(หลังสงครามกองทัพกรีกแพ้กองทัพตุรกี)
บริเวณนี้เดิมเป็น
ที่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวกรีก
ที่จะมาเข้าพักและเพลิดเพลินกับชายหาด
หลังจากพวกเติร์กเข้ามายึดครองพื้นที่ในปี 1974 (2517)
แล้วก่อ
ให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับโครงสร้างพื้นฐาน
โครงการตกอยู่ภายใต้ไร้ความคืบหน้าในการฟื้นฟูตลอดมา



















6. Katoli World สวนสนุกคาโตริ ไต้หวัน

สร้างขึ้นในปี 1980 (2523) อยู่ใกล้
Taichung ไถ้ชุง ไต้หวัน
ได้ทำหน้าที่นี้มานานจนกระทั่งเกิดภัยพิบัติ
แผ่นดินไหว
ในวันที่ 21 กันยายน 1999  (2542)
ทำให้คน
นับพันคนเสียชีวิต
แม้ว่าจะมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายในสวนสนุกแห่งนี้ไม่มากนัก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสวนสนุก Katoli ก็ถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิง



















5. Balestrino บาเลสตริโน อิตาลี

Benedictine Abbey
(อารามนิกายเบเนดิค) of San Pietro dei Monti
(ซานปิเอโตร สกุล มอนติ) เป็นผู้ครอบครอง Balestrino (บาเลสตริโน)
รายงานของทางการระบุว่า มีการสร้างขึ้นมาย้อนกลับไปในศตวรรษที่สิบเอ็ด
มีผู้คน
ประมาณ 850 คนอาศัยอยู่ในปี 1860(2403)
ในปี 1953(2496) กลายเป็นเมืองไร้ผู้คน
เพราะผล
จากความผันผวนทางธรณีวิทยา
ประชากรที่เหลืออยู่เกือบ 400 คน
ต่างย้ายไปอยู่ในสถานที่อื่นที่ปลอดภัยกว่า





















หมายเหตุ
เหล้ายี่ห้อ D.O.M.
Deo Optimo Maximo
(To God, most good, most great)
(แด่พระเจ้า, ดีที่สุด, เยี่ยมยอด)
มีการสร้างตำนาน/นิยายว่ามาจาก
Benedictine Abbey of Fécamp
อารามนิกายเบเนดิคแห่งแฟคอมเปรอะ ใน Normandy นอร์มังดี
บรรดาบาดหลวงผลิตเครื่องดื่มเหล้ายานี้ขึ้นมา
เพื่อบำรุงร่างกายและเจริญอาหาร
จนกระทั่งหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส
ทำให้วัดนี้ถูกทำลายลง
เพราะมีการยึดที่ดินวัดและตัดหัวบาดหลวงหลายคน
สูตรการผลิตยาสูญหายไปนานกว่าจะค้นพบใหม่อีกครั้ง
ฝังอยู่ในห้องลับใต้ถุนพื้นโบสถ์ที่ชาวบ้านเดินเหยียบย่ำไปมา
แต่ผู้ผลิตจริง ๆ คือ ชาวบ้านนักดองเหล้ายา
ทดลองจนได้เหล้ายาดองชนิดนี้แล้วทำขึ้นมาขาย
โดยการใช้ตำนาน/นิยายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด
เจ้าของธุรกิจจริง ๆ คือ Alexandre Le Grand อเล็กซองเดอะ เลอ กรอง





4. Yashima ยาชิมะ ญี่ปุ่น


ตั้งอยู่บนในเกาะ
Shikoku ชิโกกุ เกาะใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องสงคราม Genpei กันเปย ระหว่างตระกูลขุนศึก


ที่เกิดขึ้นระหว่าง 1180-1185 สิ้นสุด
22 มีนาคม 1185 (1728)
ด้วยชัยชนะของตระกูล Takamatsu ทาคามัสซุ
ที่สถาปนาเป็นโชกุนคนแรกของญี่ปุ่น
(ผู้สำเร็จราชการแทนจักรพรรดิ์ญิ่ปุ่น
ทำหน้าที่แทนและสั่งการแทนทุกเรื่อง
กว่าจะสิ้นสุดระบบโชกุนนี้ลง
สมัยเมจิ  ยุคสมัยช่วงรัชกาลที่ห้า)
หลังชนะแบบเบ็ดเสร็จฆ่าล้างตระกูลขุนศึก Taira ทาอิร่า
ชาวบ้านที่นี่คิดว่าตำนานเรื่องนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยว
จึงพัฒนาสวนสาธารณะ โรงแรมและร้านค้า
แต่เรื่องกลับผิดคาด
เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้ดึงดูดผู้คน
กลับสร้างความสลดหดหู่และน่าหวาดกลัวมากกว่า
เงินนับหลาย
ล้านเย็นจมลงไปกับสิ่งก่อสร้างที่รกร้าง





















3. Centralia เซ็นทราเลีย Pennsylvania เพนซิลวาเนีย

มีชื่อเสียงมากกับถ่านหินแข็งในปริมาณมาก

บิทูมินัส เป็นถ่านหินค่าความร้อนสูง มีสีดำมัน
โดยทั่วไปมีความแข็งมากกว่าซับบิทูมินัส และลิกไนต์
ถ่านหินชนิดนี้มีน้ำเป็นองค์ประกอบ อยู่ร้อยละ 5-15 โดยน้ำหนัก
บิทูมินัส ถูกเรียกว่าเป็น ถ่านหินแข็ง (hard coal) หรือ ถ่านหินดำ (black coal)
ค่าความร้อนโดยทั่วไปของบิทูมินัสมีค่า 6,700 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม

แอนทราไซต์ เป็นถ่านหินที่มีค่าความร้อนสูง มีสีดำแวววาว
แอนทราไซต์ยังสามารถจำแนกได้เป็นชนิดย่อยได้อีก
เนื่องจากแอนทราไซต์ มีความแข็งมาก แข็งที่สุดในพวกถ่านหิน
จึงมีการเรียกแอนทราไซต์ ว่าเป็น ถ่านหินแข็ง (hard coal) เช่นเดียวกัน
แต่ไม่ได้รับความนิยม แอนทราไซต์เป็นถ่านหิน
ที่ให้ค่าความร้อนโดยทั่วไป 7,700 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม

ที่มา
//srayaisom.dyndns.org/earth/chapter5_2.html

การลุกไหม้ของถ่านหินแข็งในชั้นใต้ดิน
มีผลกระทบยาวนานกับเศรษฐกิจท้องถิ่น
ตั้งแต่ปี
1960-1970 (2503-2513)
พร้อมกับปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่ตามมา
และเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นใน
ปี 1981(2524)
มีเด็กตกลงไปในหลุมที่กว้าง 4 ฟุต แต่ลึกถึง 150 ฟุต
มีการใช้งบประมาณกว่า
42,000,000 เหรียญสหรัฐ
ไปกับการปรับปรุงสภาพ
และย้ายผู้คนไปตั้งถิ่นฐานใหม่

จนในที่สุด
ในปี 1992(2545)
รัฐเพนซิลวาเนียประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ
(ห้ามเข้าไปอาศัยหรือเดินทาง)
แต่ยังเหลือชาวบ้านบางคนที่ยังดื้อเพ่งอยู่ต่อไป
เพราะไม่รู้จะไปไหนหรือเคยชินกับสภาพแล้ว






















2. Craco คราโค อิตาลี


Archbishop Arnaldo สังฆราชมณฑล อาลนัลโด
the Bishop of Tricarico สังฆราชแห่งทรีคาริโต
เป็นผู้ปกครองเมือง Craco ที่ตั้งขึ้นมาในปี 1060 (1603)
ในปี 1891 (2434) มีคนเกือบ 2,000 คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
แต่ในช่วงระยะเวลาสามสิบปี (1892-1922) (2435-2465)
มีผู้คนมากกว่า
1,300 คนอพยพไปตั้งรกรากที่ทวีปอเมริกาเหนือ
เพราะปัญหาเช่น แผ่นดินไหวและภัยสงคราม
ในปี 1963 (2506) ประชากรที่เหลือย้ายไปอยู่เมืองอื่น
ที่รู้จักกันในชื่อ
Craco Peschiera คราโค เปสซิเอรา
ทำให้ Craco กลายสภาพเหมือนเมืองผี



















1. Pripyat ปริปยัต ยูเครน

ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติจากเชอร์โนบิล
เมือง Pripyat ในยูเครน
(ช่วงนั้นยังเป็นรัฐหนึ่งในสหภาพโซเวียตรุสเซีย)
มี
ประชากรประมาณ 50,000 คน
แต่ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปี 1986 (2529)
ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นเมืองร้าง
เพราะภยันตรายของรังสี
แต่เมื่อเริ่มต้นของศตวรรษที่ 21
(รังสีเริ่มมีปริมาณลดน้อยลงไประดับหนึ่งแล้ว)
สถานที่นี้กลับชุกชุมไปด้วยขโมยขโจร
ที่ไม่กลัวตายหรือกลัวภยันตรายจากรังสี
ต่างแอบเข้ามาในเมืองร้างแห่งนี้
แล้วลักขโมยเอาไปทุกอย่างเท่าที่จะเอาไปได้
แม้กระทั่งโถส้วม
แบบนั่งราบ























หมายเหตุ


มีวีรบุรุษสามนายที่ใช้เฮลิคอปเตอร์บินเข้าไปทิ้งแท่งคอนกรีต
เพื่อปิดปล่องไม่ให้รังสีกระจายออกมามากกว่าเดิม
หัวหน้าทีมกู้ภัยคือ Leonid Petrovich Telyatnikov
(1951-2004) (2494-2547)



ได้รับเกียรติเป็นวีรบุรุษของสหภาพโซเวียตรัสเซีย
ภายหลังตายเพราะรับรังสีมากกว่าปกติ
ตายที่บ้านเกิดเมืองนอน ยูเครน
หลังจากแยกตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียตรัสเซียในปี 1988 (2531)
ผู้ช่วยอีกสองนายคือ Vladimir Pravik และ Vicktor Kibenok
เสียชีวิตเพราะรับรังสีมากกว่าปกติ
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจในอีกหลายปีต่อมา

เรียบเรียงจาก //realitypod.com/2013/03/top-10-amazing-abandoned-places/

//www.urbanghostsmedia.com/2010/03/ufo-houses-the-ruins-of-the-future/

//wikipedia.org  //www.google.com

หมายเหตุ
การถอดคำจากภาษาต่างด้าว
อาจจะคลาดเคลื่อนเพราะข้อจำกัดทางด้านภาษา
ถ้ามีผู้รู้ทราบก็โปรดชี้แนะด้วย จักขอบคุณยิ่ง



Create Date : 13 มีนาคม 2556
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2557 17:00:47 น. 1 comments
Counter : 3117 Pageviews.

 
เดาแล้วเชียวว่าเชอร์โนบิลต้องติดอันดับหนึ่งแน่ๆ แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังสยองอยู่เลยนะคะ อันดับอื่นๆ ดูจากภาพแล้วได้บรรยากาศหลอนๆ สยองๆ เหมือนในหนังเลยเน๊อะ


โดย: คมไผ่ วันที่: 15 มีนาคม 2556 เวลา:23:34:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.