| | |
|
เนื่องจากมีเพื่อนหลายคนถามว่า ถ้าต้องการโหวตให้ปอป้าจะโหวตสาขาไหน คำตอบก็คือ ขอเป็นสาขาบล๊อกธรรมะ...นะคะ ขอบพระคุณมาก..ค่ะ
| |
| | |
ตอบคำถาม นู๋ฉัตร..ค่ะ
นู่ฉัตร คนน่ารัก ฝากคำถามไว้อย่างนี้...ค่ะ
แวะมาแอบถามคุณปอป้าว่า ฉัตรสงสัย (จริงๆ แล้วลืมค่ะ) ว่า
พระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติห้ามถวายเนื้อสัตว์ 10 ชนิดแก่พระภิกษุในพุทธศาสนา
ตามเหตุผลของสัตว์แต่ละชนิดน่ะ เพราะอะไรคะ? อย่างเสือเนี่ย มีแยกชนิดด้วยอ่ะค่ะ -*-
โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:23:31:56 น.
ความในพระไตรปิฎกกล่าวถึงอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ ๑๐ ชนิด ซึ่งเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับพระภิกษุสงฆ์ รวมถึงเนื้อที่ไม่บริสุทธิ์อีก ๓ อย่าง
เนื้อสัตว์ ๑๐ ชนิดนั้น ได้แก่
เนื้อมนุษย์ รวมทั้งเลือดมนุษย์ด้วย พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสมีอยู่ เขาสละเนื้อของเขาถวายก็ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม่พึงฉันเนื้อมนุษย์ รูปใดฉันต้องอาบัติทุกกฎ
แปลความง่าย ๆ ก็คือ อาจมีคนที่มีศรัทธาแรงกล้า ยอมอุทิศตนถวายเป็นอาหารแก่พระสงฆ์ได้ การฉันเนื้อและเลือดมนุษย์ถือเป็นความผิดร้ายแรงที่สุดในบรรดาการฉันเนื้อต้องห้ามทั้ง ๑๐ ชนิด
เนื้อช้าง เนื่องจากสมัยก่อน ช้างหลวงล้มลงหลายเชือก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาหารการกินขาดแคลน ประชาชนก็เลยพากันบริโภคเนื้อช้าง แล้วยังทำเป็นอาหารถวายแก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาตอีกด้วย ผู้คนต่างถิ่นและนักบวชต่างศาสนา พากันกล่าวตำหนิติเตียนที่พระสงฆ์ฉันเนื้อช้าง เพราะช้างเป็นราชพาหนะของกษัตริย์ ความทราบถึงพระพุทธองค์ จึงทรงบัญญัติแก่ภิกษุทั้งหลาย ห้ามฉันเนื้อช้าง
เนื้อม้า สาเหตุเดียวกับช้าง คือม้าหลวงตายมาก อาหารขาดแคลน และผู้คนต่างกล่าวว่า ม้าเป็นราชพาหนะของกษัตริย์ ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ คงไม่เลื่อมใสต่อพระสมณะเหล่านั้น จึงมีทรงบัญญัติห้ามภิกษุฉันเนื้อม้า
เนื้อสุนัข มีความเชื่อว่า สุนัขเป็นสัตว์น่าเกลียดน่าชัง ไม่สมควรที่สมณะจะบริโภค
เนื้องู เพราะงูเป็นสัตว์น่าเกลียดน่าชัง เช่นเดียวกับสุนัข ประกอบกับพระยานาคชื่อ สุปัสสะ เข้าไปถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลว่า บรรดาที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใส มีอยู่ มันคงเบียดเบียนพวกภิกษุจำนวนน้อยบ้าง ขอประทานพระวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าทั้งหลาย โปรดอย่าฉันเนื้องู พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติห้ามภิกษุสงฆ์ฉันเนื้องูตั้งแต่นั้นมา
เนื้อราชสีห์ (สิงโต) พวกพรานฆ่าราชสีห์แล้วบริโภคเนื้อราชสีห์ และยังทำเป็นอาหารถวายพระภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต บรรดาภิกษุที่ฉันเนื้อราชสีห์แล้วอยู่ในป่าต่างก็ถูกฝูงราชสีห์ฆ่า เนื่องจากกลิ่นตัวของผู้ที่บริโภคเนื้อราชสีห์ จะมีกลิ่นของราชสีห์ติดอยู่ด้วย ความทราบถึงพระพุทธองค์ จึงทรงบัญญัติห้ามภิกษุฉันเนื้อราชสีห์
เนื้อเสือโคร่ง, เนื้อเสือเหลือง, เนื้อหมี, เสือดาว เหตุผลเดียวกับเรื่องของเนื้อราชสีห์
นอกจากเนื้อสัตว์ทั้ง ๑๐ ชนิดข้างต้นนี้ พระองค์มิได้ทรงห้าม แต่ทรงห้ามเนื้อดิบ หรือเนื้อที่ยังไม่ได้ทำให้สุกด้วยไฟ
นอกจากนี้ ยังมีเนื้อที่ไม่บริสุทธิ์อีก ๓ อย่าง ที่ทรงห้าม ดังพระพุทธดำรัสตอนหนึ่งในชีวกสูตร ว่า ..... ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่าไม่ควรเป็นของบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ เนื้อที่ตนเห็น เนื้อที่ตนได้ยิน เนื้อที่ตนรังเกียจ ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่า เป็นของไม่ควรบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการนี้แล ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่าเป็นของควรบริโภค ด้วยเหตุ ๓ ประการคือ เนื้อที่ตนไม่ได้เห็น เนื้อที่ตนไม่ได้ยิน เนื้อที่ตนไม่ได้รังเกียจ ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่า เป็นของบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการนี้แล.....
เนื้อไม่บริสุทธิ์ทั้ง ๓ อย่างได้แก่
๑. เนื้อที่ได้ยิน หมายความว่า ภิกษุได้ยินชาวบ้านเขาพูดกันว่าจะมีการฆ่าสัตว์ใดก็ตาม เพื่อนำมาปรุงเป็นอาหารถวายแก่พระภิกษุสงฆ์
๒. เนื้อที่ได้เห็น หมายถึงสัตว์ใดก็ตามที่ภิกษุสงฆ์ได้เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อนำมาเป็นอาหารถวาย
๓. เนื้อที่ตนรังเกียจ หมายถึงเนื้อที่ภิกษุสงฆ์รังเกียจ ด้วยเหตุผล ๒ ประการข้างต้น รวมทั้งสัตว์ใดก็ตามที่ตนได้เอ่ยวาจาไว้แล้วว่าจะไม่ฉันเนื้อสัตว์ชนิดนั้น
เนื้อสัตว์ทั้ง ๓ อย่างนี้ ไม่ได้กำหนดจากชนิดของเนื้อสัตว์ แต่กำหนดจากพฤติกรรมและเจตนาในการฆ่า เพื่อนำมาปรุงเป็นอาหารถวาย หากภิกษุสงฆ์ฉัน ถือว่าละเมิดโดยตั้งใจ ก็ต้องอาบัติตามกฎระเบียบวินัยสงฆ์
จากเรื่องราวอาหารต้องห้ามทั้งหลายของภิกษุสงฆ์ จึงเกิดสุภาษิตในภายหลังว่า ตักบาตรอย่าถามพระ เนื่องจากยังมีกฎห้ามภิกษุสงฆ์เรียกร้องขอให้ฆราวาสปรุงอาหารอย่างที่ตนต้องการให้ฉันด้วย
ขอบคุณ ภาพประกอบเรื่องจากกูเกิ้ล
ฝากประชาสัมพันธ์ข่าว
เรื่องการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนให้แม่ออมบุญหน่อย..ค่ะ
งานจัดที่วัดสันคะยอม อ. แม่วาง จ. เชียงใหม่
ไปชมรายละเอียดได้ที่นี่เลย..ค่ะ
เพลง แม่สอดสะอื้น
การผลัดผ่อนกับมฤตยูอันมีกองทัพใหญ่นั้น ไม่ได้เลย
ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทในทุกเรื่อง...นะคะ