+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!

"Burn After Reading" ... หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 'อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา'



[ฉายเฉพาะที่ "APEX สยามสแควร์" และ "Paragon"]

โลกเราทุกวันนี้ มันแปลกดีแท้เนาะ ..อะไรๆในสิ่งไหนที่ดูเหมือนจะมีเหตุมีผล สิ่งเหล่านั้นมักจะมีจุดเริ่มต้นมาจากความไม่เป็นเหตุเป็นผลอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ

ดูอย่างคดีฆาตกรรมทั้งหลายแหล่เป็นไร ..ที่เกิดเหตุอันเลวร้ายขึ้น มันก็มักจะเป็นเพียงเพราะคนหนึ่งคนเกิดการผิดใจกับอีกคน ในเรื่องที่จะปล่อยวางก็ได้ แต่เลือกจะไม่ทำ

หากเมื่อถามว่า ทำไมถึงต้องฆ่า ..เขาก็มักจะตอบว่า ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล

หรือดูอย่างสถานการณ์ความรุนแรงในบ้านเมืองของเราอีกเป็นไร ..ที่ทำให้ประเทศทั้งประเทศต้องลุกเป็นไฟ มันใช่เพราะคนสองคนมีเบื้องลึกเบื้องหลังขัดเคืองใจในมิตรภาพต่อกันหรือเปล่า

หากเมื่อบังเอิญคนหนึ่งแค้นแรง อีกคนทำละเลย ในวันนั้น ..แล้วเหตุไฉนไปๆมาๆ ในวันนี้ถึงได้พาลมาทำให้คนอื่นต้องเป็นเดือดเป็นร้อนไปกับเขาด้วยล่ะ

ส่วนตัวผม ในจุดนี้ ณ เวลานี้ ก็คงอยากจะทำแต่หน้าอันเฉยเมย และเอ่ยว่า "ไม่รู้สิ และก็ไม่อยากจะหาเหตุผลอันสมควรให้มันด้วย"

เรื่องทุกเรื่อง เราอาจจะเคยรู้ว่า มันล้วนแต่มีเหตุมีผลอยู่ในตัวของมัน ดังคำสอนของศาสนา ในทุกๆศาสนาเคยกล่าวมา ..แต่ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอันจริงแท้และแน่นอนของวันนี้ มันกลับค่อยๆล้างความเชื่อเหล่านั้นทิ้งไป ...พร้อมทั้ง เผาทำลายสิ่งที่เราเรียกว่าความสัตย์ในใจคน ให้หลอมละลายไปพร้อมกับการใช้สมองคิดไตร่ตรองถึงความถูกต้อง.. อันมีผลทำให้การวิจัยในหลายๆครั้ง ในปัจจุบันพบว่า อะไรก็ตามที่อยู่ในสมองของคน หดลง หดลง และหดลงไปเรื่อยๆ

นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ ..และมันก็เป็นไปได้ เพราะวิทยาศาสตร์มันได้บอกเอาไว้อย่างนั้นจริงๆ

แต่กระนั้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่วิทยาศาสตร์คงไม่ฉลาดพอจะคิดแทนคนหมู่มากได้ ก็เห็นจะมีเพียงแค่ เรื่องของจิตใจคน ที่ยากจะหยั่งลึก แล้ววิจัยออกมาว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์นี้ จะฉลาดกันได้ถึงจุดไหน

และถ้าเราจะจำแนกคนประเภทที่เรียกตัวเองว่า 'อัจฉริยะ' กับ คนที่ไม่อยากจะให้ใครเรียกตัวเองว่า 'ไอ้บ้า' ด้วยแล้ว.. มันก็ยิ่งจะหากลวิธีอันใด รูปแบบไหน มาสามารถจำกัดความของสองสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน

เพราะคนทั้งสองประเภทนี้ ต่างก็ยืนกระต่ายขาเดียว อยู่บนเส้นตรงเส้นเดียวกัน ที่สามารถจะเอียงไปซ้าย หรือขวาก็ได้หมด.. หากเพียงแค่การทรงตัวของหัวสมอง จะเทไปทางไหนมากกว่ากัน

ตัวละครหลายตัว หลากคาแรกเตอร์ ในหนังของ สองผู้กำกับพี่น้อง "โคเอน" ..ถือเป็นตัวอย่างประกอบการเรียนชั้นดี ที่คนรักหนังอย่างเราๆ จะสามารถมองหาซึ่งคนที่เรียกได้ว่าทั้ง อัจฉริยะ และบ้า ในตัวคนเดียวกัน ได้โดยง่าย ...เพียงแค่เราลองสุ่มสี่สุ่มห้าเลือกหนังของพี่น้องคู่นี้มาสักเรื่องแล้ว เอาอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีตัวละครเด่นๆอยู่สักคนหนึ่ง ที่เข้าข่ายอยู่ในอีหรอบนี้ได้อย่างแน่แท้

หากทว่า ถ้าเรายังคงรู้สึกว่า มันไม่ถึงกับชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋มากพอจะเอามาเรียนรู้เป็นประสบการณ์ของชีวิตด้วยแล้วละก็ ...ผมขอแนะนำหนังเรื่องใหม่ล่าสุด ที่กล้าจะการันตีว่ามันเป็นความอัจฉริยะบนความบ้าได้ ถ้าคุณแน่พอจะลองของกับสองโคเอน



กาลครั้งหนึ่ง ยังไม่นานเท่าไหร่ ..เรื่องราวของหนังเรื่องนี้ ได้ว่ากล่าวถึง ชีวิตของสายลับ CIA ฝีมือเก๋า-เจ๋ง (ขอให้แน่ใจว่าคุณอ่านออกมาเป็นตัวบวก ..ไม่ใช่ไม้โท) คนหนึ่งที่ต้องถึงคราวบัดซบ เมื่อมาพบกับคำสั่งจากเบื้องบน ให้โดนย้ายตำแหน่งจากการทำงานภาคสนามสุดเร้าใจ ให้มานั่งโต๊ะตั่ง ทำเนียนเป็นเสมียนที่ดีให้กับองค์กร โดยมีข้ออ้างว่า ทำเพื่อประโยชน์ของเขา

หากทว่าความเป็นจริงแท้ มันก็แค่อีเรื่องที่เขาดื่มเหล้าเป็นนิจสิน เมามายเป็นกิจวัตร ..ทั้งที่การงานก็ไม่ได้เสียหายอะไรไปกับมันกันซะอย่างงั้น

และด้วยความอัดอั้นที่โดนดูถูกจากเจ้าสายลับรุ่นน้อง อย่างไม่หวาดไม่ไหว ..ก็ทำเอารุ่นเก๋า ถึงทีต้องหัวเสีย เลิกง้องานที่รัก พร้อมเลือกจะหันหลังมาใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยการเขียนหนังสือ แฉ เบื้องลึกเบื้องหลังของ CIA อย่างหมดเปลือก ประชดชีวิตเฮงซวยมันซะเลย



แต่ในขณะเดียวกัน ที่ตัวสามีกำลังตกอับกับชีวิตสุดๆ ..ฝ่ายภรรยาของ CIA ผู้นี้ ก็ยังพร้อมมีความคิดที่จะเลิกราไปจากเขา และหวังให้การหย่าร้างนำพามาซึ่งทรัพย์สินจำนวนหารครึ่ง เข้าสู่กระเป๋าของเธออย่างง่ายดาย

หากแต่ทุกอย่างที่เธอใฝ่ฝันจะเป็นไปได้สะดวกถึงที่สุด ...สิ่งหนึ่งที่ทนายความขอร้องให้เธอทำ ก็คือ การดึงเอาข้อมูลลับของสามีตัวเอง มาเก็บเอาไว้ เพื่อใช้ในการข่มขู่ ถ้าเขาไม่ยอมแต่โดยดี

แต่ในขณะเดียวกัน ที่ว่าที่ภรรยาม่ายกำลังจะรื่นระเริงมีสุขไปกับทรัพย์สินที่รอคอยอยู่ตรงหน้าของเธอ ..ชายหนุ่มเจ้าหน้าที่การคลัง ที่ภรรยาม่าย กำลังคบสู่แบบชู้รัก ก็เกิดการขัดเคืองกับชีวิตแต่งงานของตัวเองเหลือทน และหวังจะหาผู้หญิงคนอื่นที่จะมาทำให้เขามีความสุขได้โดยการช่วยพาเขาไปขึ้นสวรรค์ชั้น 7 ด้วยกัน



หากแต่ชายหนุ่มผู้นี้ ที่มัก(มีเมีย)น้อย ก็ไม่ได้หยุดอยู่จะมีเพียงแค่ แม่ม่าย แต่อย่างใด ..หากเขายังเลือกจะหาทางที่รวดเร็ว และเร้าใจไปพร้อมกัน ด้วยการนัดเดทกับผู้หญิงแปลกหน้าในอินเตอร์เน็ต และก็บังเอิญมาถูกใจเอากับ หญิงสาวโสด ผู้หนึ่งที่ชีวิตของเธอกำลังเรียกร้องตามหาชายสักคนมาเติมใจอันว่างเปล่าในความรักให้เต็ม

แต่ในขณะเดียวกัน ที่ชายหนุ่มเจ้าหน้าที่การคลังได้ค้นพบผู้หญิงในสเปคตัวจริง ที่จะให้ความสุขกับเขา เหมือนอยู่บนสวรรค์ได้อย่างเต็มที่ ..หญิงสาวโสดผู้นี้ ก็ยังจะมีความฝันอยู่อย่างหนึ่งที่อยากจะทำให้มันเป็นจริง ไปพร้อมๆกับการเจอชายที่รักเธอ อันคือ การทำศัลยกรรมความงาม ..เพื่อหวังจะให้ตัวเองได้กลับมาสาวทุกหน่วย สวยทุกส่วน เป็นที่ชายตามองของชายทุกคน



หากแต่หญิงสาวโสดผู้นี้ จะมีสิทธิ์ทำฝันให้เป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ เธอสามารถหาตังค์อันแสนแพงมาจ่ายจบจนครบถ้วนเสียโดยดี ..แต่เมื่อการงานที่เธอทำอยู่ในสถานฟิตเนสเล็กๆ มันยังแลกได้กับเงินเพียงแค่พอจะประทังชีวิตให้หายหิวไปวันๆเท่านั้น ..แล้วจะมีโอกาสสักแค่ไหนเชียว ที่ความสวยจะเดินทางมาหาเธอได้อย่างง่ายดาย

แต่ในขณะเดียวกัน ที่หญิงสาวโสดกำลังเคร่งเครียดกับการควานหาสิ่งที่เรียกว่า เงิน อันสามารถจะสร้างความสุขให้ชีวิตของเธอได้ ..ชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานสุดซี้ ก็บังเกิดความคิดซนๆ(ปนความบ้า)ขึ้นมา ในขณะที่เขาได้ไปพบและสอดรู้สอดเห็นกับ ซีดีแผ่นหนึ่ง อันบังเอิญมาตกหล่นอยู่ในฟิตเนสแห่งนี้เข้าให้

และก็เพียงเพราะความยินดีที่เพื่อนสาวที่เขารัก จะมีโอกาสได้ทำความฝันอันเพ้อเจ้อให้มันเป็นจริงได้สักทีนี่เอง ..เขาจึงหวังจะใช้ข้อมูลลับๆที่มีอยู่ในซีดีแผ่นนี้ นำไปแบล็คเมล์ หากจะเว้นแต่ว่าเจ้าของข้อมูลเหล่านี้ จะยินดีจ่ายเงินงามๆ เป็นการตอบแทน(ที่น่าจะเรียกว่า ยื่นหมูยื่นแมว มากกว่า) เพียงเพื่อความสุขของทั้งสองฝ่ายในตอนจบ



ทั้งหมดที่เล่ามาเสียยืดยาว คือ เรื่องราวของ "Burn After Reading" ..อันเป็นผลงานตัวล่าสุดของความช่างคิดโดยสองโคเอน ทั้งเป็นชิ้นต่อยอดจากความสำเร็จอย่างงดงาม ที่เมื่อต้นปี ก็เพิ่งจะได้รับลุงออสการ์ขั้นสูงสุด มาประดับเกียรติที่ตู้เก็บรางวัลในบ้านอยู่แหม่บๆ

หากแทนที่พี่น้องคู่นี้ จะอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไร เพื่อเคลิ้มให้กับอารมณ์ดีใจกันไปได้อีกพักใหญ่ๆ ..สองโคเอน กลับเลือกจะตีทองในตอนที่ร้อน ด้วยการปั่นบทหนังเรื่องใหม่ สรรหานักแสดงตัวเป้ง แลจบลงด้วยการรับหน้าที่กำกับหนังเป็นแพ็คคู่อีกสักที ..เพื่อหวังจะส่งหนังตลก(ร้าย)อารมณ์ดี(แตก) แนวถนัด มากำนัลท่านผู้ชมคนรักหนัง และแควนๆเด็กแนวของเขา กันอย่างรวดเร็วทันใจ



ซึ่งไม่แค่จะทำได้ทันใจเท่านั้น หากยังคงใส่ใจจะสนุกมากพอ ทำให้มันเป็นงานเน้นสบาย ผ่อนคลายความหม่น และทั้งนี้ทั้งนั้น ..ก็พร้อมสรรจะขายความบ้าอันมีเต็มเปี่ยม ในสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเองกันจนสุดขั้ว

แม้กระทั่งตอนแรก ผมจะคิดไปว่า.. หนังมันคงเน้นขายความแพรวพราวของคาแรกเตอร์ตัวละครอันรวมพลนักแสดงฝีมือเยี่ยมมาป่วนปั่นในรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองเป็นสำคัญ

หากเมื่อดู ก็ได้ค้นพบว่ามัน ..มีอะไรๆมากไปกว่านั้น



กับสิ่งที่ได้เป็นปกติจากหนังของสองพี่น้องโคเอน อาจยังถือว่ามีองค์ประกอบเก็บไว้อยู่ครบ ..ทั้งส่วนเรื่องราวที่เกี่ยวโยงเกี่ยวพันกันอย่างอีรุงตุงนัง ของบรรดาตัวละครที่มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง อีกยังมีการกัด จิก หยิก เกา เอาสิ่งละอันพันละน้อย ที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในสังคมมารวมๆ เอาหลวมๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็มีผลกระทบกับเรื่องราวของหนังไม่มากก็น้อย

ดูอย่างใน Burn After Reading เรื่องนี้ ..นอกเหนือไปจากประเด็นของ เงินๆทองๆของนอกกาย (ที่คล้ายว่าจะเป็นของคู่กันปาท่องโก๋ กับสองพี่น้องคู่นี้ไปด้วยซะแล้ว) ...คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่คนเขียนบททั่วๆไป จะสามารถรวบยอดเอา CIA รัสเซีย การศัลยกรรม ฟิตเนส อินเตอร์เน็ต การออกเดท เขียนพ็อกเก็ตบุ๊ค ไรท์ซีดี ฯลฯ ..มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันได้ และทั้งหมดนี้ ต่างก็มีความสำคัญในตัวของมันเองแทบทั้งนั้น



ฉะนั้นแล้ว นอกจากบทที่ต้องแน่นเนื้อ และฟิตปั๋ง เป็นตัวการหลัก ..การสร้างความเพลิดเพลิน ขำขัน ก็เป็นอีกสิ่งที่สองโคเอน จะต้องเอาให้อยู่ ..มิเช่นนั้น หนังเรื่องนี้ก็คงจะกลายเป็นอะไรที่ เพ้อเจ้อ สำหรับใครต่อใครที่ไม่เพลินตามซะแทน

แต่กับส่วนตัวของผม ซึ่งเรียกร้องจะดูหนังหรรษาแบบฉบับโคเอน หลังจากเพิ่งเจออะไรที่หนักๆกับ "No Country for Old Men" มาก่อนหน้า ..ก็ถือว่ามัน น่าพอใจเอาอย่างมาก และกลับชอบมากกว่าเรื่องของชายแก่ไม่มีดินแดน ..โดยแม้ว่าเรื่องหลังจะยอดเยี่ยมอย่างหาคำเถียงไม่ได้กันจริงๆ แต่หากยกเอาความสนุกได้ใจไปเป็นส่วนมาก Burn After Readng ก็สามารถทำหน้าที่เป็นความบันเทิงได้เต็มที่กว่า

ซึ่งแม้ว่าหนังตลกเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้ฮาแตกชนิดยิงมาร้อย ขำจนหมดร้อย ..แต่มุขสนุกๆทั้งหลายที่แฝงคำว่า "ร้าย" ไว้เบื้องหลัง ก็ล้วนต่างต้องผ่านการคิดและตีความ เพื่อจะทำให้ขำได้ออกกันแทบทั้งนั้น



เสน่ห์ของหนังตลกร้ายสักเรื่อง ที่มีการสอดแทรกภาพของสังคม ชีวิตผู้คน ตั้งแต่ชาวบ้านต๊อกต๋อย ยันไปถึงองค์กรระดับชาติอันใหญ่โต ..เมื่อมันมาอยู่ใน Burn After Reading ก็กลับกลายเป็นการสอดแทรก ต้องพ้อง และเข้าทาง กับการแอบแฝงสาระ เอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ..โดยแม้ว่าเนื้อเรื่องหลักๆ อันเป็นความอลหม่านของหนังทั้งยวง มันจะล้วนแต่รวมไว้ซึ่ง ความไร้สาระ อย่างสิ้นเชิงก็เถอะ

ถ้าจะมีใครบอกว่า สองโคเอน ถือเป็นคู่หูผู้กำกับ-เขียนบท ที่มีมันสมอง ระดับอัจฉริยะอันคาบกึ่งกับความบ้า แล้วละก็.. ผมคนหนึ่งล่ะ ที่เห็นด้วย และขอร้องให้เขาช่วยรับตำแหน่งนี้ไปด้วยใจจริง

ไม่ใช่ว่าผู้กำกับ-เขียนบทชั้นเซียนคนอื่น จะไม่ได้อัจฉริยะเทียบเท่ากับสองพี่น้องคู่นี้หรอกนะ ...แต่งานเน้นขายลูกบ้าแบบนี้ มันมีไม่กี่คนจริงๆ ที่สามารถจะทำได้ถึงพร้อมทั้งความสนุก และคุณภาพ



ยิ่งเมื่อได้มารวมทีมนักแสดงคุณภาพมีระดับ มาร่วมสนุก ขำๆกับหนังที่แทบจะให้เล่นเป็นใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ตัวเองกันอย่างนี้ด้วยแล้ว ..ก็คงมีน้อยคนจริงๆ ที่จะสามารถเจรจาวานขอให้ระดับซูเปอร์สตาร์เลือกได้ อย่าง "จอร์จ คลูนีย์" และ "แบรด พิตต์" ยอมลดดีกรีความหล่อ ความเนี้ยบ และเปลี่ยนภาพลักษณ์ มาเสร่อทำตัวบ้าบอในแบบที่เราๆไม่เคยคุ้น

ฉะนั้นแล้ว ถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ ของสองโคเอน ก็คงไม่ถึงกับต้องกลัวว่าจะไม่สนุก.. เพราะเอาแค่ได้ดู เฮียจอร์จ ห่ามสุดขั้ว / พี่แบรด ต๊องสุดขีด / "แฟรนเซส แมคดอร์มานด์" สวยเลือกได้ / "ทิลด้า สวินตัน" (คนนี้..บอกไม่ถูกว่าเธอในเรื่องเป็นคนอย่างไร แหะๆ) และ "จอห์น มัลโควิช" พูด F**K (แทบ)ทุกประโยค ...มันก็คงจะเกินพอ สำหรับการได้เห็นดาราดังนามเหล่านี้ มาพลิกบททำฮากันอย่างเบ็ดเสร็จ และต่างก็ล้วนเด็ดขาดไปด้วยรอยยิ้ม (อาจมีลามไปถึงเสียงหัวเราะบ้าง..ตามแต่ความตื้นลึกหนาบางของเส้นขำ ในแต่ละคน)



จะไม่ให้ยิ้มอย่างไรไหว ในเมื่อ 5 คน 5 ตัวละครเหล่านี้ ..ก็คือ ผู้คนที่จะทำให้คุณเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ ถึงนิยามของคนที่อยากจะเรียกตัวเองว่าเป็น "อัจฉริยะ" ...หากในสายตาของเรา นี่แหละหนาคือ "ไอ้บ้า" อย่างสมบูรณ์แบบ

แล้วทำไมถึงต้องเรียกอย่างนั้นหรอ ..ก็ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล

เอาเป็นว่า ถ้าจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ มีเหตุมีผลมากไปกว่า การกินเหล้าของใครคนหนึ่งแล้วพาลให้ทุกอย่างต้องเสียศูนย์ ...มันก็คงจะเป็นเหตูเป็นผลให้ไม่ได้เกิดเรื่องราวบ้าๆ อย่างนี้ขึ้นมา พาให้เราได้สูญเสียความเครียด และเปลี่ยนมันเป็นรอยยิ้มกันได้หรอกกระมัง



"Burn After Reading" ... สองผู้กำกับคู่พี่น้อง กับงานสบายๆ คลายเครียด แต่ไม่หละหลวมความบันเทิง ที่ทั้งจะสนุกก็ใช่ ดูไปคิดไปก็ให้อะไรได้อยู่ หรือหากไม่เอาอะไรมากอยากหวัง ก็ยังได้เพลินๆกับการแสดงที่ไม่เป็นตัวของตัวเองได้เนียนจัด

จะว่าเป็นหนังคุณภาพที่มีสาระก็อาจได้ เมื่อมองว่ามันพยายามสะท้อนสังคม ..แต่สุดท้ายนี้ ก็ขอได้สรุปชัดๆอย่างแน่นหนักว่า มันคือหนังตลกร้ายที่มีเรื่องราวไร้แก่นสาร จะเพียรหาแนวคิดคมๆอะไรก็ยังไม่ได้เลย

หนังเรื่องนี้ทำได้ดีที่สุด ก็เพียงแค่บอกให้เรารู้ว่า.. "อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา" ก็เท่านั้น


ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง..ครับ

เกรด A ... {}

"สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com"




ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ


ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน
ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2551
4 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2551 0:28:23 น.
Counter : 4913 Pageviews.

 

ผมชอบแบทพิทเปนทุมเดิม เลย

น่าดูๆ

 

โดย: บิว IP: 125.26.138.68 2 ธันวาคม 2551 4:48:48 น.  

 

เกรด เอ สีแดง???

ด้อยที่เกรดเอ???

อิอิ

 

โดย: อนค IP: 75.7.29.21 2 ธันวาคม 2551 8:41:33 น.  

 

ชอบค่ะเรื่องนี้ ดูแล้วสนุกดี
ก็เข้าใจเลยทำไมถึงฉายในไทยแค่สองที่
ตลกร้ายทิ้งท้ายให้คิด
John Malkovich เล่นได้ดีมากๆ
Brad Pitt ก็เหมือนกันค่ะ

 

โดย: syramay 7 ธันวาคม 2551 10:22:37 น.  

 

+ พี่ชอบ พี่น้องโคเอน ในสไตล์เนี้ยะแหละครับ ดูพี่แกเป็นตัวของตัวเองดี จากสูงสุด (ออสการ์) กลับคืนสู่สามัญ สู่รากเหง้าหนังในแนวทางถนัดของตัวเองอีกครั้ง (ติดใจพี่น้องคู่นี้มาตั้งแต่ Fargo แล้วอ่า)

 

โดย: บลูยอชท์ 8 ธันวาคม 2551 20:25:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.