+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!

"Lady in the Water" ... หนังมาโนชโหมดนุ่มนวล



ผู้กำกับที่ได้ชื่อถูกตีตราว่า เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค(หนัง) เป็นอันดับ 1 ในเวลานี้ คงจะหนีไม่พ้น ชื่อของเจ้าพ่อหนังระทึก...เอ็ม.ไนท์. ชยามาลาน



การเลี้ยวโค้งหักมุมตีศอก เป็นความสามารถที่เชี่ยวชาญของผู้กำกับคนนี้ ...หนังทุกเรื่องของเขา ต้องมีตอนจบที่ผิดคาด มีมุขที่ไม่ว่าใครก็เดาไม่ถูก คนดูทุกคนเมื่อดูหนังของเขาจบ จะต้องออกจากโรง ด้วยความอึ้ง ทึ่ง และงง เป็นสเตป

The Sixth Senses ... ผมมาดูเอาในตอนที่สายเกินแก้ไปเสียแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ควรจะเซอร์ไพรส์มันก็เลยไม่เซอร์ไพรส์ ...ถ้าตัดเรื่องของความสยองสยิวมันออกไป ก็จะพบว่า บทหนังของมัน แสนจะแจ่ม เล่นหักคนดูเอาแต่ต้นจนจบได้อย่างเจ๋ง หนังมีเหตุมีผลต่อเนื่องกันไป จนถึงจุดเฉลย มันก็เผยตัวออกมาได้อย่างแนบเนียน ...พอหนังจบปุ๊บ ออกจากโรงปั้บ สำหรับคนที่ใคร่อยากจะมาดูหนังผีสุดสยอง เป็นต้องกลับบ้าน ด้วยความ อึ้ง ทึ่ง และงง เป็นสเตป

Signs ... เรื่องนี้ ไม่มีการหักมุมให้เสียอารมณ์ แต่มีตอนจบที่สุดแสนจะง่ายดาย ...หนังเล่นกับความเชื่อของคน เล่นกับความคิดจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่แล้วมันก็เป็นไปได้ และเป็นไปได้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ...พอหนังจบปุ๊บ ออกจากโรงปั้บ สำหรับคนที่หวังจะมาดูหนังมนุษย์ต่างดาวบุกโลกแสนระทึก เป็นต้องได้ความทรงจำแสนประหลาด อันชวนให้อึ้ง ทึ่ง และงง เป็นสเตป

The Village ... ผมโดนหลอกล่อด้วยตัวอย่างแสนตื่นใจ แอบคาดหวังความสยองความระทึกที่น่าจะให้คนดูได้เต็มจุก โดยไม่ทันได้ฉุกคิดว่านี่คือหนังของ พี่มาโนช ... และแล้วเมื่อหนังจบปุ๊บ ออกจากโรงปั้บ สำหรับคนที่ต้องการดูหนังสัตว์ประหลาดชวนตื่นกลัว ก็เลยได้แต่ อึ้ง ทึ่ง งงเป็นสเตป และเป็นต้องถามตัวเองว่า "เราโดนหลอกใช่ไหม?"

รู้ทั้งรู้ว่าหนังของเขาไม่น่าไว้วางใจ แต่คนดูอย่างผมก็ยอมเต็มใจให้เขาหลอกได้ไปทุกที ...หนังของพี่มาโนชเหมือนเป็นงานนิทรรศการศิลปะ ที่คนเข้าไปดูส่วนใหญ่ล้วนแต่รู้ว่า ผลงานของจิตรกรคนนี้ ดูไม่ออก บอกไม่ถูก ว่าต้องการสื่อถึงอะไร มีบางคนอาจไม่คิดไม่รู้ว่ากำลังจะโดนหลอกโดนตุ๋นให้มาชมของแปลกอยู่ด้วยซ้ำ ...ไม่ว่าความรู้สึกสุดท้ายของคนดูในงานก่อนๆ จะเป็นชอบหรือแย่อย่างไรก็ตาม แต่เมื่อจิตรกรผู้นี้คิดอุตริจะจัดงานเมื่อไหร่ที่ไหนแล้ว ก็เป็นที่คนดูเหล่านี้นั่นแหละ จะต้องตามไปชมยอมไปอึ้ง ทึ่ง งง อยู่ร่ำไป



Lady in the Water ... นำเค้าโครงมาจากเรื่องเล่านิทานก่อนนอน กล่อมลูกสาวของพี่มาโนช ที่ว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ และนางในเทพนิยายใต้ทะเล ที่เรียกขานว่า "นิมฟ์" ด้วยคำร้องขอของลูกสาวที่อยากให้พ่อนำนิทานที่เธอชอบ เอาไปสร้างเป็นหนัง ...ผู้กำกับจอมหักมุมเลยได้ที ขอยอมโอนอ่อนลดข้อให้กับสิ่งที่เขาถนัดนักในหนังเรื่องใหม่ ที่เจ้าตัวประกาศออกมาเลยว่า "หนังเรื่องนี้จะจบลงด้วยความแฮปปี้ และไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์" ...ใจหนึ่งผมอยากจะเชื่อในน้ำคำสัญญาของผกก. แต่อีกใจหนึ่งก็ยังเข็ดขยาดกับหนังเรื่องล่าสุด ที่มุขหักมุมของพี่ท่านช่าง...เหลือร้ายเสียนี่กระไร



LITW ... มีตำนานมาแต่โบราณกาล ที่บอกว่า "มนุษย์กับนิมฟ์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน" โลกบนดินและโลกใต้น้ำยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่ จนกระทั่งมาถึงช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มรุกรานโลกใต้น้ำ ความสัมพันธ์ไมตรีที่มีต่อกันก็เป็นอันสะบั้น แต่นิมฟ์ผู้รักสันติก็ยังคงสอดส่องเมียงมองมายังเหล่ามนุษย์ เวลาใดที่โลกมนุษย์เดือดร้อน นิมฟ์จะคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ด้วยการส่งทูตมาเป็นตัวแทนเพื่อบอกกล่าวเรื่องราวอนาคตภายหน้าที่มนุษย์จะต้องเผชิญ



"คลีฟแลนด์ เฮฟ" ชายหนุ่มรักสันโดษ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในอพาร์ทเม้นท์ "เดอะ โคฟ" เมื่อใดที่ชาวบ้านในสถานที่แห่งนี้มีความเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ก็จะมีเขาเป็นผู้ดูแลจัดการความเรียบร้อยให้ตลอด จนมาวันหนึ่งที่เขาพบว่าสระว่ายน้ำของที่นี่กำลังเกิดปัญหาความสกปรก และได้ยินเสียงของคนมาลงเล่นน้ำในเวลากลางคืนอยู่ทุกวัน ..."สตอรี่" นิมฟ์สาวที่มีร่างเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดา เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ...



"สตอรี่" คือตัวแทนทูต ที่ได้รับเลือกมาจากโลกใต้น้ำ เพื่อทำภารกิจมาพบและส่งสาส์นให้กับมนุษย์คนหนึ่งผู้ที่จะเป็นคนกำอนาคตของโลกบนดินเอาไว้ในมือ (บุคคลผู้นั้นก็คือผู้กำกับของหนังเรื่องนี้นั่นเอง) แม้ภารกิจของเธอจะสำเร็จเสร็จสิ้นก็ตามที แต่ว่ามันยังมีอุปสรรคจากสิ่งมีชีวิตอันป่าเถื่อน ที่คอยจ้องจะตะครุบขวางกั้นตัวแทนของโลกใต้น้ำ ไม่ให้สามารถกลับบ้านได้ ใช้กำลังสตอรี่เองคนเดียวก็ไม่สามารถจะต่อกรกับสัตว์ร้ายตัวนี้ได้ ...เหนือจากภาระที่เธอรับผิดชอบ จึงเป็นหน้าที่ของ คลีฟแลนด์ ที่ต้องเป็นองครักษ์พิทักษ์จำเป็น ช่วยเหลือนิมฟ์สาวผู้นี้ให้กลับบ้านของเธอได้อย่างปลอดภัย

ถ้าคุณคิดจะดู LITW แล้ว ...ความคิดแรกที่คุณต้องโละทิ้งไปก็คือ จุดหักมุมของหนัง ซึ่งมันก็จริงอย่างที่คำมั่นของพี่มาโนชเคยให้ไว้ อย่าได้คาดหมายว่าหนังเรื่องนี้จะสร้างความอึ้ง ทึ่ง งง ให้กับคุณเช่นงานเก่าๆ ของเขาเป็นอันขาด ...ความคิดที่สอง มันคือนิทาน มันคือเรื่องราวปรัมปรา ที่ไม่ได้หมายมั่นจะเอาเหตุเอาผลอะไรให้ดูน่าเชื่อถือ เพราะฉะนั้นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มันดูแปลกดูประหลาด ยังไปหวังจับผิดให้เสียดายเวลาเล่น ขอเพียงแค่ปล่อยใจไปกับหนัง ย้อนเวลากลับไปทำตัวเป็นเด็กที่ชอบฟังนิทานจากน้ำคำของผู้ใหญ่ ฟังการสื่อสารที่ผู้เล่าต้องการส่งถึงผู้ฟัง แต่ต้นจนจบที่คุณได้ฟัง คุณจะซึมซับกับความสนุกที่ผู้กำกับสอดใส่มันเอาไว้พร้อมกับแง่มุมชีวิตมนุษย์ที่กัดจิกกัดเจ็บเสียดสีไปได้อย่างแนบเนียน ...เมื่อหนังจบปุ๊บ ออกจากโรงปั้บ ความคาดหวังที่คุณไม่มี หนังเรื่องนี้จะเติมเต็มความรู้สึกดีๆเข้าไปแทน

ผมชอบที่ LITW เป็นอย่างนี้ ...ใครจะว่าหนังเรื่องนี้ดีร้ายอย่างไรก็ตามแต่ ผมกลับเห็นว่า นื่คือ งานของ เอ็ม.ไนท์. ชยามาลาน ที่ดีที่สุด

เหตุผลที่ผมคิดอย่างนั้น มันมีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างที่บ่งชี้ความดีของมัน ...เริ่มมาจากความตั้งใจของพี่มาโนชเอง เขาพยายามสื่อสารความคิดบางอย่างที่เขามีต่อโลกปัจจุบันผ่านนิทานภาพเรื่องนี้ เช่นที่เขาเคยทำกับหนังเรื่องก่อนๆ...[ตัวพิมพ์เอียงต่อไปนี้ จะเป็นการSPOILER สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู โปรดอย่าอ่าน]

The Sixth Sense พยายามบอกคนดูว่าผีเป็นสิ่งที่จินตนาการไม่มีตัวตนบนโลก , Signs นำเสนอความเชื่อของมนุษย์ที่มีต่อเรื่องอันงมงาย , The Village ก็สื่อสารถึง อาชญากรรมที่นับวันมีแต่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่สาส์นฉบับใหม่ที่เขาพยายามสื่อต่อหนังเรื่องนี้ ผมกลับรู้สึกว่า มันโดนใจ มันถูกต้องทางความรู้สึกที่ผมมี ...เป็นแง่มุมที่ใหญ่โต เรื่องราวที่สอดคล้องกับสภาวะการณ์ปัจจุบันที่มนุษย์ทำการสร้างวิบากกรรมให้กับโลกบนดินใบนี้ ให้หนักข้อขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความขัดแย้งทางความคิด (การสร้างตัวละครนักวิจารณ์หนังผู้ทำตัวเสมือนเป็นเทพรับรู้ทุกสิ่ง และตัวละครนักทายคำปริศนาซึ่งดูเหมือนจะเก่งกาจแต่ก็ไม่ใช่รอบรู้ไปซะทุกเรื่องเหมือนที่นักวิจารณ์หนังพยายามเป็น) ,เรื่องของคนที่ถูกมองข้าม (ตัวละครที่เป็นนักกล้ามข้างเดียวที่โผล่มา ตอนต้นเรื่องเหมือนจะไม่เป็นประโยชน์อะไร แต่ท้ายที่สุดเขาก็มีบทบาทสำคัญที่ทำให้สตอรี่ได้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ หรือจะเป็นตัวละครเด็กที่เหมือนจะไร้สาระไปวันๆพร้อมกับกล่องซีเรียลธรรมดา แต่ท้ายที่สุดเขาก็สามารถถอดรหัสได้จากสิ่งที่มนุษย์มักมองข้ามไป) ,เรื่องของคนประหลาดที่ไม่ชอบสุงสิงกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (ตัวละครชายแก่ ที่เก็บตัวดูแต่ทีวีอยู่เงียบๆในห้อง แม้จะรู้ว่านอกห้องที่เขาอาศัยมีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่คิดสนใจอะไรจะไปสัมผัสกับมัน) ...พี่มาโนชกระทบความคิดคนดูได้อย่างแรง ถ้าใครดูหนังไปแล้วคิดไปด้วยจะรู้สึกว่าพี่มาโนชเล่นไม่เบาเลยทีเดียว ...ส่งผลไปถึงตัวละครต่างๆที่ พี่มาโนชครีเอทขึ้นมา ล้วนแล้วแต่สะท้อนภาพของมนุษย์ยุคปัจจุบัน ยกตัวอย่าง คลีฟแลนด์ อดีตหมอช่วยชีวิต ผู้ต้องเศร้าสลดเพราะการสูญเสียภรรยาและลูกโดยที่ตัวเองรักษาอะไรไม่ได้ ในการที่เข้าแยกตัวจากโลกภายนอก มาเป็นผู้รับใช้ให้กับ สมาชิก เดอะ โคฟ นั้นก็เพียงเพื่อตอบสนองความผิดที่เขาคิดเองเออเองไปคนเดียว เขาหมายมั่นต้องการจะใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาผู้คอยดูแลรักษาทุกชีวิตที่มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกับเขา เหมือนเป็นการชดเชยในตอนที่เขาละเลยต่อหน้าที่ผู้รักษาชีวิตคนสมาชิกในครอบครัว ...คลีฟแลนด์ ก็คือ ภาพสะท้อนของมนุษย์ผู้เศร้าหมองต่อเรื่องบางเรื่องที่ไม่ใช่กงการความผิดอะไรของเขาเลย แต่ก็ยังพยายามจะทำร้ายตัวเอง ด้วยการนั่งเก็บกดกับความทุกข์ในอดีต พี่มาโนชทั้งตบหัวแล้วลูบหลัง ด้วยกลเม็ดให้ตัวละครตัวนี้ พยายามทำตัวให้ตลกทั้งที่ความจริง ชีวิตจริงของคลีฟแลนด์ไม่ตลกเอาซะเลย (พูดติดอ่าง ,แสร้งทำตัวเป็นเด็ก ,มีความกลัวหวาดหวั่น แบ่งรับแบ่งสู้กับสัตว์ร้ายที่ตามรังควานนางเอก)

ข้อบ่งชี้ต่อมา คือ บทหนัง ...ใครหลายคนอาจจะอยากปฏิเสธเสียงดัง กับความอ่อนของบทที่ไม่มีเหตุมีผลเอาเสียเลย แต่ในมุมมองของผม ที่เลือกจะมอง LITW เป็นนิทานมากกว่าจะเป็นหนังธรรมดา กับสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอ มันก็ถูกก็ควรแล้วที่จะเป็นอย่างนั้น ความมักง่ายในหลายช่วงหลายตอน อาจจะดูแล้วรู้สึกรำคาญ แต่ในมุมมองของนิทาน สำหรับคนที่ทำตัวให้เป็นเด็กเช่นผมก็เห็นความบังเอิญเหล่านี้เป็นเรื่องสนุกๆขำๆ ที่ช่วยสร้างความบันเทิงในอารมณ์ซะมากกว่า ...

แต่ก็ใช่ ผมจะคิดว่า บทหนังเรื่องนี้ เพอร์เฟกต์ ดีอยู่แล้ว... ผมเองก็รู้สึกขัดใจไม่น้อยในรายละเอียดบางเรื่องที่พี่มาโนชละไว้ในฐานที่คนดูไม่ทันได้เข้าใจ เหมือนว่าหนังจะตัดแต่งตัวเองมากเกินไป เลือกเอาส่วนปะติดปะต่อของเรื่องราวเพียงเล็กๆออกไป มันอาจจะดีที่ทำให้หนังมีความยาว กระชับขนาดกำลังพอได้ แต่กับความรู้สึกของคนดู แทนที่จะได้อิ่มเต็มหัว กลับมีความคิดเรื่องบางเรื่องที่มันโหวงๆ พิกลๆ เหมือนว่าผู้กำกับต้องการทิ้งมันออกไป หวังให้เราไปนึกกันเอง



การแสดงของสองนักแสดงนำ อย่าง พอล จิอาแมตติ และ ไบรซ์ ดัลลาส ฮาวเวิร์ด ดีหายห่วง ...พระนางทั้งคู่ต่างคุมหนังได้เอาอยู่ บวกกับเหล่าบทบาทสมทบทั้งหลายก็นับว่าไม่เสียหลายที่หนังเน้นการขายคาแรกเตอร์เป็นหมู่คณะ เพราะตัวประกอบทุกคนต่างก็รับหน้าที่ช่วยอุ้มหนังเรื่องนี้กันคนละไม้ละมือ ช่วยกันประคองนิทานลุ้นระทึกเรื่องนี้ให้ไปถึงจุดจบที่แฮปปี้เอนดิ้ง สมใจอยากพี่มาโนช ...บวกกับได้ตากล้องมือดีคนคุ้นเคยหนังไทย อย่าง คริสโตเฟอร์ ดอยด์ มาทำการสร้างภาพให้หนังเรื่องนี้สวยแจ่ม ในความมืดทึมของมัน ยังแอบซ่อนทั้งความตื่นเต้น (อารมณ์ทริลเลอร์) แฝงความตลก (มุขตลกที่แซมเนียนๆ) และฝังความอบอุ่น (เวลาที่คลีฟแลนด์กับสตอรี่อยู่ด้วยกัน) เอาไว้บนแผ่นฟิล์ม



Lady in the Water ... นิทานเรื่องนี้ สอนให้คนดูรู้ว่า ความสนุกของหนังมาโนชไม่ได้อยู่ที่การหักมุมซ้อนไปซ้อนมากันลูกเดียว เมื่อผู้กำกับคนนี้คิดอะไรที่แตกต่าง ทำอะไรที่แปลกใหม่แล้ว สิ่งที่เขาต้องการนำเสนอก็ยังมีเนื้อมีหนัง มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ในตัวมันเสมอ นี่คือหนังซัมเมอร์ ที่จะดูเอาระทึกหวังกระตุ้นความตื่นเต้นก็พอได้ หรือจะคลายเครียดมีมุขตลกให้แอบขำ เป็นความบันเทิงฉลาดๆ ที่นักวิจารณ์(จอมขวางโลก)ไม่เห็นคุณค่าก็ไม่เป็นไร เอาแค่ถูกใจคนดูก็โอเคแล้ว

หมายเหตุ : แล้ว Unbreakable หายไปไหน ? ... ผมยังไม่ได้ดูครับ ไม่รู้จะเขียนอะไร ขอข้ามไปเลยแล้วกัน

ดู{ดี}วิธ มายเซลฟ์ :
1. เอ็ม.ไนท์.ชยามาลาน กับนิทานชวนระทึกแสนสนุกสำหรับเด็ก(โข่ง)คนนี้
2. แง่มุมโดนๆที่หนังพยายามสื่อสาร
3. การแสดงของนักแสดงทุกคน ไม่ว่าจะตัวนำ หรือตัวประกอบ
4. ภาพ ของ คริสโตเฟอร์ ดอยด์ ทั้งตื่นเต้น ดูตลก และอบอุ่น
5. ตลกร้ายของนักวิจารณ์ กัดจิกกัดเจ็บปวดแสบ ร้ายกาจ

ดู{ด้อย}วิธ มายเซลฟ์ :
1. รายละเอียดเล็กๆแต่สำคัญ ที่ขาดหายไป

เกรด B+

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ




 

Create Date : 06 สิงหาคม 2549
7 comments
Last Update : 6 สิงหาคม 2549 8:53:49 น.
Counter : 2171 Pageviews.

 

อยากดูน้องไบรซ์มากมายครับ

 

โดย: Moonlight Mile 6 สิงหาคม 2549 15:40:37 น.  

 

ยังไม่ได้ดูเลยอ่ะค่ะ
ทั้งๆที่หนังจวนโดนถอดโปรแกรมอยู่แล้วนะเนี่ย

 

โดย: renton_renton 7 สิงหาคม 2549 16:43:29 น.  

 

ช่วยเล่าเรื่องนิทานก่อนนอนที่เกี่ยวกับนาร์ฟหรือนิมฟ์ ให้อ่านหน่อยได้มัยค่ะว่ามันคืออะไร เพราะไม่เคยร้จักหรือได้ยินมาก่อนเลยค่ะ (แหม! คนไทยนี่ค่ะ นิทานของบ้านเมืองอื่นจะให้รู้ไงล่ะเนาะ)

 

โดย: พีท IP: 124.121.22.204 15 กันยายน 2549 23:53:25 น.  

 

อยากดูหนังผี

 

โดย: อิเทย้รๆ IP: 58.8.167.83 6 มีนาคม 2551 18:32:53 น.  

 

อยากดูเรื่องสุดสยอง

 

โดย: เด็กเรียน IP: 58.8.167.83 6 มีนาคม 2551 18:33:55 น.  

 

อ้รัระเตะต

 

โดย: เนรี IP: 58.8.167.83 6 มีนาคม 2551 18:34:28 น.  

 

ตลกดีค่ะนู๋ชอบ

 

โดย: wi IP: 192.168.0.6, 180.183.196.228 27 มิถุนายน 2554 3:25:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
6 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.